วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสูตรในโอปัมมสังยุตข้อที่๒ ทรงช้อนฝุ่นด้วยปลายพระนขามาเพียงเล็กน้อยแล้วรับสั่งถามว่าฝุ่นที่ปลายขนากับมหาปฐพีอย่างใหนจะมากกว่ากัน เมื่อภิกษุกราบทูลว่า มหาปฐพีมากกว่าจนไม่อาจเทียบกันได้ รับสั่งว่า สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อยสัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นนอกจากมนุษย์มากนัก เหมือนมหาปฐพีมากว่าฝุ่นที่ปลายเล็บ ฉะนั้น เหตุนี้พวกเธอพึงศึกษาว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s002 ผมตอบผิดคลาดเคลื่อนไปมากเลย อนุโมทนาครับ
โอกาส ความตาย กับความผูกพันธ์ ใกล้กันมากเลยกับหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตนเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 23:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขนาด...วัฏฏจักร....วัฏวน...ก็ยังไม่ใช่ระบบปิด

แล้วโรงละครที่ชื่อว่ามนุษโลก...1 ในวัฏวน...ที่ไหลเวียนเปลี่ยนแปร..เข้าออกไม่มีหยุด

มีหรือ...จะคงที่ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2011, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาแค่ภพ3ในระบบนี้ก็เอาตัวกันไม่รอดกันอยู่แล้วถ้วนหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2011, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


เจอคำถามแบบนี้บ่อยๆ มันเป็นความสับสนที่คิดว่า จิตกับกายนั้นผูกติดกัน คือมีจิตมนุษย์ จิตสัตว์ ฯลฯ มนุษย์ต้องเกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่ แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่า แนวคิดแบบนี้มันมาจากไหน คือไม่ใช่ทั้งพุทธและพราหมณ์...

จิตในกามภพต้องมีรูป เมื่อรูปดับ จิตจะมีการสร้างรูปขึ้นใหม่อย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันมีรูปกายจำนวนหนึ่งเกิดขึ้น และเป็นที่ที่ให้จิตได้เข้ามาใช้ เป็นรูปกายที่เป็นวัตถุจับต้องได้ ซึ่งก็คือมนุษย์และสัตว์ (และบางที อสูรกาย รวมถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์)

รูปกายเหล่านี้ เข้ามาทดแทนรูปที่จิตจะสร้างขึ้น เมื่อรูปเก่าดับลง คือจิตจะเข้ามาใช้รูปกายนี้ในช่วง ปฏิสนธิจิต

การเวียนว่ายตายเกิด เป็นศัพท์ในยุคก่อนเพื่อให้เข้าใจได้อย่างง่าย แต่สมัยนี้ควรจะใช้คำว่า วัฏสงสาร จะได้สับสนน้อยลง

จิตส่วนใหญ่ หรืออาจจะแทบทั้งหมดอยู่ในรูป ผี ในความหมายว่า รูปกายที่ไม่ใช่วัตถุ ถ้าจะใช้ศัพท์ให้ชัดขึ้นก็คือ ไม่ใช่รูปกายในระบบ 3 มิติ

จำนวนของจิตในวัฏสงสาร ไม่สามารถนับจำนวนได้ ไม่ใช่ว่ามีมากจนเกินจะนับ (คือถ้าจะนับจริงๆ ก็นับได้)
ที่ไม่สามารถนับจำนวนได้ เพราะในวัฎสงสารนั้น กามภพ (ซึ่งสามารถนับตัวได้) มีเพียง 11 ชั้น ในขณะที่ยังมีรูปภพและอรูปภพอีก 20 ชั้น ซึ่งพวกนี้ไม่สามารถนับแยกออกเป็นตัวๆ ได้ เป็นสภาวะที่ จะบอกว่ารวมกันเป็นหนึ่ง ก็ทั้งใช่และไม่ใช่

ทำไมการเกิดเป็นมนุษย์จึงเป็นเรื่องยาก ก็ลองดูคลิปนี้ ซึ่งเป็นลักษณะของเอกภพที่รู้กันในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่ใช่เอกภพทั้งหมด... นี่คือส่วนหนึ่งของกามภพ



แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ แพลงตอนทั้งหลาย ไม่มีจิต มันเป็นเพียงชีวกลที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ชีวิตที่มีจิตนั้น ต้องมีการเชื่อมโยงกับจิต ผ่านทาง เจตสิก ซึ่งวิทยาการปัจจุบัน ยังค้นพบไม่ได้ว่า เจตสิกคืออะไร และวงจรระบบประสาทแบบใดที่สร้างเจตสิกขึ้นมา
เมื่อใดที่วิทยาการก้าวหน้าถึงขั้นนั้น เราจะรู้ได้แน่นอนว่า สิ่งใดเป็นเพียงชีวกล และสิ่งใดคือชีวิตที่ประกอบไปด้วยจิต

เมื่อพูดถึงจิต ก็มีความสับสนกันอีก ว่าจิตเป็นสิ่งเดียวกับวิญญาณ ซึ่งไม่ใช่ วิญญาณเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคงอยู่ของรูปกาย มันเป็นสิ่งเดียวกับรูปปรมัตถ์ในทางพุทธ พลังชี่ในการแพทย์จีนโบราณ และคือรูปของจิตที่อยู่ในสภาวะผี
เมื่อตาย วิญญาณย่อมสูญไปกับร่าง หากจิตสร้างรูปใหม่ในสภาวะผี วิญญาณใหม่ของจิตนั้น ก็คือรูปที่จิตนั้นสร้างขึ้น หากจิตไปปฎิสนธิในคนหรือสัตว์ ทั้งรูปและวิญญาณก็ถูกสร้างขึ้นรออยู่แล้ว ไม่ว่าจะในมดลูกหรือไข่...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2011, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กิมิชาติไม่มีจิต?ไม่มีขันธ์?อืม....คำสอนใหม่แสดงว่าพระไตรปิฏกผิด :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2011, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีการลอกยูทูปมาด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มันก็ปิดความรู้กันไปเลย :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2011, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ลอกมาหน่ะดวงอาทิตย์มีกี่ดวง?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 01:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


แม้ในร่างกายของมนุษย์คนหนึ่ง ก็เปรียบเหมือนสุสาน มีซากศพของสัตว์ตายทับถมกันมากมาย

สัตว์บางอย่างขนาดเล็กมากไม่อาจมองเห็นได้ด้วยมังสะจักษุ แต่เห็นได้ด้วยทิพยจักษุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ฝนตก นึกถึง จิตของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดดับ เกิดดับ เหมือนเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นดิน
มากมายและรวดเร็ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 15:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


เชื้อโรคหละครับเป็น 1 จิตไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามนี้เคยมีคนถาม
ซึ่งคำตอบก็ตอบไปหลากหลาย คนละอย่าง บ้างว่ามี บ้างว่าไม่มี

สำหรับผมคงตอบว่า ไม่ทราบว่ามีจิตหรือไม่

ตอบได้เพียง กิมิชาตินั้นเป็นสัตว์ที่มีอยู่จริง มีทั้งเกิด และมีตาย

ในอรรถกถาท่านแสดงไว้

เหล่าสัตว์ต่างๆ ภายในจอมปลวก
ย่อมเกิด ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ นอนเจ็บไข้ ตายตกไปในจอมปลวกนั้นเอง.

จอมปลวกนั้นเป็นเรือนคลอด เป็นส้วม เป็นโรงพยาบาล และเป็นสุสานของสัตว์เหล่านั้นด้วยประการฉะนี้ฉันใด


แม้ร่างกายของกษัตริย์มหาศาลเป็นต้นก็ฉันนั้นมีกิมิชาติประมาณแปดหมื่นเหล่า

โดยการนับเหล่า อย่างนี้คือ เหล่าสัตว์ที่อาศัยผิว
เหล่าสัตว์ที่อาศัยหนัง
เหล่าสัตว์ที่อาศัยเนื้อ
เหล่าสัตว์ที่อาศัยเอ็น
เหล่าสัตว์ที่อาศัยกระดูก
เหล่าสัตว์ที่อาศัยเยื่อในกระดูก
ย่อมเกิดถ่ายอุจจาระปัสสาวะ

นอนกระสับกระส่ายด้วยความไข้ตายตกไปภายในกายนั่นแหละ โดยไม่คิดนึกว่า นี้เป็นกายของผู้มีอานุภาพมาก ที่คุ้มครองรักษาแล้ว ประดับตกแต่งแล้ว กายแม้นี้ย่อมเป็นเรือนคลอด เป็นส้วม เป็นโรงพยาบาล และเป็นสุสานของสัตว์เหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้ ดังนั้นจึงนับว่าจอมปลวก.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณหลับอยู่ ว่าอย่างไรครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


๑. ชนกกรรม - กรรมที่ก่อให้เกิด หรือส่งให้เกิดในกำเนิดต่างๆ เปรียบเสมือนมารดาของทารก ชนกกรรมนี้เป็นผลของอาจิณกรรม บ้างของอาสันนกรรมบ้าง

[จาก หนังสือทิพยอำนาจ - พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสฺโส)] เป็นกรรมที่สามารถแต่งกำเนิดของสัตว์ในไตรโลก มี ๔ คือ:-
(๑) ชลาพุชะ เกิดจากน้ำสัมภวะของมารดาบิดาผสมกันเกิดเป็นสัตว์ในครรภ์ แล้วคลอดออกมาเป็นเด็ก แล้วค่อยเจริญเติบโตขึ้นโดยลำดับกาล ฝ่ายดีได้แก่กำเนิดมนุษย์ ฝ่ายไม่ดีได้แก่กำเนิดดิรัจฉานบางจำพวก
(๒) อัณฑชะ เกิดเป็นฟองไข่ก่อน แล้วจึงเกิดเป็นตัว ออกจากกะเปาะฟองไข่ แล้วเจริญเติบโตโดยลำดับกาล ฝ่ายดีได้แก่กำเนิดดิรัจฉานมีฤทธิ์ เช่น นาค ครุฑ ประเภทอัณฑชะฝ่ายชั่วได้แก่กำเนิดดิรัจฉาน เช่น นกสามัญทั่วไป ฯลฯ
(๓) สังเสทชะ เกิดจากสิ่งโสโครกเหงื่อไคล ฝ่ายดีเช่น นาค และครุฑ ประเภทสังเสทชะฝ่ายชั่ว เช่น กิมิชาติ มีหนอน ที่เกิดจากน้ำครำ เป็นต้น และเรือด ไร หมัด เล็น ที่เกิดจากเหงื่อไคลหมักหมม เป็นต้น
(๔) อุปปาติกะ เกิดผุดขึ้นเป็นวิญญูชนทีเดียว ฝ่ายดีเช่น เทพเจ้า ฝ่ายชั่วเช่น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย กรรมดีแต่งกำเนิดดี กรรมชั่วแต่งกำเนิดชั่ว นี้เป็นกฎแห่งกรรมที่ตายตัว ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไป


http://ekkbook.blogspot.com/2010/09/blog-post.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม จตุกกะ - หมวด ๔

(๑๗๐) โยนิ ๔ (กำเนิด, แบบหรือชนิดของการเกิด - ways or kinds of birth; modes of generation)

๑. ชลาพุชะ (สัตว์เกิดในครรภ์ คือ คลอดออกมาเป็นตัว เช่น คน โค สุนัข แมว เป็นต้น - the viviparous; womb-born creatures)

๒. อัณฑชะ (สัตว์เกิดในไข่ คือ ออกไข่เป็นฟองก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว เช่น นก เป็น ไก่ เป็นต้น - the oviparous; egg-born creatures)

๓. สังเสทชะ (สัตว์เกิดในไคล คือ เกิดในของชื้นแฉะหมักหมมเน่าเปื่อย ขยายแพร่ออกไปเอง เช่น กิมิชาติบางชนิด - putrescence-born creatures; moisture-born creatures)

๔. โอปปาติกะ (สัตว์เกิดผุดขึ้น คือ เกิดผุดเต็มตัวในทันใด ได้แก่ เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางพวก และเปรตบางพวก ท่านว่า เกิดและตาย ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ - spontaneously born creatures; the apparitional)
http://www.dhammathai.org/bd/04.php


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron