วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 05:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 68 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 00:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ขณะจิต เขียน:

:b12:ผมว่าท่านกบเห็นถึงต้นทางเลยต่างหาก ก่อนออกเดินอีก แจ่ม แจ่ม :b20:


ยัง...ยังไม่ได้เห็น..จัง..จัง :b9: ..ยังอยู่ในขั้นจินตาฯ..อยู่





แม้ยังเดินไม่ถึง คงยังพึงเห็นอยู่ :b25:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 00:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่ใช่....ธรรมกายแถว ๆ คลองหลวง...นะจ๊ะ

ลองมาฟังลูกศิกษ์ลูกหาหลวงพ่อสด..ดีกว่า


Kiss มีอีกไหมเจ้าค่ะ ท่านกบ พระอาจารย์ท่านแสดงธรรมถูกจริตคุนน้อง อยากฟังอีก :b44:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 01:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอถามเพิ่มอีกนิดนะครับว่า ธรรมะที่แท้จริงคืออะไร ตามที่ท่านเห็น
สาธุ


คือธรรมะที่ประกอบด้วยเหตุ และผล ธรรมะทั้งปวงเกิดขึ้น เพราะอาศัยเหตุ เพราะธรรมะที่ไม่มีเหตุเกิดนั้น ไม่มี

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 01:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
Kiss มีอีกไหมเจ้าค่ะ ท่านกบ พระอาจารย์ท่านแสดงธรรมถูกจริตคุนน้อง อยากฟังอีก :b44:


โอ้วว....แม่เจ้า....นับถือ....นับถือ... Kiss Kiss

เดียวจะลองหามาให้อีก.....Google จ๊า...ช่วยข้าน้อยด้วยเถิด...

เอ้าว....ได้อีกหนึ่ง....ลองชิมดู.. :b13:



โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 09:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ท่านทั้งหลาย เห็นเช่นไร อธิบายให้ฟังหน่อยนะครับ
:b8: ขอบคุณครับ

ขอถามเพิ่มอีกนิดนะครับว่า ธรรมะที่แท้จริงคืออะไร ตามที่ท่านเห็น
สาธุ

:b12:
"ธรรมะที่แท้จริงคืออะไร?
คำตอบก็ตรงตาม คติประจำใจของคุณฝึกจิตอยู่แล้วนะครับ
:b45: :b45:
"สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา ดังนี้"
:b39:
แต่ "จิต ไม่ปรุ่งแต่ง มันเป็นสภาวะอย่างไร?"
คำถามนี้ซิน่าสนใจ
สำหรับความเห็นของผม ตามที่ศึกษาและประสบการณ์มา จิตไม่ปรุงแต่ง ที่รู้ง่ายๆ คือจิตไม่คิดนึกนั่นเอง
:b39:
การที่จิตจะไม่คิดนึกนั้นเกิดขึ้นได้หลายระดับ
:b48:
1.เมื่อนอนหลับ จิตลงภวังค์ คือหลับสนิท ไม่ฝัน นี่เป็นธรรมดาของปุถุชนทั้งหลาย
:b43: :b43:
2.เมื่อสติทันปัจจุบันอารมณ์ได้ดี ความคิดนึกจะหยุดไปชั่วคราว จิตจะรู้อาการของกายมาถึงเพียงแค่ความรู้ หรือ รู้สึก
ลองดูตามลำดับ
:b10:
สัมผัส.......รู้.......รู้สึก.......นึกคิด......พูด......ทำ......รับผลของการกระทำ
:b16:
สัมผัส----รู้-----รู้สึก
:b38:
3.เมื่อเจริญวิปัสสนาภาวนาจนญาณวิปัสสนาขึ้นถึง "สังขารุเปกขาญาณ" ญาณที่ 11 ณ ที่นี้ ความปรุงแต่งทั้งหมดของจิตหยุดทำงานไปชั่วคราวด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนาปัญญาส่งมาตามลำดับ จิตหมดงานไปชั่วขณะ เหมือนคนซักผ้ากองใหญ่เสร็จแล้วยังไม่มีงานใหม่มาให้ทำ ที่สังขารุเปกขาญาณนั้น บางท่านก็เรียกว่า นิพพานชิมลอง หรือนิพพานหลอก เพราะจิตเข้าถึงสภาวะไร้ความปรุงแต่ง อสังขาร อสังขตัง ปรมัตถัง
:b16:
4.เมื่อเจริญสมถกรรมฐานจนเข้าถึงฌาณ 4 และอัปณาฌาณ (เข้าสมาบัติของโลกียฌาณ)
:b42: :b42:
54.เมื่อพระอริยเจ้าเข้าพละสมาบัติ ตามชั้นของตน คือยู่ในนิพพานธาตุ ตามช่วงเวลาที่กำหนด หรือตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย
:b48: :b16:
6.เมื่ออยู่ด้วยกิริยาจิต ซึ่ง เป็นปกติวิสัยของพระอรหันต์
:b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 10:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โอ้ววว......วีดีโอข้างบนนี้...เด็ดกว่าที่คิด...มาก Kiss Kiss

อยากให้อโสกะเข้ามาดูจังเลยนิ.....โดยเฉพาะตอนจะจบ

ป.ธ. 6 นะ... :b8: :b8: :b8:

ไม่ใช่ตาสีตาสา...แถว ๆ ปทุม.. :b12:

:b8:
มาเปิดฟังแล้วนะครับ อนุโมทนากับท่านกบและเจ้าของกระทู้ครับ
:b27: :b27:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 11:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องขออนุญาติ วิจารณ์ ท่าน จขกท ในกรณีที่ตั้งกระทู้นี้ เพื่อลองภูมิและวิจารณ์ความเห็นของท่านสมาชิก คุนน้องก็ขออนุญาติวิจารณ์กลับในฐานะบันฑิตย่อมไม่ขุ่นเคืองในคำวิจารณ์ :b32: ให้บอกมั้ยว่าท่านฝึกจิตขาดตกบกพร่องตรงไหน
ท่านฝึกจิตไม่ได้มีธรรมมะที่ใช้ใจนึกคิด ใช้สติระลึกคิด แต่ท่านใช้ธรรมมะแบบอารมณ์ สมอง อ่าน ฟัง ท่อง จำ มันเลยไม่ซีมเข้าไปในจิตใจท่าน พอเจอผัสสะมากระทบ มีความเห็นที่ไม่ถูกใจท่าน ท่านเลยเกิดอุปทานธ์ขันธ์ขึ้น ยกตัวอย่างที่คุนน้อง เอาภาคปฏิบัติของตนมาทดสอบกิเลศ เพียงครู่เดียวที่ท่านอ่านข้อความท่านก็เกิดอุปทานธ์ขันธ์ขึ้น เลยอุทานว่า "อีกคนแล้ว ไม่น่าเลย เสียดาย" นี่แหละตัวตนท่าน ท่านควบคุมสังขารไม่ให้ปรุงแต่งทางตัวหนังสือไม่ได้ เลยเกิดอุปทานที่ไร้ซึ่งสัมมาทิฏฐิ ทำไมคุนน้องบอกท่านไร้สัมมาทิฏฐิ ไปดูประโยคสีฟ้า ความเห็นแย้งไม่มีเหตุ ไม่มีผล มันคือความรู้สึกของอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆพอคุนน้องลองภูมิถามว่าคุนน้องมีข้อบกพร่องตรงไหนบ้างท่านโปรดชี้แนะ คงไม่ต้องตอบ เพราะท่านไม่มีอะไรชี้แนะ คุนน้องจงใจขุดกิเลศท่านออกมาดูเจ้าค่ะ ว่าท่านเป็นประเภทธรรมแท้ หรือธรรมเทียม ท่านทำให้คุนน้องผิดหวัง ลองไปฝึกจิตใหม่นะเจ้าค่ะ คุนน้องอ่านทะลุตัวหนังสือหมด ใครของจริง ใครของปลอม ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะพูดหรือไม่พูดแค่นั้น ส่วนคุนน้องเองก็ต้องฝึกต้องเพียรอีกเยอะ ต้องลด ละ วางอีกเยอะ คราวหน้าท่านอย่าไปวิตก วิจารณ์ ภาคปฏิบัติของใคร เพราะถ้าคนนั้นเข้าเป็นผู้ทรงศีล ทรงธรรมของจริง ตัวท่านจะเจอวิบาก เพราะชอบไปตำหนิติเตือนผู้ทรงธรรม คุนน้องหวังดีเพราะตัวเองเคยผ่านมาก่อน เคยเป็นเหมือนท่านมาก่อน สาธุ :b8:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 14:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


จิต

:b6:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 20:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องขออนุญาติ วิจารณ์ ท่าน จขกท ในกรณีที่ตั้งกระทู้นี้ เพื่อลองภูมิและวิจารณ์ความเห็นของท่านสมาชิก คุนน้องก็ขออนุญาติวิจารณ์กลับในฐานะบันฑิตย่อมไม่ขุ่นเคืองในคำวิจารณ์ :b32: ให้บอกมั้ยว่าท่านฝึกจิตขาดตกบกพร่องตรงไหน
ท่านฝึกจิตไม่ได้มีธรรมมะที่ใช้ใจนึกคิด ใช้สติระลึกคิด แต่ท่านใช้ธรรมมะแบบอารมณ์ สมอง อ่าน ฟัง ท่อง จำ มันเลยไม่ซีมเข้าไปในจิตใจท่าน พอเจอผัสสะมากระทบ มีความเห็นที่ไม่ถูกใจท่าน ท่านเลยเกิดอุปทานธ์ขันธ์ขึ้น ยกตัวอย่างที่คุนน้อง เอาภาคปฏิบัติของตนมาทดสอบกิเลศ เพียงครู่เดียวที่ท่านอ่านข้อความท่านก็เกิดอุปทานธ์ขันธ์ขึ้น เลยอุทานว่า "อีกคนแล้ว ไม่น่าเลย เสียดาย" นี่แหละตัวตนท่าน ท่านควบคุมสังขารไม่ให้ปรุงแต่งทางตัวหนังสือไม่ได้ เลยเกิดอุปทานที่ไร้ซึ่งสัมมาทิฏฐิ ทำไมคุนน้องบอกท่านไร้สัมมาทิฏฐิ ไปดูประโยคสีฟ้า ความเห็นแย้งไม่มีเหตุ ไม่มีผล มันคือความรู้สึกของอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆพอคุนน้องลองภูมิถามว่าคุนน้องมีข้อบกพร่องตรงไหนบ้างท่านโปรดชี้แนะ คงไม่ต้องตอบ เพราะท่านไม่มีอะไรชี้แนะ คุนน้องจงใจขุดกิเลศท่านออกมาดูเจ้าค่ะ ว่าท่านเป็นประเภทธรรมแท้ หรือธรรมเทียม ท่านทำให้คุนน้องผิดหวัง ลองไปฝึกจิตใหม่นะเจ้าค่ะ คุนน้องอ่านทะลุตัวหนังสือหมด ใครของจริง ใครของปลอม ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะพูดหรือไม่พูดแค่นั้น ส่วนคุนน้องเองก็ต้องฝึกต้องเพียรอีกเยอะ ต้องลด ละ วางอีกเยอะ คราวหน้าท่านอย่าไปวิตก วิจารณ์ ภาคปฏิบัติของใคร เพราะถ้าคนนั้นเข้าเป็นผู้ทรงศีล ทรงธรรมของจริง ตัวท่านจะเจอวิบาก เพราะชอบไปตำหนิติเตือนผู้ทรงธรรม คุนน้องหวังดีเพราะตัวเองเคยผ่านมาก่อน เคยเป็นเหมือนท่านมาก่อน สาธุ :b8:


จริงๆแล้วผมแย่กว่าที่ท่านกล่าวอีก กิเลสแน่นบึก สมองกลวง เกือบจะเป็น อัลไซเมอร์แล้วด้วยท่าน เรื่องธรรมะแท้หรือเทียม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมไม่มีอะไรให้พูดได้ :
:b12: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ชายสบายๆ เขียน:
เป็นแบบนี้ครับ.

ผู้ชายสบายๆ เขียน:
จิตที่ไม่ปรุงแต่งนั้นไม่มีการกำหนดใดๆทั้งสิ้นเมื่อไหร่แม้ว่ามีการกำหนดว่าว่างปล่าวอุปมาจะเหมือนกระดาษแผ่นนี้เขียนคำว่า "ว่างปล่าว" ลงไปแล้วจะว่างได้อย่างไรในเมื่อมีคำว่า ว่างปล่าวจิตที่สงบแท้ๆมีอุปมาดังภาพแรกนั้นนั่นเองครับ... :b8:


กระดาษ ก็จักไม่มี

:b35:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


จิต ไม่ปรุงแต่ง และ ธรรมะที่แท้จริง เป็นสภาวะแบบเดียวกัน
ลองฟังคำตอบดูนะครับ
http://www.youtube.com/watch?v=1ZEFe4PKHDs


และนี้อีก1 คำตอบ จากท่านพุทธทาส
อาตมาได้เคยกล่าวมาทุกครั้งที่บรรยาย ว่า เรื่อง กข ก กา นั้น มีทั้ง ฝ่าย
ปรมัตถธรรม และฝ่ายศีลธรรม ฝ่ายปรมัตถธรรม คือเป็นธรรมะชั้นจริง คือ
ชั้นที่ไม่เคยสมมติ

และนี้อีก1 คำตอบ จากหลวงปู่ดุลย์
“หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ จิต นั่นแหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว มันก็ไม่ใช่จิต จิต นั้นโดยตัวมันเอง ก็ไม่ใช่ "จิต" แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ใช่ "มิใช่จิต" การที่กล่าวว่า จิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั้นแหละ ย่อมหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้น เราอาจกล่าวว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ได้ถูกเพิกถอนโดยสิ้นเชิงแล้ว”

และนี้อีก1 คำตอบ จากพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำ
ถาม : การปฏิบัติที่เราจำได้ พอมาปฏิบัติความจำที่เราจำได้จะเป็นอุปสรรคหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ตอนแรกเป็น เพราะของเรากลัวพลาด กอดตำราแน่นไป แต่พอมาค่อย ๆ พิจารณาดูตามอารมณ์ใจที่ทำได้แล้ว ถึงได้รู้ว่าที่เราจำได้ มันแค่ผิวแค่นั้นเอง
ถาม : ผิวหรือครับ ?
ตอบ : เออ! ผิว เข้าไม่ถึงเนื้อ เข้าไม่ถึงแก่น คำพูดกับตัวหนังสือนี่ยังหยาบเกินกว่าที่จะอธิบายอารมณ์ธรรมะที่แท้จริง
ถาม : เคยฟังหลวงพี่อธิบาย มหาสติปัฏฐานสูตร ไม่ผิดสักอักขระหนึ่งเลย
ตอบ : นั่นแหละ แค่ผิวเอง ไม่ใช่เนื้อไม่ใช่แก่นเลย ตัวที่เราเข้าถึงจริง ๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอก คำพูดมนุษย์มันพูดยาก ท่านถึงได้ใช้คำว่า “ปัจจัตตัง” ผู้ปฏิบัติจะรู้เองว่าเป็นอย่างไร พูดยากพูดเย็นเหลือเกิน
อีก1คำตอบนิทานเซน
เมื่อท่านโพธิธรรมอยู่ในประเทศจีนนานถึง ๙ ปี ท่านก็อยากจะกลับอินเดีย ทีนี้ไหนๆ จะกลับทั้งที อยากจะลองสอบดูว่า บรรดาศิษย์ต่างๆ ที่สอนไว้ที่นี่ ใครจะรู้อะไรกี่มากน้อย ก็เลยเรียกมาประชุม ถามทำนองเป็นการสอบไล่ว่า ธรรมะที่แท้จริงนั้นคืออะไร ข้อสอบมีเพียงสั้นๆว่า "ธรรมะที่แท้จริง นั้นคืออะไร?"

ศิษย์ชั้นหัวหน้าศิษย์ ที่เรียกว่า ศิษย์ชั้นมีปัญญา เฉียบแหลม ชื่อ ดูโฟกุ ก็พูดขึ้นว่า

"ที่อยู่เหนือการยอมรับ และอยู่เหนือการปฏิเสธ นั้นแหละ คือ ธรรมะ ที่แท้จริง"

คำตอบอย่างนี้ ก็ถูกมากแล้ว ถ้าผู้ใดฟังไม่เข้าใจเรื่องนี้ พึงจัดตัวเองว่า เป็นผู้ที่ยังไม่รู้ธรรมะได้เลย ไม่รู้ธรรมะอะไรเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่รู้จัก สิ่งที่เหนือการยอมรับ และการปฏิเสธ

ท่านอาจารย์ ก็บอกว่า "เอ้า! ถูก! แกได้ หนังของฉันไป"

นี้หมายถึง หนังที่หุ้มชั้นนอก ไม่ใช่เนื้อ ไม่ใช่กระดูก คือ ชั้นหนังแท้ๆ เสร็จแล้ว คนนี้ นั่งลง

นางชีคนที่ชื่อ โซจิ ก็ยืนขึ้นแล้วบอกว่า "สิ่งที่เห็นครั้งเดียว แล้วเป็นเห็นหมด เห็นตลอดกาล นั่นแหละ คือธรรมะแท้จริง"

ท่านอาจารย์ ก็บอกว่า " เอ้า! ถูก! แกได้ เนื้อของฉันไป" คือมันถูกกว่าคนทีแรก จึงได้เนื้อไป แล้วเขาก็นั่งลง

คนที่สาม ยืนขึ้น ตอบว่า "ที่ไม่มีอะไรเลย นั่นแหละ คือ ธรรมะ"

เขาใช้คำว่า ไม่มีอะไรเลย เท่านั้น แต่เราขยายความออกไปก็ได้ว่า ไม่มีอะไรที่ถือเป็นตัวตนเลย นั่นแหละคือธรรมะแท้จริง

อาจารย์ ก็บอกว่า "ถูก! แกได้ กระดูกของฉันไป" คือ ลึกถึงชั้นกระดูก

ศิษย์อีกคนหนึ่ง เป็นศิษย์ก้นกุฎิ ชื่อ เอก้า ยืนขึ้น หุบปากนิ่ง แล้วยังเม้มลึกเข้าไป ซึ่งแสดงว่า นิ่งอย่างที่สุด เป็นการแสดงแก่อาจารย์ว่า นี่แหละ คือ ธรรมะ การที่ต้องหุบปากอย่างนี้แหละ คือธรรมะ

อาจารย์ก็ว่า "เออ! แกได้ เยื่อในกระดูก ของฉันไป"




ต้องเจอกับสภาวะจริง เหนือคำพูด พูดตามสมมุติไม่ได้ ได้แค่เทียบเคียง

มันเกิดที่จิต จิตเท่านั้น

ไม่รู้ได้ประโยชน์บ้างมั้ย :b12:
:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

.. จิตไม่ปรุงแต่ง เกิดจากการศึกษา และปฏิบัติจนเข้าใจถึงเหตุ และปัจจัยของการสืบเนื่องที่ก่อให้เกิดวิบากกรรมใหม่ เป็นเหตุใกล้ของการละอกุศลกรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น และไม่ให้อกุศลกรรมที่เกิดขึ้นแล้วเจริญงอกงาม.. ด้วยการศึกษา..ฯ นี้ จะทำให้เข้าใจได้ว่า จิตจะถูกปรุงแต่งอันเกิดจากอายตนะภายใน กระทบกับอายตนะภายนอก โดยมีโลภะ โทสะ โมหะอันเป็นกิเลสทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง และกิเลสอย่างละเีอียดที่นอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานเกิดร่วมด้วยหรือไม่.. แต่จะรู้ได้ด้วยการปฏิบัติมีการเจริญสมาธิเป็นต้น เพื่อให้รู้ตัวทั่วพร้อมตลอดว่า เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ลิ้นได้รับรส จมูกได้กลิ่น หรือแม้แต่การคิดถึงสิ่งใดๆ ในขณะนั้นๆ มีโลภะ โทสะ หรือโมหะเกิดร่วมหรือไม่ หากพิจารณาแล้ว ไม่มีโลภะ โทสะ หรือโมหะเกิดร่วมด้วยแล้ว สภาวะนั้นแล คือสภาวะที่จิตไม่ได้ปรุงแต่ง เสวยไม่ทุกข ไม่สุข เวทนา ยังผลให้วิบากกรรมนั้นไม่ดำ ไม่ขาว หรือไม่มีผลแห่งกรรมสืบต่อไปในอนาคต.. การเจริญอย่างนี้อย่างต่อเนื่อง หมั่นศึกษาพิจารณาให้ละเอียดด้วยโยนิโสมนสิการเนืองๆ ..จักเป็นเหตุใกล้ของการระงับซึ่งวิบากกรรมทั้งหลายที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น มีความดับไปแห่งเชื้อของการเกิดให้ดับไปเป็นปริโยสาน เป็นราก เป็นเหง้า ของการแก้กรรม อันควรแก้ได้ มีลำต้น แลกิ่งก้านเป็นมรรคสี่ ผลสี่ มียอดคือพระนิพพาน.. อันเป็นหนึ่งนั้น..

.. " สิ่งที่จริงไม่มี .. สิ่งที่มี..ไม่จริง.." เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเกิดมาด้วยความปรุงแต่งจากกองกิเลส เมื่อเกิดแล้ว ก็แตกทำลาย เสื่อมสูญ หาเป็นของเที่ยงแท้ไม่มี ผู้จะยึดอยู่ ก็ยึดด้วยกิเลส ผู้ถูกยึดอยู่ ก็ด้วยกิเลสที่เป็นผู้ยึดไว้ แต่ก็หารู้ไม่ว่า สิ่งนั้นหาได้มีตัว มีตนอยู่จริงแท้ไม่..ความเป็นไปแห่งภพ ชาติก็เกิดมาด้วยอย่างนี้ สัตว์ทั้งหลาย ภพภูมิทั้งหลายก็เกิดขึ้นด้วยความเป็นไปอย่างนี้ จะหาสิ่งจริงยั่งยืน สืบไปนั้นหามิได้ ผู้รู้แล้ว..จึงมีให้เห็นเ็ป็นเหล่าพระอริยทั้งหลายที่กระทำความเพียร สำรอกกิเลส คายกิเลส หลีกหนีชาติภพ ที่เวียนวนขัดข้อง อยู่ในภพภูมิต่างๆ .. เพื่อการไม่กล้บมาเกิดอีก.. ปุถชนคนธรรมดา แม้ว่าตั้งหน้า ตั้งใจปรารถนาจะศึกษาให้ได้ลิ้มรส ของสภาวะอันจิตไม่ปรุงแต่งนี้ ก็อาศัยรักษาศีลให้บริสุทธิ์เสียก่อน เพราะศีลนี้จะทำให้สมาธิได้มีที่ยึดเหนี่ยว เมื่อมีความท้อใจ สงสัย ฟุ้งซ่าน ระลึกถึงศึลแล้ว จะเกิดปิติอิ่มใจว่า เรานี้มีศีลบริบูรณ์ดี ความเพียรก็เจริญขึ้นตามลำดับ ยังสมาธินั้นให้เป็นที่ตั้งแห่งปัญญาทั้งหลาย อ้นสมาธิในระดับที่ละเอียดขึ้นจนถึง ฌาน นั้น ทำให้เกิดประโยคว่า ไม่มีฌาน ไม่มีปัญญา ..และปัญญานี้เองที่ทำให้ผู้รู้..เข้าใจว่า ขณะนี้จิตมีสภาวะปรุงแต่งอยู่หรือ ไม่มี.. เสวยอุเบกขาเวทนาอยู่หรือไม่..ความสืบเนื่องแห่งชาติ ภพ มีอยู่อีก หรือไม่มี..กิจที่ควรทำได้ทำสิ้นแล้วหรือยัง..ฯลฯ

ขอท่านทั้งหลายผู้ตั้งใจจะปลูกเมล็ดแห่งพระินิพพานทั้งหลาย พึงรักษาศีล สั่งสมการทำบุญให้ทานประมาณตามสถานะ และเวลาแห่งตนๆ มีความเป็นกัลยาณมิตรเป็นเผ่าพันธ์ เป็นทายาท เพื่อการอยู่ร่วมกันทั้งในปัจจุบัน และในชาติภพที่เหลือด้วยความสุขสงบเป็นเหตุอันใกล้เถิด ฯ


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 22:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


จะบอกอะไรให้ จิตจะเลิกยึดมั่นถือมั่น มันก็ต้องละสังโยชน์ ให้ได้หมด ถึงจะเป็นจิตบริสุทธิ์ หรือ จิตประภัสสร ไอ้แบบเกิดอุปทานขันธ์แบบท่านฝึกจิตคงจะยากอยู่กระมัง สติต้องถูกอบรมให้เป็นสัมมาปัญญา
และระลึกทันต่อกระบวนการขันธ์ 5 ระดับอริยะบุคคลขึ้นไป ก็จะค่อยๆละค่อยๆวางไม่เกิดอุปทานขันธ์ ตามกำลังอินทรีย์ของตน ไม่ใช่ว่าไปบังคับหรือฝืนใจ แต่มันจะเป็นไปเอง เหมือนกับคนที่ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมไม่จำเป็นต้องมาเตือนตัวเองว่าจะผิดศีล แต่มันจะมีตัวสัญญาเป็นกระแสกั้นต่อการกระทำที่ผิดศีลธรรมอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับปุถุชนที่ต้องถือศีล มันคนละแบบกัน ถ้าพวกเขาขาดสติพวกเขาก็มีโอกาสผิดศีลได้ แต่เลยโสดาบันขึ้นไป ไม่มีทางผิดศีลเพราะจะมีสติระลึกทันอยู่ตลอดเวลา อริยะบุคคลไม่มาพะวงหน้าพะวงหลังเกี่ยวกับศีล จะมีหลงบ้างก็แค่ภาคปฏิบัติกับปริยัติที่อาจจะศึกษามาไม่ลึกซึ้งอธิบายความไม่ชัดเจน คุนน้องจะบอกอะไรให้ ตอนแรกๆคุนน้องไม่เคยสนใจธรรมมะ ไม่เคยคิดจะฟังธรรมมะ แต่เป็นคนขี้สงสาร เห็น ขอทาน ก็อดเวทนาไม่ได้ชอบทำทาน ให้เงิน คนขอทานมาตั้งแต่เล็กจนโต เข้าวัดก็ทำบุญตามโอกาส แต่ก็ทำไปแบบปุถุชนทั่วไป แต่เหตุปัจจัย สภาวะที่คอยบีบเค้นจิตใจอยู่ตลอดเวลาต้องหาทางหลุดออกให้ได้ นี่แหละที่คุนน้องต้องอาศัยธรรมมะเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ คนที่จะเห็นธรรมแท้ จะต้องเห็นทุกข์เสียก่อน ถึงจะเกิดปัญญาเห็นธรรมตามความเป็นจริง


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2012, 22:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 68 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร