วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 05:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่สุดของ ทาน คือ ศรัทธา
ที่สุดของ ศีล คือ เจตนา
ที่สุดของ สมาธิ คือ อัปปนาสมาธิ
ที่สุดของ ปัญญา คือ ไตรลักษณ์

ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาของปัญญา
ที่สุดของพุทธศาสนา คือ รู้แจ้งไตรลักษณ์

เมื่อรู้แจ้งไตรลักษณ์ ก็ไม่มีอะไรจะพูดถึงอีก
เรียกว่าเสร็จกิจในพระศาสนา

ที่พูดอยู่ทุกวันว่า อันนั่นอนิจจัง อันนี้ทุกขัง อันโน้นอนัตตา นั่นเพราะไม่รู้แจ้งไตรลักษณ์
เพียงแต่รู้จักตามตำราเท่านั้น แล้วไปยึดเอาไตรลักษณ์มาพูด มาคุย มาอวด ไม่ละไม่ปล่อยวาง

ผู้ที่รู้แจ้งไตรลักษณ์ ท่านมีแต่ละ มีแต่ปล่อยวาง แม้แต่ธรรม ท่านยังว่า "ธัมมา อนัตตาติ"

นี่ก็อวดอ่ะ .. :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 11:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
ที่สุดของ ทาน คือ ศรัทธา
ที่สุดของ ศีล คือ เจตนา
ที่สุดของ สมาธิ คือ อัปปนาสมาธิ
ที่สุดของ ปัญญา คือ ไตรลักษณ์

ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาของปัญญา
ที่สุดของพุทธศาสนา คือ รู้แจ้งไตรลักษณ์

เมื่อรู้แจ้งไตรลักษณ์ ก็ไม่มีอะไรจะพูดถึงอีก
เรียกว่าเสร็จกิจในพระศาสนา

ที่พูดอยู่ทุกวันว่า อันนั่นอนิจจัง อันนี้ทุกขัง อันโน้นอนัตตา นั่นเพราะไม่รู้แจ้งไตรลักษณ์
เพียงแต่รู้จักตามตำราเท่านั้น แล้วไปยึดเอาไตรลักษณ์มาพูด มาคุย มาอวด ไม่ละไม่ปล่อยวาง

ผู้ที่รู้แจ้งไตรลักษณ์ ท่านมีแต่ละ มีแต่ปล่อยวาง แม้แต่ธรรม ท่านยังว่า "ธัมมา อนัตตาติ"

นี่ก็อวดอ่ะ .. :b13:


:b8: มันเป็นเช่นนั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 11:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:
วิริยะ เขียน:

ที่พูดอยู่ทุกวันว่า อันนั่นอนิจจัง อันนี้ทุกขัง อันโน้นอนัตตา นั่นเพราะไม่รู้แจ้งไตรลักษณ์
เพียงแต่รู้จักตามตำราเท่านั้น แล้วไปยึดเอาไตรลักษณ์มาพูด มาคุย มาอวด ไม่ละไม่ปล่อยวาง

.. :b13:


เขาก็ภูมิใจของเขา...
อุตส่า...เข้าใจ
คิดว่าเข้าใจ...

ทุกข์เมื่อไร...
ก็อยากออกเองนั้นแหละ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 11:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีสุดของพุทธศาสนา คือ การทำที่สุดแห่งทุกข์

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 12:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอลองอวดบ้าง.. :b12: ..ถือว่าอวดความโง่ของตัวเองแล้วกัน (เผื่อว่าจะได้ฉลาดๆขี้นบ้าง) :b13: :b13:


ที่สุดของทาน คือ ละ (ละขันธ์5)

ที่สุดของศีล คือ อธิศีลเพื่อทำให้ถึงอธิจิต เก่งกล้าเมื่อใด ก็จะผันเป็นอธิปัญญา เอง

ที่สุดของสมาธิ คือ อัปปนาสมาธิที่เป็นสัมมาทิฏฐิ

ที่สุดของปัญญา คือ การละความยึดถือยึดมั่นของขันธ์5 เพื่อ นิพพาน

ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาของปัญญา
ที่สุดของพุทธศาสนา คือ วางความยึดถือยึดมั่นของขันธ์5 ไปนิพพาน

เมื่อรู้แจ้งในไตรลักษณ์ แล้วก็วางทุกอย่างให้เป็นธรรมดา วางทุกสิ่งทุกอย่างในโลกรวมทั้งตัวเราที่เป็นขันธ์5ให้เป็นธรรมดา เพื่อไป พระนิพพาน


แก้ไขล่าสุดโดย ชาวโลก เมื่อ 30 ม.ค. 2012, 09:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ทีสุดของพุทธศาสนา คือ การทำที่สุดแห่งทุกข์


เห็นด้วยกับท่านเช่นนั้นเจ้าค่ะ :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็เห็นด้วยกับท่านวิริยะนะ บางท่านก็ตั้งกระทู้ขึ้นมาถามแล้วในที่สุดก็เกิดเถียงกันไม่ค่อยจะจบ
ในธรรมบางหัวข้อถ้าปฏิบัติไม่ถึงก็ยังไม่ควรจะตั้งคำถาม ให้ปฏิบัติไปก่อนเดี๋ยวก็รู้ เพราะธรรมนั้นรู้ได้เห็นได้เฉพาะตน มีปัญญาเท่าไหนก็รู้เท่านั้นไปก่อน ไม่ต้องรีบรู้หรืออวดทิฐิว่าตนรู้ก็ได้.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 13:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
ผมก็เห็นด้วยกับท่านวิริยะนะ บางท่านก็ตั้งกระทู้ขึ้นมาถามแล้วในที่สุดก็เกิดเถียงกันไม่ค่อยจะจบ
ในธรรมบางหัวข้อถ้าปฏิบัติไม่ถึงก็ยังไม่ควรจะตั้งคำถาม ให้ปฏิบัติไปก่อนเดี๋ยวก็รู้ เพราะธรรมนั้นรู้ได้เห็นได้เฉพาะตน มีปัญญาเท่าไหนก็รู้เท่านั้นไปก่อน ไม่ต้องรีบรู้หรืออวดทิฐิว่าตนรู้ก็ได้.


เห็นด้วยน่ะ เรื่อง ไม่ต้องรีบรู้หรืออวดว่าตนรู้ก็ได้น่ะ :b1: :b1: เพราะมันเป็นปัจจัตตังจริงๆ..


... เราเพิ่งตามอ่านได้ 2 วัน การอวดโง่ของเรา ทำให้เราได้ข้อติจากครูๆทั้งหลาย ก่อเกิดปัญญาได้มากมายภายใน 2 วันมานี้ เราได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยหล่ะ...ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอครูๆในเวปนี้....เพราะคำติถือว่าเป็นครู...เป็นแรงผลักดันให็เดินไปข้างหน้า...เพื่อพระนิพพาน..ต่อไปเราก็ตั้งใจจะอวดโง่ตลอดหล่ะ เพื่อได้คำติเยอะๆ.. :b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย ชาวโลก เมื่อ 27 ม.ค. 2012, 13:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
ผมก็เห็นด้วยกับท่านวิริยะนะ บางท่านก็ตั้งกระทู้ขึ้นมาถามแล้วในที่สุดก็เกิดเถียงกันไม่ค่อยจะจบ
ในธรรมบางหัวข้อถ้าปฏิบัติไม่ถึงก็ยังไม่ควรจะตั้งคำถาม ให้ปฏิบัติไปก่อนเดี๋ยวก็รู้ เพราะธรรมนั้นรู้ได้เห็นได้เฉพาะตน มีปัญญาเท่าไหนก็รู้เท่านั้นไปก่อน ไม่ต้องรีบรู้หรืออวดทิฐิว่าตนรู้ก็ได้.

อย่างนั้นหรือครับ แล้วอย่างคุณเขาเรียกอวดรู้หรืออวดดีครับ
ใครเขาจะตั้งกระทู้หรือใครเขาจะอวดรู้ มันเป็นสิทธิของเขาครับ
คนอวดรู้นี่ผมว่าไม่น่ากลัวเท่าคนอวดดีนะครับ

คุณครับถ้าเราไม่ไปยุ่งกับเขา เราก็จะไม่เห็นเขาอวดรู้หรอกครับ
แต่ถ้าเราไปยุ่งกับเขา เที่ยวได้ไปว่าเขาก่อนแบบนี้เราเองนั้นแหล่ะครับ
ที่สมควรถูกประนามว่าอวดรู้แถมอวดดีด้วยครับ

ผมพึ่งเห็นสอนธรรมเรื่องฌาณเรื่องอจิณไตยอยู่เมื่อกี้ ลืมแล้วหรือครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แหะ..แหะ..ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับ
Keep Cool please :b38: :b12: :b8:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 16:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่สุดของธรรมะ คือ รู้จักธรรมชาติ หรือ รู้จักความจริงตามกฎไตรลักษณ์
ไม่ว่าขันธ์ 5
ไม่ว่าสิ่งกระทบ
ไม่ว่าอารมณ์
ไม่ว่าโลภ โกรธ หลง
ไม่ว่า ตัณหา
ไม่ว่ากิเลส
ไม่ว่าอริยสัจ 4
ไม่ว่าธรรมะทั้งหมด จบลงที่กฎไตรลักษณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคิดว่าตนเองรู้แจ้ง ไตรลักษณ์ ก็ต้องรู้จักวาง ไตรลักษณ์
ไม่ใช่เอาแต่พร่ำบ่น ไตรลักษณ์ ๆ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง

:b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2012, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่สุดแห่งการไม่การไม่ยึดไม่ถือหรือละอุปาทาน ก้คือ การปล่อยวาง

การปล่อยวางทางจิตนั้นดูเหมือนง่าย แต่จริงๆแล้วทำได้ยากกว่าการไปยึดมั่นในอุปาทาน :b41:

ผู้ที่จะเข้าถึงที่สุดของที่สุดแห่งธรรมและการปล่อยวางนั้น คือเห็นสังขารธรรมเปนของไม่เที่ยงได้นั้นจะต้อง
มีองค์ธรรม2 อย่างคู่กัน ถึงจะไปจุดหมายได้ไหว ก้คือ วิริยะบารมี กับขันติธรรม ไม่งั้นหมดแรงก่อน :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2012, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะ :b8:

(ที่จริงอยากอวดบ้าง...แต่ไม่มีอะไรจะอวดเลย :b13: )

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2012, 16:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกอ่านหนังสือก็ต้องฝึก ท่อง ก ข ค ง ะ า อิ อี แต่ยังอ่านไม่ออก เมื่อชำนาญแล้วค่อยผสมสระเข้าด้วยกัน แล้วฝึกอ่านหลายๆครั้ง มีครูอาจารย์ช่วยชี้แนะ ถึงจะรู้ความหมายของคำนั้น

การรู้แจ้งกฎไตรลักษณ์ก็เหมือนกัน เราต้องเริ่มจากการท่องจำ ท่องเมื่อมีสิ่งมากระทบทางอายตนะ
ในขณะปัจจุบัน ไม่กระทบไม่พิจารณา ท่องให้เป็นนิสัยเป็นความเคยชินแล้วเราก็จะรู้ความจริงตามกฎไตรลักษณ์เอง เริ่มจากน้อยไปหามากเพื่อเข้าใจสิ่งที่ยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร