วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 18:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
[...เนื้อหาอะไร...คุณโฮฮับอย่าไปรู้เลย...เพราะรู้ไปก็คิดไปวุ่นวายไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกค่ะ...

ไม่ใช่ผมอยากรู้ แต่เป็นเพราะคุณมาบอกว่า "หลวงตาเทศน์ หลวงตาสอนธรรม"
แล้วมาบอกว่าจิตรวม ผมเห็นว่าไม่ใช่ ผมก็อธิบายไป แต่คุณกลับเถียงหัวชนฝา
ว่าคุณพูดถูก มันก็ต้องเป็นหน้าที่คุณที่จะต้องบอกครับว่า สิ่งที่คุณกล่าวมันเป็นอย่างไร
ไม่ใช่พูดได้แต่ว่า ของฉันถูกๆๆๆ แต่ให้อธิบายกลับบอกหน้าตาเฉยว่าคุณอย่าไปรู้เลย

ผมก็ขอบอก....
"ไม่อยากรู้หรอกครับ แต่อยากรู้ว่ารู้จริงหรือมั่วเท่านั้นแหล่ะ"

Rosarin เขียน:
.....ฉายาข้าพเจ้าน่ะ..รสรินค่ะ...คิดตีความไปเองอีกแล้ว...กุหลาบซ่าที่ไหน...ปฏิบัติให้มันรู้ซิเธอ...

ที่เปลี่ยนฉายาให้ก็ด้วยความเมตตาครับ ชื่อคุณมันเพราะไปเดี่ยวลงขุมนรกนะครับ
ก็คุณบอกเองว่า หลวงตาบอกชื่อเพราะๆจะลงนรก ชื่อกุหลาบซ่านะดีแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ :b13:
Rosarin เขียน:
...จะได้หายสงสัย...ถามอะไรก็อายตัวเองบ้าง...ครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนตรงทางอย่างถูกต้องน่ะมี...
:

ผมไม่ได้สงสัย แล้วผมจะไปอายใครอายทำไม คนที่จะต้องอายมันเป็นคุณครับ
เขาถามเรื่องลิขสิทธิ์ แต่คุณไปเอาเรื่องบารมีของหลวงตามาโพส ผมก็บอกไปว่า
ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลวงตาเป็นพระภิกษุทำเรื่องนี้ไม่ได้
มาถึงตอนนี้แหล่ะครับที่คุณเริ่มสติแตก ยกเรื่องฟังเทศน์แล้วจิตรวม
กะเอามาข่มผม ทั้งๆที่มันไม่ได้อยู่ในประเด็น และที่น่าอายไปกว่านั้น
ไม่รู้จักว่า ฟังธรรมเป็นอย่างไร การปฏิบัติเป็นอย่างไร
ถามหน่อยครับคุณกุหลาบซ่า รู้เรื่องปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธมั้ยครับ

Rosarin เขียน:
...วิธีฟังเทศน์ที่พระอาจารย์หลวงตามหาบัวท่านสอนน่ะ...ให้อยู่ในท่านั่งสมาธิ...ให้จิตอยู่กับตัว...
...บริกรรมพุทโธและไม่ต้องส่งจิตออกไปหาผู้เทศน์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องจำเนื้อความที่ท่านเทศน์ด้วย...
:

แบบนี้หลวงตาไม่ได้กำลังเทศน์หรือสอนธรรมครับ หลวงตาท่านกำลังสอน
เรื่องการปฏิบัติ มันอยู่ในขั้นตอนของการปฏิบัติแล้ว

ผมถึงได้ถามแย้งไงว่า ฟังธรรมแล้วมานั่งสมาธิจิตรวม
แบบนี้จะฟังธรรมรู้เรื่องหรือ จะบอกให้ครับคุณมันนกแก้วนกขุนทอง
ถึงไม่เข้าใจว่า อันนั้นเป็นปริยัติ อันไหนเป็นปฏิบัติ

Rosarin เขียน:
..เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่ง...เหลือแต่จิตผู้รู้...คำบริกรรมจะหายไป...จิตอยู่กับร่างกายแบบต่างอันต่างอยู่...
:

ที่พูดมาถามจริง ประสบเองหรือจำขี้ปากเขามาพูด
พูดมาได้ เป็นนกเอี้ยง จิตอยู่กับร่างกายต่างคนต่างอยู่
ถามหน่อยสภาวะจริงมันเป็นอย่างที่คุณว่าหรือ
พุดโธ่! พูดให้มันดูอลังการณ์ไปเอง รูปกับนามมันก็ต่างคน
ต่างอยู่ อยู่แล้ว นามมันเกิดจากรูป เกิดจากเหตุปัจจัย
ถามหน่อยดูละครมากไปหรือเปล่า
แล้วไม่ต้องย้อนมานะว่า ผมไม่เคยปฏิบัติไม่มีบารมี
มันปัญญาอ่อนครับ
คนมีประสบการณ์เท่านั้นที่กล้าพูดกล้าถามกล้าแย้ง
และมีเหตุผลอธิบายด้วย ไม่เหมือนคุณพอถามเข้าก็บอกว่า
อย่ารู้เลย แบบนี้มันตลกฝืดครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
...จิตรวมคือมีกายสักว่ากาย จิตสักว่าจิต เวทนาสักว่าเวทนา ธรรมสักว่าธรรม นี่คือสติปัฏฐานสี่แท้ๆ...

นี่ก็อีกจำเขามาพูด เขาว่าจิตรวมก็เอากับเขามัง
มันมีเยี่ยงอย่างที่ไหนกันครับ จิตรวมแล้วกายสักแต่ว่ากายเวทนาสักแต่เวทนา
ธรรมสักแต่ธรรม มั่วแบบนี้มือสมัครเล่นนะครับเนี้ย

กาย เวทนา จิตและธรรม มันต้องมีปัญญาสัมมาทิฐิก่อน
แล้วเอาไปพิจารณากายมันจึงจะเกิด กายสักแต่กาย
เวทนาและธรรมก็เช่นกัน นี่อะไรกันปัญญาสัมมาทิฐิยังไม่มี
มาโม้ว่า เห็นกายสักแต่ว่ากาย แถมกายอยู่ส่วนกาย
จิตอยู่ส่วนจิตอีกแน่ะ มันจะเป็นการพิจารณาธรรมไปได้ยังไง
ที่เล่ามาล้วนเป็นจินตนาการทั้งเพครับ

Rosarin เขียน:
...เพราะธรรมะทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้ไม่ได้แยกส่วนแต่การอธิบายโดยละเอียดต้องแยกกัน...

พระธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงแยกไว้เป็นกิจจลักษณะ มีแต่ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจ
เท่านั้นที่บอกว่าพระธรรมของพระพุทธองค์ไม่ได้แยก ธรรมมีตั้ง84000พระธรรมขันธ์
พูดมาได้ไงว่าไม่ได้แยก พูดไปเรื่อย พูดไม่คิดครับ :b13:
Rosarin"
...เวลาที่ปฏิบัติเข้าไปเจอธรรมของจริง สมาธิ วิปัสสนา สติปัฏฐานสี่ รวมอยู่ณขณะจิตผู้รู้ขณะนั้นเอง...[/quote]
ก่อนที่คุณจะมาบอกผม ผมว่าคุณไปศึกษาปริยัติบ้างก็ดีนะ
เวลาเจอธรรมจริงจะได้รู้ ไม่ใช่มานั่งฟ่งซ่าน จนบอกว่าจะอกแตกตายเพราะ
จิตรวม กายอยู่ส่วนกาย

แนะนำครับ อย่ามัวไปฟุ้งซ่านหาอะไรทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่า กำลังหาอะไรเลย
ใครเขาบอกให้หาก็หา แบบนี้น่าสงสารนะครับ

[quote="Rosarin เขียน:
...จะเขียนไปคุณโฮซ่าก็คิดวุ่นวายอีก หาเทศน์องค์พระหลวงตามหาบัวมาฟังตอนนั่งสมาธิดีกว่านะ...
:

ดีครับไม่ต้องเขียน เพราะผมรู้สึกปวดหัววุ่นวายกับความเห็นคุณจริงครับ
ไอ้ประเภทความเห็น ไปไหนมาสามวาสองศอกเนี่ย

คุณกุหลาบซ่าครับหยุดได้แล้วเพื่อนๆมาช่วยแก้เกี้ยวให้แล้ว
ไม่ต้องอายหรอกครับ หยุดเถอะ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...คุณโฮฮับคะ...ไม่สงสารตัวเอง...ก็สงสารคนเขียน...หรือไม่ก็สงสารคนอ่านจะดีกว่าไหม...
...ข้าพเจ้าเขียนน่ะจากใจจริงๆ...จากประสบการณ์จริงๆ...ก็บอกแล้วว่าธรรมของจริง...
...ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ในครั้งพุทธกาลไม่มีตำราหรอกจ้ะคุณโฮ...
...แล้วคุณว่าทำไมฟังพระพุทธเจ้าเทศน์อบรมนิดเดียวเอง...
...ทำไมถึงบรรลุธรรมได้ล่ะจ๊ะ...ปริยัติศึกษาตรงไหนก็สงสัยตรงนั้น...
...แต่ปฏิบัติโดยฟังจากพระอรหันต์น่ะก็คือปริยัติ...หรือจะปฏิเสธจ๊ะ...
...มีทั้งปริยัติไปพร้อมกับปฏิบัติเมื่อรู้แจ้งจริงก็เป็นปฏิเวธแล้ว...หายสงสัยน่ะ...
:b8:
...การปฏิบัติธรรมของคุณโฮน่ะ...ปฏิบัติที่ไหนล่ะจ๊ะ...ที่แม่น้ำ ป่าไม้ ภูเขา หรือต้นไม้คะ...
...พระพุทธเจ้าสอนว่าที่กายกับใจของตัวเองไม่ใช่หรือคะ...ก็มีแค่นี้เท่านั้นเองนี่...
...แต่ด้วยว่าถ้าอธิบายแค่นี้ก็จบ...ใครๆก็บรรลุธรรมไปกันหมดแล้วจริงไหม...
...พระธรรมในพระไตรปิฎกมี 84000 พระธรรมขันธ์ ทรงแสดงไว้แค่หยิบมือเดียว...
...และเป็นพระมหาการุณิโกนาโถที่ทรงเมตตาอธิบายรายละอียดเพื่อให้คิดพิจารณาไตร่ตรองตาม...
...ไม่ได้มีไว้ให้ผู้ที่ศึกษานำมาท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองเพื่อเอาไว้สอบทำคะแนนเหมือนวิชาอื่น...
:b13:
...ข้าพเจ้าขอจบการบรรยายเพียงเท่านี้เพราะพูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย..
...เห็นไหมคุณโฮ...คำสอนของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมีว่ายังไงน๊า...
...พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์...
...อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องวุ่นวายมาตีความว่าข้าพเจ้าอยากจะเอาชนะอะไรด้วย...
...ไม่อยู่ในความคิด...ข้าพเจ้าไม่มุสาในนี้หรอกมันบาปรู้ไหม...บ๊ายบาย...เท่านี้นะจ๊ะ...
:b16: :b29:
:b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 02:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
...คุณโฮฮับคะ...ไม่สงสารตัวเอง...ก็สงสารคนเขียน...หรือไม่ก็สงสารคนอ่านจะดีกว่าไหม...
...ข้าพเจ้าเขียนน่ะจากใจจริงๆ...จากประสบการณ์จริงๆ...ก็บอกแล้วว่าธรรมของจริง...

ประสบการณ์อะไรของคุณ เห็นพูดเป็นเป็นนกเอี้ยงว่า " กายสักแต่กาย จิตสักแต่จิต"
คำพูดแบบนี้เขาไม่เรียกประสบการณ์ มันเป็นคำพูดเอาเท่ ส่วนใหญ่คนพูดจะไม่เข้าใจเลย
ว่ามันเป็นอย่างไร ก็เหมือนกับคุณนั้นแหล่ะ ที่บอกว่า จิตกับร่างกายต่างคนต่างอยู่

ไอ้ประสบการณ์ที่คุณบอก มันก็แค่ได้เห็นได้ฟังคำพูดของครูบาอาจารย์
หรือได้อ่านจากการสนทนาธรรมตามเว็บ แล้วก็มาพูดเป็นตุเป็นตะว่า
เป็นประสบการณ์ของตัวเอง แค่บอกว่าร่างกายกับจิตต่างคนต่างอยู่
มันก็ทำให้ผมหัวร่องอหายแล้ว :b13:


ผมคุยกับคุณ คุณไม่พยายามตั้งสติให้ดี ไม่รู้จักตอบโต้
ด้วยเหตุและผล นึกอะไรได้ก็ใส่ฉอดๆจะเกี่ยวไม่เกี่ยวฉันไม่รู้
จากการคุยเรื่องลิขสิทธิ์ คุณก็ไปเรื่องหลวงตาเทศน์ พอผมถามหา
ธรรมที่หลวงตาเทศน์ คุณก็ดันบอกว่า จิตสงบแถมยังใส่แอคติ้งว่า"จะตายเสียให้ได้"
ไปไหนมาสามวาสองศอกจริงๆ มันต้องเอาธรรมที่หลวงตาเทศน์มาบอกว่า เนื้อหาในธรรม
มีอะไรบ้าง ไม่ใช่เอาเรื่องตัวเองมาบอก

มันเหมือนเด็กนั่งหลับเวลาครูสอนพอถูกดุ
เด็กมันก็ตอบครูว่า "ผมไม่ได้หลับ ผมกำลังนั่งสมาธิครับ" :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 03:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
...ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ในครั้งพุทธกาลไม่มีตำราหรอกจ้ะคุณโฮ...
...แล้วคุณว่าทำไมฟังพระพุทธเจ้าเทศน์อบรมนิดเดียวเอง...
...ทำไมถึงบรรลุธรรมได้ล่ะจ๊ะ...ปริยัติศึกษาตรงไหนก็สงสัยตรงนั้น...

สมัยพุทธกาลตำราก็คือพระพุทธเจ้าไง คำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนอริยสาวกนั้น
ก็คือ ปริยัติ ส่วนการปฏิบัติคือเรื่องของอริยะสาวกที่นำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ
จะต้องฟังธรรมของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจเสียก่อนมันถึงจะปฏิบัติได้ถูกต้อง

ความหมายของคำว่า"บรรลุธรรม"ที่คุณพูด ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า
ตัวคุณก็ไม่รู้ความหมายหรอก เห็นในหนังสือมาแบบนี้ก็พูดตาม
จะบอกให้ครับ ความหมายของคำว่า"บรรลุธรรม"ในสมัยพุทธกาล
มันก็คือ การได้ฟังธรรมแม้เพียงครั้งเดียว เกิดความเข้าใจในธรรมนั้น
ทำให้เกิดสัมมาทิฐิและศรัทธาในธรรม การจะมีสัมมาทิฐิจะต้องมีสติจดจ่อ
อยู่ที่ธรรมนั้น ไม่ใช่มัวแต่ไปทำจิตสงบ
จิตสงบก็คือจิตสงบ จิตที่กำลังพิจารณาธรรมก็คือพิจารณาธรรม
การบรรลุธรรมไม่ใช่การบรรลุเป็นพระอรหันต์โปรดเข้าใจด้วย
เมื่อบรรลุธรรมแล้วยังต้องฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอีกเพื่อนำไปปฏิบัติ

Rosarin เขียน:
...แต่ปฏิบัติโดยฟังจากพระอรหันต์น่ะก็คือปริยัติ...หรือจะปฏิเสธจ๊ะ...

แค่บัญญัติง่ายๆยังไม่เข้าใจ ปริยัติไม่ได้แบ่งแยกหรอกว่าฟังธรรมจากใคร
ขอเพียงแต่ธรรมนั้นเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ลูกหลานเล็กๆมานั่งอ่าน
พระไตรปิฎกให้คนแก่คนเฒ่าฟัง แบบนี้ก็เรียกปริยัติ

ส่วนการปฏิบัติเราต้องปฏิบัติเอง แนะนำให้อย่างนะ
อย่ายึดมั่นในตัวบุคคล สิ่งที่เราต้องยึดและศรัทธาคือ
พระธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมเป็นตัวแทน
ของพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบย่อมต้องรู้ดีกว่าใคร
อรหันต์หรือยายชีก็ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าพระธรรมของพระพุทธเจ้า
Rosarin เขียน:
...มีทั้งปริยัติไปพร้อมกับปฏิบัติเมื่อรู้แจ้งจริงก็เป็นปฏิเวธแล้ว...หายสงสัยน่ะ...

ไม่ได้สงสัยเลยสักกาติ๊ด แต่มันตลกกับคำพูดข้างๆคูๆ พูดเหมือนคนไม่เข้าใจ
แม้แต่บัญญัติเบื้องต้น มันก็เป็นเพราะ เวลาครูบาอาจารย์สอนอะไร มัวแต่นั่ง
ทำความสงบ ผลมันก็เป็นแบบนี้

มันย่อมต้องใช่อยู่แล้วว่า ปริยัติมันต้องไปพร้อมกับปฏิบัติ
ถ้าไม่มีปริยัติก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไร การสอนถึงวิธีปฏิบัติเขาเรียกว่า ปริยัติ
และการกระทำตามวิธีการที่ครูสอนเขาเรียกปฏิบัติ
เป็นลูกศิษย์มีครูบาอาจารย์ แล้วจะมาบอกว่า มีทั้งปริยัติพร้อมกับปฏิบัติ
มันก็เก่งกว่าครูบาอาจารย์แล้ว
ดังนั้นใครจะอ้างครูบาอาจารย์ มันต้องอ้างธรรมที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน
ไม่ใช่มาอ้างชื่อครูบาอาจารย์ แต่ดันอวดสรรพคุณของตัวเองว่า..
ฟังธรรมครูบาอาจารย์แล้วจิตสงบ แบบนี้แสดงว่าไม่ได้สนใจกับธรรม
ที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 04:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
...การปฏิบัติธรรมของคุณโฮน่ะ...ปฏิบัติที่ไหนล่ะจ๊ะ...ที่แม่น้ำ ป่าไม้ ภูเขา หรือต้นไม้คะ...
...พระพุทธเจ้าสอนว่าที่กายกับใจของตัวเองไม่ใช่หรือคะ...ก็มีแค่นี้เท่านั้นเองนี่...
...แต่ด้วยว่าถ้าอธิบายแค่นี้ก็จบ...ใครๆก็บรรลุธรรมไปกันหมดแล้วจริงไหม...
...พระธรรมในพระไตรปิฎกมี 84000 พระธรรมขันธ์ ทรงแสดงไว้แค่หยิบมือเดียว...
...และเป็นพระมหาการุณิโกนาโถที่ทรงเมตตาอธิบายรายละอียดเพื่อให้คิดพิจารณาไตร่ตรองตาม...
...ไม่ได้มีไว้ให้ผู้ที่ศึกษานำมาท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองเพื่อเอาไว้สอบทำคะแนนเหมือนวิชาอื่น...
:b13:

ตอนแรกว่าจะย้อนว่าคุณนั้นแหล่ะเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ดูๆแล้วคุณเป็นไม่ได้
แม้นกแก้วนกขุนทอง อย่างคุณเป็นได้แค่นกเอี้ยง เพราะคุณไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
นกแก้วมันยังจำในสิ่งที่คนสอนได้ แต่คุณจำไม่ได้
คุณไม่สามารถพูดถึงธรรมที่ครูบาอาจารย์สอนได้ มันก็เหมือนนกเอี้ยง
ที่ไม่ต้องมีคนสอนมันเลี้ยงควาย มันจับแมลงบนหลังควายกิน จนเข้าใจไปเองว่า
กำลังช่วยเลี้ยงควาย :b13:

ผมว่าคุณพูดแบบไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องพูดมันจะเกิดประโยขน์ต่อตัวคุณนะครับ
พูดง่ายๆก็คือ"จะได้ไม่อายชาวบ้านเขา"

ความหมายของกายกับใจและพระธรรมของพระพุทธเจ้าหมายถึง
ธรรม84000พระธรรมขันธ์ ล้วนแล้วอยู่ที่กายใจเรา
การศึกษาพระธรรมแต่ละบทแต่ละขันธ์ของพระพุทธเจ้า
พระองค์ให้ดูที่กายใจของเรา ครูบาอาจารย์ถึงได้พูดว่า
"อย่าส่งจิตออกนอก"
ธรรมมันไม่ใช่แค่หยิบมือ พระธรรมมี84000พระธรรมขันธ์
มันแค่หยิบมือที่ไหน พระธรรมของพระพุทธเจ้ารวมธรรมชาติ
ไว้ทั้งหมด คุณพูดได้ไงว่าแค่หยิบมือ การจะพูดว่าธรรมแค่หยิบมือได้
บุคคลนั้นต้องรู้จักธรรมเข้าใจธรรมสามารถเลือกเฟ้นตามมาใช้ตามกาล
ไม่ใช่ครูบาอาจารณ์สอนธรรมแต่ตัวเองมานั่งทำจิตสงบ
แล้วมาบอกว่า "ธรรมแค่หยิบมือ" พุดโธ่!น่าสงสารนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 04:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
...ข้าพเจ้าขอจบการบรรยายเพียงเท่านี้เพราะพูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย..

ฮะๆๆ ผมจำได้ว่า กองเชียร์หลังม่านของคุณ ช่วยแก้เกี้ยวให้ในกระทู้หัวตอของคุณ
ผมก็คิดว่าคุณจะหยุดพูดตั้งแต่กระทู้นั้นแล้วนะ แต่คุณทำตรงกันข้าม ยังจ้อไม่หยุด
ผมไม่เข้าไปตอบโต้ในกระทู้หัวตอของคุณ คุณทนไม่ได้กยังตามมาฉอดๆในกระทู้นี้
อย่างนี้แล้วจะบอกพูดว่า"พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อยได้ไง" มันต้องพูดว่า..
"พูดมากเสียมากก็ชั่งมัน ฉันทนไม่ได้" :b13:
Rosarin เขียน:
....เห็นไหมคุณโฮ...คำสอนของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมีว่ายังไงน๊า...
...พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์...
...อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องวุ่นวายมาตีความว่าข้าพเจ้าอยากจะเอาชนะอะไรด้วย...
...ไม่อยู่ในความคิด...ข้าพเจ้าไม่มุสาในนี้หรอกมันบาปรู้ไหม...บ๊ายบาย...เท่านี้นะจ๊ะ....

เอาอีกแหล่ะ อ้างหลวงปู่อีกแหล่ะ เดี๋ยวเจอย้อนถามธรรมของหลวงปู่ก็งงเป็นไก่ตาแตก
ธรรมหลวงปู่ใช่ครับนิ่งเสียโพธิสัตว์ แต่ของคุณนิ่งที่ไรเป็นหัวตอทุกที
เขาให้ฟังธรรม ดันนิ่งเป็นหัวตอ :b13:

แล้วทำไมผมต้องไปตีความ แพ้ชนะอะไรด้วย มันก็เห็นๆอยู่ ชาวบ้านเขาดูออก
ขนาดคุณเสียงธรรมผู้เต็มเปี่ยมด้วยจริยะและอุเบกขา ยังเคยตั้งกระทู้ไว้
สอนคนแบบคุณเลยว่า

คำพูดคุณเสียงธรรมครับ....
หลายครั้งเวลาเห็นคนมีปัญหา ก็จะมีอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาห้ามปราม
ประมาณว่า หยุดเถอะคุณหยุดก่อนเรื่องก็จบ แต่พอจะจบกลับโยน
ความผิดทุกอย่างไปให้อีกฝ่ายรับ พูดในทำนองที่ว่าอยากให้เรื่องจบ
โดยที่ทำให้อีกฝ่ายดูเสียเปรียบ ดูเป็นคนไม่ได้ ดูแย่ในสายตาคนอื่น
แล้วมาบอกว่าตัวเองจบแล้ว อย่างนี้ เรียกว่ายังไม่มีสัมมาสติ และอีก
ฝ่ายเขาก็คงไม่ยอมหรอกนะ เพราะแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะ
จบ เรื่องมันก็ยิ่งยืดเยื้อต่อไป เพราะหากอยากจบ ก็ควรจะจบแบบบัว
ไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น แบบนี้ดีทั้งสองฝ่าย แบบนี้ดีกว่า เพราะไม่รู้จะมีปัญหา
ไปทำไม ทุกวันนี้ทุกคนก็แบกปัญหาและภาระพอตัว จะสร้างปัญหา
อีกทำไม อยู่อย่างสันติดีกว่า
viewtopic.php?f=1&t=40860


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ท่านผู้ชมโปรดใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการอ่านในการคิดพิจารณาสิ่งที่เกิดในลานนี้นะคะ...
...คนอะไรอวดตัวเองอยู่ได้...ยังมาอ้างครูบาอาจารย์อีก...ว่าแต่เขาอีเหลาเป็นเอง...555...
...เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตาบอดคลำช้างไหม ก็คือไม่ควรทำตัวเองให้ดูแย่ลงไปกว่านี้อีกนะโฮซ่า...
...นี่เป็นการบอกครั้งล่าสุดแล้ว...ทุกอย่างที่เกิดกลายเป็นกรรมที่ทำสำเร็จแล้ว..หวังอะไรรึโฮซ่า...
:b32: :b32: :b32:
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
...ท่านผู้ชมโปรดใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการอ่านในการคิดพิจารณาสิ่งที่เกิดในลานนี้นะคะ...
...คนอะไรอวดตัวเองอยู่ได้...ยังมาอ้างครูบาอาจารย์อีก...ว่าแต่เขาอีเหลาเป็นเอง...555...
...เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตาบอดคลำช้างไหม ก็คือไม่ควรทำตัวเองให้ดูแย่ลงไปกว่านี้อีกนะโฮซ่า...
...นี่เป็นการบอกครั้งล่าสุดแล้ว...ทุกอย่างที่เกิดกลายเป็นกรรมที่ทำสำเร็จแล้ว..หวังอะไรรึโฮซ่า...
:b32: :b32: :b32:
:b11:

ฮ่าๆๆๆว่าแล้วไม่ผิด อดไม่ได้กิเลสมันชั่งเย้ายวนหอมหวลเสียนี่กระไร
คุณหลาบซ่าครับ วันหลังถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็อย่าไปพูดพล่อยๆครับ
มันขายหน้าประชาชีเขา ทำมาสั่งสอนเขา ว่า..

Rosarin เขียน:
...ข้าพเจ้าขอจบการบรรยายเพียงเท่านี้เพราะพูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย..
...เห็นไหมคุณโฮ...คำสอนของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมีว่ายังไงน๊า...
...พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์...
...อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องวุ่นวายมาตีความว่าข้าพเจ้าอยากจะเอาชนะอะไรด้วย...
...ไม่อยู่ในความคิด...ข้าพเจ้าไม่มุสาในนี้หรอกมันบาปรู้ไหม...บ๊ายบาย...เท่านี้นะจ๊ะ...

ริจะสอนใครตัวเองต้องทำให้ได้ด้วย ทำอะไรไม่คิดแถมเอาหลวงปู่มาอ้างด้วย
บาปมากนะครับ

กระทู้นี้ผมจะไม่เข้ามาตอบโต้คุณแล้วนะครับ
แล้วดูซิว่า ใครจะเหมาะสมกับคำสอนของหลวงปู่มากกว่ากัน
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 22:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะนำให้ฟังท่านเจ้าคุณโชดกครับ จะชัดเจนมากในเรื่องนี้ ทั้งเรื่อง มรรคองค์แปด และเรื่องที่พวกคุณกำลังเถียงกันอยู่นี้ คือ เรื่อง นั่งสมาธิแล้วฟังเทศน์จะไปรู้เรื่องหรอ

คือประเด็นแรก เรื่อง สัมมาอาชีวะ ที่พวกท่านว่า คือ เลี้ยงชีพชอบ อันนี้มันก็ถูก แต่มันไม่ใช่ สัมมาอาชีวะในมรรค คือไม่ได้เป็นไปเพื่อพระนิพพาน เช่นว่า จับปลา ฆ่าไก่ อันนี้มันก็ไม่ได้ผิดศีลธรรม คือไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อน หรืออะไร เขาก็สุจริตฯลฯ แต่มันไม่ใช่ในมรรคไง เข้าใจไหม แล้วในมรรคเป็นอย่างไร ท่านเจ้าคุณโชดก ก็อธิบายไว้ว่า อาชีวะ แปลว่า เป็นอยู่ชอบ อย่าไปแปลว่า เลี้ยวชีพชอบ แล้วใครล่ะ ที่เป็นอยู่ชอบ ก็คนที่เขาทำวิปัสนาอยู่ไง คือกำหนดหนอๆๆ อยู่
ประเด็นที่สอง เวลาปฏิบัติน่ะ เขาไม่ได้เอาปริยัติด้วย สั้นๆเท่านี้พอเข้าใจไหม แต่ถ้ายัง ผมเด็กอายุ๑๗ จะอธิบายให้คุณฟังเอง เวลาทำสมาธิวิปัสสนาเนี่ย เขาไม่ได้เอาความรู้ ถ้าจะเอาความรู้น่ะ ไม่ต้องมานั่งทำให้เมื่อยหลังหรอก ไปนั่งอ่านเอาก็ได้ ปัญญามันมีสามประเภทน่ะ เข้าใจนะ แล้วเวลาปฏิบัติ เขาทำเพื่อให้เกิด ภาวนามยปัญญา ให้เกิดญาณ คือความรู้ ต่างๆ ๑๖ ขั้น ว่าไป.... ไม่ใช่ให้เกิดจินตาญาณ อย่างที่เข้าๆใจกัน

หวังว่าเวลาท่านทั้งหลายอ่านคำตอบของผม ทิฐิของท่านมันจะไม่ดึงดัน ไม่ให้ท่านเชื่อ เพียงเพราะ ผมอายุ๑๗หรอกนะ

เด็กก็มีหู มีตา อ่านธรรมะได้ ฟังเทศนาเป็น เหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2012, 14:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:
แนะนำให้ฟังท่านเจ้าคุณโชดกครับ จะชัดเจนมากในเรื่องนี้ ทั้งเรื่อง มรรคองค์แปด และเรื่องที่พวกคุณกำลังเถียงกันอยู่นี้ คือ เรื่อง นั่งสมาธิแล้วฟังเทศน์จะไปรู้เรื่องหรอ

คือประเด็นแรก เรื่อง สัมมาอาชีวะ ที่พวกท่านว่า คือ เลี้ยงชีพชอบ อันนี้มันก็ถูก แต่มันไม่ใช่ สัมมาอาชีวะในมรรค คือไม่ได้เป็นไปเพื่อพระนิพพาน เช่นว่า จับปลา ฆ่าไก่ อันนี้มันก็ไม่ได้ผิดศีลธรรม คือไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อน หรืออะไร เขาก็สุจริตฯลฯ แต่มันไม่ใช่ในมรรคไง เข้าใจไหม แล้วในมรรคเป็นอย่างไร ท่านเจ้าคุณโชดก ก็อธิบายไว้ว่า อาชีวะ แปลว่า เป็นอยู่ชอบ อย่าไปแปลว่า เลี้ยวชีพชอบ แล้วใครล่ะ ที่เป็นอยู่ชอบ ก็คนที่เขาทำวิปัสนาอยู่ไง คือกำหนดหนอๆๆ อยู่

สัมมาอาชีวะ....ของปุถุชน...อย่างหนึ่ง
สัมมาอาชีวะ....ของโคตรภูบุคคล...ก็อย่างหนึ่ง
สัมมาอาชีวะ...ของอริยะชน...ก็อีกอย่างหนึ่ง

มันมีความละเอียดไม่เหมือนกัน

จับปลา...ไม่แน่...แต่ฆ่าไก่...ผิดศีลธรรมแน่นอน...แต่สังคมไม่เดือดร้อนก็อีกเรื่องหนึ่งต่างหาก...ต้องแยกกัน

แต่ที่กรรมที่ทำให้ไม่อาจได้มรรคผลในชาตินี้...เลย...นั้นคือ..อนันตริยะกรรม 5

อ้างคำพูด:
เด็กก็มีหู มีตา อ่านธรรมะได้ ฟังเทศนาเป็น เหมือนกัน


ก็ดีแล้วจ้าา.... rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2012, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ สัมมาอาชีวะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้สองอย่างคือ
สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑
สัมมาอาชีวะของพระอริยะที่เป็นอนาสวะเป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรคอย่าง ๑


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2012, 00:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มิจฉาวณิชชา 5

มิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายที่ผิด หรือไม่ชอบธรรม หมายถึง บุคคลไม่ควรค้าขายสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ต่อสัตว์และต่อสภาพแวดล้อม ประกอบด้วย

1.สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น อาวุธเหล่านี้หากมีเจตนาเพื่อทำร้ายกัน จะก่อให้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกัน โลกจะไม่เกิดสันติสุข
2.สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็ก การค้าทาส ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรีอย่างทารุณ
3.มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่ 1 คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
4.มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด
5.วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์


ใน มิจฉาวณิชชา 5..

สัมมาอาชีวะ...ปุถุชน...ปัจจุบันมีเพียงแค่...ข้อ...2 สัตตวณิชชา การค้าขายมนุษย์...เท่านั้นที่ผิด...นอกนั้นหากได้รับอนุญาติ...ก็ไม่ผิดข้อสัมมาอาชีวะ

สัมมาอาชีวะ...ของบุคคลที่ขาข้างหนึ่งอยู่ข้างปุถุชน..อีกข้างอยู่อริยะชน....ก็พยายามไม่ทำมิจฉาวณิชชา 5...เพราะหวังในความดี...คือมีธรรมเป็นอามิสอยู่

สัมมาอาชีวะ..ของอริยะชน...ไม่ทำมิจฉาวณิชชา 5...เองเป็นธรรมชาติ

ตามความรู้สึก...มันเป็นอย่างนี้...มิได้มีเจตนาบัญญัติอะไรขึ้นมาใหม่

ส่วนธรรมพระพุทธเจ้า...ตรัสใว้ชอบแล้ว :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2012, 06:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มิจฉาวณิชชา (การค้าขายผิด)
เป็นการค้าขาย ๕ อย่างที่อุบาสก ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่พึงกระทำ ไม่ว่าจะทำเอง ชักชวนหรือใช้ให้ผู้อื่นทำ แม้กฎหมายทางโลกจะอนุญาตให้กระทำได้ก็ตาม แต่ความจริงแล้วการกระทำเหล่านี้เป็นการกระทำที่มีโทษ ให้ผลที่ไม่ดีตามมา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร