หลวงปู่สรวงท่านใช้ฤทธิ์!.ท่านมีปัญญา....แท้ๆที่มาจากสมาธิระดับฌาน...ประการหนึ่ง
การเพ่งกสิณโบราณเขาเอาให้กำหนดเป็นวงกลมเพื่อรวมจิตให้เป็นหนึ่งและให้เข้ากับลักษณะของธรรมเอกผุดขึ้นตั้งมั่นในภายใน........คุณเอาแค่ใช้สัญญาจำให้ได้ก็พอไม่ใช่เพ่งจนตาถลน .......เอาให้ได้นิมิตจำได้แบบว่าลืมตาก็เห็นกำหนดให้มันนิ่งได้ย่อได้ขยายได้แล้วค่อยๆน้อมเข้ามาภายในกายของเราตามตำแหน่งตรงสะดือ(ได้ขั้นนี้สมาธิคุณมี ได้ในระดับหนึ่งแล้ว)ทำบ่อยๆดีมาก ยิ่งเวลาสวดมนต์เอาจิตไปจรดจ่อตรงนั้น อานุภาพเกินบรรยาย.......เดี๋ยวมีอะไรแปลกๆเป็นอจิณไตยนิดๆหน่อยๆก็รู้เอง

ความคิดความเข้าใจของคุณก็นับว่าถูกต้องอยู่ เพียงแต่ ยุคสมัยมันคนละยุคคนละสมัย ความรู้ในสมัยครั้งพุทธกาล กับ ยุคสมัยต่อๆมา ย่อมเปลี่ยนแปลงแปรเปลี่ยนไป
ถ้าคุณจะคิดพิจารณาต่อไปอีกว่า ลมแรงที่พอจะพัดให้น้ำไหว และเกิดแผ่นดินไหวได้นั้น จะต้องมีความรุนแรงกี่มากน้อย ที่จะทำให้ให้น้ำไหวจนเกิดแผ่นดินไหวได้
หลักวิทยาศาสตร์ บางหลักการก็เป็นเพียงการรู้เพียงผิวเผิน ไม่รู้ชัดแจ้งไม่ได้รู้ถึงต้นตอ เช่นการเกิดแผ่นดินไหว วิทยาศาสนา ก็เพียงอธิบายว่า เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก

"ข้าพเจ้าเคยอธิบายสาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว ใน เวบธรรมะเวบหนึ่งว่า แผ่นดินไหวเกิดจากการที่ พลังงานสนามแม่เหล็กของโลก ถูกรบกวน หรือแปรเปลี่ยน หรือขาดหายจากปกติ จึงทำให้แผ่นดินเกิดการเคลื่อนตัว หรือเกิดแผ่นดินไหวนั่นเอง"

ส่วนสิ่งที่คุณอยากทราบ ไม่รู้ว่าจะอยากทราบอยากรู้ไปทำไม จะไปตอบข้อสอบหรือเอาไปเปรียบเทียบกับหลักวิชาการหรือหลักศาสนาอื่นใดหรือขอรับ
1.พระไตรปิฎก ถูกเสมอ อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ. อธิบายไม่ได้ เพราะข้าพเจ้าเองไม่ได้เป็นผุ้เขียนพระไตรปิฎก และไม่ได้เป็นผุ้กำหนดว่า พระไตรปิฎก ถูกเสมอ ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้กำหนดว่า พระไตรปิฎกถูกเสมอ
คำแนะนำ ๐ คุณควรไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระไตรปิฎกว่า เขาเขียนขึ้นมาเพื่ออะไร เขียนขึ้นมาเพื่อต้องการให้เป็นสิ่งถูกต้องเสมอ หรือว่าเขียนขึันมาเพื่อให้ผู้ศรัทธาได้อ่าน ได้ศึกษา ได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว หรืออดีตของพุทธศาสนา๐

2.วิทยาศาสตร์ ถูก พระไตรปิฎก ผิด อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ. คำถามของคุณ ไม่ละเอียด ในแง่ที่ว่าไม่ได้อธิบายว่า วิทยาศาสตร์ แขนงไหน ถูก และ พระไตรปิฎกตอนใด ผิด
คำแนะนำ ๐ คุณควรทำความเข้าใจเอาไว้ว่า หลักวิทยาศาสตร์ เป็นหลักวิชาการเรียนรู้ในแขนงวิชาต่างๆ เช่น เคมี ฟิสิกซ์ ชีววิทยา ซึ่งในแขนงวิชาต่างๆที่ได้กล่าวไป ก็ยังแยกย่อยออกไปอีก และหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์นั้น เป็นหลักวิชาการเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม หรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วน หลักพุทธศาสนา หรือพระไตรปิฎก เป็นแม่แบบของหลักวิทยาศาสตร์ มีทั้ง เคมี ฟิสิกซ์ ชีววิทยา เพียงแต่ ศัพท์ภาษาในพระไตรปิฎกหรือในพุทธศาสนา ใช้อีกรูปแบบหนึ่ง อันนี้ข้าพเจ้าไม่อธิบายนะขอรับ คุณไปเปรียบเทียบเอาเองเถอะ

3.หลังจากตอบในข้อ 1 และ 2 คำกล่าวที่ว่า "ศาสนาพุทธนั้น มีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด" นั้นเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย[/quote]

ศาสนาพุทธนั้น มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ที่สุด นั้นเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร คำถามนิดเดียว แต่ถ้าจะตอบก็ต้องตอบกันยาว เอาสั้นๆนะว่า พุทธศาสนา (และหมายรวมถึงศาสนาอื่นๆด้วย) ย่อมมีความเป็นวิทยาศาสตร์อย่างที่สุด แต่อาจจะเป็นหลักวิทยาศาสตร์ในแขนงใดแขนงหนึ่ง หรืออาจจะเป็นวิทยาศาสตร์อย่างที่สุด ในทุกแขนง เพราะ พุทธศาสนา(หมายรวมถึงศาสนาอื่นๆด้วย) ไม่ได้สร้างนวัตกรรม หรือสิ่งประดิษฐ์เพื่อให้เกิดการแก่งแย่ง เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่พุทธศาสนา(หมายรวมถึงศาสนาอื่นๆ) ได้สรรสร้าง นวัตกรรม หรือสิ่งประดิษฐ์ในจิตใจมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ ฉะนี้
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
ผู้เขียน

วิทยาศาสตร์ คือธรรมชาติ ธรรมชาิติคือ ธรรมะ
พระไตรปิฎกก็คือ ธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าเห็น "ไม่เที่ยง เกิดดับ"

แผ่นไหว เกิดขึ้นจากเหตุและปัจจัยสุดท้ายก็ต้องหยุดไหว ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ มีเหตุปัจจัยให้มันเกิด
มีเกิดก็ต้องมีหยุด เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

รับทราบครับ

ถึงคุณเด่นนะครับ เราอาจไม่ต้องบอกอธิบายตรงที่เขาอยากรู้เรื่องโลกตรงนั้นก็ได้ ถามเขาว่าทุกข์ที่เกิดขึ้นมานั้น มันทุกข์จริงไหม เอาคำว่าทุกข์ตัวเดียวนั่นแหละครับ ถ้าเห็นทุกข์ดับทุกข์ได้จริง ธรรมโอสถก็เป็นของจริง ไฟยังไหม้หัวทั้งเขาและเราอยู่ ถ้าไปสาวความเรื่องอื่นไม่สาวความไฟที่อยู่บนหัว ไฟก็จะไหม้พวกเราตายกันหมด

โลกประกอบด้วย ดิน + น้ำ + ลม +ไฟ
สิ่งไหนมากเกินไปก็ทำให้เกิดภัยพิบัติ มีการเสื่อม มีการเปลี่ยนแปลง มีการเกิดมีการดับ ๆ ทุกเวลา
สิ่งเหล่านี้ประกอบกันทำหน้าที่ชั่วคราว สุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็ต้องแยกแตกสลายจากกัน ไม่มีตัวตน ไม่มีโลก

อ่านสุริยะสูตรก้รู้แล้วว่าพระพุทธเจ้าสุดยอด

ไม่รู้จะเอาไปเปรียบเทียบกันทำไมศาสนาก็อยู่ส่วนศาสนาวิทยาศาสตร์ก็อยู่ส่วนวิทยาศาสตร์ หรืออยากจะบอกว่าศาสานาพุทธเป็นของจริงตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ศาสนาอื่นเป็นของปลอมงั้นหรอ ที่จริงพุทธกับวิทต่างกันคนละเรื่องเลย มันก็เหมือนกันนิดหน่อยตรงที่ การใช่เหตุผลเท่านั้น วิทสามารถพิสูตรและอธิบายเป็นรูปธรรมได้ แต่พุทธไม่สามารถอธิบายเป็นรูปธรรมได้ เป็นปัจัตตัง คือรู้เฉพราะตน พุทธสอนให้ละกิเลส วิทมีแต่จะเพิ่มกิเลส แล้วมันจะเหมือนกันตรงใหนหรอ และที่สำคัญวิทเกิดก่อนพุทธด้วย ใหนจะพวกโคลนนิ่งมนุษย์ละพุทธจะอธิบายอย่างไร

เพราะไม่มีบุญตาเคยเห้นผู้ทีฤทธิ์เช่นหลวงปู่สรวงท่านหายตัวได้เดินไต่เชือกว่าวได้ ย่นระยะทางได้ๆลๆและครูบาอาจารย์หลายๆท่านที่ท่านแยกกายเป็นหลา ยคน ปรากฏร่างหลายๆที่ในเวลาเดียวกันหรือทำให้คนนึงเห้นท่านอีกคนไม่เห็น.....รู้วาระจิตๆลๆ พวกโง่ๆจึงออกความเห็นโง่ๆ มาในเวปนี้

ลองท่านดู รายการเจาะใจ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ จากนาซ่าสู่ป่าช้าเมืองไทย แล้วท่านจะรู้ว่า ขนาด นาซ่าเองยังยอมรับ หลักธรรมชาติที่ พระพุทธเจ้า ทรงค้นพบ เลยนะครับ หลายอย่างที่เทคโนโลยี่ ทางวิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง แต่ใช้ว่า จะไม่เป็นจริง นะครับ