วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 04:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:
ถ้าจะให้เข้าเรื่องปฏิจจสมุปบาท คงต้องให้คุณกลับไปอ่านประวัติของพระพุทธเจ้า เหตุที่ทรงตรัสรู้ ใช่ทำแค่ชาตินั้นชาติเดียวหรือ
อ้อ .. มีตัวอย่างใกล้ตัว อ่านการบันทึกเกี่ยวกับการปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ที่หลวงตามหาบัวท่านบันทึกไว้ก็ได้ ถ้าจำไม่ผิด หลวงปู่มั่นเกิดทันสมัยพระพุทธเจ้า


ก็คุณตอบมาอย่างนี้ นั่นเป็นวิธีที่คุณใช้งานอยู่ นั่นความเห็นคุณ:





eragon_joe เขียน:
ส่วนเราก็แค่แสดงความเห็นในส่วนที่เราเข้าใจออกไป ก็เท่านั้น ว่าเราไม่ได้ใช้วิธีนั้น
เราแค่เห็นแล้วเอาปฏิจจสมุปบาทเข้าจับ เมื่อเกิดปรากฎ ก็พิจารณาขันธ์ในอดีต/
พิจารณาขันธ์ในอนาคต เหมือน ๆ กับที่พิจารณาขันธ์ในปัจจุบัน เพื่อคลายความยึดติดในขันธ์ทั้งหลาย



ซึ่งไม่แตกต่างกับคำพูดนี้ของคุณ

"ก็คุณตอบมาอย่างนี้ นั่นเป็นวิธีที่คุณใช้งานอยู่ นั่นความเห็นคุณ"




eragon_joe เขียน:

"พวกที่มีด้านสมถะติดตัวมา " คำนี้เราไม่ได้เป็นผู้มักใช้นำมากล่าวนะ



คำพูดนี้หมายถึงตัวคุณเอง หรือหมายถึงคนอื่น ขออภัยที่ต้องถาม เพราะคำพูดของคุณ ค่อนข้างวกวนไปมาในความรู้สึกของตัวเอง

แต่วลัยพรคิดว่า ตัวหนังสือที่เขียนไปออกจะชัดเจนนะว่าเป็นวลัยพรเป็นผู้พูดเอง

เหตุที่พูดแบบนั้นเพราะ เป็นสิ่งที่ได้พบเจอมาตั้งแต่จำความได้ และมารู้ภายหลังเขาเรียกลักษณะพวกที่เห็นโน่นเห็นนี่ สิ่งที่คนบางคนอาจจะมองไม่เห็น มารู้ทีหลังว่า เขามีคำเรียกว่า"เป็นพวกมีสมถะติดตัวมา"

คือมีสัญญาเก่าแรง ซึ่งไม่แตกต่างกับเรื่องราวของเด็กอายุแค่ ๓ ขวบ สามารถนั่งสมาธิเอง โดยไม่ต้องมีคนแนะนำ

หรือแม้กระทั่งมีสามเณรน้อย อายุแค่ ๕ ขวบ นั่งสมาธิเสร็จ ส่งการบ้านกับพระที่สอบอารมณ์ว่า มีแต่รูปกับนาม ไม่มีตัวตน

และยังมีอีกมากมายฯลฯ






eragon_joe เขียน:

และจาก
"เชื่อไหมว่า สิ่งต่างๆที่คุณพบเจอมาน่ะ ไม่แตกต่างพวกที่มีด้านสมถะติดตัวมา เป็นเหมือนกันหมด เพียงแต่เหตุสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนจึงค้นหา บางคนไม่ค้นหา"นั่นคือ สิ่งที่คุณเห็น
เราก็เลยถาม เพื่อดูว่า คุณเห็นอะไร ในความเห็นนั้น ๆ ของคุณ :b1:



เห็นอะไร คืออะไรที่คุณต้องการจะถามถึง?


ถ้าหมายถึงวลัยพรเห็นอะไร แล้วเป็นเหตุให้พูดแบบนี้


viewtopic.php?f=66&t=39698&start=60

เห็นในกระทู้นี้ สิ่งที่คุณเขียนไว้ ซึ่งไม่แตกต่างจากคนอื่นๆที่เคยได้สนทนากัน เพราะส่วนมากพอเจอลักษณะอาการแบบนี้ ส่วนมากจะค้นหาคำตอบว่าทำไม อะไร อย่างไร

ส่วนวลัยพรเอง สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติ เพราะพบเจอสภาวะเหล่านี้มาตั้งแต่จำความได้ เพียงแต่ไม่เคยสงสัยเหมือนคนอื่นๆที่เจอแล้ว เกิดความสงสัย และค้นหา


ข้อความข้างล่าง เป็นสิ่งที่วลัยพรมองเห็น แต่คุณมองไม่เห็น คุณไม่ต้องใส่ใจ คุณเป็นเพียงตัวไปรษณีย์ส่งผ่านไปเท่านั้นเอง






ข้อความท่อนนี้ ส่งถึงพญามารที่ตาบอดอยู่ในโลกันต์


ทิฏฐิวิบัติ

"พระเจ้าข้า หญิงคนนี้โง่มาก ไม่เข้าใจธรรมลึกซึ้งเลย ขอพระองค์อย่าได้ทรงแสดงธรรมกถาอันสุขุมลึกซึ้ง อันว่าด้วยวิปัสสนาภูมิ มีขันธ์ ๕ เป็นต้น แก่นางนี้เลย ทรงแสดงแต่ทาน ศิล ก็พอแล้ว"

พระพุทธองค์ตรัสว่า

"ตวํ ทุปฺปญฺโญ ปาปิกํ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย พุทฺธานํ สาสฺนํ ปฏิกฺโกสติ อตฺตฆาตาเยว วายมสิ

ท่านผู้มีปัญญาทราม อาศัยทิฏฐิอันชั่วช้าลามก คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมพยายามเพื่อฆ่าตนเองอย่างเดียว"

ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถาว่า

โย สาสนํ อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย ปาปิกํ ผลานิ กณฺฏกสฺเสว อตฺตฆญฺญาย ผลฺลติ

ผู้อาศัยทิฏฐิอันลามก มีปัญญาทรามมาก กล่าวห้ามปรามคำสอนของพระอริยบุคคล ผู้เป็นพระอรหันต์ เป็นอยู่โดยธรรม ผู้นั้นย่อมเกิดมาเพื่อฆ่าตัวเอง เหมือนกันกับขุยไผ่ เกิดมาเพื่อฆ่าต้นไผ่ ฉะนั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 พ.ย. 2011, 22:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 22:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
:b8: อนุโมทนากับท่านพุทธฏีกาด้วยครับ

แต่ว่าจิต กับวิญญาณในขันธ์ 5 จะเป็นอย่างเดียวกันหรือครับ?



จิต ถ้าไม่ถูกกระทบหรือผัสสะก็จะไม่ทำงานจิตคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รวมกัน
เมื่อถูกกระทบจิตจะทำงานต่อเนื่องกันของ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดสัญญา
สัญญาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร
สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง

วิญญาณในขันธ์ 5 คือส่วนของจิต(ที่ทำงาน)


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 06:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็น นักจับ ไม่ยอมปล่อย

:b1:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 08:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG0273A_resize.jpg
IMG0273A_resize.jpg [ 34.65 KiB | เปิดดู 3808 ครั้ง ]
หลับอยุ่ เขียน:
ถ้าคุณอโศกะจะเอาประสบการณ์จริงในกระทู้นี้มาให้เล่า ไม่ได้หรอกครับกระทู้นี้มันเรื่องโลกุตตระขั้นกิเลสเบาบางจนหมดกิเลส ก็มีพวกที่มีโมหะมาก ๆทะลึ่งมาคุยสัญญงสัญญาเลอะเทอะ :b5: :b32:
แล้วถ้าไม่มีพระไตรปิฏกมาอิงมันก็ไม่ได้ครับเพราะเราต้องเรียนรู้ตามพระท่านครับ ไปตรัสรู้เองไม่ได้ ใครจะคิดว่าสั้นว่ายาวแต่ผมว่าไม่ยาวตัดมาสั้นแล้วมีลิงค์ไว้ด้วย ปัญหาช่วงนี้มันมีนิกายดับจิตเข้ามาลามไปถึงพระอรหันต์ขาดสูญเลยทีเดียว

tongue
เจริญสุข เจริญธรรมครับ คุณหลับอยู่ (ที่ตื่นแล้ว)

เริ่มต้นก็ต้องเรียนรู้ตามพระและพระคัมภีร์กันทั้งนั้นแหละครับ

แตเมื่อทฤษฎีล้นสมองแล้ว วิญญูชนท้้งหลาย จะอดรนทนไม่ได้ที่จะต้องพิสูจน์ทฤษฎี หรือพิสูจน์ธรรม

เมื่อพิสูจน์แล้วจึงได้รู้ว่า ธรรมมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเป็นภาษาบาลีตั้งแต่เมื่อ 2,599 ปีที่ผ่านมากับธรรมมะที่ปรากฏแก่ตา ซึ้งอยู่แก่ใจของคนในยุคปัจจุบันนี้ ก็เป็นธรรมมะอันเดียวกัน เพียงแต่ใช้บัญญัติเรียกชื่อหรือภาษาต่างกันเท่านั้น แต่ความสัมผัสที่ใจภายในเป็นอันเดียวกัน เป็นสัจจธรรม เป็นภาษาสากล ที่เข้าใจได้ดุจเดียวกัน

ความทุกข์และความโกรธเมื่อครั้งพุทธกาลกับความทุกข์และความโกรธในปัจจุบันนี้ก็เป็นอย่างเดียวกันกับครั้งพุทธกาลใช่ไหมครับ?

ดังนั้นการเกิดของจิตเมื่อสองพันกว่าปีก่อน กับวันนี้ก็เป็นอย่างเดียวกัน จึงน่าจะไม่มีปัญหาอะไรกระมังครับที่เราจะใช้ภาษาและสมมุติเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันอธิบายการเกิดของจิต

ประเด็นคือ ผมอยากจะกล่าวว่า ธรรมมะจริงๆใน รูป นาม กายใจของเรานี้ เรามาคุยกันอย่างง่ายๆในภาษาพื้นๆที่คนสมัยปัจจุบันนี้พอรู้เรื่องเข้าใจได้ น่าจะได้และดีนะครับ ผู้คนจะได้รู้ว่าธรรมมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนี้เป็นของง่าย ใกล้และอยู่ในตัวเรานี้เอง ไม่ใช่ว่าธรรมมะเป็นของยาก มากด้วยภาษาที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างที่คนเยาวชนรุ่นใหม่เข้าใจกัน


เจริญธรรมกันทุกท่่านครับ
อุโมทนากับการแจกแจงธรรมของน้องวลัยพร ด้วยครับ

ส่วนคุณเอกอน หวังว่าคงมีความสุขสบายดีในลานธรมแห่งนี้ต่อๆไป ด้วยสัญญาอันกว้างขวางและล้ำลึกในคัมภีร์ของคุณนะครับ
:b18:
โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 10:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
:b8: อนุโมทนากับท่านพุทธฏีกาด้วยครับ

แต่ว่าจิต กับวิญญาณในขันธ์ 5 จะเป็นอย่างเดียวกันหรือครับ?



จิต ถ้าไม่ถูกกระทบหรือผัสสะก็จะไม่ทำงานจิตคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รวมกัน
เมื่อถูกกระทบจิตจะทำงานต่อเนื่องกันของ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดสัญญา
สัญญาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร
สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง

วิญญาณในขันธ์ 5 คือส่วนของจิต(ที่ทำงาน)


การเีรียนรู้ต้องเริ่มจากศูนย์ อย่าเรียนทางลัด เป็นธรรมดาเริ่มแรกอาจจะยึดติดอยู่กับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อยู่บ้างเพราะเราไม่รู้ เราไม่เรียนไม่ศึกษามาก่อนเราก็ไม่รู้ รู้แล้วค่อยปฏิบัติ ปฏิบัติผิดก็ทำใหม่ ปฏิบัติแล้วไม่ใช่ก็เปลี่ยนแนวทาง หากทำให้โลภ โกรธ หลง เบาบางได้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
ไม่จำเป็นต้องบรรลุอรหันต์ อยู่ในโลกด้วยความสุขถาวร ไม่สร้างปัญหา ไม่ทุกข์ก็ใช้ได้แล้ว

ขอให้ผู้ปฏิบัติบรรลุเป้าหมาย


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 10:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


อืมม เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว
กรณีที่เห็นทุกกรณีเป็นบทฝึกฝน/ทดสอบ อารมณ์ กับเรื่องที่ปรากฏ
เราเห็น อารมณ์
เห็น และเรียนรู้ ทำความรู้จัก ทำความเข้าใจ สิ่งที่ปรากฏ
เพื่อหาแง่ที่จะตัดกังวลในความเป็นไปต่าง ๆ
เรื่องราวมันก็มีทั้ง สองด้าน
ก็ทำให้เห็นความโนม้ไปในอารมณ์ทั้งสองด้าน
เมื่อเห็นสอง ด้านที่สาม ก็อยู่ตรงหน้า

ก็แค่ บทที่เข้ามาเพื่อต้องเรียนรู้ที่จะ จัดการกับธรรมในทุก ๆ ด้าน
สิ่งที่เห็น เป็นเพียง .... บททดสอบ บทฝึกหัด
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนรู้

:b1: :b1: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 22 พ.ย. 2011, 11:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 11:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ส่วนคุณเอกอน หวังว่าคงมีความสุขสบายดีในลานธรมแห่งนี้ต่อๆไป ด้วยสัญญาอันกว้างขวางและล้ำลึกในคัมภีร์ของคุณนะครับ


อืมมม ท่านมีความสุขที่เห็นอย่างนั้นเหร๋อ :b10: :b10:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 11:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
:b9: :b9:
:b12:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 11:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


-เวทนาเกิดสัญญาจึงเกิด สัญญาเกิดสังขารจึงเกิด สังขารเกิดวิญญาณจึงเกิด
-เวทนาดับสัญญาจึงดับ สัญญาดับสังขารจึงดับ สังขารดับวิญญาณจึงดับ

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ไม่เที่ยง มีเกิด มีดับ)
ดับเวทนา (สัญญา สังขาร วิญญาณไม่เกิด) > ความพอใจ ไม่พอใจ ไม่เกิด > ทุกข์ไม่เกิด


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 11:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ลองวางความคิดไปก่อนนะ ว่าเอกอนเห็นอะไร

แต่ลองคิดว่า ตนเป็นผู้เห็น แบบเอาเป็นว่าเห็นจริง ๆ
ได้ยินจริง ๆ เหมือนกับคุณไปนอนโรงพยาบาล
แล้วหมอเดินเข้ามาบอกว่า "คุณเป็นเอดส์" น่ะ

มองให้เห็นอารมณ์ที่ปรากฎ

เพียงแต่นั่น ไม่ใช่ในโรงพยาบาล และไม่ใช่หมอมาบอกข่าวร้าย
แต่เหมือนคนกำลังเจอผี คนกำลังเจอปีศาจเงา
ที่คุณไม่สามารถปิดประตูหนีมัน
ไม่สามารถเอาขวานวิ่งไปสับมัน
ไม่อาจจะเดินหนี้มัน เดินหันหลังให้มัน
จะบอกมันไม่ให้โผล่ก็ไม่ได้

"อารมณ์"


เพราะมันไม่ใช่เรากำลังทำศึก "อารมณ์" กับ คน สัตว์ โต๊ะ เก้าอี้ หรือกับ หมอนข้าง

แต่เรากำลังทำศึกกับสิ่งที่ผ่านมาทาง อายตนะ
(อายตนะอะไรหว๋า ที่จะเป็นตาก็ไม่ใช่ จะไม่ใช่ตาก็ไม่ใช่
แล้วไอ้ตานี่มันทำงานอย่างไรกันแน่ แล้วไอ้นั่นที่เห็นมันอะไร
มันไม่ใช่อย่างการที่เราเห็นแปรงสีฟัน
มันเห็นอีท่าไหน มันเห็นได้อย่างไร พิจารณาไปทุก ๆ อายตนะ
ทุก ๆ ขันธ์ ไล่ไปทีละนิด ๆ )
ไม่ทำก็ไม่ได้ มันคอยรังควานความสงบสุข :b32: :b32:



ถ้าเอกอนไม่ศึกษาธรรม เอกอนก็คิดจะเข้าศรีธัญญา :b12:
คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นติดตลก เหร๋อ :b9: :b9:

:b1: :b1: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 22 พ.ย. 2011, 13:09, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 11:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เราก็ยัดข้อหาใส่ไคล้..เจ้าอารมณ์..นั้นซิ

ง่ายดี...

ปักปร่ำมันใว้ก่อนว่า...มันไม่ใช่เรา...

ยัดมันให้เป็นจำเลย...

พลิกเรามาเป็นโจทก์

จะได้มีเวลาทำงานได้

กว่าความจริงจะปรากฏ....งานก็เสร็จไปตั้งเยอะ


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กร๊ากกกกก !!!! 555555วลัยพรเอ๋ยยยย ลัทธิไม่มีตัวตนออกมาเต็มๆ
:b32:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



อุปปัตตานุปปัตติวาร

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๓๙๗๓ - ๑๔๑๐๒. หน้าที่ ๖๐๐ - ๖๐๕.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0

เป็นโลกุตตรธรรมก็มี

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



โลกิยทุกวาร

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๔๙๙๒ - ๑๕๐๑๖. หน้าที่ ๖๔๓ - ๖๔๔.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



ทัสสนวาร

ธรรมที่เป็นโลกุตตระ เป็นไฉน
คือ มรรค ผลแห่งมรรค และอสังขตธาตุ (คือนิพพาน) เหล่านี้
ชื่อว่า ธรรมที่เป็นโลกุตตระ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๔๔๘๓ - ๑๔๕๑๘. หน้าที่ ๖๒๑ - ๖๒๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... agebreak=0

ธรรมกายผู้คงที่ , ธรรมขันธ์(วิสุทธิขันธ์).....ถ้ากายเนื้อแตกไป พระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าพระอรหันต์ต้องมีที่ประทับ ไม่มีที่ประทับไม่ได้ คืออายตนนิพพานอายตนนั้นมีอยู่(นิพพานสูตรที่1)
ที่นั่นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน
ถ้าใครงง ก็ให้ย้อนไปคิดดูว่า พระอริยะเจ้าระดับพระอนาคามี ที่อยู่พรหมโลก(กายเนื้อแตกไปแล้วร่างกายไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกับเรา??) อยู่พรหมโลกใช่ไหม??? ถามย้อนไปอีกที ในพระอภิธรรม คำว่า ภพเป็นโลกุตตระไม่มีในพระอภิธรรม คำว่า ภพเป็นโลกุตตระไม่มี :b39:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 17:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
เห็นอะไร คืออะไรที่คุณต้องการจะถามถึง?

ถ้าหมายถึงวลัยพรเห็นอะไร แล้วเป็นเหตุให้พูดแบบนี้

ข้อความข้างล่าง เป็นสิ่งที่วลัยพรมองเห็น แต่คุณมองไม่เห็น คุณไม่ต้องใส่ใจ คุณเป็นเพียงตัวไปรษณีย์ส่งผ่านไปเท่านั้นเอง

ข้อความท่อนนี้ ส่งถึงพญามารที่ตาบอดอยู่ในโลกันต์

ทิฏฐิวิบัติ

"พระเจ้าข้า หญิงคนนี้โง่มาก ไม่เข้าใจธรรมลึกซึ้งเลย ขอพระองค์อย่าได้ทรงแสดงธรรมกถาอันสุขุมลึกซึ้ง อันว่าด้วยวิปัสสนาภูมิ มีขันธ์ ๕ เป็นต้น แก่นางนี้เลย ทรงแสดงแต่ทาน ศิล ก็พอแล้ว"

พระพุทธองค์ตรัสว่า

"ตวํ ทุปฺปญฺโญ ปาปิกํ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย พุทฺธานํ สาสฺนํ ปฏิกฺโกสติ อตฺตฆาตาเยว วายมสิ

ท่านผู้มีปัญญาทราม อาศัยทิฏฐิอันชั่วช้าลามก คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมพยายามเพื่อฆ่าตนเองอย่างเดียว"

ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถาว่า

โย สาสนํ อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย ปาปิกํ ผลานิ กณฺฏกสฺเสว อตฺตฆญฺญาย ผลฺลติ

ผู้อาศัยทิฏฐิอันลามก มีปัญญาทรามมาก กล่าวห้ามปรามคำสอนของพระอริยบุคคล ผู้เป็นพระอรหันต์ เป็นอยู่โดยธรรม ผู้นั้นย่อมเกิดมาเพื่อฆ่าตัวเอง เหมือนกันกับขุยไผ่ เกิดมาเพื่อฆ่าต้นไผ่ ฉะนั้น


:b6: :b6:

ถ้าท่านอยากส่ง จม.ข้างต้นถึงใคร ท่านก็ไปส่งเองเถอะ...
เราไม่ได้ผ่านไปเส้นทางนั้นหรอก อย่าเอามาแฝง

:b14: :b14: :b14:

ไอ้ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงบุรุษไปรษณีย์
เป็นแค่การพยายามจะพูดอ้อมฟ้า อ้อมอากาศให้มันเป็นเรื่องชวนหัวเท่านั้น

:b6: :b6: :b6:

แต่จริง ๆ เราเห็นเคล้าร่างความเป็นไปของเรื่อง
ที่เหมือนกับการ ยิงโปรตรอนให้หลุดจากนิวเคลียส น่ะ

เราก็แค่ เอาบุรุษไปรษณีย์มากล่าว เพื่อบิดเบือนเรื่องดังกล่าวออกไปให้มันเป็นเรื่อง เบา เบา

:b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ตายแล้วมีอยู่ไปทำให้ไม่มีหรือแต่งคัมภีร์สอนให้คนเชื่อว่าขาดสูญแตกดับไม่ว่ากรณีไหนๆทั้งสิ้น!!! บาปมากๆ
เป็นมิจฉาทิฐิแบบที่พระสารีบุตรกล่าว :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร