วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 12:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2012, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




pic74.jpg
pic74.jpg [ 46.79 KiB | เปิดดู 5970 ครั้ง ]
s006
"มรรค ผล นิพพาน มิได้สงวนลิขสิทธิ์ไว้ให้เพาะผู้บวชถือศีล 227 ข้อ"
s006
"ปริยัติที่มากไปจนเฝือ อาจบังธรรม"
:b38:
"รู้แต่เพียงพองามอาจพ้นภัย"
:b16:
ปฏิบัติจริง จึงจะได้ ใช่คิดเอา"
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ปฏิบัติจริง จึงจะได้ ใช่คิดเอา"

:b4:

"คิดเอาเอง" กับ "ความเห็นจริง" ต่างกันอย่างยิ่ง

"คิดเอาเอง" บางครั้งอาจถูก เรียกว่าบังเอิญ
"ความเห็นจริง" มีแต่ถูก ไม่มีบังเอิญ ..


:b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 09:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ใช่เส้นผม
แต่เป็น นิวรณ์ ที่ทำให้การเห็นซับซ้อนไป

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b20: :b20: :b8:
เอกลักษณ์ใครอ่ะ .. เต็มบอร์ดบทความธรรมหมดเลย .. อิอิ :b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 12:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:

:b8: :b20: :b20: :b8:
เอกลักษณ์ใครอ่ะ .. เต็มบอร์ดบทความธรรมหมดเลย .. อิอิ :b1:


:b17: :b4: :b4: :b17:

แบบว่า นั่งลงพรวนดินน่ะ

:b17: :b4: :b4: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 14:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่ใช่เส้นผม
แต่เป็น นิวรณ์ ที่ทำให้การเห็นซับซ้อนไป

:b1:

:b27:
อนุโมทนากับคอมเมนท์ของคุณeragon_joeครับ
:b48:
ได้มาแล้ว 1 เส้นผม คือนิวรณ์ธรรม ผมเส้นอื่น เงาอันอื่นจ ะเป็นอะไรโปรดติดตามต่อไปครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 14:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10:
วิริยะ......
เอกลักษณ์ใครอ่ะ .. เต็มบอร์ดบทความธรรมหมดเลย .. อิอิ
:b10:
หมายถึงใครบ้างน้อ?
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 14:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




b8.jpg
b8.jpg [ 49.99 KiB | เปิดดู 5833 ครั้ง ]
:b37:
เส้นผมบังภูเขา เป็นคำคมที่ซ่อนความหมายไว้ภายในคอยเตือนใจให้ฉุกคิดพิจารณา รู้ตัวขึ้นมาวิเคราะห์ตนเอง
ความเห็น(ทิฏฐิ)เป็นเหมือนเส้นผมเส้นเล็กๆ ซึ่งถ้าเป็นความเห็นถูกต้อง(สัมมาทิฏฐิ)จะเป็นการเปิดธรรม เปิดเผยความจริงของธรรมชาติออกมาให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้นและดึงเอาสิ่งดีๆ เช่นความสามารถตามธรรมชาติของมนุษย์ออกมาใช้ประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่
ถ้าเป็นความเห็นผิด(มิจฉาทิฎฐิ)ความเห็นผิดนั้นจะกลายมาเป็นดุจเส้นผมเส้นเล็กๆที่บังธรรมอันดุจภูเขาอันยิ่งใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เฉพาะหน้า ณ ปัจจุบันขณะของเจ้าของดวงจิตดวงนั้น


ความเห็น(ทิฏฐิ)จะผิด(มิจฉา)หรือถูกต้อง(สัมมา)นั้นเริ่มต้นมาจากไหน?

เริ่มต้นมาจากการศึกษา(สุตตมยปัญญา)ถ้าเมื่อครั้งแรกของชีวิตได้พบกัลยาณมิตรผู้รู้จริงถึงจริงถ่ายทอด อบรม ให้ความรู้ ที่ถูกต้องจริงๆตามธรรม บุคคลผู้นั้นย่อมจะเกิดความเห็นถูกต้องขึ้นในจิตเสียตั้งแต่เริ่มต้น ไม่หลงทาง ไม่เนิ่นช้า พบมรรคาแห่งการใช้ชีวิตที่ได้โอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ให้คุ้มค่า พาตนเดินไปบนทางอันเอกตามอย่างพระบรมครูสัพพัญญูพุทธเจ้าเข้าสู่มรรค ผล นิพพาน
:b39:
ในตัวอย่างของจริงเมื่อครั้ง ๔๕ ปีก่อนพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงเป็นมหากัลยาณมิตรของผู้คน หมู่ชนคนที่ได้พบและฟังธรรมศึกษาธรรมอันเฉียบแหลมตรงจริตจากพระองค์เพียงเรื่องเดียว สูตรเดียว หรือคาถาเดียว เมื่อน้อมพิจารณาตามเห็นจริง สัมมาทิฏฐิก็เกิดขึ้นจนทำลายความเห็นผิด(สักกายทิฐิ)ให้ขาดสะบั้นลงทันที บางองค์บางท่านก็เจริญรุดหน้าในเวลารวดเร็วจนทำให้ความยึดผิด(มานะทิฏฐิ)ขาดสะบั้นตาม
ข้อสังเกตที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ตอนนั้นยังไม่มีคัมภีร์พระไตรปิฎก หรือตำหรับตำราของครูบาอาจารย์มากมายเหมือนเช่นสมัยนี้ ความสับสนวุ่นวายไม่ตรงประเด็นธรรมทั้งหลายคงจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก
“ตำราน้อยคนบรรลุธรรมมาก ตำรามากคนบรรลุธรรมน้อย” อยากจะกล่าวว่าอย่างนี้ หรือพูดอีกทีว่า "ปริยัติยิ่งมากและวิจิตรพิสดารไปเพียงใด จำนวนผู้คนที่จะได้หลุดพ้นเข้าถึงธรรมก็ลด ลงมากเท่านั้น" เป็นปฏิภาคผกผันกันมาเช่นนี้โดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
:b43:
ฤาปริยัติอันมากมายวิจิตรพิสดาร ถกเถียงกันไม่รู้จักจบทั้งหลายเหล่านี้ จะมากลายเป็นเส้นผมบังภูเขา เงา บังความจริง นี่เป็นเรื่องที่เราจะได้มาวิเคราะห์วิจัยให้เกิดสติปัญญาอันชอบและถูกทางกันสักครั้งสักครา
:b16:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
หมายถึงใครบ้างน้อ?

มีคนเดียวแหละ .. ชื่อตุ๊กกี๊ .. :b9:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเพ่งพิจารณาไปที่ อายตนะ 6 ขันธ์ 5 ธาตุ 4

สิ่งที่ส่งผลต่อการเห็น คือ นิวรณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2012, 07:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
(ต่อ)
เมื่อวิเคราะห์ดูจากพุทธประวัติเราจะได้ข้อสังเกตที่สำคัญออกมาอย่างหนึ่งว่าก่อนการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า มีสภาวธรรมที่น่าจะเป็นประโขชน์สำหรับผู้ที่หวังจะได้บรรลุธรรมตามพระพุทธเจ้าดังนี้
๑.ค่านิยมหรือแฟชั่นของผู้คนสมัยนั้นคือการแข่งขันกันค้นหาโมกขธรรมหรือความสุขที่เป็นอมตะ
๒.เจ้าชายสิทธัตถะทรงค้นหาธรรมด้วยคำถามที่ป้อนให้กับพระองค์เองตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ครั้งที่พระเจ้าสุทโธทนะเสด็จไปงานแรกนาขวัญและเมื่อทรงเห็นเทวทูตทั้ง ๔ ครั้งที่เสด็จประพาสพระนครกบิลพัสดุ์ คำถามที่พระองค์ตรัสถามนายฉันนะสรุปได้ว่า “ฉันนะ เราจะต้องแก่ เราจะต้องเจ็บ เราจะต้องตาย เราและยโสธราพิมพาและพระราชบิดาจะต้องเป็นอย่างนี้ละหรือ” นี่คือคำถามที่สำคัญอันเป็นต้นเหตุและแรงบันดาลใจให้พระองค์ทรงค้นหาต่อไปว่า “ทำอย่างไรเราจึงจักไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย?”
:b39:
คำถามเช่นนี้เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมทุกคน ถ้าใครเริ่มต้นอย่างนี้ การค้นหาให้พบวิธีปฏิบัติที่จะทำให้หลุดพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จักไม่เป็นของยากเลยสำหรับบุคคลเหล่านั้นและจะไม่ยากเหมือนอย่างที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงได้รับ เพราะสูตรสำเร็จสำหรับการพ้นทุกข์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงค้นคว้าหามาพระราชทานไว้ให้พวกเราทั้งหลายแล้ว เพียงแต่พวกเราจะต้องไปศึกษาให้รู้ให้เข้าใจถึงแก่นแท้แก่นธรรมหรือหัวใจการค้นพบของพระบรมศาสดา
(ยังมีต่อ)
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2012, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ถ้าเพ่งพิจารณาไปที่ อายตนะ 6 ขันธ์ 5 ธาตุ 4

สิ่งที่ส่งผลต่อการเห็น คือ นิวรณ์



สงสัย หมายถึงอะไรครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2012, 13:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
eragon_joe เขียน:
ถ้าเพ่งพิจารณาไปที่ อายตนะ 6 ขันธ์ 5 ธาตุ 4

สิ่งที่ส่งผลต่อการเห็น คือ นิวรณ์



สงสัย หมายถึงอะไรครับ


ท่านเห็นดอกกุหลาบสีแดง ในตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น ตอนมืด
ภายใต้แสงแดด แสงจันทร์ แสงดาว แสงนีออน เหมือนกันหรือไม่
นั่นเป็นปัจจัยทาง รูป/แสง จักขุธาตุ จักขุวิญญาณ

จิต/ใจ ก็เห็น/รู้ ปัจจัยที่ประกอบ ชัดเจน/คลาดเคลื่อนไป ตามสิ่งที่ปรุงอยู่ท่าน

:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 23 พ.ค. 2012, 15:10, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2012, 14:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ก่อน...ถ้าใครถูกด่าว่า...ไอ้คนสิ้นคิด...นะ

เจ้บบบบ....เจ็บ

แต่ตอนนี้....เราอยากเป็นคนสิ้นคิด...กัน

ดีเน๊าะ.... :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2012, 06:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
(ต่อ)
คำถามเช่นนี้เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมทุกคน ถ้าใครเริ่มต้นอย่างนี้ การค้นหาให้พบวิธีปฏิบัติที่จะทำให้หลุดพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จักไม่เป็นของยากเลยสำหรับบุคคลเหล่านั้นและจะไม่ยากเหมือนอย่างที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงได้รับ เพราะสูตรสำเร็จสำหรับการพ้นทุกข์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธ

เจ้า ได้ทรงค้นคว้าหามาพระราชทานไว้ให้พวกเราทั้งหลายแล้ว เพียงแต่พวกเราจะต้องไปศึกษาให้รู้ให้เข้าใจถึงแก่นแท้แก่นธรรมหรือหัวใจการค้นพบของพระบรมศาสดา แล้ววิธีการที่จะค้นหาให้พบโมกขธรรมย่อมจักเกิดตามมาเป็นวิธีการเฉพาะตน ตามเหตุปัจจัยที่แต่ละคนได้สร้างสมมา
ความสามารถในการปฏิบัติธรรมนั้นมีอยู่แล้วโดยธรรมชาติในจิตมนุษย์ทุกคน
สัญชาติญาณในการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้ให้มากับมนุษย์ทุกคนอย่างเสมอเหมือนกันหมด ถ้ามนุษย์ผู้ใดมีความสังเกตดีมีสติปัญญาเฉียบแหลมเขาก็สามารถจะนำเอาค้นเอาของดีที่ธรรมชาติให้มามาใช้ประโยชน์ได้ เจ้าชายสิทธัตถะก็เช่นกัน จากคำถามที่ว่า “ทำอย่างไรเราจึงจักไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย? ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นเหตุให้พระองค์เสด็จหนีออกผนวชเพื่อค้นหาคำตอบ เมื่อแรกพระองค์ก็ทำตามอย่างแฟชั่นของคนยุคสมัยนั้นคือแสวงหาอมตะธรรมด้วยการไปศึกษาวิชากับฤาษีที่เก่งที่สุดของยุคนั้น ทรงลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ความ
จริงด้วยตนเองแล้วตามวิธีการทางสมถภาวนา

ของฤาษีทั้งหลาย ทรมาณพระวรกายอย่างยิ่งยวดเพื่อค้นหาคำตอบที่เหนือกว่า ก็มิได้รับคำตอบ จนในที่สุดพระองค์ได้ทรงทิ้งบัญญัติคือเรื่องราวความรู้ วิธีการปฏิบัติตามอย่างแฟชั่นสมัยนั้นกลับมาใช้ความสามารถตามธรรมชาติของมนุษย์ คือสัญชาติญาณในการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ปลุกสติปัญญาสมาธิขึ้นมาสังเกตพิจารณาเข้าไปในกายและจิตเพื่อจะศึกษากระบวนการทำงานของกายและจิตว่ามาเกี่ยวข้องกับการเกิด แก่ เจ็บตายอย่างไร อะไรเป็นเหตุเป็นผล เพื่อแก้ไขปัญหา ค้นหาคำตอบให้ได้ว่า
”ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากความเกิดแก่เจ็บตาย”
ในที่สุดพระองค์ก็ทรงได้รับคำตอบและได้ผลพลอยได้จากการค้นหาของพระองค์ คืออรหัตมรรคอรหัตผลและนิพพานอมตะสุข คำตอบที่พระองค์ทรงได้รับนั้นพระองค์ได้ทรงสรุปไว้เป็นหัวใจและขอบเขตแห่งธรรมดังความในปฐมเทศนาอันสรุปได้ว่า
๑.ให้เว้นทางสุดโต่ง ๒ ข้างแล้วเดินตามทางสายกลางอันมีอยู่ ๘ ข้อ
๒.สิ่งที่พระองค์ทรงค้นพบคือความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการอันได้แก่ ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และวิธีปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ทุกข์ควรกำหนดรู้ พระองค์ได้ทรงเพียรกำหนดรู้ และพระองค์ได้รู้แล้ว สมุทัย ควรละ พระองค์ได้เพียรละ และทรงละได้แล้ว นิโรธควรทำให้แจ้ง พระองค์ได้ทรงเพียรทำให้แจ้ง และทรงทำให้แจ้งได้แล้ว มรรคควรเจริญ พระองค์ได้ทรงเพียรเจริญและเจริญได้แล้ว หมดสิ้นแล้วเหตุแห่งทุกข์ หมดสิ้นแล้วปัญหา พระองค์ทรงได้รับคำตอบโดยสมบูรณ์แล้วจึงได้ตรัสบอกกับปัญจวัคคีย์ทั้งหลายว่า “เราอาจหาญที่จะบรรลือสีหนาทประกาศธรรมนี้ต่อสัตว์โลกทั้งหลายได้อย่างเต็มภาคภูมิ”

ข้อสังเกตคือวิธีปฏิบัติภาวนาของพระองค์
พระองค์ได้ทรงใช้วิธีธรรมชาติคือปล่อยให้กระบวนการทำงานของสติปัญญาและปฏิกิริยาภายในกายและจิตดำเนินไปตามธรรมชาติ เมื่อทำอย่างนั้นแล้ว สติ ปัญญาก็จะทำหน้าที่ รู้ทัน ดู สังเกต พิจารณา ค้นหาความจริงลึกเข้าไปๆโดยไม่ให้มีปฏิกิริยาใดๆมาทำให้พระองค์ละความเพียรในการสังเกตการณ์ คำตอบโดยธรรมชาติจึงเกิดขึ้นมาตามลำดับ จนถึงที่สุดของปฏิกิริยาชีวิต
พระองค์ก็ได้ทรงค้นพบ มรรค ผล นิพพาน อันเป็นที่สุดแห่งความเวียนว่ายตายเกิด
หลังจากการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์จนทรงได้รับพระนามว่า “สัมมาสัมพุทธเจ้า” พระบรมศาสดาได้ทรงใช้เวลาชีวิตที่เหลืออยู่ตลอด ๔๕ พรรษา เมตตาโปรดแสดงธรรม สั่งสอนธรรมแก่ชาวโลก
ด้วยพระปรีชาญาณอันเลิศของพระบรมครูการสอนของพระองค์จึงมีประสิทธิภาพสูงมาก การแสดงธรรมครั้งหนึ่งๆนั้นทำให้ผู้คนเกิดดวงตาเห็นธรรมและบรรลุธรรมได้ความเป็นอริยบุคคลจำนวนมากมาย พระธรรมแต่ละบทแต่ละเรื่อง คาถาแต่ละบาท พุทธวัจนะแต่ละคำล้วนทำให้ผู้คนบรรลุธรรมได้ทั้งสิ้น เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว คำสอนทั้งหมดนั้นจึงถูกรวบรวมบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก อันทำให้เกิดความสะดวกในการค้นคว้าศึกษาธรรมของคนรุ่นหลัง แต่ความสะดวกนี้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “เส้นผมบังภูเขา เงาบังความจริง”ขึ้นมา อะไรคือเส้นผม อะไรคือเงา ขอให้เฝ้าติดตามกันต่อไปครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร