วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 05:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2011, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ตายแล้วไปไหน
เป็นสิ่งที่ทุกคน อยากรู้กันทั้งนั้น
ข้าพเจ้าจะอธิบายให้ท่านทั้งหลายได้หายสงสัย เป็นอย่างๆไป แต่ท่านทั้งหลายที่ได้อ่านแล้วต้องใช้สมองสติปัญญาพิจารณา ให้ดีนะขอรับ เพราะข้าพเจ้าจะอรรถาธิบายตามหลักศาสนา และหลักศาสนาก็เป็นต้นแบบของหลักวิทยาศาสตร์ ดังนั้น อ่านแล้วต้องคิดพิจารณา ตามหลักความเป็นจริง ก็คือเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ฯ

เมื่อมนุษย์ สัตว์ พืช ตาย ร่างกายก็ย่อมถูกนำไปใช้ประโยชน์ตามลักษณะของการใช้ประโยชน์ของมัน ถ้าเป็นมนุษย์ ร่างกาย ก็จะถูกนำไปฝังบ้าง เผาบ้าง ฯ อย่างนี้เป็นต้น
แต่เมื่อ มนุษย์ สัตว์ พืช ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต่างล้วนมี จิตวิญญาณ เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ว่า จิตวิญญาณของแต่ละเผ่าพันธ์นั้นทำหน้าที่ได้ไม่เหมือนกัน
จิตวิญญาณของมนุษย์ ล้วนถูกขัดเกลาทางสังคม อันมีศาสนา เป็นเครื่องกำกับ อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆเช่น แรงดึงดูดของโลก ,ดวงจันทร์ ,ดวงอาทิตย์ เป็นสิ่งประกอบที่สำคัญ ซึ่งทำให้เกิด พฤติกรรมต่างๆ ในมนุษย์ให้ดำเนินไปตามการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
จิตวิญญาณของมนุษย์ ย่อมมีส่วนที่เล็กที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วย โปรตอน นิวตรอน อิเลคตรอน สามารถสร้างกระแสคลื่นไฟฟ้า ทำให้เกิด แรงดัน และแรงดึงดูดได้
เมื่อมนุษย์ชอบสิ่งใด รักสิ่งใด จิตวิญญาณ ส่วนที่เล็กที่สุดนั้นก็จะถูกดึงดูด หรือเคลื่อนที่ไปสู่สิ่งนั้น ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็่จะเคลื่อนที่เข้าไปหา คือเสาะแสวงหา ดิ้นรนจนสามารถเข้าไปหาหรือไปเอาสิ่งนั้น เมื่อตายไป หากจิตวิญญาณ ติดหลง รัก หวงห่วงในสิ่งนั้น จิตวิญญาณ บางส่วน ก็จะถูกดึงดูดเข้าไปหา เข้าไปอยู่ในสิ่งนั้น
หากมนุษย์ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ดำรงศีล ดำรงธรรม ประพฤติปฏิบัติ ดี ปฏิบัติชอบ จิตวิญญาณใฝ่แต่ความหลุดพ้น เมื่อตายไป จิตวิญญาณส่วนนั้น ก็จะถูกดึงดูดไปสู่ดินแดน หรือภพที่ตัวเองปรารถนา เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงมีข้อสงสัยว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า จิตวิญญาณบางส่วนที่จะถูกดึงดูดไป ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ในร่างกายมนุษย์เมื่อยังมีชีวิตอยู่ มีความรู้ มีความจำในหลายอย่างในหลายเรื่อง และไม่ได้นำเอาเรื่องหรือความจำเหล่านั้น คิดพิจารณาให้เป็นไปตามหลักธรรม เมื่อตายลง จิตวิญญาณจึงไม่สามารถรวมอยู่เป็นหนึ่งเดียว จะแตกแยกกันไปหลายที่หลายแห่ง จิตวิญญาณบางส่วนดับสูญไปก็มี เพราะจิตวิญญาณเหล่านั้น อ่อนพลัง บ้างก็ถูกแรงดึงดูดของโลกดูดกลืนไป บ้างก็ถูก พลังแสงอาทิตย์ทำลายไป บ้างก็ถูกพลังแสงจากดวงจันทร์ทำลายไป
แต่ถ้าหากมนุษย์ได้ฝึกตนจนได้ถึงระดับ อริยะบุคคล แล้ว จิตวิญญาณของพวกเขา บ้างก็ดับสูญไปทั้งหมด บ้างก็มุ่งไปเกิดในชาติอื่น ภพอื่น ตามแต่ความรู้ ความเข้าใจ ฯลฯ
สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ โดยการวิเคราะหฺ์ตามหลัก ตรรกวิทยา, และสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเอง หากท่านทั้งหลายมีความศรัทธาในศาสนา ในที่นี้ หมายถึง ทุกศาสนาที่มีอยู่
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
เขียนเมื่อ ๒๒ ก.พ. ๒๕๕๔


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 03:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกทอธิบายเข้าท่า ดูดีมีเหตุผล ไอ้พวกประเภทตายแล้วไปสวรรค์ ลงนรกเนี้ย
ฟังดูเหมือนลิเก
คนเราเมื่อตายแล้ว จิตออกจากร่างแล้ว มันยังจะมีอายตนะตัวไหน
ไปรับรู้นรก สวรรค์ได้อีก

จะดูนรกสวรรค์ต้องไปดูที่วงปฏิจจสมุบาท ตรงที่เรียก สังขารนั้นแหล่ะ
ตั้งแต่มีรูป นาม เกิดผัสสะกี่ครั้ง มีตัณหาอุปาทานกี่หน จิตเข้าไปยึดเข้าไปปรุง
เป็นสัญญาเท่าไร และสัญญาที่ไปจำเอาไว้ ทำให้สุขให้ทุกข์อย่างไร
แท้จริงแล้วมันคือ กุศลและอกุศลที่จิตไปยึดไว้นั้นเอง สิ่งที่ว่านี้ผู้รู้เขาเรียกว่า
สังขารแห่งวงปฏิจจสมุบาท หรือที่ชมรมคนรักลิเกเรียกว่า นรกสวรรค์ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 05:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พืช มีจิตวิญญาณ

กับ จิตออกจากร่าง

ไม่ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา นะครับ

มีตอนไหนบ้างครับ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงเรื่องแบบนี้
ขอซักตอน

..............คำตอบคือ ............ ไม่มี

จิตเกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็ดับไป

ไม่ทันออกไปไหน ก็ดับไปเสียก่อนแล้ว ........................ไปไม่ทัน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
พืช มีจิตวิญญาณ

กับ จิตออกจากร่าง

ไม่ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา นะครับ

มีตอนไหนบ้างครับ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงเรื่องแบบนี้
ขอซักตอน

..............คำตอบคือ ............ ไม่มี

จิตเกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็ดับไป

ไม่ทันออกไปไหน ก็ดับไปเสียก่อนแล้ว ........................ไปไม่ทัน

ขยายความคำว่า"จิตออกจากร่าง " มันเป็นภาษาพื้นๆที่ชาวบ้านเขาใช้กัน
อันที่สิ่งมันก็คือการละสังขารนั้นแหล่ะ แล้วที่ใช้แบบนี้เป็นเพราะ เห็นจขกท
แสดงความเห็นในลักษณะเรียบๆแบบชาวบ้านฟังรู้เรื่อง ไม่คิดว่าจะต้องเจ้ายศเจ้าอย่าง
แต่งหน้าทาปากใส่ชฎาทรงเครื่อง :b13:

กับที่คุณว่า ไม่ตรงกับหลักพุทธศาสนา ผมอยากชี้แจงแถลงไขหน่อยครับ
ที่ว่าตรงกับหลักของพระพุทธศาสนา ความหมายไม่ใช่ว่าเห็นมีสมมุติบัญญัติ
คำใดที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกบางบท แล้วก็โมเมเอามาโพสดีอกดีใจว่า นี่แหล่ะ
มันตรงกับหลักพระพุทธศาสนา พอถามว่าตรงยังไง ให้อธิบายก็ไม่รู้ บางคนเป็นหนัก
หาว่าคนถามแย้งพุทธพจน์ไปนั้น

ผมเห็นหลายๆคนในนี้ แย่งกันโพสพระไตรปิฎก เอาพระไตรปิฎกมาเถียงกัน
เห็นแล้วก็หดหู่ครับ บางครั้งสมมุติบัญญัติตัวเดียว เล่นโพสพระไตรปิฎกซะ
เกือบเต็มหน้ากระทู้

แล้วเรื่องจิตเกิดดับนี่นะ ไม่ทราบว่า คุณรู้จักคำ สันตติมั้ยครับ
จิตถ้ามันดับไปเลยก็ดีซิครับ จะได้ไม่ต้องมาปฏิบัติให้เสียเวลา
ก็เพราะจิตไม่ดับไปเลย มันยังมีเชื้อกิเลสต่างๆส่งต่อกัน
ทำให้เกิดภพเกิดชาติไม่สิ้นสุด


แล้วเรื่องพืชผมไม่ได้พูดถึงไม่รู้เอามาจากไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:
:b8: :b8: :b8:
Quote Tipitaka:
นวสูตร
[๕๑๖] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้วได้ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ภพ ภพ
ดังนี้ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกร
อานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในกามธาตุจักไม่มีแล้ว กามภพพึงปรากฏบ้าง
หรือหนอ ฯ
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง วิญญาณประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุอย่างเลวของสัตว์
พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้ จึง
มีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในรูปธาตุ จัก
ไม่มีแล้ว รูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณจึงชื่อว่า
เป็นพืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง วิญญาณประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุอย่างกลางของ
สัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้
จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในอรูปธาตุจักไม่
มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง วิญญาณประดิษฐานแล้วเพราะธาตุอย่างประณีต ของ
สัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการ-
*ฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าว
มาฉะนี้แล ฯ


http://www.84000.org/tipitaka/read/?20/516-517


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
พืช มีจิตวิญญาณ

กับ จิตออกจากร่าง

ไม่ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา นะครับ

มีตอนไหนบ้างครับ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงเรื่องแบบนี้
ขอซักตอน

..............คำตอบคือ ............ ไม่มี

จิตเกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็ดับไป

ไม่ทันออกไปไหน ก็ดับไปเสียก่อนแล้ว ........................ไปไม่ทัน


ฮั่นแน่ ... หน้าแตกไปแล้วละซิ ข้าพเจ้าเองยังไม่รู้เลยว่าในพระไตรปิฎก มีบอกไว้ เพราะไม่ได้อ่าน อ่านทีไร มึนหัว ทุกทีซิน่า
รู้คำตอบละนะขอรับ ผู้ใช้ชื่อว่า"ละครน้ำเน่า"เอามาให้ได้อ่านแล้วนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 17:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 15:36
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกคนยังไม่เคยตายจะพูดอย่างไรก็คงไม่ถูก ก็คงใช้หลักการเหตุผลต่างๆนาๆมาพูดกัน
คงไม่ต่างกับไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนกัน พูดไปก็ไร้ประโยชน์ห่สาระแก่นสารไม่มี สุดท้ายต้องเดินตามมรรค 8
ที่พระพุทธองค์ทรงแนะทางให้ สามารถพิสูตรได้ ปฏิบัติได้ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คนบ้านเดียวกัน เขียน:
ทุกคนยังไม่เคยตายจะพูดอย่างไรก็คงไม่ถูก ก็คงใช้หลักการเหตุผลต่างๆนาๆมาพูดกัน
คงไม่ต่างกับไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนกัน พูดไปก็ไร้ประโยชน์ห่สาระแก่นสารไม่มี สุดท้ายต้องเดินตามมรรค 8
ที่พระพุทธองค์ทรงแนะทางให้ สามารถพิสูตรได้ ปฏิบัติได้ :b8:


ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้หลักเหตุผลมาเขียนแต่เพียงอย่างเดียว ที่ข้าพเจ้าใช้หลักการต่างๆมาใช้เป็นเครื่องมืองในการอธิบายนั้น ก็เพราะเป็นไปตามหลักการนั้นๆ
ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวโฆษณาให้กับตัวเองนะขอรับ ข้าพเจ้ามีสัมผัสพิเศษหลายอย่างหลายประการ มาตั้งแต่จำความได้ มีตาทิพย์สามารถมองเห็นกระแสคลื่น และอวัยวะภายในของมนุษย์ หรือมองทะลุเสื้อผ้าได้ อีกทั้งยังสามารถ มองเห็น สัมภเวสี และ ที่สูงกว่าสัมภเวสี อยู่บ่อยครั้ง จะเรียกให้แสดงกายออกมาก็ยังได้ นี้เป็นเรื่องจริงนะขอรับ ไม่ได้หลอกลวงเพื่อหวัง อามิสใดใดเลย และ ข้าพเจ้าศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับการกลับชาติไปเกิด ตายแล้วเกิดใหม่เวียนว่ายตายเกิดจริงหรือ เพราะข้าพเจ้าได้ฟังจากผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เฒ่า ผู้แก่ เขาเล่ามา ข้าพเจ้าชอบที่จะค้นหาคำตอบเหล่านั้น มาตั้งแต่เด็ก ขนาด "ยายของข้าพเจ้าด่าว่าข้าพเจ้าเป็น "หมา"บ้าง "หน้าหมาบ้าง" ข้าพเจ้ายังไปยืนดู สุนัข ในตลาด สันป่าข่อย จังหวัดเชียงใหม่ หลายครั้ง และเฝ้าติดตามดูสุนัขทุกครั้ง ที่ออกไปเที่ยวนอกบ้าน เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมยาย จึงด่าว่าข้าพเจ้าเป็น "หมา" ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้คำตอบตามที่ได้เขียนเป็นกระทู้ เรื่อง"ตายแล้วไปไหน" ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่เขียนโดยใช้หลักการต่างๆนั้น ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ใช้สมองสติปัญญาคิดพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง และเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะถ้าจะให้คนอย่างคุณหรือใครๆอีกหลายคนพิสูจน์ ก็คงทำไม่ได้ และต่อให้คุณเดินตามมรรค ๘ อีกร้อยชาติ พันชาติ ก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นหากคุณหรือทุกคนทำความเข้าใจในเรื่อง"ตายแล้วไปไหน"ก็สามารถใช้เป็น "หลักวิชาอ่านประกอบในการฝึกปฏิบัติธรรม" เพื่อการหลุดพัน บรรลุสู่ชั้นโสดาบันได้ ฉะนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
....
อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆเช่น แรงดึงดูดของโลก ,ดวงจันทร์ ,ดวงอาทิตย์ เป็นสิ่งประกอบที่สำคัญ ซึ่งทำให้เกิด พฤติกรรมต่างๆ ในมนุษย์ให้ดำเนินไป


:b17: :b17: :b17:

ท่านศรีฯ "การทดลอง-ลูกตุ้มของฟูโกต์" Foucault's pedulum


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จะเชื่อใครดี???

คนตาบอด..หรือว่าคนบอดรำไร

ตนบอดรำไร...หรือ..คนสายตาสั้น

คนสายตาสั้น..หรือว่า..คนสายตาดี

คนสายตาดี..หรือว่าคนตาทิพย์

หากคนตาทิพย์กับคนตาบอด..เป็นคนเดียวกัน

แล้วจะเชื่อใครดี?? s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จะเชื่อใครดี???

คนตาบอด..หรือว่าคนบอดรำไร

ตนบอดรำไร...หรือ..คนสายตาสั้น

คนสายตาสั้น..หรือว่า..คนสายตาดี

คนสายตาดี..หรือว่าคนตาทิพย์

หากคนตาทิพย์กับคนตาบอด..เป็นคนเดียวกัน

แล้วจะเชื่อใครดี?? s002


เฮ้อ คำอุปมาอุปมัยของคนที่ทางภาคเหนือเรียกว่า เอ๋อ นะขอรับ "คนตาทิพย์กับคนตาบอด เป็นคนเดียวกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...เอ๋อ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร