วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 14:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 12:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2011, 15:01
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุการ์ณร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนึ่อง ทำให้หลายคนรู้สึกว่า ชีวิตบัดซบ โลกบัดซบ อย่างคนที่สูญเสียจากเหตุการ์ณน้ำท่วมก็อาจน้อยใจ สิ้นความอาลัยในชีวิต เดินไปหยิบเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวตายให้พ้นๆ เพราะตายแล้วก็ไม่รับรู้อะไร ตายแล้วก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น
ประสาททุกอย่างดับหมด คนที่ฆ่าตัวตายมักคิดว่า"ชีวิตนะมันเหนื่อย ความตายนะสบาย ความตายนะแก้ความทุกข์ได้ทุกอย่าง ตายแล้วก็จบ ไม่ต้องนั่งกลุ้ม" ท่านคิดยังไงกับการฆ่าตัวตาย และท่านเชื่อว่า

1ความตายแก้ได้ทุกปัญหาจริงหรือไม่?

2 เวลามีปัญหา มีทุกข์ ชีวิตมีอุปสรรค ควรหาเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวให้ตาย จะได้จบๆไป ถูกหรือไม่?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 17:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


thanatos เขียน:
เหตุการ์ณร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนึ่อง ทำให้หลายคนรู้สึกว่า ชีวิตบัดซบ โลกบัดซบ อย่างคนที่สูญเสียจากเหตุการ์ณน้ำท่วมก็อาจน้อยใจ สิ้นความอาลัยในชีวิต เดินไปหยิบเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวตายให้พ้นๆ เพราะตายแล้วก็ไม่รับรู้อะไร ตายแล้วก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น
ประสาททุกอย่างดับหมด คนที่ฆ่าตัวตายมักคิดว่า"ชีวิตนะมันเหนื่อย ความตายนะสบาย ความตายนะแก้ความทุกข์ได้ทุกอย่าง ตายแล้วก็จบ ไม่ต้องนั่งกลุ้ม" ท่านคิดยังไงกับการฆ่าตัวตาย และท่านเชื่อว่า

1ความตายแก้ได้ทุกปัญหาจริงหรือไม่?

2 เวลามีปัญหา มีทุกข์ ชีวิตมีอุปสรรค ควรหาเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวให้ตาย จะได้จบๆไป ถูกหรือไม่?

วันนี้นำความรู้เรื่อง ลัทธิวันสิ้นโลกเป็นความเชื่อที่เชื่อมโยงกันระหว่าง
ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ โดยนำ
มาเชื่อมโยงกับความเชื่อทางลัทธิศาสนา ของแต่ละศาสนา ถ้าเป็นความ
เชื่อทางตะวันตก ก็จะมีการกล่าวถึงคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลก เช่นเดียว
กับหลักของพุทธศาสนาที่มักมี คนนำพระสูตรจากพระไตรปิฏกมาเชื่อมโยง
เกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ และเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เองทั้ง
วาระมหาประลัย(apocalypse) หรือวันสิ้นโลก(doomsday)


กัลยาณมิตรที่ไม่เคยได้ยิน ลองเสิร์ชหาดูใน Google นะครับมีประวัติ
เกี่ยวกับ วันสิ้นโลก การตายหมู่ จะมีลักษณะความเห็นผิดต่างๆ ในทาง
พุทธศาสนาเรื่องเกียวกับ ตัวตน อัตตา สักกายทิฏฐิ ด้านที่เห็นว่า
ตายแล้วสูญ
พวกนี้(ไม่ได้หมายถึงคุณโยมเจ้าของกระทู้นะครับ) ส่วน
ตัวเห็นคำถามของคุณโยม thanatos เรื่องตายๆ บ่อย

พระพุทธองค์ ได้ตรัสเอาไว้หมดแล้ว เกี่ยวกับ หมู่สัตว์ที่ปรารภขันธ์ในส่วนอนาคต
พวกอุทเฉจทิฏฐิ ฯลฯ คือมีอัตตา ตัวตนยึดถือเห็นผิด ว่าการตายนี้ตายแล้วสูญ
บางลัทธิข้างต้นที่กล่าวไป จะเชื่อว่า พวกเขา พวกที่อยากตาย หลงใหล ชอบเรื่อง
เกี่ยวกับความตาย ไม่รู้ว่านับการตั้งกระทู้หลายปีเยอะแยะมากมายเรื่องตายด้วยหรือเปล่า
แซวเล่นนะครับโยม thanatos พวกนี้จะมีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่นะครับ

ในเมืองไทยไม่แน่ใจมีไหมแต่ในเมืองนอก คนกลางคนสักหน่อยจะต้องรุ้จักลัทธิ
Aum Shinrikyo โอม ชินริเกียว ที่เคยปล่อยแก็ซพิษในสถานีรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่น
ในปี ๒๕๓๘ บ้านเราน้ำท่วมพอดีช่วงนั้น

อันนี้โซนเอเชีย ส่วนชาวตะวันตกมีมานานแล้วเกิดจากเจ้าัลัทธิ ที่นำความเชื่อ
เกียวกับหลักธรรมคำสอนในศาสนา มาเชื่อมโยงกับ เหตุการณ์น่าจะเป็น ต่างๆ นาๆ
เช่นอย่างใน ก่อนปี ๒๕๒๑ ราว ค.ศ. 1978 คือก่อนหน้านั้น สาธุคุณ Jim Jons
ได้สร้างนิกายชุมชน ที่มีความเชื่อเรื่อง การไปอยู่กับพระเจ้า การได้ตาย มีความเชื่อ
ว่าตนเป็นกลุ่มคนที่พิเศษ ที่พระผู้โปรด (Messiah) ได้เลือกคัดสรรไว้

ไฟล์รูปครับ แม้จะตรงเรื่องราวแต่เกรงว่าจะผิดกฏ ทิ้งไว้คลิกดูเอานะครับ
ลัทธิของนักบุญ สาธุคุณ jim jons ในภาพชาว jonestown ที่เขาสร้างขึ้น
http://www.adinnerguest.com/wp-content/ ... ersary.jpg

เรียกว่าก่อนปี 2000 วันที่ 18 พฤษจิกายน ๒๕๒๑ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ตายหมู่
พร้อมกันทั้งเจ้าลัทธิ รวม ๙๑๓ คน รวมเด็กด้วยส่วนสาธุคุณใช้ปืนยิ่งศีรษะตัวเอง

เอาละเข้าเรื่อง คำถามคำตอบกันละ ที่ต้องยกแสดงก่อนคืออยากให้
เข้าใจว่า บางทีคนเรามีภาวะเครียด ท้อแท้ สิ้นหวัง สับสนก็อาจเป็นไปได้ที่มี
ความคิดชั่ววูบ หรือวางแผนจะกระทำอย่างยาวนานตามที่ยกตัวอย่างในชาว
ตะวันตกฯลฯ และหลังปี 2000 มาก็ยังมีลัทธิจำพวกนี้ ปรากฏไม่หายสาปสูญ
ไปไหน พวกนี้กระมังที่ ต้องตายๆ เกิดๆ มาฆ่าตัวตาย หมกมุ่นเรื่องทำนองนี้
กระจายทั่วไปในสังคมในแต่ละประเทศ ที่มีความเชื่อตามหลักฐานทางศาสนา
และการเชื่อมโยงเรื่องราว ภัยพิบัติ

ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่า ความไม่เข้าใจ ความไม่รู้ ความเชื่อที่ได้ยินได้ฟังตามๆ
กันมานั้น ไม่ก่อให้เกิด สัมมาทิฏฐิ หรือโยนิโสมนสิการ การพิจารณาในสิ่งต่างๆ
โดยแยบคายได้เลย เป็นเพียงคิดนึก เชื่อตามกล่าวอ้าง ตามครู ตามลัทธิไป
อย่างนี้ก็มี ดังนั้นเมื่อมาถึงประเด็นคำถาม ว่า

อ้างคำพูด:
๑)ความตายแก้ได้ทุกปัญหาจริงหรือไม่


ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า การไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย หรือ
การดับความเกิด ดับชาติชรา มรณะได้นั้น ต้องเกิดจากการรู้จักไตรสิกขา
๓ ได้แก่สีลสิกขามี(สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ) มีจิตตสิกขา
ได้แก่ (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ) และมีปัญญาสิกขา
(สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ) ย่อๆ ก็ศีลสมาธิปัญญานั่นเอง ที่เป็นองค์มรรค
เป็นเหตุให้เข้าถึงความดับ ของตัณหาอุปาทาน เมื่อดับตัณหาอุปาทาน

ตรงนี้คือหมดอุปาทาน เข้าใจคำสอนเรื่องอนัตตา มีปัญญาเข้าใจในทิฏฐุปาทาน
อัตตาวาทุปาทาน ที่เห็นผิดเรื่องตัวตนบุคคลได้ ด้วยการอบรมปัญญา อบรม
สมาธิหรือสติ ย่อมสามารถแ้ก้ไขปัญหา ตั้งแต่การ อยู่การกิน การครองตัว
ครองตนในสังคมได้ อย่างปกติชนทั่วไป

แ้ม้จะถึงเวลาถึงคราวตาย ก็หมดเรื่องหมดปัญหา นี้เป็นลักษณะการตายแบบ
เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในพระพุทธศาสนา แม้อยู่ก็ไม่เป็นทุกข์ แม้ตายก็ไม่เป็นทุกข์
เพราะปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน เข้าถึงแก่นถึงกระดูก ไ่ม่ลูบคลำ

ต่างจากบุคคลที่ยังไม่มีสัมมาทิฏฐิ ไม่มีศรัทธาในพระธรรมคำสั่งสอนเลย
ก็จะไม่เชื่อว่า โลกนี้โลกหน้ามีจริง ไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ในระหว่างความ
เชื่อหรือเห็นผิดระหว่าง ตายเกิด หรือตายสูญนั้น พระองค์ตรัสว่า ตายแล้วเกิด
ยังดีกว่า เพราะยังสามารถ มีความเป็นอยู่ทั้งในโลกนี้โลกหน้า แก้ไขปัญหาของ
ตนเองด้วยกำลังกายกำลังใจ หมดสงสัย จิตมุ่งไปแต่ทำดี มีให้ทานรักษาศีล
และภาวนาอบรมบ่มนิสัยเรื่อยไป แม้ตายเกิดอีกก็มีแต่สุคติเป็นที่พึ่ง

คือไม่เสียประโยชน์ทั้งในโลกนี้โลกหน้า ผิดกับคนที่ได้บุญเกิดมาเป็นมุนษย์
แต่ไม่รู้จักสร้างบุญกุศล ไม่เตรียมเสบียงเตรียมทุน ลงทุนข้ามภพข้ามชาติ
ให้เกิดประเสริฐ ไม่เกิดมา มีความสมบูรณ์พร้อม แต่ก็จะมาเห็นผิด มาทำ
อัตวินิบาตกรรม ฆ่าตัวตายเสียประโยชน์ตั้งแต่โลกนี้ปัจจุบันนี้ ไม่ต้องพูดถึง
โลกหน้า หรืออนาคตทีเดียว ภาษาไทยเราก็ใช่ดีนะครับ คำว่า อัตตะ ก็คือ
ความยึดถือเป็นเจ้าของเป็นตัวตน วินิบาต หรือวินิปาติกะ เป็นพวกหมู่เปรต
หมู่ยักษ์ ที่สูญเสียความสุข ตกไปสุ่ความทุกข์ ล่วงจากความสุข รวมๆ ความ
แล้วก็ บุคคลที่ยึดถืออัตตาตัวตนนี้อย่างหลงผิด ว่าเป็นเจ้าของเมื่อสูญเสีย
ความสุข พลัดพรากจากภัยพิบัติต่างๆ นาๆ บวกกับไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาคำสอน
เป็นชาวพุทธวงนอก ชั้นนอก ไม่รู้จัก สัมมาทิฏฐิเรื่องตายเกิด ตายสูญว่าอย่างใด
เห็นถูก อย่างไรเห็นผิด และได้กล่าวเอาไว้แล้ว ในระหว่างสองความเห็น
ความเห็นว่าตายเกิด ยังจะมีประโยชน์เสียยิ่งกว่าตายแล้วสูญ

ส่วนพระพุทธศาสนาอยู่บนจุดยืนที่ไม่ตายแล้วเกิด ไม่ตายแล้วสูญ คือหาก
ยังมีเหตุมีปัจจัย มีตัณหาอุปาทาน ก็ยังคงมีการเกิดภพ เกิดชาติชรามรณะ
ต่อไปไ่ม่สิ้นสุดในสังสารวัฏฏ์ คล้ายๆ กับหลังปี 2000 มาลัทธิวันสิ้นโลก
วันมหาประลัย ก็ยังมีอยู่ เกิดมาตาย ตายมาเกิดคงอีก ๕๐๐ ชาติ ไม่นับที่
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ^^


อ้างคำพูด:
๒)เวลามีปัญหา มีทุกข์ ชีวิตมีอุปสรรค ควรหาเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวให้ตาย จะได้จบๆไป ถูกหรือไม่?


ข้างต้นก็พออนุมาน ให้เห็นแล้วนะครับ การแก้ปัญหาชีวิต ก็ได้แก่การมีศีล
มีความร่มเย็นเป็นปกติ กายวาจา เรียบร้อย มีความตั่งมั่นของจิตใจ ไม่ไหว
เอนง่ายไปตาม ข่าว ตามสื่อ ไม่ตื่นข่าวนั่นเอง มีปัญญา คือพิจารณาในสิ่ง
ต่างๆ ได้อย่างแยบคาย ศีลก็เปรียบเหมือนเชือกสักเส้น สมาธิก็เหมือนปืน
สักกระบอก คือดับความไม่รู้ ดับความทุกข์ ความเดือดร้อนได้ ชั่วคราวเท่านั้น
เชือกนี้เอามามัด กายวาจที่ไม่สำรวม วจีทุจริต ๔ คำโกหก ส่อเสียด หยาบคาย
เพ้อเจ้อไร้สาระนี้ เอาศีลมัด ส่วนกายหยาบ ชอบที่จะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมีย
นี้เอาปืนยิงใจที่ัมัน มีความเพ่งเล็งอยากได้ในสมบัติวัตถุของคนอื่น จนต้องโกรธเขา *
อยากฆ่าเขา อยากขโมยของๆ เขาอยากผิดลูกเมียเขา นี้เอาปืนยิงตัวปัญหาในใจแบบนี้ครับ

สมาธิก็จะทำให้จิตใจรู้จักอดทนรู้จักยอมรุ้จักเย็น มีสติ ตั้งใจสนใจในสิ่งที่ควร
สนใจใส่ใจ จนเป็นพื้นฐานของการมีปัญญาในการพิจารณาในสิ่งต่างๆ ไม่หลง
จมอยู่ในวังวนเดิมๆ มีแต่ศีลสมาธิปัญญานี้แหละครับ

ดับทุกข์ได้ ฆ่าความไม่รู้ แก้ปัญหาได้โดยจบๆ ไปได้ชั่วคราวด้วยศีลสมาธิ
แต่จะฆ่าให้ได้เด็ดขาด ไม่เกิดอีก ดับทุกข์โดยสิ้นเชิงแล้วมีแต่ปัญญา และศรัทธาต่อ
พระรัตนตรัย มีแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี้แหละครับ
ที่เป็นธรรมาวุธ พิชิตมาร ฆ่าประหารตัณหาอุปทาน จนถึงที่สุดทุกข์ได้
นอกนั้นไม่มีขอเจริญพร

รูปภาพ


Credit image by:
glitter kapook.com
Credit apocalyps by:
ภาคผนวก หนังสือ กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ประยุตโต)

ป.ล * ไปผิดระเบียบเขา ใส่รองเท้าในที่ไม่ควรแล้วเจอคนเขาตำหนิ นี้เพราะ
เคยไปใช่วาจาทุจริต ล่วงเกินคนอื่น ทำให้เขาเจ็บแค้นนี้วิบากเศษที่หลง
เหลือเล็กๆ น้อยๆ ยิ่งใส่ในเขตพุทธสถาน ต้องระวัง ^^

กระทู้ 39995.ฆ่าตัวตายสังเวยปัญหาทางจิต! ก็ลักษณะเดียวกัน
อาจต้องมีการเฝ้าระวัง (จิตใจก่อนตั้งกระทุ้แนวนี้ๆ นะครับรบกวน)

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีเกิด ไม่มีตาย

มีเพียงเหตุปัจจัย

เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

เพราะอวิชชาจึงเกิดสังขาร เพราะสังขารจึงเกิดวิญญาณ เพราะวิญาณจึงเกิดนามรูป เพราะนามรูปจึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาจึงเกิดตัญหา เพราะตัญหาจึงเกิดภพ เพราะภพจึงเกิด ชรา มรณะ


การฆ่าตัวตายเป็นวิภาวะตัญหา เกิดจากความทุกข์คือทุกขทุกข์ เป็นการรับรู้จากการปรุ่งแต่งของอวิชชา

ฉนั้นภพ ชาติ จึงไม่จบ ไม่สิ้น

กลับกลายเป็นอีกทุกข์ อีกภพ อีกชาติ ชรา มรณะ


มีอวิชชาเป็นเหตุ


ทางพ้นทุกข์ได้มีทางสายเดียว

ไม่มีทางอื่นๆอีกแล้ว

ทางนั้นถึงได้ด้วยปัญญา

ทางสายนั้นต้องดับทั้งเวทนา และสัญญา

ที่ยกมากล่าวเฉพาะเวทนา กับ สัญญา

เพราะ อทุกขมสุขก็ยังไม่หลุดพ้น

สัญญาจำพระสูตรได้มากมายก็ไมาสามารถหลุดพ้น

หลุดพ้นได้ก็ด้วยปัญญาญาณ

จะเป็นสุขวิปัสโน หรือฉฬะภิญโญ ก็แล้วแต่ จึงถือว่าหลุดพ้น

ฉนั้นการฆ่าตัวตาย

จึงเท่ากับเป็นการ

ฆ่าตัวเกิด

อย่ากระทำ

เพราะมันไม่ตายจริง

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ลักษณะของปัญญา

คือ

ต้องผุดขึ้นในจิตเท่านั้น

อย่างเช่นผลจากการทำกรรมฐาน

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้รู้ด้วยสัญญายังผิดศีลได้

แต่ผู้รู้ด้วยปัญญาจะไม่ยอมผิดศีล

ผู้รู้ด้วยสัญญาคือจำมาได้

ผู้รู้ด้วยปัญญาคือมองเห็นแล้ว

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบในกลาคือผู้ยิ่งใหญ่ในโลก(โลกียะ)

กบนอกกลาคืออริยะบุคคล

ใครอยากบรรลุธรรมต้องเป็นกบนอกกลาครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 19:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


thanatos เขียน:
.....
คนที่ฆ่าตัวตายมักคิดว่า"ชีวิตนะมันเหนื่อย ความตายนะสบาย ความตายนะแก้ความทุกข์ได้ทุกอย่าง ตายแล้วก็จบ ไม่ต้องนั่งกลุ้ม" ท่านคิดยังไงกับการฆ่าตัวตาย และท่านเชื่อว่า

1ความตายแก้ได้ทุกปัญหาจริงหรือไม่?
2 เวลามีปัญหา มีทุกข์ ชีวิตมีอุปสรรค ควรหาเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวให้ตาย จะได้จบๆไป ถูกหรือไม่?


หากรู้ว่า...การเกิด..เกิดมาได้อย่างไร...จะรู้ว่า....การตายแบบไหน...จึงจะไม่มีทุกข์

พระพุทธองค์ทรงรู้ความจริงข้อนี้....จึงสอนเราให้เข้าใจธรรมของปฏิจจสมุปบาท
...อุปาทานมี..ภพจึงมี...
...ภพมี..เพราะอุปาทานมี

หากตายคาทุกข์....ทุคติภพจะเป็นที่หมายปลายทาง...ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

หากวันนี้ยังทนไม่ได้...ข้างหน้าทุกข์มากกว่านี้..จะเป็นสภาพไหน

แต่..หากเรามีชีวิตอยู่...เรายังมีโอกาสแก้ไขจุดหมายปลายทางของเราได้..

แก้ที่ไหน....ก็แก้ที่ปัจจุบันอันที่เรียกว่า..อุปาทาน

ลองคิดดู....หากรู้ว่าจะดำน้ำไปโผล่ที่ที่ผิวน้ำมีแต่ไฟ...คุณจะดำลงไปมั้ย???

ส่วนผม....ผมไม่โง่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ...พระพุทธเจ้าท่านสอนพวกเราแล้วนี้ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


thanatos เขียน:
เหตุการ์ณร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนึ่อง ทำให้หลายคนรู้สึกว่า ชีวิตบัดซบ โลกบัดซบ อย่างคนที่สูญเสียจากเหตุการ์ณน้ำท่วมก็อาจน้อยใจ สิ้นความอาลัยในชีวิต เดินไปหยิบเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวตายให้พ้นๆ เพราะตายแล้วก็ไม่รับรู้อะไร ตายแล้วก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น
ประสาททุกอย่างดับหมด คนที่ฆ่าตัวตายมักคิดว่า"ชีวิตนะมันเหนื่อย ความตายนะสบาย ความตายนะแก้ความทุกข์ได้ทุกอย่าง ตายแล้วก็จบ ไม่ต้องนั่งกลุ้ม" ท่านคิดยังไงกับการฆ่าตัวตาย และท่านเชื่อว่า

1ความตายแก้ได้ทุกปัญหาจริงหรือไม่?

2 เวลามีปัญหา มีทุกข์ ชีวิตมีอุปสรรค ควรหาเชือกสักเส้น ปืนสักกระบอก มาฆ่าตัวให้ตาย จะได้จบๆไป ถูกหรือไม่?


อื่ม...ดีๆชีวิตจะได้จบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2011, 08:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิด ความเห็นที่จะฆ่าตัวตาย เกิดมาจากความท้อ เหนื่อยหน่าย ถอยห่างจากสังคมที่แต่ก่อนในความคิด ความเห็นของเขานั้น สังคมเป็นที่ให้อะไรหลายๆอย่างแก่เขา สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็อยู่ในท่ามกลางสังคมนั้นเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาจนถึงขนาดทำให้เขาขาดอะไรหลายๆอย่างที่เคยได้ประสบพบเจอในชีวิต รู้สึกอย่างกับสังคมไม่ต้องการเขาอีก มีความน้อยใจ โทษตัวเอง เสียดายกับสิ่งที่ผ่านมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...สภาวะอย่างนี้หากเกิดขึ้นกับบุคคลที่ไม่เคยได้รับการอบรมให้มีความเห็นที่ถูกเกี่ยวกรรมเป็นเหตุให้เกิดแล้ว ความระลึกได้ ความรู้พร้อมจะไม่มีสำหรับเขาแม้ภพหน้าจะเกิดมีขึ้นด้วยเพราะเหตุกับการกระทำของเขา เพราะไม่รู้จักวิธีแก้ไข ไม่มีกำลังศรัทธากับสิ่งใดๆ ฉะนั้นแล้ว ความคิดฆ่าตัวตายจึงเกิดกับบุคคลที่ไม่เคยเชื่อกรรม ลูบๆคลำๆ ความจริงอันเป็นปกติความจริงที่จะทำให้เกิดภพดีต่อๆไป .....เรื่องนี้ก็มีพระพุทธพจน์ว่า จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติปาฏิกังขา จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติก็ย่อมหวังได้ เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติย่อมหวังได้ ....แล้วท่านคิดว่า คนที่คิดฆ่าตัวตาย จิตเขาเป็นอย่างไรชั่วขณะนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2011, 08:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


ตายแล้วไม่ได้สูญ ไม่พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ไม่เป็นพระขีณาสพ ก็ย่อมเวียนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในวัฏสงสารภพภูมิต่างๆ ทั้งทุคติบ้าง ทั้งสุคติบ้าง ตามเหตุปัจจัยแห่งกรรมนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2011, 02:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ใช่แล้วครับ
สังขารเกิดจากปัจจัย ต่างๆ
เช่น กัมปัจจัย วิปากปัจจัย อนันตรปัจจัย สมนันตรปัจจัย ............เป็นต้น

ตราบใดที่ยังไม่สิ้นเหตุปัจจัย
ก็ยังคงต้องมีสังขาร เกิดขึ้นสืบต่อไม่สิ้นสุด

หมายเหตุ สังขารในที่นี้คือ จิต เจตสิก รูป หรือพูดย่อๆ คือ รูปนาม

หรือพูดอีกนัย ก็คือ ขันธ์5

พบในที่บางแห่ง พูดว่า ขันธ์ ..................................... เฉยๆ ก็มี

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร