วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 04:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:
ส่วนเราๆที่มาสนทนากันนี่ ล้วนนำสัญญามาสนทนากันทั้งนั้น ใครยึดมากก็หลงสร้างเหตุมาก ผลย่อมมากตามตัว


งั๊นจริง ๆ การสนทนาธรรม ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย อย่างนั้นหรือ




ไม่หรอกนะ

ตราบใดที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร ไม่ว่าเป็นการสนทนาธรรม แม้กระทั่งเรื่องอื่นๆย่อมมีดีและเสียอยู่ในตัว

สัญญา ถ้าไม่ยึดติดในสัญญาจนสุดโต่ง เหตุย่อมไม่มี หรือถ้าจะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับคู่สนทนาด้วย และขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย

และถึงแม้ว่าไม่สุดโต่ง หากมีเหตุร่วมกัน ยังไงก็ยังมีเหตุอยู่ดี ไม่ว่าเหตุนั้นจะเห็นเหมือนกันหรือเห็นไม่เหมือนกันก็ตาม

ทีนี้อยู่ที่บุคคลนั้นว่า เขาเข้าใจเรื่องเหตุที่กระทำและผลที่ได้รับมากน้อยแค่ไหน บุคคลที่เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง เขาย่อมหยุดตัวเองได้ไวกว่าผู้ที่ยังยึดติดอยู่มาก




eragon_joe เขียน:

walaiporn เขียน:
เพราะเป็นการสนทนาในเรื่องของเหตุและผล ไม่ใช่การอวดว่ารู้อะไร เพราะสิ่งต่างๆที่คิดว่ารู้ ไม่ว่าจะรู้จริงหรือไม่จริง ตราบใดที่ยังมีอุปทานในขันธ์ ๕ ล้วนเป็นเพียงสัญญา


คุณเห็นใครที่แสดงการอวดรู้อยู่หรือ

ช่วยบอกที เราจะได้ช่วยคุณเข้าไปค่อย ๆ สะกิดเตือนเขาอย่างละมุนละม่อม

คุณหมายถึง คุณ อโศกะ รึเปล่า

:b32: :b32: ถ้าเป็นคุณ อโศกะ เดี๋ยวเราจัดการเองงงง :b13: :b13:

หรือ คุณหมายถึงคุณ ไม่เที่ยง เกิด ดับ s006 s006




ไม่หรอก ...

พอดีเคยเจอสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วเห็นเหตุที่ทำกับผลที่ได้รับ นับวันปัญญามืดมิด เพราะจดจำแต่สัญญา

พอนิ่งสงบ เคลื่อนไหวภายนอกให้น้อยลงไปบ้าง ดูภายในกายและจิตเป็นหลัก หมายถึงขณะนั้น จิตเป็นสมาธิด้วยนะ เป็นเหตุให้รู้ว่าสัญญาต่างๆล้วนเป็นเหตุ

ในเมื่อยังสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นทุกๆขณะยังไม่ได้ เหตุย่อมเกิดขึ้นเนืองๆ

เมื่อยังมีกิเลสก็ยอมรับว่ามีกิเลส ยอมรับได้ ย่อมสงบได้ไว ผิดกับผู้ที่ยังไม่ยอมรับ เพราะยังยึดติดในสัญญาว่าคือปัญญา เหตุจึงเกิดเพราะเหตุนี้


ส่วนคุณอโศกะ บอกตามตรง เพียงต้องการฟังความคิดเห็นของเขา จะพูดต่อหรือไม่ ต้องดูสิ่งที่เขาแสดงความคิดเห็นมา


ส่วนคุณไม่เที่ยง เกิด ดับ ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ ในเรื่องของข้อคิดเห็น เพราะเราทุกคนล้วนยังมีการยึดติดในสัญญา เรื่องปกติ



"เพราะเป็นการสนทนาในเรื่องของเหตุและผล ไม่ใช่การอวดว่ารู้อะไร เพราะสิ่งต่างๆที่คิดว่ารู้ ไม่ว่าจะรู้จริงหรือไม่จริง ตราบใดที่ยังมีอุปทานในขันธ์ ๕ ล้วนเป็นเพียงสัญญา"


ตรงนี้ต้องการสื่อให้รู้ว่า ที่เราๆท่านๆมาสนทนากันอยู่นี่ ล้วนเป็นเพียงสัญญาทั้งนั้น เราว่าเขา เขาก็ว่าเรา เหตุก็ไม่จบ



หากยังมีการยึดติด เพียงยอมรับว่ายึดติด มนสิการไว้ใจพอประมาณ สนทนาพอประมาณ เลือกที่จะสนทนา ทำได้เช่นนี้มีแต่ประโยชน์ให้กับตัวเองมากกว่าโทษ



เวลาสนทนาทางตัวหนังสือ เท่ากับได้ฝึกใจของเราไปด้วย ดูความรู้สึกนึกคิด ถ้าตรงไหนไม่ชัดเจน ถามคู่สนทนาไปตรงๆว่าเขาต้องการสื่อถึงสิ่งใด หรือไม่ก็นิ่งเฉยไม่สนทนาต่อ โดยไม่ต้องไปถามอะไร

ไม่ใช่ไปคาดเดาจากตัวหนังสือ บางทีการกระทำที่โพสมานั้น อาจจะไม่ใช่อย่างที่คาดเดา

แต่ก็พูดยากนะ ต่างคนต่างจิตต่างใจ ตราบใดที่ยังไม่หมดเหตุ ยังไงก็ต้องมีผลให้ได้รับอยู่ดี



ก็อ่านสิ่งที่คุณโพสๆนะ ในกระทู้ที่คุณตั้ง ในสิ่งที่คุณเขียนๆออกมา ในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือแม้กระทั่งเห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม

เชื่อไหมว่า สิ่งต่างๆที่คุณพบเจอมาน่ะ ไม่แตกต่างพวกที่มีด้านสมถะติดตัวมา เป็นเหมือนกันหมด เพียงแต่เหตุสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนจึงค้นหา บางคนไม่ค้นหา

ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ หยุดได้เมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะเจอว่าที่รู้ๆเห็นๆนั้นคืออะไร

ถ้าต้องการสนทนาเรื่องนี้ต่อ ไปตั้งกระทู้สนทนาใหม่ หรือไปสนทนาที่กระทู้คุณตั้งไว้แล้วก็ได้

ถ้าไม่ต้องการสนทนาต่อก็ไม่เป็นไรค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




41_1720.jpg
41_1720.jpg [ 31.42 KiB | เปิดดู 3902 ครั้ง ]
Onion_L
คุณเห็นใครที่แสดงการอวดรู้อยู่หรือ

ช่วยบอกที เราจะได้ช่วยคุณเข้าไปค่อย ๆ สะกิดเตือนเขาอย่างละมุนละม่อม

คุณหมายถึง คุณ อโศกะ รึเปล่า

ถ้าเป็นคุณ อโศกะ เดี๋ยวเราจัดการเองงงง

grin

ดีจังที่จะมีคุณเอกอน โจ มาช่วยเป็นผู้จัดการให้

ตั้งตาคอยข้อชี้แนะ ขอให้ป็นชนิดที่ไม่ต้องลอกคัมภีร์มายาวๆ
เอาประสบการณ์จริงมาคุยกันนะครับ

ขอบคุณและอนุโมทนา


:b20:
:b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พวกวิปัสสนึก :b32: นึกได้แบบรั่วๆ ไม่ซักไม่ท้วงก็มั่วอยู่แล้ว :b5:
:b17: :b17: ถ้าเจริญสัญญาเป็นโลกุตตระ เราเอา ว่ะ :b13:
เจริญนิวรณ์จนรั่ว :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ้อ ความเพี้ยนของคนเจริญนิวรณ์ :b6: ที่คิดว่า เหตุไม่มีเพราะสัญญา :b14: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคุณอโศกะจะเอาประสบการณ์จริงในกระทู้นี้มาให้เล่า ไม่ได้หรอกครับกระทู้นี้มันเรื่องโลกุตตระขั้นกิเลสเบาบางจนหมดกิเลส ก็มีพวกที่มีโมหะมาก ๆทะลึ่งมาคุยสัญญงสัญญาเลอะเทอะ :b5: :b32:
แล้วถ้าไม่มีพระไตรปิฏกมาอิงมันก็ไม่ได้ครับเพราะเราต้องเรียนรู้ตามพระท่านครับ ไปตรัสรู้เองไม่ได้ ใครจะคิดว่าสั้นว่ายาวแต่ผมว่าไม่ยาวตัดมาสั้นแล้วมีลิงค์ไว้ด้วย ปัญหาช่วงนี้มันมีนิกายดับจิตเข้ามาลามไปถึงพระอรหันต์ขาดสูญเลยทีเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 22:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
Onion_L
คุณเห็นใครที่แสดงการอวดรู้อยู่หรือ

ช่วยบอกที เราจะได้ช่วยคุณเข้าไปค่อย ๆ สะกิดเตือนเขาอย่างละมุนละม่อม

คุณหมายถึง คุณ อโศกะ รึเปล่า

ถ้าเป็นคุณ อโศกะ เดี๋ยวเราจัดการเองงงง

grin

ดีจังที่จะมีคุณเอกอน โจ มาช่วยเป็นผู้จัดการให้

ตั้งตาคอยข้อชี้แนะ ขอให้ป็นชนิดที่ไม่ต้องลอกคัมภีร์มายาวๆ
เอาประสบการณ์จริงมาคุยกันนะครับ

ขอบคุณและอนุโมทนา


:b20:
:b12:


:b1:

ไม่พูด ดีกว่า เน๊อะท่าน
จะกลายเป็นต่อความยาวสาวความยืด
สนทนาธรรม
ไม่ใช่นั่งทำตังเม

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 22:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ก็อ่านสิ่งที่คุณโพสๆนะ ในกระทู้ที่คุณตั้ง ในสิ่งที่คุณเขียนๆออกมา ในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือแม้กระทั่งเห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม

เชื่อไหมว่า สิ่งต่างๆที่คุณพบเจอมาน่ะ ไม่แตกต่างพวกที่มีด้านสมถะติดตัวมา เป็นเหมือนกันหมด เพียงแต่เหตุสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนจึงค้นหา บางคนไม่ค้นหา

ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ หยุดได้เมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะเจอว่าที่รู้ๆเห็นๆนั้นคืออะไร

ถ้าต้องการสนทนาเรื่องนี้ต่อ ไปตั้งกระทู้สนทนาใหม่ หรือไปสนทนาที่กระทู้คุณตั้งไว้แล้วก็ได้

ถ้าไม่ต้องการสนทนาต่อก็ไม่เป็นไรค่ะ


สมถะนั่น มันของใคร หืออออ ?


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 20 พ.ย. 2011, 22:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:
ก็อ่านสิ่งที่คุณโพสๆนะ ในกระทู้ที่คุณตั้ง ในสิ่งที่คุณเขียนๆออกมา ในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือแม้กระทั่งเห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม

เชื่อไหมว่า สิ่งต่างๆที่คุณพบเจอมาน่ะ ไม่แตกต่างพวกที่มีด้านสมถะติดตัวมา เป็นเหมือนกันหมด เพียงแต่เหตุสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนจึงค้นหา บางคนไม่ค้นหา

ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ หยุดได้เมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะเจอว่าที่รู้ๆเห็นๆนั้นคืออะไร

ถ้าต้องการสนทนาเรื่องนี้ต่อ ไปตั้งกระทู้สนทนาใหม่ หรือไปสนทนาที่กระทู้คุณตั้งไว้แล้วก็ได้

ถ้าไม่ต้องการสนทนาต่อก็ไม่เป็นไรค่ะ


สมถะนั่น มันของใคร หืออออ ?




คิดว่า คงไม่จำเป็นต้องตอบว่าเป็นใครและกลุ่มไหน และคิดว่าคุณเพียงถามมาลอยๆ ไม่ได้สนใจ

เพียงบอกให้รู้ คุณไม่จำเป็นต้องตอบกลับนะคะ


ส่วนคนอื่นๆจะวิพากย์วิจารณ์ยังไง ตามสบาย นั่นคือเหตุของเขาทำขึ้นมาเอง

ส่วนเหตุของตัวเอง ไม่ก่อต่อ ย่อมไม่มี

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 23:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้ถามถึงใคร หรือ กลุ่มไหนเลย

แค่ถามว่า สมถะ ตั้งอยู่ด้วยอาศัยอะไรเป็นปัจจัย

จะทำลายอุปทานขันธ์ห้า ได้มั๊ย สมถะนั่นน่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


จะมาห่วงการวิพากษ์วิจารณ์ไปทำไม

อืมมม คนอื่น ๆ

เราว่าไม่ต้องห่วงว่าคนอื่น ๆ จะหยุดไม่ได้ หรอก
คุณตัดความกังวลในเรื่องนี้ไปซะเถอะ


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 20 พ.ย. 2011, 23:57, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 23:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



อุปปัตตานุปปัตติวาร

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๓๙๗๓ - ๑๔๑๐๒. หน้าที่ ๖๐๐ - ๖๐๕.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0

เป็นโลกุตตรธรรมก็มี

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



โลกิยทุกวาร

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๔๙๙๒ - ๑๕๐๑๖. หน้าที่ ๖๔๓ - ๖๔๔.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



ทัสสนวาร

ธรรมที่เป็นโลกุตตระ เป็นไฉน
คือ มรรค ผลแห่งมรรค และอสังขตธาตุ (คือนิพพาน) เหล่านี้
ชื่อว่า ธรรมที่เป็นโลกุตตระ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๔๔๘๓ - ๑๔๕๑๘. หน้าที่ ๖๒๑ - ๖๒๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... agebreak=0


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 21 พ.ย. 2011, 00:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
จะมาห่วงคำวิพากษ์วิจารณ์ไปทำไม



ไม่ได้ห่วง แค่พูดตามความเป็นจริง และไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว



eragon_joe เขียน:
ไม่ได้ถามถึงใคร หรือ กลุ่มไหนเลย

แค่ถามว่า สมถะ ตั้งอยู่ด้วยอาศัยอะไรเป็นปัจจัย

จะทำลายอุปทานขันธ์ห้า ได้มั๊ย สมถะนั่นน่ะ




สมถะอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เกิดปัญญา หรือที่เรียกว่า ปัญญาญาณ ที่ใช้ในการทำลายอุปทานขันธ์ ๕ ลงได้


เพียงแต่ต้องอาศัยสมถะในการทำให้เกิดขึ้นซึ่งปัญญาที่กล่าวถึง ได้แก่ การปรับอินทรีย์ระหว่างสติกับสมาธิให้เกิดความสมดุลย์ ซึ่งเรียกว่า เป็นการยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา

เมื่อสติกับสมาธิเกิดความสมดุลย์ จะเกิดตัวสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมจึงเกิดขึ้น เป็นเหตุให้สามารถรู้ชัดในทุกๆสภาวะที่เกิดขึ้นภายในกายและจิต แม้กระทั่งความคิด

เป็นเหตุให้สามารถแยกได้ว่า สภาวะความคิดที่เกิดจากนิวรณ์ที่นำมาพูดๆกัน มีลักษณะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความคิดที่เกิดในจิต ขณะเป็นสมาธิ


เหตุที่ไม่รู้ เพราะไม่รู้ชัดในเรื่องของสมาธิ ตลอดจนเรื่องความรู้สึกตัวในขณะจิตเป็นสมาธิ



"สมถะ ตั้งอยู่ด้วยอาศัยอะไรเป็นปัจจัย?"

อันนี้ตอบในแนวทางปฏิบัติ ส่วนปริยัติล้วนไม่แตกต่างถ้าเข้าใจสภาวะ

นั่นคือ ฝึกจิตให้ตั้งมั่น สามารถทำตามความถนัดของตัวเองได้ อาศัยการทำต่อเนื่อง

การฝึกจิตให้ตั้งมั่นมีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องทำตามกรรมฐาน ๔๐ กองที่มีเขียนไว้


ทำบ่อยๆ ทำต่อเนื่อง จนรู้ชัดในสภาวะของสมาธิได้ดี รู้ชัดในสัปปายะที่ทำให้เกิดสมาธิ รู้ได้ชัดในแต่ละสภาวะของสมาธิ รู้จนรู้ว่าเวลาสมาธิจะเกิดนั้น มีลักษณะอาการที่จะเกิด มีเกิดขึ้นอย่างไร


ถ้ารู้ได้อย่างนี้ จึงค่อยปรับอินทรีย์ คือ ปรับสมาธิกับสติให้สมดุลย์

เมื่อสติกับสมาธิสมดุลย์ ตัวสัมปชัญญะย่อมเกิด แล้วความรู้สึกตัวทั่วพร้อมจะเกิดขึ้นเองตามสภาวะ


แม้กระทั่งเรื่องสภาวะของฌาน ที่เป็นไปตามลำดับขั้น ล้วนเกิดจากการฝึกจิตให้ตั้งมั่น แล้วจึงมาปรับสติกับสมาธิให้สมดุลย์ ซึ่งเรียกว่า เป็นการยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 00:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


หมายถึง ปัจจัย สมถะนั่นที่คุณกล่าวถึงที่มันติดมา
มันอะไร มันยังไง มันของใคร มันติดมาอีท่าไหน
มันมีอะไรเป็นปัจจัย

ไม่ใช่ สมถะนี่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 00:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ไม่ได้ห่วง แค่พูดตามความเป็นจริง และไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว


อืมม ไม่ได้ห่วง แค่มักย้ำอยู่เสมอ :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร