ฌานขั้นสูงที่เลยฌาน4ก็ต้องบริกรรม...

การเจริญภาวนา จำเป็นต้องผ่านนิมิตหรือไม่ ? | วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
[url]www.dhammakaya.org/.../การเจริญภาวนา-จำเป็นต้องผ่านนิ... -[/url]

http://www.dhammakaya.org/%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88

ใครจะเอาสติอย่างเดียวจะเอาปัญญาวิมุตติอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ครับ

การมองเห็นสี

เมื่อให้แสงสีขาวตกกระทบวัตถุต่าง ๆ เราจะเห็นวัตถุมีสีแตกต่างกัน การมองเห็นสีต่าง ๆ นอกจากจะขึ้นอยู่กับ เซลล์รูปกรวยในเรตินาของตาแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอีกที่มีอิทธิพลต่อการเห็นสีของวัตถุ คือ การที่จากนั้นผ่านสีต่าง ๆ ของตัวกลาง ก่อนเข้าสู่ตาเรา เช่น แสงขาวของดวงอาทิตย์ เมื่อผ่านปริซึม จะมองเห็นแสงสีถึง 7 สี เป็นต้น หรือ แสงสีต่าง ๆ ผ่านแผ่นกรองแสงสี เพื่อต้องการให้ได้แสงสีที่ต้องการ

ในกรณีที่แสงขาวตกกระทบวัตถุทึบแสง วัตถุนั้นจะดูดกลืนแสงแต่ละสีที่ประกอบเป็นแสงขาวนั้นไว้ในปริมาณต่าง ๆ กัน แสงส่วนที่เหลือจากการดูดกลืนจะสะท้อนกลับเข้าตา ทำให้เราเห็นวัตถุเป็นสีเดียวกับแสงที่สะท้อนมาเข้าตามากที่สุด ตามปกติวัตถุมีสารที่เรียกว่า สารสีทำหน้าที่ดูดกลืนแสง วัตถุที่มีสีต่างกันจะมีสารสีต่างกัน การเห็นใบไม้เป็นสีเขียว เป็นเพราะใบไม้มีคลอโรฟิลเป็นสารดูดกลืนแสงสีม่วงและสีแดง แล้วปล่อยแสงสีเขียวและสีใกล้เคียงให้สะท้อนกลับเข้าตามากที่สุด ส่วนดอกไม้ที่มีสีแดงเพราะดอกมีสารสีแดงซึ่งดูดกลืนแสงสีม่วง สีน้ำเงิน และสีเขียวส่วนใหญ่ไว้ แล้วปล่อยให้แสงสีแดงปนสีส้มและสีเหลืองให้สะท้อนกลับมาเข้าตามากที่สุด ส่วนสารที่มีสีดำนั้นจะดูดกลืนแสงทุกสีที่ตกกระทบทำให้ไม่มีแสงสีใดสะท้อนกลับเข้าสู่ตาเลย เราจึงเห็นวัตถุเป็นสีดำ แต่สารสีขาวนั้นจะสะท้อนแสงทุกสีที่ตกกระทบ










Credit by:
http://kruphysics-satri5.blogspot.com/p ... e_760.html


ตาและการมองเห็นสี
http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=76021
อาการเห็นแสงในตา
http://www.chulalongkornhospital.go.th/ ... &Itemid=58

ขออนุญาตแสดงความเห็นของตนดังนี้ เพื่อขอคำชี้แนะ

-ตอนที่สติตั้งมั่นอยู่นั้นกระผมเห็นว่าจิตมีกำลังเพียงพอในการพิจารณาสภาวะธรรมที่เิกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตรงหน้าจนตลอดสายได้ ความตั้งมั่นอย่างเพียงพอต่อสภาวะธรรมนั้น คงเป็นสมาธิในระดับหนึ่ง(กระผมไม่อาจเรียกว่าสมาธิระดับใดเพราะขาดความรู้เรื่องภาษา เรียกไปอาจจะผิดเพี้ยนเสียหาย) แต่กระผมจะไม่ปล่อยให้จิตจมไปในความคิด โดยหลุดจากความรู้ตัวจากภายนอก เหมือนที่หลวงพ่อเทียนท่านกล่าวว่า จงอยู่ที่ประตูเปิดออกยืนอยู่ระหว่างประตูให้รู้ทั้งนอกและใน และในขณะที่จิตวางเฉยต่ออารมณ์กระทบนั้นจิตรู้สึก วางเฉยอยู่ว่างอยู่ มีปีติอยู่ แต่ไม่จมไม่ขาดสติ กระผมกำหนดรู้อย่างนี้ เห็นรูปเห็นนามอยู่(หรือเห็นกายเห็นจิตอยู่) เห็นสมมุติอย่างนี้ สุขรู้ ทุกข์รู้ เห็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตาอยู่อย่างนี้ เทียบเคียงการปฏิบัติก็ไม่เห็นผิดแนวทางครูอาจารย์ โลภะ โทสะ โมหะลดลงไปเรื่อยๆ ผมมีความเห็นเป็นปรกติอย่างนี้ สาธุ

ลมหายใจมันไปทางใหนละ ก็ไปตามลมดิครับ ทรงเอาไว้แล้วเห็นว่าอยู่ตรงนั้นก็เคลื่อนมันไปตามลมหายใจดิครับ มันจะเกิดแสงสีไรก็อย่าไปสนใจ(บอกหมดไม่ได้ครับมันอยู่ที่คุณ)

ท่านพุทธฏีกา เขียน





ในขณะที่ดิฉันเห็นตอนนั้นเหมือนเป็นช่วงพลบค่ำค่ะ ไม่มีแสงอาทิตย์ไฟในบ้านก็ไม่ได้เปิด
คือตอนนั้นมีความรู้สึกว่า อยากจะนั่งเงียบๆค่ะ แต่ก็กำหนดจิตให้จับอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออกค่ะพอซักพักก็เห็นเป็นแสงสีม่วง มาจากทางด้านข้างผนังก็มองค่ะ

แต่พอมองไปผนังด้านอื่นๆไม่มีค่ะ คือแสงของเค้าจะเห็นชัดมากค่ะ
เห็นนานเหมือนกันค่ะ แสงนั้นจะเคลื่อนไปมาค่ะ
แล้วแสงนั้นเหมือนหายเข้าไปในผนังค่ะ
แต่แสงสีม่วงที่เห็นไม่มีรัศมีรอบๆน่ะค่ะ

ไม่ได้เห็นนามรูปอะไรในภูมิวิปัสสนาหรอกครับคุณขณะจิต จะเห็นเป็นปกตินั้นต้องระดับโคตรภูขึ้นไปถึงจะมีจักขุกรณีญาณกรณีแบบพระท่านได้บ้าง เอาแค่อายตนขั้นที่เป็นทิพย์เป้นพรหมเราก็ทำกันยากแล้ว

ส่วนตัวไม่เห็นแสงอะไรเลยครับ แต่เป็นลักษณะขาวขึ้นเรื่อยๆแม้หลับตาอยู่

วันนี้มีโอกาสไปวัดแห่งหนึ่ง
เห็นองค์พระองค์นี้

มองอยู่สักแป๊บ แล้วละสายตาไป ก็พบว่าภาพเงาพระติดตาชัดเจนมาก
พอหลับตาเท่านั้น
ภาพที่เห็นติดตา และรายละเอียดชัดเจนเหมือนที่เห็นตอนลืมตาเรย

น่าใช้เป็นสถานที่ฝึกกสิน



ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหมาะสมของทำเลที่ตั้ง
(สีองค์พระ ร่มเงา และการทอดตัวของแสงตะวัน)
หรือเพราะอะไร
ก็บอกพระอาจารย์อยู่ว่าเป็นเช่นนั้น
ถ้าใครฝึกกสิน ท่าจะเหมาะ

ตามแนวปฏิบัติที่ผมถือเป็นแนวทาง พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านไม่ให้เอาให้ข้ามมันไปเสีย...แต่ถ้าเป็นอุคหนิมิตกับปฏิภาคนิมิตนั้น ท่านให้ใช้เป็นเครื่องมือพิจารณาธรรม แต่ปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้มีวาสนาเท่านั้นแหละ

ผมก็นึกว่าคุณเห็นแสงนั้นภายในกายของตัวเอง เห็นอยู่ข้างนอกกายหรอกหรือ
แล้วถ้าร่างกายโปร่งแสงกายเป็นแก้วละเรียกว่าไร แล้วเห็นแสงในกายด้วยอันนี้แจ่มกว่าอีกนะ

ถ้าลูกพระป่านับถือหลวงปู่มั่น ควรหมายมั่นที่จะเอาดวงพุทโธ

ทำบุญมาด้วยอะไร..หน่า...

ขอบคุณท่านหลับอยู่ที่แนะนำ ไม่เป็นไรครับขอเอาความดับเย็นเป็นที่ตั้ง อันความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นแจ่มชัดกับดวงจิตดวงนี้ ความแจ้งในดวงจิตของกระผมที่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงความเคยชินที่เป็นอกุศลมาเป็นกุศลมากมาย เพราะการศึกษาแนวทางปฏิบัติแนวทางนี้ แนวทางการเจริญสติของหลวงพ่อเทียน หลวงพ่อพุทธทาส และหลวงพ่อชาเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติเรื่องจิตนี้ ผมศึกษาแนวทางนี้มานับสิบปี ศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ของกระผมยังไม่เสื่อมคลาย นับวันยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ขอเดินตามแนวทางนี้ต่อไปจนสุดทาง

ขอขอบพระคุณทุกคำแนะนำ สาธุ