วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 21:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 10:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2012, 22:35
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรม เหมือนกับการทำสงครามแหละ

เราก็เปรียบเหมือนทหาร "ธรรม" ก็เปรียบเหมือนโลห์และอาวุธ ทหารที่ไม่มีโลห์ ไม่มีอาวุธ
ไปรบที่ไหนก็มีแต่แพ้ ตายหยังเขียด ตายแหง๋มๆ ทหารจึงต้องยึดโลห์และอาวุธไว้ป้องกันตน
เมื่อรบชนะหรือสงครามสงบแล้วนั่นแหละ จึงค่อยวางโลห์ วางอาวุธ

พระโยคาวจรเจ้าทั้งหลายก็เช่นกัน ท่านยึดเอาธรรมทั้งหลายต่างโลห์และอาวุธ ไว้ปกป้องคุ้มครองตน
เมื่อต้องเข้าสู่สงคราม "รื้อภพชาติ" เมื่อ "ภพชาติถูกทำลายสิ้นแล้ว" ท่านจึงวางธรรม เหมือนทหาร
วางโลห์และอาวุธเมื่อสงครามสงบฉันนั้น ..


ผมขอแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อยนะครับ ว่า คุณ วิริยะ เปรียบผู้ปฏิบัติธรรมดั่งทหาร ธรรมมะ เปรียบเสมือนโล่ห์ เมื่อเข้าสู่สงคราม รื้อภพชาติ และเมื่อภพชาติถูกทำลายแล้ว เราจึงวางโล่ห์และอาวุธเมื่อสงครามสงบ ผมขอแสดงความเห็นตรงจุดนี้สักเล็กน้อยครับว่า เราวาง ธรรม ที่เสมือนโลห์และอาวุธแต่ความมีตัวตนที่ว่าเราเป็นผู้ชนะสงคราม เราเป็นผู้รื้อภพชาติได้หมด ก็ยังคงอยู่นี่ครับ และหาก ยังมีเราเป็นผู้ชนะอยู่ จะเรียนว่าวางสิ้นเชื้อแห่งตัวตนจบกิจแห่งภพชาติได้หรือครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 10:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

แล้ว..คุณเกรียง...สิท...ราชภัฏราชนครินทร์ ...คิดว่า...ที่ควร...ควรทำอย่างไรดีละครับ...


:b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 10:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2012, 22:35
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้ว..คุณเกรียง...สิท...ราชภัฏราชนครินทร์ ...คิดว่า...ที่ควร...ควรทำอย่างไรดีละครับ... จากคุณกบนอกกะลา


ผมขอแสดงความคิดเห็นตรงจุดนี้นะครับ
ตามความคิดเห็นของผมนั้นเห็นว่า การจะไปถึงจุดสูงสุดแห่งการหลุดพ้นหรือบรรลุธรรมได้ ควรจะพิจรณาตรงจุดนั้นให้ละเอียดถี่ถ้วนซะก่อน ว่าคุณสมบัติของบุคคลผู้บรรลุนั้นเป็นเช่นไร พระอรหันต์ตามที่ได้ศึกษามานั้นคือผู้ที่ละวางความเป็นตัวเป็นตนความยึดมั่นถือมั่นได้อย่างหมดจด ปล่อยวางจากทุกสิ่ง หมดความเป็น เรา เป็น ตัวเป็นตนจากทุกสรรพสิ่ง ดังนี้แล้วเมื่อเราจะเดินตามรอยท่าน ในความคิดเห็นผมคิดว่าเราควรฝึก ปล่อยวางจิตและสภาวะธรรม วางตันหา ความอยากได้อยากมี ความยึดมั่นถือมั่น ทีละเล็กทีละน้อยจนขอบเขตการปล่อยวางกว้างขึ้นและเต็มรอบ จนในที่สุดก็ปล่อยวางความเป็นเราเป็นเป็นตนได้อย่างสิ้นเชิง อุปมาดั่ง เริ่มนับถอยหลังจาก 100 จนถึง 0 เริ่มต้นเราอาจมีความเป็นตัวเป็นตนในใจมีค่าเท่ากับ 100 แต่ปล่อยวางไปเรื่อยๆ จาก 100 ก็ยังลดลงไปเรื่อยๆได้ แต่การที่ไปฝึกเน้นวิธีแต่แรกเริ่มผมขอแสดงความคิดเห็นตรงจุดนี้ว่า การฝึกเข้าไปควบคุมจิตนั้นฝึกสติเจริญสมาธินั้นเปรียบเสมือนดั่ง เริ่มนับตั้งแต่ 1 , 2, 3ไปเรื่อยๆจน ผมคิดว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นจะมีวันไปถึงปลายทางคือความว่างไร้ตัวไร้ตน หรือความเป็น 0 ได้จริงหรือครับเพราะแค่เริ่มก็ฝึกเข้าไปติดในวิธีการซะแล้วน่ะครับ ผมต้องขอโทษณที่นี้ด้วยครับที่ความคิดผมอาจจะสวนกระแสของผู้รอบรู้ธรรมคนอื่นๆ แต่ถือว่าเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันเฉยๆนะครับ ไม่ได้จะมาแสดงความขัดแย้งแต่ประการใดครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kreangsit_rru เขียน:
ผมต้องขอโทษ ณ ที่นี้ด้วยครับที่ความคิดผมอาจจะสวนกระแสของผู้รอบรู้ธรรมคนอื่นๆ แต่ถือว่าเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันเฉยๆนะครับ ไม่ได้จะมาแสดงความขัดแย้ง แต่ประการใดครับ


สาธุๆๆ :b8:

สติปัญญาประสบการณ์ของมนุษย์ไม่เท่ากัน ใครรู้แค่ไหนเข้าใจเท่าใดก็พูดไปตามที่ตนรู้เข้าใจนั่น หากมองมุมนี้แล้วก็ธรรมดาๆ ว่าไปเถอะครับ จขกท. :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีก็แอบคิดอยู่ตนเดียวนะครับ :b32: ว่าพวกเรานำศัพท์ธรรมะขั้นสูงสุดมาพูดกัน บางทีหรือหลายๆทีก็ขัดแย้งกันทางความคิด เพราะคิดเห็นต่างกันดังว่าข้างบน เหมือนเรานั่งคะเนน้ำหนักของช้างด้วยสายตาว่า ช้างเชือกนี้น้ำหนักน่าจะเท่านี้โลเท่านั้นโล...ตันครึ่ง สองตันก็ว่ากันไป :b12:

แต่เมื่อศึกษาธรรมะดูตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขั้นสุดท้ายแม้แต่ตัวธรรมะ ข้อปฏิบัติ (มรรค) ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าตรัสยังต้องละเสีย พระองค์เปรียบเหมือนแพเมื่อใช้ขี่ข้ามฝั่งได้แล้วก็ไม่ต้องเทินมันไว้

"มรรคในฐานะอุปกรณ์สำหรับใช้ มิใช่สำหรับยึดถือ"

“ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้เดินทางไกล พบห้วงน้ำใหญ่ ฝั่งข้างนี้ น่าหวาดระแวง น่ากลัวภัย แต่ฝั่งข้างโน้น ปลอดโปร่ง ไม่มีภัย ก็แล เรือหรือสะพานสำหรับข้ามไปฝั่งโน้นก็ไม่มี บุรุษนั้นจึงดำริว่า ห้วงน้ำนี้ใหญ่ ฝั่งข้างนี้ น่าหวาดระแวง น่ากลัว ถ้ากระไร เราพึงเก็บรวมเอาหญ้า ท่อนไม้ กิ่งไม้และใบไม้ มาผูกเป็นแพแล้วอาศัยแพนั้นพยายามเอาด้วยมือและเท้า พึงข้ามถึงฝั่งโน้นได้โดยสวัสดี”

ดูต่อที่นี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... n#msg12430

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kreangsit_rru เขียน:
ตามความคิดเห็นของผมนั้นเห็นว่า ...

คิดเอาเองละสิ ตนเองก็ไม่มั่นใจว่าถูกหรือเปล่า ? ลงมือปฏิบัติดีไหมครับ จะได้หายสงสัย :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ :b8:
http://www.mahayana.in.th/tsavok/tape/003%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%95%E0%B8%B23.htm

เนื้อหายาวหน่อยนะครับ มีค่ามากกับการอ่านครับ :b1: Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 13:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2012, 22:35
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า กรุณาอย่ายกหนังสือหรือพระไตรปิฎกมาอธิบายนะครับ ผมเชื่อในพระพุทธเจ้าว่าท่านสอนให้คนบรรลุได้จริง แต่คำสั่งสอนของท่านก็ทุกแก้ไขปรับปรุงมาหลายครั้งแล้ว ก็อาจจะมีผิดพลาดกันได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 13:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเย็น ๆ ....อ่านเอาอรรถเอาธรรม...

ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน....ธรรมะก็เป้นธรรมะ..อยู่วันยันค่ำ

ระวัง...

ใจหนึ่งว่าไม่ยึดตำรา....

มันจะไปยึดฝั่งตรงข้าม...คือต้องไม่มีตำรา...เข้าให้

เพราะใจปุถุชนนี้....ไม่เคยว่างจากการยึดหรอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 14:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2012, 22:35
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


ครับผมเห็นด้วยกับคำที่ว่า ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน....ธรรมะก็เป้นธรรมะ..อยู่วันยันค่ำ ของคุณ กบนอกกะลานะครับ
เพราะฉะนั้นที่ว่าจะมีหนังอ้างอิงหรือทฤษฎีหรือไม่ธรรมมะก็เป็นธรรมมะอยู่วันยันค่ำครับ เพราะอย่างนั้นผมจึงวอนผู้มีความรู้จากประสบการณ์ที่ปฏิบัติได้จริงมาช่วยสอนน่ะครับ เพราะหนังสือหรือพระไตรปิฎกต่างๆล้วนแต่แปรกันมาหลายครั้ง อาจจะมีความผิดพลาดกันได้ครับ ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 14:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


kreangsit_rru เขียน:
แล้ว..คุณเกรียง...สิท...ราชภัฏราชนครินทร์ ...คิดว่า...ที่ควร...ควรทำอย่างไรดีละครับ... จากคุณกบนอกกะลา


ผมขอแสดงความคิดเห็นตรงจุดนี้นะครับ
ตามความคิดเห็นของผมนั้นเห็นว่า การจะไปถึงจุดสูงสุดแห่งการหลุดพ้นหรือบรรลุธรรมได้ ควรจะพิจรณาตรงจุดนั้นให้ละเอียดถี่ถ้วนซะก่อน ว่าคุณสมบัติของบุคคลผู้บรรลุนั้นเป็นเช่นไร พระอรหันต์ตามที่ได้ศึกษามานั้นคือผู้ที่ละวางความเป็นตัวเป็นตนความยึดมั่นถือมั่นได้อย่างหมดจด ปล่อยวางจากทุกสิ่ง หมดความเป็น เรา เป็น ตัวเป็นตนจากทุกสรรพสิ่ง ดังนี้แล้วเมื่อเราจะเดินตามรอยท่าน ในความคิดเห็นผมคิดว่าเราควรฝึก ปล่อยวางจิตและสภาวะธรรม วางตันหา ความอยากได้อยากมี ความยึดมั่นถือมั่น ทีละเล็กทีละน้อยจนขอบเขตการปล่อยวางกว้างขึ้นและเต็มรอบ จนในที่สุดก็ปล่อยวางความเป็นเราเป็นเป็นตนได้อย่างสิ้นเชิง อุปมาดั่ง เริ่มนับถอยหลังจาก 100 จนถึง 0 เริ่มต้นเราอาจมีความเป็นตัวเป็นตนในใจมีค่าเท่ากับ 100 แต่ปล่อยวางไปเรื่อยๆ จาก 100 ก็ยังลดลงไปเรื่อยๆได้



พระอรหันต์..เป็นผล..ที่ผู้ที่ต้องการพ้นทุกข์...ต้องการ

แต่...ทางดำเนิน...คือมรรค...เราต้องทำ

ก็อย่างที่ท่านว่านั้นแหละ...เราควรฝึก

วาง..เราก็ว่าวางแล้วละ...วางตัวตนของเรา...วางความอยาก...วางโกรธ...วางโลภ

เราก็ว่าวางนั้นแหละ...

ปัญหาคือ....แล้วทำไมมันยังเกิดกับเราในภายหลังได้อีก

เราก็ต้องกลับมาดูวิธีการวางของเราจริงมั้ย?....หากเราเป็นธรรมกับตัวเองนะ...ไม่ดันทุรังว่าตัวเองวางแล้ว...เกิดอีกก็วางอีก....อันนี้มันวางไม่จริง....มันวางแค่ในจิตนาการ

มรรคมีองค์ แปด...เริ่มว่าที่สัมมาทิฏฐิ...

เราก็ต้องกลับมาดูตัวเราแล้ว...ว่าเรามีอะไรบกพร่องรึ....ผลมันถึงไม่เข้าเป้า

ความคิดเรามันเข้ากับสัมมาทิฏฐิได้รึยัง...อะไรคือสัมมาทิฏฐิ

ความเพียรที่เราเพียรทำมานั้น...มันเพียรชอบแล้วรึ?

สติชอบแล้วรึ...สมาธิชอบแล้วรึ?...

นี้..มันต้องเป้นอย่างนี้

นี้เรียกว่า...ดูตำราประกอบ...แล้วปฏิบัติ...นำผลที่ได้จากการปฏิบัติมาเทียบเคียงกับแนวทาง...แล้วก็ปฏิบัติต่อในขั้นต่อไป

พระศาสดา....จึงวางพระศาสนาให้มีปริยัติ...ปฏิบัติ....ปฏิเวธ...นี้งัย

ไม่งั้นนะ...หลง..ก็ไม่รู้ว่าหลง

ทีนี่้หากเรามาตั้งแง่เสียตั้งแต่ต้นว่า....พระไตรปิฎกเชื่อไม่ได้แล้วนี้นะ....ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติตามจนเห็นผลมาแล้วนี้...ท่านสอนอะไรมา...เราจะเชื่อรึ?

กาลามสูตร...คือต้องลองทำดูก่อน..ค่อยเชื่อ

นี้มาตั้งแง่ใว้เสียก่อนแล้ว...เพียงเพราะเขาว่ามีการแก้ไขมาแล้ว...นี้

เราเชื่อไปก่อนแล้ว....มันก็งงงายได้เหมือนกันนะ....ไม่เชื่อเพราะงงงาย..นะซิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 14:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


kreangsit_rru เขียน:

เพราะฉะนั้นที่ว่าจะมีหนังอ้างอิงหรือทฤษฎีหรือไม่ธรรมมะก็เป็นธรรมมะอยู่วันยันค่ำครับ เพราะอย่างนั้นผมจึงวอนผู้มีความรู้จากประสบการณ์ที่ปฏิบัติได้จริงมาช่วยสอนน่ะครับ


สอนให้จริง ๆ แล้วจะเชื่อมั้ยละ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชี้ให้ดูพระจันทร์ ดันไปดูนิ้วมือ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 15:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2012, 22:35
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


สอนให้จริง ๆ แล้วจะเชื่อมั้ยละ? จากคุณกบนอกกะลา
ใจเย็นๆก่อนนะครับ
ขอบคุณครับ ที่จะให้คำสอนคำชี้แนะ แต่ถ้าจะสอนด้วยอารมณ์ผมขอไม่ดีกว่าครับ เพราะถ้าคนสอน สอนด้วยอารมณ์คนฟังก็รับแต่อารมณ์คนสอนน่ะสิครับ แทนที่จะได้ธรรมะหรือได้อารมณ์คนสอนแทน ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิทานเซ็น

“วาง”

มีพระพรรษามาก กับ พรรษาน้อยสองรูป เดินทางไปด้วยกันจนกระทั่งทั้งคู่ต้องข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ จำเป็นต้องเดินข้ามเพราะสะพานข้ามแม่น้ำขาด

พระทั้งสองรูปพบผู้หญิงผู้หนึ่งคน ซึ่งไม่สามารถข้ามแม่น้ำไปได้เนื่องจากสะพานขาดนั้น

พระพรรษามาก จึงอาสาจะให้ผู้หญิงนั้นขี่หลังแล้วข้ามฟากไป
พระพรรษาน้อยเห็นอย่างนั้น จึงรู้สึกขุ่นเคืองว่าทำไมพระพรรษามากจึงทำอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นพระไม่ควรจะสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้หญิงขนาดนี้ แต่ก็คิดอยู่ในใจไม่ได้ถามพระพรรษามาก

หลังจากที่ข้ามฟากเสร็จ พระทั้งสองรูป และผู้หญิงต่างก็แยกย้ายไปตามทางของตน
แต่ในใจของพระพรรษาน้อยยังคงคิดวนเวียน ตั้งคำถามในใจตลอดเวลาว่า การกระทำของพระพรรษามากนั้นไม่เป็นการสมควรกับนักบวช คิดวุ่นวายอยู่อย่างนั้น เก็บเงียบอยู่ในใจไม่ถามพระพรรษามาก

ท่านคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้น ทำให้ท่านแทบบ้าจนมาถึงจุดหยุดพัก
พระพรรษาน้อยอดทนเก็บเรื่องในใจต่อไปอีกไม่ไหว จึงถามพระพรรษามากว่า ท่านทำไมไม่สำรวมถึงความเป็นพระเลย ทำไมถึงได้สัมผัสผู้หญิง และผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยเสียด้วย ท่านเป็นคนบอกผมเองว่า ท่านเป็นพระที่บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ?

พระพรรษามากประหลาดใจ แล้วย้อนกลับไปถามพระพรรษาน้อยว่า
"ผมวางผู้หญิงสวยคนนั้นไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว เหตุใดท่านยังอุ้มผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกเล่า"

http://www.dharma-gateway.com/misc/misc-zen-11.htm

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 09 ก.พ. 2012, 16:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร