วันเวลาปัจจุบัน 24 ส.ค. 2025, 18:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 170 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 09:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
สวัสดี คุณกบ
อกุศลกรรมที่ล่วงออกมาแล้ว ด้วยการกระทำทางกาย ทางวาจา ก็ให้ละเสียอย่าทำอีก
ช่น อกุศลกรรมบถ 10 ก็อย่าทำ ด้วยการเจริญกุศลกรรมบถ 10 แทน
อกุศลกรรม อย่างหยาบน้อยหน่อย เช่นพวก กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตกที่เกิดขึ้น
ก็ละด้วยมนสิการเนกขัมมะวิตก อพยายาทวิตก อวิหิงสาวิตก เพื่อละวิตกสามประการอันเป็นอกุศลเป็นต้น
ส่วนอกุศลจิตอื่นที่ละเอียดลงไปอีกเช่น อกุศลอันเกิดเป็นนิวรณ์ 5 ก็ละด้วยการเจริญ โลกุตรฌานเพื่อเข้าปฐมฌาน ก็ละนิวรณ์ 5 อันเกิดขึ้นได้
ส่วนอกุศลอันเป็นอนุสัยที่เกิดแล้วมีอยู่ ก็ ละด้วยอรหัตมัคค์ ในแต่ละระดับภูมิของมรรคผลนั้นๆ ครับ

เจริญธรรม

:b8: :b8:
โดยทั่วไป...ก็กล่าวอย่างนี้ว่า...อย่าทำ

แต่..สิ่งที่ยังไม่ทำ...มันเป็นของใหม่นี้...

จริงอยู่...ว่าเคยทำ...แต่การจะทำอีก...มันก็เป็นของใหม่..อันใหม่..กรรมใหม่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ความพอใจที่จะเจริญสัมมัปทาน ปัญหามันอยู่ที่ว่า ความพอใจเนี่ยทำอย่างไรครับ
อย่าตอบเป็นกำปั่นทุบดินแบบนี้ซิครับ ที่ตอบมาเนี่ยเขาเรียกว่าแปลบัญญัติครับ
ไม่ใช่เป็นการอธิบายความ

ธรรมที่จะนำมาสู่การปฏิบัติ มีฉันทะเป็นมูล
มีความพอใจเป็นมูล คือฉันทะเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

การทำความพอใจในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การทำความรักในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่เกลียดในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่รังเกียจในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่ทอดธุระวางเฉยในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ

เป็นการทำฉันทะซึ่งเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

ถ้าหาก "โฮฮับ" จะถามว่า ทำความพอใจ ทำความรัก ทำอย่างไร
ก็คงต้องอุปมา
คุณโฮฮับ รักแม่ คุณโฮฮับ ด้วยความรู้สึกอย่างไร อาการอย่างไร
คุณโฮฮับ ก็ต้องทำความรู้สึกเช่นนั้นออกมาจากใจ
คุณโฮฮับ เห็นแม่ คงไม่เดินหนี ไม่ทอดธุระเมื่อเห็นแม่เดินมาหา คุณโฮฮับคงเดินไปหาแม่ด้วยความยินดีผ
ถ้าคุณโฮฮับ ไม่ยินดีพอใจ ก็คงไม่เดินไปหา....ฉันทะ ทำความพอใจ ทำเช่นนี้...

อีกประการ บัญญัติ เป็นสิ่งมีประโยชน์ ใช้อธิบายนามธรรมได้ดี
ไม่ว่าจะแสดงนามธรรม ด้วยวิธีใดต่างก็ต้องใช้ บัญญัติในการสื่อความหมาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 11:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
คุณเช่นนั้นครับ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมไว้ละเอียดอ่อนใช้ครับ
แต่ในความละเอียดอ่อนของพระพุทธองค์ ไม่ใช่การเอาบัญญัติมาพูดแล้ว
บอกว่าเป็นความละเอียดอ่อน

โฮฮับ อ่านพระธรรมที่พระองค์แสดงให้ดีๆ

พระพุทธองค์ แสดงอย่างนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมัปปธาน ๔ เหล่านี้ สัมมัปปธาน ๔ เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมยังฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้

เพื่อไม่ให้บาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น ๑
เพื่อละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ๑
เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น ๑
เพื่อความตั้งอยู่ เพื่อความไม่เลือนหาย เพื่อความมียิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมัปปธาน ๔ เหล่านี้แล."

สัมมัปปธาน 4 หรือความมุ่งมั่น 4 ประการในการประกอบความเพียร ประกอบด้วยอาการอย่างไร
เป็นอาการที่พระองค์ ทรงตรัสสอน พระองค์ไม่ตรัสสอนลอยๆ ว่า
สัมมัปธาน 4 คือ 1... 2 ... 3... 4...
แต่พระองค์ตรัสโดยวิธีการการเข้าถึงด้วย พร้อมด้วยผลจากการเข้าถึงด้วย
การสอนแบบนี้ เรียกว่าเป็นการสอนด้วยความละเอียด

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
"ความเพียร เป็นไฉน
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ วิริยสัมโพชฌงค์
อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค อันใด นี้เรียกว่า ความเพียร"

โฮฮับ เขียน:
และที่บอกว่า สัมมัปทานสี่นับเนื่องในมรรค เป็นองค์แห่งมรรค
ถามครับ มรรคที่ว่า เป็นมรรคแห่งการหลุดพ้นหรือเปล่าครับ
ถ้าอย่างคุณสุรวุฒิ แกลงมือปฏิบัติธรรมในสัมมัปทานสี่ ก็แสดงว่า
คุณสุรวุฒิ แกกำลังปฏิบัตินับเนื่องในมรรค เป็นองค์แห่งมรรค(หลุดพ้น)หรือเปล่าครับ


มรรคในธรรมหมวดนี้ คืออริยมรรคเท่านั้น หรืออริยมรรคมีองค์ 8 นี้เท่านั้น เป็นทางปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์
สัมมัปทาน 4 จึงนับเนื่องในมรรค เป็นองค์แห่งมรรค

พอจะรู้จักกิเลสในสังโยชน์สิบ ที่เรียกว่า..ศีลพรตปรามาสมั้ยครับ
เช่นนั้น เขียน:
อันนับเนื่องในมรรค คืออยู่ในสัมมาปฏิปทาอันเป็นทางที่จะไปสู่ความสิ้นทุกข์
ทางไปสู่ความสิ้นทุกข์ คือองค์แห่งมรรค

เป็นสัมมาปฏิปทา แล้วทำไมต้องพยายามด้วยครับ
คุณเช่นนั้น ผมไม่รู้ว่าที่คุณพูดมาทั้งหมดคุณจะเข้าใจกับคำพูดตัวคุณเองหรือเปล่า
นี่ก็มาอีกแล้วสัมมาปฏิปทา จะบอกให้ครับ...
ไอ้ความพยายามที่คุณกล่าวในตอนแรกนั้นน่ะ ถ้าคนยังละสักกายทิฐิไม่ได้
ความพยายามมันก็คือ กิเลสครับ และที่สำคัญผลมันเป็นทุกข์ในกระบวนการปฏิจฯ

เช่นนั้น เขียน:
ถ้าคุณสุรวุฒิลงมือปฏิบัติในสัมมัปทาน 4 ก็แสดงว่า คุณสุรวุฒิกำลังปฏิบัติตามธรรมอันพระศาสดาตรัสไว้ดีแล้วซึ่งนับเนื่องในมรรค เป็นองค์แห่งมรรค

อย่างงั้นแสดงว่า คุณสุรวุฒิ ละสังโยชน์สามได้แล้วนะซิครับ :b13:

สัมมาปฏิปทา ทางปฏิบัติที่ชอบ
เมื่อเป็นทางปฏิบัติที่ชอบก็ใช้ความพยายามปฏิบัติในทางนั้น
ความพยายามนั้น เป็นวิริยินทรีย์
ความพยายามให้สำเร็จนั้นเป็นวิริยะพละ
องค์ธรรมมีหน้าที่ มีกำลัง
อุปมา เช่น โฮฮับเข้าใจวิธีต้มแกงให้อร่อย โฮฮับก็ลงมือปฏิบัติ ด้วยความพยายาม
ผู้ที่ยังละสักกายะทิฏฐิไม่ได้ ความพยายามนั้นก็ยังเป็นสัมมาปฏิบัติ
แต่กำลังปัญญายังอ่อนมีกำลังน้อย และกำลังวิริยะก็น้อยด้วย
ธรรมปฏิบัติเป็นการภาวนา ทำให้มีขึ้นเจริญขึ้น
ซึ่งหมายความว่าเดิมยังไม่มีไม่เต็ม แม้ความพยายามเพียงเล็กน้อยก็กล่าวได้ว่าเป็นสัมมาปฏิบัติแล้ว
ดังนั้น ถ้าคุณสุรวุฒิ เริ่มปฏิบัติจึงเป็นการเพาะบ่มองค์แห่งมรรคให้บริบูรณ์ขึ้นเจริญขึ้น อย่างนี้เรียกว่านับเนื่องในมรรค

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ประเด็น...คือ...หลง...ว่า..มรรค8...เป็นเรื่องของอริยะ

เพราะไปสับสนกับ..มรรค4..ผล4...นิพพาน1

หากไม่หลงซะ...ตรงนี้ก็ไม่เป็นปัณหา


อริยะ คือความไกลจากศัตรู
ศัตรูคือกิเลส
มรรค 8 จึงเป็นเรื่องของอริยะ

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8:
โดยทั่วไป...ก็กล่าวอย่างนี้ว่า...อย่าทำ

แต่..สิ่งที่ยังไม่ทำ...มันเป็นของใหม่นี้...

จริงอยู่...ว่าเคยทำ...แต่การจะทำอีก...มันก็เป็นของใหม่..อันใหม่..กรรมใหม่

เพราะ สังวรปทาน ความเพียรระวัง เป็นใหญ่ในการไม่ประกอบกรรมใหม่อันเป็นอกุศล
เมื่อมีคำว่าระวัง คือต้องประกอบด้วยสติ ทำให้สติมีกำลังมากขึ้น มากขึ้นครับ

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ความพอใจที่จะเจริญสัมมัปทาน ปัญหามันอยู่ที่ว่า ความพอใจเนี่ยทำอย่างไรครับ
อย่าตอบเป็นกำปั่นทุบดินแบบนี้ซิครับ ที่ตอบมาเนี่ยเขาเรียกว่าแปลบัญญัติครับ
ไม่ใช่เป็นการอธิบายความ

ธรรมที่จะนำมาสู่การปฏิบัติ มีฉันทะเป็นมูล
มีความพอใจเป็นมูล คือฉันทะเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

การทำความพอใจในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การทำความรักในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่เกลียดในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่รังเกียจในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่ทอดธุระวางเฉยในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ

เป็นการทำฉันทะซึ่งเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

มันคนละเรื่องแล้วครับ หยิบโน้นมานี่มาโดยไม่รู้ที่มาที่ไป อยู่ดีๆฉันทะมันจะเกิดได้ไงครับ
มันต้องมีเหตุปัจจัยนะครับ ฉันทะนี่มันเป็นเจตสิกเป็นอาการของจิต อยู่ดีๆจิต
จะมีอาการพอใจได้อย่างไร มันต้องอธิบายที่มาของความพอใจให้คุณสรวุฒิฟัง
แบบนี้จึงจะเรียกว่าอธิบายความ

แท้จริงแล้ว ฉันทะเป็นธรรมหนึ่งของอิทธิบาทสี่ อิทธิบาทสี่คือการปฏิบัติให้สำเร็จ
ในงานที่มีจุดมุ่งหมายไว้ และจุดมุ่งหมายของเราก็คือ การพ้นทุกข์

เราทุกคนอยากที่จะพ้นทุกข์ ฉะนั้นเราก็ต้องปฏิบัติธรรมต่างๆที่พระพุทธเจ้า
ทรงกำหนดไว้ การปฏิบัติธรรมต่างให้สำเร็จนั้นต้องอาศัยอิทธิบาทสี่
ซึ่งมีฉันทะกำหนดอยู่ในนั้น สัมมัปทานก็เป็นงานหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ
ดังนั้นเราต้องมีความพอใจในสัมมัธปทานสี่ซึ่งก็คืออิทธิบาทนั้นเอง


ดังนั้นฉันทะที่จะปฏิบัติสัมมัธปทาน มันมีแรงจูงใจ
มาจากการที่ต้องการพ้นทุกข์ ความพอใจมันมีเหตุปัจจัยมาจากนี้ครับ

คุณยิ่งอธิบายก็ยิ่งเละ ดันไปเอาบัญญัติโน้นนี่มาใส่อีกแล้ว


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ความพอใจที่จะเจริญสัมมัปทาน ปัญหามันอยู่ที่ว่า ความพอใจเนี่ยทำอย่างไรครับ
อย่าตอบเป็นกำปั่นทุบดินแบบนี้ซิครับ ที่ตอบมาเนี่ยเขาเรียกว่าแปลบัญญัติครับ
ไม่ใช่เป็นการอธิบายความ

ธรรมที่จะนำมาสู่การปฏิบัติ มีฉันทะเป็นมูล
มีความพอใจเป็นมูล คือฉันทะเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

การทำความพอใจในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การทำความรักในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่เกลียดในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่รังเกียจในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ
การไม่ทอดธุระวางเฉยในข้อธรรมแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติ

เป็นการทำฉันทะซึ่งเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

มันคนละเรื่องแล้วครับ หยิบโน้นมานี่มาโดยไม่รู้ที่มาที่ไป อยู่ดีๆฉันทะมันจะเกิดได้ไงครับ
มันต้องมีเหตุปัจจัยนะครับ ฉันทะนี่มันเป็นเจตสิกเป็นอาการของจิต อยู่ดีๆจิต
จะมีอาการพอใจได้อย่างไร มันต้องอธิบายที่มาของความพอใจให้คุณสรวุฒิฟัง
แบบนี้จึงจะเรียกว่าอธิบายความ

แท้จริงแล้ว ฉันทะเป็นธรรมหนึ่งของอิทธิบาทสี่ อิทธิบาทสี่คือการปฏิบัติให้สำเร็จ
ในงานที่มีจุดมุ่งหมายไว้ และจุดมุ่งหมายของเราก็คือ การพ้นทุกข์

เราทุกคนอยากที่จะพ้นทุกข์ ฉะนั้นเราก็ต้องปฏิบัติธรรมต่างๆที่พระพุทธเจ้า
ทรงกำหนดไว้ การปฏิบัติธรรมต่างให้สำเร็จนั้นต้องอาศัยอิทธิบาทสี่
ซึ่งมีฉันทะกำหนดอยู่ในนั้น สัมมัปทานก็เป็นงานหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ
ดังนั้นเราต้องมีความพอใจในสัมมัธปทานสี่ซึ่งก็คืออิทธิบาทนั้นเอง


ดังนั้นฉันทะที่จะปฏิบัติสัมมัธปทาน มันมีแรงจูงใจ
มาจากการที่ต้องการพ้นทุกข์ ความพอใจมันมีเหตุปัจจัยมาจากนี้ครับ

คุณยิ่งอธิบายก็ยิ่งเละ ดันไปเอาบัญญัติโน้นนี่มาใส่อีกแล้ว

โฮฮับ เข้าใจถูกแล้ว
ฉันทะเป็นมูล ฉันทะเป็นอิทธิบาท ต่อสัมมัปธาน 4
มีอโลภะ อโทสะ อโมหะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:

เป็นการทำฉันทะซึ่งเป็นองค์สนับสนุนต่อสัมมัปธาน 4

ถ้าหาก "โฮฮับ" จะถามว่า ทำความพอใจ ทำความรัก ทำอย่างไร
ก็คงต้องอุปมา
คุณโฮฮับ รักแม่ คุณโฮฮับ ด้วยความรู้สึกอย่างไร อาการอย่างไร
คุณโฮฮับ ก็ต้องทำความรู้สึกเช่นนั้นออกมาจากใจ
คุณโฮฮับ เห็นแม่ คงไม่เดินหนี ไม่ทอดธุระเมื่อเห็นแม่เดินมาหา คุณโฮฮับคงเดินไปหาแม่ด้วยความยินดีผ
ถ้าคุณโฮฮับ ไม่ยินดีพอใจ ก็คงไม่เดินไปหา....ฉันทะ ทำความพอใจ ทำเช่นนี้...

อีกประการ บัญญัติ เป็นสิ่งมีประโยชน์ ใช้อธิบายนามธรรมได้ดี
ไม่ว่าจะแสดงนามธรรม ด้วยวิธีใดต่างก็ต้องใช้ บัญญัติในการสื่อความหมาย

ผมไม่ได้ถามว่าทำอย่างไร ผมจะให้บอกที่มาที่ไปของความพอใจ
ว่ามันเกิดได้อย่างไร ไอ้ที่คุณเอาเรื่องแม่เรื่องลูกมาพูดนี่น่ะ มันเป็นการทำที่เกิดจากความพอใจ
มันคนละเรื่องมันเป็นกายสังขาร ถ้าจะอธิบายความเรื่องสัมมัธปทาน ต้องพูดเรื่อง
โพะปักขิยธรรม ไม่ใช่โยงไปหาแม่หาลูกครับ

ประเด็นก็คืออยู่ดีๆความพอใจหรือฉันทะจะเกิดไม่ได้
มันต้องมีจุดหมายเสียก่อน


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ผมไม่ได้ถามว่าทำอย่างไร

โฮฮับ เขียน:
ความพอใจที่จะเจริญสัมมัปทาน ปัญหามันอยู่ที่ว่า ความพอใจเนี่ยทำอย่างไรครับ...

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 12:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ประเด็น...คือ...หลง...ว่า..มรรค8...เป็นเรื่องของอริยะ

เพราะไปสับสนกับ..มรรค4..ผล4...นิพพาน1

หากไม่หลงซะ...ตรงนี้ก็ไม่เป็นปัณหา


อริยะ คือความไกลจากศัตรู
ศัตรูคือกิเลส
มรรค 8 จึงเป็นเรื่องของอริยะ

เจริญธรรม

ก็เลยเข้าทาง....พรรคมรรคไม่ใช้กิจของปุถุชน...ไม่ใช่อริยะอย่าไปทำ
:b13: :b13: :b13:


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ประเด็น...คือ...หลง...ว่า..มรรค8...เป็นเรื่องของอริยะ

เพราะไปสับสนกับ..มรรค4..ผล4...นิพพาน1

หากไม่หลงซะ...ตรงนี้ก็ไม่เป็นปัณหา


อริยะ คือความไกลจากศัตรู
ศัตรูคือกิเลส
มรรค 8 จึงเป็นเรื่องของอริยะ

เจริญธรรม

ก็เลยเข้าทาง....พรรคมรรคไม่ใช้กิจของปุถุชน...ไม่ใช่อริยะอย่าไปทำ
:b13: :b13: :b13:

ปุถุชน น้อมจิตลงเพื่อสดับธรรม ยังปัญญาให้เจริญขึ้น ทำฉันทะให้เกิดขึ้น ก็จะเป็นกัลยาณปุถุชน เริ่มไกลจากกิเลสได้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
มรรค 8 จึงเป็นเรื่องของอริยะ

เจริญธรรม

มรรค หนึ่งในอริยสัจจ อันได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

มรรค คือ ทางสายกลาง ไม่ตึง ไม่หย่อน พอดี ๆ เหมาะสำหรับปุถุชน
คนธรรมดา เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือปฏิปทา เพื่อการหลุดพ้นโดยแท้

มรรค ทางสายกลางนี้ ตรัสสอนครั้งแรก คือ ตรัสสอนแก่ปัจจวัคคีย์ทั้งห้า
ถามว่า ตอนที่ตรัสสอนปัจจวัคคีย์ทั้งห้า เรื่องทางสายกลางนี้

พระอัญญาโกณทัญญ ท่านเป็นพระอริยะ(โสดาบัน) ก่อนหรือหลัง
ที่พระองค์ทรงตรัสเทศนา
..

:b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสต์ เมื่อ: 27 มี.ค. 2012, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
มรรค 8 จึงเป็นเรื่องของอริยะ

เจริญธรรม

มรรค หนึ่งในอริยสัจจ อันได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

มรรค คือ ทางสายกลาง ไม่ตึง ไม่หย่อน พอดี ๆ เหมาะสำหรับปุถุชน
คนธรรมดา เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือปฏิปทา เพื่อการหลุดพ้นโดยแท้

มรรค ทางสายกลางนี้ ตรัสสอนครั้งแรก คือ ตรัสสอนแก่ปัจจวัคคีย์ทั้งห้า
ถามว่า ตอนที่ตรัสสอนปัจจวัคคีย์ทั้งห้า เรื่องทางสายกลางนี้

พระอัญญาโกณทัญญ ท่านเป็นพระอริยะ(โสดาบัน) ก่อนหรือหลัง
ที่พระองค์ทรงตรัสเทศนา
..

:b12:

พราหมณ์โกณทัญญะ ท่านบรรลุโสดาปฏิมัคค โสดาปฏิผล หลังจากที่พระพุทธองค์แสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรเสร็จสิ้น...ด้วยอัญญาตาวินทรีย์ประชุมองค์มรรคพร้อมขณะแสดงธรรมจบลง....

ท่านประกอบแล้วซึ่งสัทธาท่านเต็มเปี่ยม
ความเพียรที่สั่งสมมาแล้ว
ความมีสติและสมาธิบริบูรณ์น้อมใจไปตามพระธรรมเทศนา
ปัญญาขณะนั้นเป็นอัญญาตาวินทรีย์ ทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรมครั้งแรก ประชุมองค์มรรคทั้ง 8 เพื่อบรรลุโสดาปฏิมรรคได้ ท่านจึงได้ฉายาว่าอัญญาโกณทัญญะ...

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 มี.ค. 2012, 01:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บ้างก็ว่า...สนใจใคร่รู้ในธรรมของอริยะ..ก็เท่ากับเดินทางอริยะแล้ว

ที่ควร..คือ..ตั้งแต่โสดาปัตติมรรค...ขึ้นไป..เรียกอริยะ...นี้..มรรค 1

แต่..มรรค 8 คือทางแห่งการดับทุกข์...

หากปุถุชน...ไม่คิดจะดับทุกข์...ไม่คิดจะเดินทางแห่งการดับทุกข์...ก็ไม่มีอริยะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 170 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร