อย่าลองตั้งใจอ่านเลยครับ จะหาความจริงไม่เจอ ให้ลองทำดูอย่างที่ว่าซิครับ นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารณ์ จนละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กาย ใจ นี้ เป็น อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกูของกู ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส นี่คืองานและหน้าที่ที่สำคัญยิ่งของชาวพุทธ ครับ

ปฏิจสมุปบาท จะต้องตัดหรือหักออกตรงไหนให้ดูจากภาพนี้ครับ

คำอธิบายอยู่ที่นี่ครับ

อ่านยันต์จากเกจิสมัยก่อนหรือปริศนาธรรมในพระเครื่อง ยังถูกต้องลึกซึ้งและง่ายกว่า

มันละยังงัยรึ...ความเห้นผิด..

มันเห็นอะไร...จึงละได้

มันต้องบอกได้ซี...

เล่นบอกละ..ลอย ๆ ...อย่างนี้...ไม่มีเหตุมีผลเอาซะเลย

อย่านึกว่ากระผมไม่เคยลอง...นะ..ไอ้รู้นิ่ง ๆ สังเกตุ ๆ ...

นิ่ง..มีอริยะสัจ..กับ..ไม่มี..ต่างกันยังงัย...บอกได้มั้ย

นิ่งมีสติ...แล้วเป็นวิปัสสนาอัตโนมัตเลยหรอ?

ที่ต้องตั้งใจอ่านนี้นะ..ก็เพราะ..กำลังหา...ว่ามันมีสาระตรงไหนบ้าง

บ

ไม่ลองปฏิบัติจริงดูก่อน ใจร้อนอยากได้คำตอบก็จะได้แต่คำตอบที่เป็นบัญญัติซิครับบ

ละได้เมื่อเห็นธรรมตามความเป็นจริง เห็นจริงก็เบื่อหน่าย คลายกำหนัด และหลุดพ้น

เห็นจริงคือเห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ว

นิ่งแบบไม่มีอริยสัจ คือนิ่งแบบวัวแบบควายนิ่ง

นิ่งแบบมีอริยสัจคือนิ่งมีมรรคประกอบ คือมีสติ ปัญญา สมาธิร่วมกันทำงานค้นหาสมุทัย
นิ่งมีแต่สติ ยังไม่เป็นวิปัสสนา ต้องมีสติรู้ทัน ปัญญาสังเกตจนรู้ถึงจึงจะเป็นวิปัสสนาภาวนาได้ครับ
แ




ะ ช

สำหรับคุณโฮ....เจอแค่แบบทดสอบง่ายๆก็เกิดปฏิฆะแล้วหรือครับ
นี่หละน้า ปริยัติมาก ปฏิบัติน้อย เอาสมาธิมานำหน้าปัญญา กิเลส ตัณหาถูกก ล บ บั ง เล ย ไ ม่ ต า ย สั กที
ลอง ดู ต า รู ป ส ต รี ซิ ครั บ เ ข า อวย พ ร ปี ให ม่อยู่

คุณหลับอยู่กำลังดูถูกพระธรรมด้วยความไม่รู้นะครับ
ภาพวงปฏิจสมุปบาทโดยพิสดารที่เห็นอยู่นั้นเขาใช้ศึกษากันมากในประเทศพม่านะครับ ทำคนบรรลุธรรมมาเยอะแล้ว
ต้องใช้สติ ปัญญาสังเกตพิจารณาให้ดีจึงจะรู้เรื่องและเข้าใจครับ

ฟ้ามีตา...

รู้แล้ว....

ไอ้นิ่งรู้...เนี้ย...รู้ครั้งแรก...เป็นสมถะ

มิน่าละ...รู้..มันก็รู้เฉย ๆ..ไม่เห็นตัดกิเลสได้

มันปิติในสมถะเฉย ๆ ...ยังละจริงไม่ได้หรอก...

จำใว้..asoka...ต้องทำต่อ...

ต่อยอดจากสมถะตัวนั้น...จึงเรียกว่า..วิปัสสนา

อย่าหลงว่ารู้แล้วจนไม่ทำงานทำการ...เด้อ..asoka

ฟ้ามีตา..จริง ๆ

คุณอโศกะครับ โพสความเห็นผิดกระทู้แล้วล่ะครับ
ทำแบบนี้ชาวบ้านเขาเรียกว่า เกิดความกลัวไม่กล้าเผชิญหน้า
ทำได้แค่แอบนินทาลับหลัง

และไอ้ความเห็นคุณข้างบนมันเพ้อเจ้อสิ้นดีเลยครับ
พูดเองเออเองคนเดียว อะไรกันครับปฏิฆะ ปฏิโฆะของคุณ
รูปผมบอกว่ารกกระทู้ มันรูปกระโหลกผีพระธิเบต มันใหญ่ซะเต็มหน้าจอ
แถมมีตัวหนังสือรกไปหมด เหมือนหลงมางานแฟนซีร.พ.บ้าหลากสีสรร
จะอ่านแต่ละทีต้องเลื่อนหน้าจอไปมา มันปวดตา มันไม่ใช่ปฏิฆะหรือปฏิโฆะ
อย่างที่คุณบอกสักกาหน่อย

สงสัยโพสจนเบลอถ้างั้นก็กลับไปดูhttp://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40285&start=15

นี้หรือครับ เคล็ดลับสำคัญของคุณ แสดงความเห็นแบบนี้สงสัย
ไม่รู้จักนิวรณ์ห้า มันอะไรของคุณครับ เกิดนิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุ

เนี้ยบอกให้รู้เลยว่า ไม่รู้จักปัญญา ไม่รู้ว่าปัญญาได้มาอย่างไรแล้ว
นำไปใช้อย่างไร คำตอบเลยเลยเหมือนมั่วส่งๆไปครับ

ตามสบายนะครับคุณโฮ...กับคุณกบ

หวังดีกับasoka นะเนี้ย...

แก้ดี..นี้มันแก้ยากเน๊าะ...

สบายดีมั้ยคุณโฮ...

เขาบอกให้ตาม...สบาย...เจอคุณสบายรึเปล่า?

โฮฮับ..
นี้หรือครับ เคล็ดลับสำคัญของคุณ แสดงความเห็นแบบนี้สงสัย
ไม่รู้จักนิวรณ์ห้า มันอะไรของคุณครับ เกิดนิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุ

เนี้ยบอกให้รู้เลยว่า ไม่รู้จักปัญญา ไม่รู้ว่าปัญญาได้มาอย่างไรแล้ว
นำไปใช้อย่างไร คำตอบเลยเลยเหมือนมั่วส่งๆไปครับ [/quote]


อะไรกันครับคุณอโศกะ แค่นี้ก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วหรือครับ
จะเอาแต่เหตุ ไม่เอาผลไปด้วยหรือครับ ที่บอกว่าผมรู้ปริยัติไม่รู้ปฏิบัติ
ไอ้ปฏิบัติของคุณมันเป็นอย่างนี้นี่เอง คือการเดินหนี แถมเป็นการเดินตัวเปล่า
ไม่เอาปี่เอาขลุ่ยของตัวเองไปด้วย รักจะประชันดนตรีมันต้องร้องให้จบเพลง
ไม่ใช่ร้องครึ่งค่อนเพลง แล้วก็รีบม้วนเสื่อ
ไปเฉยๆไม่มีใครว่าหรอกครับ ข้าวของที่ทิ้งไว้เดี๋ยวก็มีคนเก็บให้
มันเสียตรงที่ ดันเดินผิวปากไปด้วย อันนี้ซิมันน่านัก

คุณอโศกะครับ นิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุผมว่ามันคงไปกันใหญ่แล้วครับ
มันเหมือนกับตอนที่คุณ พูดเรื่องอริยสัจจ์สี่โดยเข้าใจว่า เป็นเรื่อง ปฏิจจ์ฯ
นั้นแหล่ะครับ

ไอ้วิธีการที่คุณบอกให้นิ่งรู้นิ่งดูเฉยๆ มันเป็นวิธีหาปัญญา ความหมายก็คือ
คนยังไม่มีปัญญา และคนไม่มีปัญญาดับนิวรณ์ไม่ทันหรอกครับ
ส่วนใหญ่แล้วมันจะพัฒนาปรุงแต่งเป็นกิเลสอกุศล

นิวรณ์ เป็นกิเลสที่ละเอียด วิธีการดับจึงต้องดับด้วยปัญญา
โดยการพิจารณาธรรมใด ธรรมหนี่งมาโยนิโสฯ เพื่อดับนิวรณ์นั้น