วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 06:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




GEDC1775_resize.JPG
GEDC1775_resize.JPG [ 78.03 KiB | เปิดดู 2506 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12: :b12: :b12: :b12:
ทั้งน้อมและไม่น้อม ก็ยังเป็นกระบวนท่าอยู่ เพราะยังตกอยู่ในอำนาจของธาตุคู่ มิอาจพ้นสมมุติไปได้
ระหว่างกลางของคู่นั้นสิ ควรสังเกต พิจารณาให้ดี มีคำตอบที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยภาษามนุษย์ซ่อนอยู่ในนั้น ลองหากันให้เจอนะครับ
ระหว่าง ชั่ว กับ ดี.......ระหว่างบุญ กับ บาป........ระหว่างถูก กับ ผิด.......ระหว่างอ่อนน้อม กับ ไม่อ่อนน้อม......ระหว่างมืด กับ สว่าง....ระหว่าง.....ๆ....ๆ......ๆ....ๆ....ๆ....ๆ....ๆ....ๆ

onion


มันมีเหตุ...มีปัจจัย...

จะเข้ากลาง...ระหว่าง..ไม่น้อบน้อม...กับน้อมน้อม..ได้..มันก็ต้องรู้เสียก่อน..ทั้ง 2 ข้าง..นี้ขั้นโลกียะ

ที่ไม่เคยเห็นทั้ง 2 ข้างเลย...แล้วเข้ากลางได้....มันเป็นเรื่องของคนขี้โม้...แล้วละ

พระพุทธองค์เทศน์สอนปัญจวัคคี...เรื่องทางสายกลาง....แต่ทรงตรัสเรื่อง...อัตตกิลมถานุโยค..และ..กามสุขัลลิกานุโยค...ให้เข้าใจก่อน....แล้วจึงตามด้วยทางสายกลาง....ก็เพราะเหตุนี้...

เราอบรมจิต...ไม่ไช่อบรมกาย...กายที่ทุกข์...มีผลให้ใจไม่สงบ...ใจไม่สงบก็ไม่พบโมกขธรรม...นี้เรียกว่า...อัตตกิลมถานุโยค....(เมื่อน้อมใจคิดตาม...ก็เห็นตามนั้น...ใจก็ไม่อยากเอา)

ความปรารถณาในการครองเรือน...มีสัมพันธ์ภรรยาสามี...ความอยากในกามอันนี้...ผู้เข้าป่ามาหาโมกขธรรม...ได้ลดไปแล้ว....แต่ความอยากได้ในโมกขธรรมมากไป...อันนี้เรียกว่า...กามสุขัลลิกานุโยค....(เมื่อน้อมจิตตาม....ก็เห็นความอยากที่มีมากของตนเอง...ก็เข้าใจ)

เมื่อรู้ว่าฝั่งทั้งสองข้างอยู่ตรงไหน...ก็รู้ว่าทางระหว่าง...นั้น....(มีอารมณ์)เป็นอย่างไร
........

ผู้พ้นกิเลสไปแล้ว...จึงเป็นผู้น้อบน้อมอย่างยิ่ง...ก็ด้วยเหตุนี้...ด้วยเหตุที่เข้าใจ

เขาไม่ได้ดูที่...กาย...วาจา...แล้วละ..อโสกะ..เอย

มันหยาบ....ไป[
/quote]
:b12: :b12: :b12:
ที่แถบสีแดงให้เห็นนั้น เป็นจุดที่แสดงความหยาบ ในการวินิจฉัยธรรมของคุณกบนะครับ ลองกลับไปตรองดูใหม่ให้ลึกซึ้ง
:b34:
อนึ่งการมาสนทนาธรรมในลานธรรมนี้ ก็ด้วยมีกุศลจิตเมตตานำหน้า ตามด้วยกรุณาเพียรชี้แจงแสดงความเห็นโดยมี "ธรรม" เป็นหลักยึดหาได้มาสนทนาด้วยปารถนาความเด่นดังด้วย อัตติมานะใดๆ ขอให้คุณกบพึงเข้าใจให้ดีมีสายตามองหาแต่สิ่งที่เป็น + (บวก) ดังพุทธภาษิตว่า
"ความชั่ว ไม่ทำเสียเลยจะดีกว่า"
หรืออาจจะกล่าวว่า "ละชั่ว เอาแต่ดี"
หรือ "พึงมองโลกแต่เพียงมุมบวกแล้วใจจะเป็นสุข"...
"ค้นหาแต่ความดีของผู้คน วัตถุ สิ่งของและเหตุการณ์ที่มากระทบกายใจของรา จิตใจจะไม่เศร้าหมอง จะได้ครองแต่ความสงบสุขและมิตรไมตรี"

:b53:
"อโสกะ....ยึดตนเกินไป....จึงปฏิเสธที่จะพิจารณาสิ่งที่รายล้อมอย่างละเอียดรอบคอบ...

อาจจะพูดได้ว่า...ฉลาดแต่ขาดเฉลี่ยว

สิ่งนี้แหละ...ที่บังความจริง"
:b34:
คำพูดอย่างนี้ คุณกบตัดสินใจเอาด้วยความคิดอนุมานเอาเอง ลองนำคำพูดนี้กลับคืนมาถามตัวเองซิว่า เราเองก็เป็นอย่างเช่นที่ว่า เขา ไปหรือเปล่าหนอ?
:b34:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 06:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
หากรู้สึกว่า ฟู ลอย ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น ปฏิบัติเพื่อ ละ ตัวตน
หากรู้สึกว่าแฝบ จม ให้รู้สึกว่า หลงอยู่ใน อวิชชา เสียแล้ว วางเสีย แล้วมาที่จุดเริ่มต้น

จนกว่า ฟูแฝบ น้อยลงๆ จะเกิด เสถียรภาพ ในชีวิต ประจำวันจริง

:b8:

:b27:
คุณฝึกจิตน่าจะเข้าใจเรื่อง "กึ่งกลางระหว่างธาตุคู่" ขึ้นมาแล้วนะครับ
:b8:
แต่ที่ว่า ..."ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น".....นั้น เป็นการกลับไปสู่ร่องน้ำเดิม กระแสน้ำจะพาไหลไปที่เดิมๆน่าจะเปลี่ยนร่องน้ำใหม่ มาใส่ใจสังเกตลงตรงที่ว่า "กลาง ของ ฟู กับ แฟบ มันเป็นอย่างไร?
น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไวกว่านะครับ

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 07:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
หากรู้สึกว่า ฟู ลอย ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น ปฏิบัติเพื่อ ละ ตัวตน
หากรู้สึกว่าแฝบ จม ให้รู้สึกว่า หลงอยู่ใน อวิชชา เสียแล้ว วางเสีย แล้วมาที่จุดเริ่มต้น

จนกว่า ฟูแฝบ น้อยลงๆ จะเกิด เสถียรภาพ ในชีวิต ประจำวันจริง

:b8:

:b27:
คุณฝึกจิตน่าจะเข้าใจเรื่อง "กึ่งกลางระหว่างธาตุคู่" ขึ้นมาแล้วนะครับ
:b8:
แต่ที่ว่า ..."ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น".....นั้น เป็นการกลับไปสู่ร่องน้ำเดิม กระแสน้ำจะพาไหลไปที่เดิมๆน่าจะเปลี่ยนร่องน้ำใหม่ มาใส่ใจสังเกตลงตรงที่ว่า "กลาง ของ ฟู กับ แฟบ มันเป็นอย่างไร?
น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไวกว่านะครับ

:b27:


จุดเริ่มต้นที่กระผมว่า คือ การมองจุดปลายทางที่ว่า ละ ตัวตน ครับ บางท่าน ลืมว่า ต้องเริ่มเพื่อ ละ เลยกลายเป็น หลง เพิ่ม อัตตา เข้าไปทุกที่ แต่อาจารย์ต่างๆพูดตรงกันที่ว่า เป็นกัน เกือบทุกคน

ส่วนเห็นกลาง แล้ว การพยายามเดินตรงกลาง กับ การลด การสวิ่งของ ฟูแฟบ ให้น้อยลง ต้องทำไปควบคู่กันครับ
เห็น อนัตตา แล้ว ธาตุคู่ นั้นเห็นจริง หากแค่อยู่ใน ขั้นคิด ไม่ลงจิต มันยังไม่คลาย
ผมเห็นเป็นเช่นนั้น
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 09:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b12: :b12:
ที่แถบสีแดงให้เห็นนั้น เป็นจุดที่แสดงความหยาบ ในการวินิจฉัยธรรมของคุณกบนะครับ ลองกลับไปตรองดูใหม่ให้ลึกซึ้ง
:b34:
อนึ่งการมาสนทนาธรรมในลานธรรมนี้ ก็ด้วยมีกุศลจิตเมตตานำหน้า ตามด้วยกรุณาเพียรชี้แจงแสดงความเห็นโดยมี "ธรรม" เป็นหลักยึดหาได้มาสนทนาด้วยปารถนาความเด่นดังด้วย อัตติมานะใดๆ ขอให้คุณกบพึงเข้าใจให้ดีมีสายตามองหาแต่สิ่งที่เป็น + (บวก) ดังพุทธภาษิตว่า
"ความชั่ว ไม่ทำเสียเลยจะดีกว่า"
หรืออาจจะกล่าวว่า "ละชั่ว เอาแต่ดี"
หรือ "พึงมองโลกแต่เพียงมุมบวกแล้วใจจะเป็นสุข"...
"ค้นหาแต่ความดีของผู้คน วัตถุ สิ่งของและเหตุการณ์ที่มากระทบกายใจของรา จิตใจจะไม่เศร้าหมอง จะได้ครองแต่ความสงบสุขและมิตรไมตรี"

:b53:
"อโสกะ....ยึดตนเกินไป....จึงปฏิเสธที่จะพิจารณาสิ่งที่รายล้อมอย่างละเอียดรอบคอบ...

อาจจะพูดได้ว่า...ฉลาดแต่ขาดเฉลี่ยว

สิ่งนี้แหละ...ที่บังความจริง"
:b34:
คำพูดอย่างนี้ คุณกบตัดสินใจเอาด้วยความคิดอนุมานเอาเอง ลองนำคำพูดนี้กลับคืนมาถามตัวเองซิว่า เราเองก็เป็นอย่างเช่นที่ว่า เขา ไปหรือเปล่าหนอ?
:b34:


ทั้งหมดนี้.....ไม่เห็นอโสกะจะชี้แจง...ว่า..ความคิดของกระผมที่มีต่อการเข้ากลาง..(อย่างที่อโสกะเขียนมา)..ว่า...ใช่..ไม่ใช่...จริง..ไม่จริง...หรือ..ต้องเพิ่มเติมตรงไหน...เลย...เห็นแต่โวหารที่เสียดสี.. :b32: :b32: :b32:

เข้ากลาง...เป็นคำของอโสกะเองนะ..ผมก็ยังอุตส่า...คิดตามว่าจะเข้างัยยัง....ไม่ใช่กล่าวลอย ๆ ..ด้วยคำคม ๆ ...ดูมีปรัชญา...อย่างที่อโสกะเขียนมาแต่แรก...

นี้ถ้าเป็นคนอื่นเขียน...อโสกะอาจคิดตามแล้วก็ได้....

แต่พอดีมันถูกเขียนด้วย...กบนอกกะลา...รึงั้ย?..ถ้าข้อความนี้ไม่ใข่ความคิดของผมละ...?...คุณจะคิดยังงัยกับข้อความนั้น?

กระผมถึงอดคิดไม่ได้ว่า...อโสกะ....ยึดตนเกินไป

อ้างคำพูด:
"พึงมองโลกแต่เพียงมุมบวกแล้วใจจะเป็นสุข"...


ไม่อยากบอกเล้ยย...พับผ่าซิ....อย่าเลือกข้างมอง...เฉพาะที่ถูกใจ..ให้มองโลกทุกข้าง..มองด้วยธรรม..ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ใจเป็นสุข...มากกกก....

นี้ขนาดตาผมยังถั่วอยู่...มองเห็นอย่างคนตาถั่ว...ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง...ยังสุขได้ตามอัตถภาพเลย... :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 17:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว




กบ.jpg
กบ.jpg [ 19.03 KiB | เปิดดู 2491 ครั้ง ]
เจอมา เลยเอามาฝาก ท่าน กบ อ๊อบๆ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 06:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:
กบร้อง.....
1.จะเข้ากลาง...ระหว่าง..ไม่น้อบน้อม...กับน้อมน้อม..ได้..มันก็ต้องรู้เสียก่อน..ทั้ง 2 ข้าง..นี้ขั้นโลกียะ

ที่ไม่เคยเห็นทั้ง 2 ข้างเลย...แล้วเข้ากลางได้....มันเป็นเรื่องของคนขี้โม้...แล้วละ

พระพุทธองค์เทศน์สอนปัญจวัคคี...เรื่องทางสายกลาง....แต่ทรงตรัสเรื่อง...อัตตกิลมถานุโยค..และ..กามสุขัลลิกานุโยค...ให้เข้าใจก่อน....แล้วจึงตามด้วยทางสายกลาง....ก็เพราะเหตุนี้...

เราอบรมจิต...ไม่ไช่อบรมกาย...กายที่ทุกข์...มีผลให้ใจไม่สงบ...ใจไม่สงบก็ไม่พบโมกขธรรม...นี้เรียกว่า...อัตตกิลมถานุโยค....(เมื่อน้อมใจคิดตาม...ก็เห็นตามนั้น...ใจก็ไม่อยากเอา)

ความปรารถณาในการครองเรือน...มีสัมพันธ์ภรรยาสามี...ความอยากในกามอันนี้...ผู้เข้าป่ามาหาโมกขธรรม...ได้ลดไปแล้ว....แต่ความอยากได้ในโมกขธรรมมากไป...อันนี้เรียกว่า...กามสุขัลลิกานุโยค....(เมื่อน้อมจิตตาม....ก็เห็นความอยากที่มีมากของตนเอง...ก็เข้าใจ)

เมื่อรู้ว่าฝั่งทั้งสองข้างอยู่ตรงไหน...ก็รู้ว่าทางระหว่าง...นั้น....(มีอารมณ์)เป็นอย่างไร
:b16: :b16: :b16:
2.ทั้งหมดนี้.....ไม่เห็นอโสกะจะชี้แจง...ว่า..ความคิดของกระผมที่มีต่อการเข้ากลาง..(อย่างที่อโสกะเขียนมา)..ว่า...ใช่..ไม่ใช่...จริง..ไม่จริง...หรือ..ต้องเพิ่มเติมตรงไหน...เลย...เห็นแต่โวหารที่เสียดสี..

:b10:
:b12: :b12: :b12:
จะชี้แจงให้ฟังว่ากลางที่คุณกบกล่าว เป็น "กลางที่ชิดริม" พูดอย่างนี้ไม่ทราบว่าคุณกบจะเข้าใจหรือเปล่า
"กายที่ทุกข์...มีผลให้ใจไม่สงบ...ใจไม่สงบก็ไม่พบโมกขธรรม...นี้เรียกว่า...อัตตกิลมถานุโยค...." "แต่ความอยากได้ในโมกขธรรมมากไป...อันนี้เรียกว่า...กามสุขัลลิกานุโยค"
ความท่อนนี้แหละที่กล่าวว่า "กลางที่ชิดริม" คุณกบเลยไม่พบ"กลางที่แท้จริง"

:b9:
กายที่ทุกข์โดยธรรมชาติ มีผลให้ใจรู้ ไม่ใช่ขอบข้าง "อัตตกิลมถานุโยค"
อัตตกิลมถานุโยค คือการทรมาณกายให้ทุกข์ด้วยความเห็นผิดว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะทำให้พบสุข

:b6:
"ความอยากได้ในโมกขธรรมมากไป" นี่ก็ไม่ใช่ขอบข้างสุข ที่จะทำให้รู้กลาง
"กามสุขัลลิกานุโยค" คือการบำรุงบำเรอกาย ทำทุกอย่างด้วยอำนาจกิเลส ตัณหา อัตตา เพื่อให้กายใจได้รับแต่สิ่งที่น่าพึงพอใจ ซึ่งแม้แต่การทำบุญให้ทานรักษาศีล ถ้าปฐมเจตนาหวังที่จะได้รับผลจาก บุญ กุศล และศีล ให้ได้เกิดสบาย อยู่ กิน สบาย ในเมืองคน สวรรค์และพรหม ไม่ตกจมในนรกและอบาย นี่ก็สงเคราะห์เข้าอยู่ในกามสุขัลลิกานุโยโค

:b34:
ความปารถนาที่จะได้ถึงซึ่งโมกขธรรม บุพพเจตนานั้นต่างจากความอยากได้สุขที่เป็นกามดังกล่าวข้างต้น
แต่เป็นเจตนาที่ประกอบด้วยเหตุ ผล และธรรม จึงไม่อาจกล่าวว่าเป็น "กามสุขัลลิกานุโยโค" แต่ควรจะนับเนื่องใน "สัมมาวายามะ" คือความเพียรชอบ อันเป็น 1 ในมรรคมีองค์ 8

:b6:
ดังที่ได้วิเคราะห์แจกแจงให้ดูนี้ คุณกบคงจะพอนึกออก เข้าใจ ได้แล้วว่า เรื่องของธรรมมิใช่จะเอาความเห็นอันหยาบมาตัดสิน แล้วบอกว่า ใช่
พึงสังเกตและทำความละเอียดเข้าไปให้ดี จึงจะได้เห็นสองข้างของธาตุคู่ที่แท้จริง เมื่อเห็นชัดถูกต้องตามธรรมดีแล้ว กลางที่แท้จริงจึงจะผุดรู้ขึ้นมาในใจ

:b16: :b16: :b16:
แล้วอันที่ว่า"เห็นแต่โวหารที่เสียดสี" นั้น ลองพิจารณาให้ดีด้วยใจเป็นกลาง นั่นเป็นคำทักสะกิดเตือนด้วยเมตตาให้เกิดฉุกคิด และเรียกสัมปชัญญะ(ปัญญา ...แสงสว่าง ความรู้ตัวทั่วพร้อม)กลับคืนมา หาใช่การดูถูกเหยียดหยามแต่ประการใดไม่โปรดพิจารณาให้ดี
:b8:
สุดท้ายสำหรับวันนี้
"อ้างคำพูด:

"พึงมองโลกแต่เพียงมุมบวกแล้วใจจะเป็นสุข"...


ไม่อยากบอกเล้ยย...พับผ่าซิ....อย่าเลือกข้างมอง...เฉพาะที่ถูกใจ..ให้มองโลกทุกข้าง..มองด้วยธรรม..ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ใจเป็นสุข...มากกกก....

นี้ขนาดตาผมยังถั่วอยู่...มองเห็นอย่างคนตาถั่ว...ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง...ยังสุขได้ตามอัตถภาพเลย
:b4: :b4:
นีก็อีกแหละเพราะอนิษฐารมณ์ อคติและโมหะบังตามาก คุณกบจึงไม่เชื่อพุทธโอวาทในปาติโมกเอาเสียเลยที่พระบิดาทรงตรัสสรุปข้อปฏิบั้ติสั้นๆจำง่ายไว้ว่า

ละชั่ว

ทำแต่ดี

ชำระจิตของตนให้สะอาดขาวรอบ

:b8:
มองหนักไปข้างดีให้มากๆนะคุณกบ ชั่ว ผิด สิ่งเลวร้าย อย่าได้ไปศึกษาหรือมองเน้นมันมาก จักได้รับแต่ความเศร้าหมอง พุทธภาษิตสอนว่า [color=#FF0000]"ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม" "ความชั่วไม่ทำเสียเลยจะดีกว่า" ฯลฯ คงเคยได้ผ่านหูผ่านตาอยู่นะครับ?

ชีวิตของปุถุชนมันเอียงข้าง มองแต่มุมเดียวข้างดียวกันมาตลอด การที่มาย้ำเตือนนี้ก็เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลย์การมอง มุมมองที่พึงมีต่อโลกให้สมดุลย์ คุณกบพึงรู้และสำเหนียกว่า ชีวตจริงของปุถุชน มันมองเอียงกะเท่เร่ เข้าข้าง "กู" มาตลอด ต้องทราบซึ้งในความจริงอันนี้ให้ดีนะครับ [/color] :b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
หากรู้สึกว่า ฟู ลอย ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น ปฏิบัติเพื่อ ละ ตัวตน
หากรู้สึกว่าแฝบ จม ให้รู้สึกว่า หลงอยู่ใน อวิชชา เสียแล้ว วางเสีย แล้วมาที่จุดเริ่มต้น

จนกว่า ฟูแฝบ น้อยลงๆ จะเกิด เสถียรภาพ ในชีวิต ประจำวันจริง

:b8:

:b27:
คุณฝึกจิตน่าจะเข้าใจเรื่อง "กึ่งกลางระหว่างธาตุคู่" ขึ้นมาแล้วนะครับ
:b8:
แต่ที่ว่า ..."ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น".....นั้น เป็นการกลับไปสู่ร่องน้ำเดิม กระแสน้ำจะพาไหลไปที่เดิมๆน่าจะเปลี่ยนร่องน้ำใหม่ มาใส่ใจสังเกตลงตรงที่ว่า "กลาง ของ ฟู กับ แฟบ มันเป็นอย่างไร?
น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไวกว่านะครับ

:b27:


จุดเริ่มต้นที่กระผมว่า คือ การมองจุดปลายทางที่ว่า ละ ตัวตน ครับ บางท่าน ลืมว่า ต้องเริ่มเพื่อ ละ เลยกลายเป็น หลง เพิ่ม อัตตา เข้าไปทุกที่ แต่อาจารย์ต่างๆพูดตรงกันที่ว่า เป็นกัน เกือบทุกคน

ส่วนเห็นกลาง แล้ว การพยายามเดินตรงกลาง กับ การลด การสวิ่งของ ฟูแฟบ ให้น้อยลง ต้องทำไปควบคู่กันครับ
เห็น อนัตตา แล้ว ธาตุคู่ นั้นเห็นจริง หากแค่อยู่ใน ขั้นคิด ไม่ลงจิต มันยังไม่คลาย
ผมเห็นเป็นเช่นนั้น
:b8:

คุณฝึกจิตครับ มันน่าทึ่งนะครับเรื่องของธาตุคู่ ไม่เว้นแม้แต่ อัตตา ซึ่งคู่กับอนัตตา
เพราะภาคปฏิบั้ติ ตอนจะถึงจริง แม้อัตตาและอนัตตาก็ไม่มีครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
หากรู้สึกว่า ฟู ลอย ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น ปฏิบัติเพื่อ ละ ตัวตน
หากรู้สึกว่าแฝบ จม ให้รู้สึกว่า หลงอยู่ใน อวิชชา เสียแล้ว วางเสีย แล้วมาที่จุดเริ่มต้น

จนกว่า ฟูแฝบ น้อยลงๆ จะเกิด เสถียรภาพ ในชีวิต ประจำวันจริง

:b8:

:b27:
คุณฝึกจิตน่าจะเข้าใจเรื่อง "กึ่งกลางระหว่างธาตุคู่" ขึ้นมาแล้วนะครับ
:b8:
แต่ที่ว่า ..."ให้กลับมามองที่จุดเริ่มต้น".....นั้น เป็นการกลับไปสู่ร่องน้ำเดิม กระแสน้ำจะพาไหลไปที่เดิมๆน่าจะเปลี่ยนร่องน้ำใหม่ มาใส่ใจสังเกตลงตรงที่ว่า "กลาง ของ ฟู กับ แฟบ มันเป็นอย่างไร?
น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไวกว่านะครับ

:b27:


จุดเริ่มต้นที่กระผมว่า คือ การมองจุดปลายทางที่ว่า ละ ตัวตน ครับ บางท่าน ลืมว่า ต้องเริ่มเพื่อ ละ เลยกลายเป็น หลง เพิ่ม อัตตา เข้าไปทุกที่ แต่อาจารย์ต่างๆพูดตรงกันที่ว่า เป็นกัน เกือบทุกคน

ส่วนเห็นกลาง แล้ว การพยายามเดินตรงกลาง กับ การลด การสวิ่งของ ฟูแฟบ ให้น้อยลง ต้องทำไปควบคู่กันครับ
เห็น อนัตตา แล้ว ธาตุคู่ นั้นเห็นจริง หากแค่อยู่ใน ขั้นคิด ไม่ลงจิต มันยังไม่คลาย
ผมเห็นเป็นเช่นนั้น
:b8:

คุณฝึกจิตครับ มันน่าทึ่งนะครับเรื่องของธาตุคู่ ไม่เว้นแม้แต่ อัตตา ซึ่งคู่กับอนัตตา
เพราะภาคปฏิบั้ติ ตอนจะถึงจริง แม้อัตตาและอนัตตาก็ไม่มีครับ

:b8:


อนุโมทนา สาธุ ครับ อย่าลืมมาโปรดผมด้วยนะครับ :b8:

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 23:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รู้ได้งัยว่า...

ตอนจะถึงจริง...แม้..อัตตา...และอนัตตาก็ไม่มี

:b10: :b10: :b10:
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 07:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
รู้ได้งัยว่า...

ตอนจะถึงจริง...แม้..อัตตา...และอนัตตาก็ไม่มี

:b10: :b10: :b10:
:b32:

:b12: :b12: :b12:
ก็ลองทำให้ถึงตรงนั้นดูซี้คุณกบ แล้วจะรู้เอง
:b12: :b12: :b12: :b16: :b1: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 15:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้ได้งัยว่า...

ตอนจะถึงจริง...แม้..อัตตา...และอนัตตาก็ไม่มี

:b10: :b10: :b10:
:b32:

:b12: :b12: :b12:
ก็ลองทำให้ถึงตรงนั้นดูซี้คุณกบ แล้วจะรู้เอง
:b12: :b12: :b12: :b16: :b1: :b4: :b4:


:b1: .. แสดงว่าท่านอโศกะ รู้แล้ว.. :b13:
งั๊นบอกจะบอกหน่อยได้ป่าวว่า
ทำถึงตรงนั้นแล้ว เจออะไร .. :b12: :b12:

..ท่านจะซื่อสัตย์ต่อตนเองโดยไม่ระลึกถึงตำรามาตอบได้หรือไม่..
..แค่หลับตาและดึงสถาวะที่เคยประสบนั้นเข้ามาในทัศนะ..
และพิจารณาสภาวะที่ปรากฎนั้นออกมา..ตอบเลย..

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 21:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b15: :b15:
:b12: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้ได้งัยว่า...

ตอนจะถึงจริง...แม้..อัตตา...และอนัตตาก็ไม่มี

:b10: :b10: :b10:
:b32:

:b12: :b12: :b12:
ก็ลองทำให้ถึงตรงนั้นดูซี้คุณกบ แล้วจะรู้เอง
:b12: :b12: :b12: :b16: :b1: :b4: :b4:


:b1: .. แสดงว่าท่านอโศกะ รู้แล้ว.. :b13:
งั๊นบอกจะบอกหน่อยได้ป่าวว่า
ทำถึงตรงนั้นแล้ว เจออะไร .. :b12: :b12:

..ท่านจะซื่อสัตย์ต่อตนเองโดยไม่ระลึกถึงตำรามาตอบได้หรือไม่..
..แค่หลับตาและดึงสถาวะที่เคยประสบนั้นเข้ามาในทัศนะ..
และพิจารณาสภาวะที่ปรากฎนั้นออกมา..ตอบเลย..

:b1: :b1: :b1:


ใครเห็นแล้ว เพียรให้ถึงแล้ว ผมก็อนุโมทนา สาธุ
ใครถึง เพียรสอนให้ผู้อื่นถึงตาม ก็ สาธุ
ส่วนใครไม่ถึง แต่คิดว่าถึง นี้ซิ ก็คงไม่มีทางถึงสักทีแน่ๆ เพราะจอดผิดป้ายเสียแล้ว ลงก่อนจะถึง คราวนี้จะทำไงละ เฮ้ย!!ท่านอยู่ไหน ละเนีย ... แล้วเขาก็ว่า ฉันอยู่ที่จุดหมายปลายทางนี้ไง... ท่านบอกเขาว่า นั้นไม่ใช่นะ เขาก็ว่า ใช่ซิฉันนั่งอยู่นี้แล้ว เอาละซิ ท่านคิดว่า เขาจะเชื่อท่านมั้ยละ(โทรศัพท์คุยกัน) ไม่มีเครื่องหมายบอก ก็มัน ปัจจตัง

เรายังไม่ถึงไหนเลย :b2: :b2: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 07:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion :b8:
"ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ"
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 15:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

เรายังไม่ถึงไหนเลย :b2: :b2: :b2:


:b1: ..

เออ .. นั่นสิ่

มิน่าล่ะ .. ทำไมเราถึงได้ไม่เคยคิดว่าเราจะไปนิพพานเลย

:b6: :b6: :b6:

มันก็ ปัจจัตตัง .. อีกแหละ .. :b6:

:b13: :b13: :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร