วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 18:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 08:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




44chd012.jpg
44chd012.jpg [ 68.77 KiB | เปิดดู 14770 ครั้ง ]
ใจเราเปรียบเหมือนถังขยะใบมหึมา เราได้เก็บสะสมขยะ 2 ประเภทไว้ในถังขยะใจนี้ คือ
1.ขยะบุญ
2.ขยะบาป
เมื่อได้นั่งสงบดูกายสังเกตจิตใจทีไรก็เหมือนได้กลับไปเปิดดูขยะที่มีอยู่ในจิต

ใครมีขยะบุญมากก็จะพบแต่ความสะอาด สุขกาย สงบใจไม่เดือดร้อน

ใครมีขยะบาปสะสมไว้มากก็จะได้รับแต่ผลเป็นความทุกข์ เศร้าหมอง เดือดร้อนกายใจ

สมถะภาวนา จะเปรียบเหมือนการพยายามที่จะปิดฝา กลบบัง ถังขยะไว้เพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นหรือภาพอันไม่น่าดูเล็ดลอดออกมา

ส่วนการทำวิปัสสนาภาวนานั้น เปรียบเหมือนการหันกลับเข้าไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงคือขยะหรือผลบุญบาปที่มีอยู่ในใจทั้งหมดแล้วหยิบ โกยเอาขยะทั้งหลายนั้นออกทิ้ง
จนกว่าจะหมดสิ้นไปจากถังขยะ หรือเบาลงจนพอจะยกเททิ้งได้ หมดขยะก็หมดภาระ

1 อารมณ์ คือ ขยะ 1 ชิ้น ถ้าสามารถนิ่งรู้ นิ่งสังเกตมันไปโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ จนอารมณ์นั้นและลูกหลานที่เกิดจากอารมณ์นั้น ดับไปต่อหน้าต่อตา ขยะชิ้นนั้น หรืออุปาทานในเรื่องนั้นๆก็จะหายไปจากใจ
ไม่กลับมาเป็นภาระให้ต้องขุดคุ้ย เก็บ โกย อีก

ใครขยันนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ ไม่ช้าไม่นาน ขยะในใจเขาก็จะลดน้อย เบาบาง จนในที่สุดหมดเกลี้ยง เมื่อขยะหมดหรือใกล้จะหมด เบาพอยกได้แล้ว ก็

ทุบถังขยะ คือความเห็นผิดว่าเป็นตัวกู ใจกู ของกู ทิ้งไปเสีย ก็จะหมดที่จะให้ขยะค้างอยู่ หมดภาระเรื่องขยะกันเสียที

ตอนนี้ต้องอดทน มีวิริยะ อุตสาหะ มานะบากบั่น หันหน้าเข้าไปรู้กายรู้จิต ลงปัจจุบัน จนกว่าจะทำลายความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเราให้ตายขาดจากใจได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญอันดับที่ 1

เรื่องของถังขยะใจ เมื่อพิจารณาต่อไปให้ลึกซึ้งปรากฎว่า สอดคล้องและกลมกลืนกับ โอวาทปาติโมกข์ได้เป็นอย่างดียิ่งเลย
ลองพิจารณากันดูซิครับ


1.ละชั่ว คือการไม่เอาขยะบาปเติมลงไปใหม่
2.ทำดี คือการเลือกรับและใส่ลงไปเฉพาะขยะบุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ คือเก็บโกยขยะทั้งบุญและบาปออกจนถังขยะเบาพอก็ยกเทขยะในใจทิ้งไปทั้งหมด
สุดท้ายทุบถังขยะใบใหญ่คือ สักกายทิฐิ หรืออัตตทิฐิ ทิ้ง แล้วเพียรเอาขยะออกจากถังขยะใบเล็กที่ซ้อน ซ่อน จม อยู่ในถังขยะใบใหญ่จนหมดหลังจากนั้นจึงทุบถ้งขยะใบเล็ก คือมานะทิฐิทิ้งไป ก็จะหมดกิจที่พึงทำทั้งปวงของชาวพุทธ

:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 23 ก.ย. 2011, 09:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ใครขยันนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ ไม่ช้าไม่นาน ขยะในใจเขาก็จะลดน้อย เบาบาง จนในที่สุดหมดเกลี้ยง เมื่อขยะหมดหรือใกล้จะหมด เบาพอยกได้แล้ว ก็
ทุบถังขยะ คือความเห็นผิดว่าเป็นตัวกู ใจกู ของกู ทิ้งไปเสีย ก็จะหมดที่จะให้ขยะค้างอยู่ หมดภาระเรื่องขยะกันเสียที


:b12: :b8:

เพียรละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นให้หมดไป ทั้งเพียรสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น ให้เกิดขึ้น

จริงๆนะ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ใจเราเปรียบเหมือนถังขยะใบมหึมาฯลฯ[/color]
:b8:

ข้อนี้เห็นด้วยครับ นี่ละเหตุผลว่าทำใมเราเมื่อเริ่มปฏิบัติธรรม จึงประสบความยุ่งยาก เพราะจิตใจสะสมขยะ(กิเลส)จำนวนมากพอกพูนตามอายุ โดยรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเป็นทุกข์แล้วจึงเริ่มมาแสวงหาทางออกคือการปฏิบัติธรรมแต่ขยะกองใหญ่ที่สะสมมาหลายสิบปีนั้น ก็ทูนทับ ขวางขัดการปฏิบัติธรรมเสียอีก เป็นความเเกียจคร้าน ฟุ้งซ่าน พยาบาท (นิวรณ์ห้า)หรือความเคยชินที่จะไหลตามการปรุงแต่งของอารมณ์โลกๆ(อาสวะ อนุสัย)ขยะกองนี้หละครับทำให้เข้าถึงธรรม บรรลุธรรมไวช้าต่างกัน ใครมีมากก็ต้องเหนื่อยหน่อย ใครมีน้อยก็สบาย ยิ่งได้ยาแรงเจอครูบาอาจารย์ที่รู้จริงแนะนำ ได้อรรถธรรมที่เหมาะกันนิสัยก็ถึงไวน่าอนุโมทนา ส่วนกระผมน้อยวาสนา ก็อาศัยเพื่อนกัลยาณมิตรธรรมพา เดินหน้าโกยขยะทุกวัน เอ้า อึ๊บ! grin

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เก็บออกก็พอมีครับ แต่..ที่ยังเก็บใส่ก็ยังมีครับ :b12:

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




100_4205_resize.JPG
100_4205_resize.JPG [ 63.28 KiB | เปิดดู 14689 ครั้ง ]
:b8: สาธุอนุโมทนากับคุณขณะจิตและคุณเก็บเกี่ยวเป็นอย่างยิ่งครับ

การเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ในชีวิตประจำวัน เป็นการเก็บขยะเก่าออกและป้องกันขยะใหม่มิให้ตกลงไปในถังขยะใจ ไม่ช้าไม่นานเกินชาตินี้ขยะก็จะเหลือน้อยหรือหมดถังครับ

:b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 01:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2011, 06:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




100_3891_resize_resize.JPG
100_3891_resize_resize.JPG [ 53.96 KiB | เปิดดู 14663 ครั้ง ]
:b8:
ในเรื่องของอุปมาว่าถังขยะใจนี้ เมื่ออุปมัยไปให้ดีก็พาให้เข้าใจต่อไปอีกว่า

ถังขยะใจของปุถุชนนั้นมีปกติเปิดรับขยะอยู่ตลอดเวลา เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทบพบเห็น สัมผัส ลงสู่ใจตลอดเวลา ตอบโต้ รับผล และแบกน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นๆ ทุกวันเวลา

ต่อเมื่อได้พบกัลยาณมิตร ได้รู้จักคิด รู้จักศึกษา ได้ปัญญามาอบรม สติธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสัมมาสติยิ่งขึ้น จึงได้ฝาถังขยะ อันหมายอุปมาเหมือน สติ มาคอยปิดเปิดถังขยะใจ ได้กุศลสัญญาว่า ต้องละชั่ว ทำดีคือมีสติปิดฝาไม่รับขยะบาป คอยจะเปิดรับแต่ขยะบุญ

ผู้ที่คอยกำกับสติให้ปิดเปิดคือ ปัญญา เหตุผล ความสามารถวินิจฉัยแยกแยะ ดี ชั่ว บาป บุญ คุณ โทษ

เมื่อก้้าวหน้ามาถึงตรงนี้ก็จะได้เปลี่ยนชื่อตนเองหรือถังขยะใบนี้ว่าเป็น "กัลยาณชน"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 06:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ปาติโมกข์ 45.3 kb.jpg
ปาติโมกข์ 45.3 kb.jpg [ 45.34 KiB | เปิดดู 14622 ครั้ง ]
:b8:
เรื่องของถังขยะใจ เมื่อพิจารณาต่อไปให้ลึกซึ้งปรากฎว่า สอดคล้องและกลมกลืนกับ โอวาทปาติโมกข์ได้เป็นอย่างดียิ่งเลย
ลองพิจารณากันดูซิครับ

1.ละชั่ว คือการไม่เอาขยะบาปเติมลงไปใหม่
2.ทำดี คือการเลือกรับและใส่ลงไปเฉพาะขยะบุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ คือเก็บโกยขยะทั้งบุญและบาปออกจนถังขยะเบาพอก็ยกเทขยะในใจทิ้งไปทั้งหมด
สุดท้ายทุบถังขยะใบใหญ่คือ สักกายทิฐิ หรืออัตตทิฐิ ทิ้ง แล้วเพียรเอาขยะออกจากถังขยะใบเล็กที่ซ้อน ซ่อน จม อยู่ในถังขยะใบใหญ่จนหมดหลังจากนั้นจึงทุบถ้งขยะใบเล็ก คือมานะทิฐิทิ้งไป ก็จะหมดกิจที่พึงทำทั้งปวงของชาวพุทธ


:b53: :b53:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2011, 08:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




100_3708_resize_resize.JPG
100_3708_resize_resize.JPG [ 67.19 KiB | เปิดดู 14614 ครั้ง ]
:b8: :b8:
ตอนนี้หลายท่านคงเห็นทุกข์จากการแบกรับน้ำหนักของขยะในใจได้ชัดเจนขึ้นมาบ้างแล้ว จึงเกิดนิพพิทา คือความเบื่อหน่ายอย่างอ่อนๆขึ้น นี่เข้าเค้าแล้วเดี๋ยวคงจะพบทางออกนะครับ

ขยะเต็มถังเราควรจะทำอย่างไร สามัญสำนึกคงตอบว่า "ก็เอาไปเททิ้ง" แต่ขยะในใจนี่จะเททิ้งอย่างไร?

วิธีเอาขยะในใจออกทิ้งนั้นมีหลักง่ายๆคือ

นิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนปัจจุบันอารมณ์นั้นๆ ดับไป หมดไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆกับอารมณ์นั้นๆ

สิ่งที่ยากและต้องฝึกหัดจนกว่าจะชำนาญก็คือ ปฏิกิริยาตอบโต้กับอารมณ์ที่จะเกิดขึ้นตามคุณลักษณะของชีวิต คือ "ตอบสนองต่อสิ่งเร้า" นั้น เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความตอบสนองต่อสิ่งเร้า

ตรงนี้แหละกระบวนการแห่งธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องถูกนำมาใช้ คือกระบวนการของสติปัฏฐาน 4 ซึ่งทั้ง 4 ฐานจะไปรวมลงที่ "วิเนยยะโลเก อภิชฌา โทมนัสสัง" คือเอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก

จะเอาความยินดียินร้ายในโลกออกได้อย่างไร?

จะเอาออกได้ก็ด้วยความรู้หรือความเห็นธรรมตามความเป็นจริง คือเห็นว่าปัจจุบันอารมณ์นั้นๆเขาแสดงความเป็น อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตาให้เห็น ทุกอารมณ์ไป
ความชัดเจนในการเห็นลักษณะทั้ง 3 นั้น ผู้ปฏิบัติจะเห็นชัด ลึกซึ้งไม่เหมือนกัน บางท่านชัด อนิจจัง บางท่านชัดทุกขัง บางท่านชัดอนัตตา แล้วเกิดนิพพิทาเบื่อหน่ายอย่างรุนแรงแล้วปล่อยวางความยึดถือหรืออุปาทานความเห็นผิดว่าอารมณ์นี้เกิดกับ กู นั้นไป

นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนเห็นถึงตรงนี้ได้นั่นคือขยะในใจชิ้นหนึ่งถูกเก็บหรือโกยทิ้งออกจากถังขยะใจ

หมั่นทำบ่อยๆ ไม่ช้าจะได้ทราบถึงความเบา โล่ง ในใจ หมั่นทำต่อไป ๆ วันที่ขยะจะหมดจากใจ จนยกถังขยะมาทุบทิ้งได้ก็จะมาถึง

:b27:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2011, 07:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




img104.jpg
img104.jpg [ 24.64 KiB | เปิดดู 14578 ครั้ง ]
:b27: :b27:
ขยะบุญ เปรียบอุปมาเหมือนกับ ของหอม ของสะอาด ของเบา ของสวยของงาม เมื่อเปิดดูคราใดก็ได้รับกลับคืนมาแต่ความสุขกาย สบายใจ

ขยะบาป เปรียบอุปมาเหมือนกับ ของเหม็น ของเสีย ของบูด ของเน่า ของสกปรกเมื่อเปิดดูครั้งใดก็ได้รับแต่ความน่าเกลียด น่าสะอิดสะเอียน น่าสะพรึงกลัว ให้กลับคืนมาแต่ความ ทุกข์ยาก เดือดร้อน รำคาญ หนักอกหนักใจ

แต่ทั้งขยะบุญ ขยะบาป มีคุณลักษณะที่สำคัญที่เหมือนกัน คือ มีน้ำหนักที่จะต้องเป็นภาระแบกหามไปจนตลอดชีวิต ติดตามไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะได้พบวิชาวิปัสสนาภาวนาที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จึงจะได้รู้จักวิธีเอาขยะทั้งบุญและบาปออกจากใจ ตลอดจนถึงวิธี ทุบทิ้งถังขยะใจทั้งสองใบ

:b36:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2011, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


ขยะใจนั้นก็เป็นดังขยะทั่วไป หากมองเห็นซึ่งประโยชน์ก็นำมาคัดแปลงใช้ใหม่ได้เช่นกัน :b27:

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 19:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38: :b38:
จากอุปมาเรื่องถังขยะใจ ถ้าเราพิจารณาต่อไปจะเห็นว่า ถังขยะใจเรานี้มีฝาปิดเปิด ซึ่งอุปมาได้เป็น สติ
สำหรับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป ฝาถังขยะใจนี้จะเปิดอ้ารับอารมณ์ บุญ บาป อยู่ตลอดเวลา ยกเว้นตอนหลับ จิตเข้าภวังค์

สำหรับกัลยาณชนคนดีนั้น ฝาถังขยะ หรือสติถูกอบรมด้วยศีลและธรรม จึงจะรู้จักปิดไม่รับชั่่วบาป เปิดรับแต่ดี บุญ

สำหรับชาวพุทธ สติจะถูกอบรมด้วย สมถะภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา ซึ่งจะปิดไม่รับนิวรณ์ 5 เปิด รับแต่สมาธิ ฌาณ ญาณ ปัญญา

นักสมถะ จะปิดฝาถังไม่รับขยะใหม่

นักวิปัสสนาภาวนาจะ คุ้ยเก็บขยะทั้งบุญและบาปออกทิ้ง

ที่สุดจะเหลือแต่นักวิปัสสนาภาวนา หรือชาวพุทธที่แท้จริงซึ่งจะเพียรชำระจิตของตนให้ขาวรอบด้วยวิปัสสนาภาวนา

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ธ.ค. 2009, 12:51
โพสต์: 13

อายุ: 19

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 10:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b12: :b12:
ฝาถังขยะใจหรือสตินั้นจะเป็นสัมมาสติได้ต้องถูกอบรมด้วยปัญญาสัมมาทิฐิเสียก่อน
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2011, 07:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




b1.jpg
b1.jpg [ 48.52 KiB | เปิดดู 14468 ครั้ง ]
:b12:
การทำวิปัสสนาภาวนานั้น เปรียบเหมือนการหันกลับเข้าไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงคือขยะหรือผลบุญบาปที่มีอยู่ในใจทั้งหมดแล้วหยิบ โกยเอาขยะทั้งหลายนั้นออกทิ้ง
จนกว่าจะหมดสิ้นไปจากถังขยะ หรือเบาลงจนพอจะยกเททิ้งได้ หมดขยะก็หมดภาระ

1 อารมณ์ คือ ขยะ 1 ชิ้น ถ้าสามารถนิ่งรู้ นิ่งสังเกตมันไปโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ จนอารมณ์นั้นและลูกหลานที่เกิดจากอารมณ์นั้น ดับไปต่อหน้าต่อตา ขยะชิ้นนั้น หรืออุปาทานในเรื่องนั้นๆก็จะหายไปจากใจ
ไม่กลับมาเป็นภาระให้ต้องขุดคุ้ย เก็บ โกย อีก

ใครขยันนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ ไม่ช้าไม่นาน ขยะในใจเขาก็จะลดน้อย เบาบาง จนในที่สุดหมดเกลี้ยง เมื่อขยะหมดหรือใกล้จะหมด เบาพอยกได้แล้ว ก็

ทุบถังขยะ คือความเห็นผิดว่าเป็นตัวกู ใจกู ของกู ทิ้งไปเสีย ก็จะหมดที่จะให้ขยะค้างอยู่ หมดภาระเรื่องขยะกันเสียที

ตอนนี้ต้องอดทน มีวิริยะ อุตสาหะ มานะบากบั่น หันหน้าเข้าไปรู้กายรู้จิต ลงปัจจุบัน จนกว่าจะทำลายความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเราให้ตายขาดจากใจได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญอันดับที่ 1
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร