วันเวลาปัจจุบัน 24 ส.ค. 2025, 00:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b26: :b26:
เพราะอวิชชา โมหะ ความโง่เขลา ไม่รู้ ลืมตัว คนจึงไปปรุงแต่งและมีตัณหาอยู่กับอนาคต ทั้งใกล้และไกล
อุปมาคล้ายดั่งคนเดินทาง หิวข้าวใส้แทบขาด มาพบร้านอาหารที่ดีมีอาหารพร้อมอยู่ข้างทาง มีความสะดวกทุกอย่างอำนวยให้ แต่ใจที่เต็มไปด้วยโมหะอวิชชากลับบอกว่า......รอไปอีกน่อยดีกว่า เพราะเห็นเขาว่าข้างหน้ามีร้านที่อาหารอร่อยกว่านี้......แล้วจึงทนหิวแสบใส้เดินทางที่ยังไม่รู้ที่หมายต่อไปด้วยอำนาจตัณหาและความเขลา เป็นที่น่าสงสารและเสียดาย ที่เขาอาจต้องตายเปล่าเน่าเหม็นอยู่กลางทาง อันเต็มไปด้วย ช้าง เสือ หมี และอันตรายที่คาดไม่ถึง

:b5: :b23: :b23: :b24:
"ทำไมไม่พากันทำนิพพานให้แจ้งเสียในปัจจุบัน ในร่มเงาพุทธศาสนาแห่งพระสมณโคดมพุทธเจ้า จะมัวเมาไปกับเรื่องของอนาคตกันอยู่ใย ปลอบจิต ดึงใจ ให้มามีชีวิอยู่กับปัจจุบันกันเถิด"
:b8:


อโสกะ...นี้..จริง ๆ เล้ยยย... :b9:

บารมีเขายังไม่เต็ม....ก็ไปกล่าวเสียดสีเขา
เขาจะตามพ่อเขาไป...ก็ว่าเขาโง่..ที่ไม่มาเชื่อพ่อตัวเอง

ทีผมก็ว่าอยากเป็นลูกพ่อ...เราจะเป็นโสดา..เราจะเป็นอนาคา...ก็ว่า..ไม่มีเราเสียแต่แรกก็ไม่มีปัญหา

ทีคุนน้องว่านู้เห็นธรรม....อโสกะก็ว่า..อย่าพูดมากไปเดียวมันจะเฟือ..

ตกลง..จะเอาแน่.. :b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 21 มิ.ย. 2012, 21:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา เขียน
อย่าลืม..เจ้าไดโนเสา...ซิ...ตัวใหญ่ขนาดนั้น...ทรงตัว..ได้ยังงัย.


พูดเรื่องไดโนเสา เริ่มมีคำถามขึ้นมาว่า ในร่างที่สูงใหญ่แบบนั้น อายุไดโนเสา พันธ์ใหญ่ๆ มีอายุเฉลี่ยเท่าไหร่ครับ


ใครรู้บ้างละเนี่ย s002


ยุคนั้น คนเป็นอย่างไรหนอ ช่วงนั้นจะมีสุขทุกข์กันแบบไหน สติ สมาธิ ปัญญา ระดับไหน s006

ธรรมชาติช่างปรุงแต่ง ได้วิจิตร เสียจริง เนาะ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา เขียน
อย่าลืม..เจ้าไดโนเสา...ซิ...ตัวใหญ่ขนาดนั้น...ทรงตัว..ได้ยังงัย.


พูดเรื่องไดโนเสา เริ่มมีคำถามขึ้นมาว่า ในร่างที่สูงใหญ่แบบนั้น อายุไดโนเสา พันธ์ใหญ่ๆ มีอายุเฉลี่ยเท่าไหร่ครับ


ไม่รู้ว่าจริงมั้ย...แต่ก็ลองนำมาสู่กันฟังดู
http://blog.eduzones.com/rangsit/8544
.........
เรื่องราวส่งต่อวันนี้ เป็นความรู้ที่น่าสนใจค่ะ จึงต้องรีบขยายต่อนั่นคือ สัตว์อะไรบ้างที่ได้จัดอันดับว่า อายุยืนที่สุด...เชื่อหรือเปล่าว่า "คน" ก็อยู่ในท็อปเท็นด้วยค่ะ

อันดับ 10 คือ "ลิง" ญาติห่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วลิงจะมีอายุเฉลี่ย 25 ปี

อันดับ 9 ได้แก่ "ช้าง" ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 60 ปี โดยจะขึ้นอยู่กับการดูแล อาหารการกินและความเครียด ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เปรียบเทียบอายุขัยระหว่างช้างเอเชียและช้างแอฟริกาแล้วพบว่า ช้างแอฟริกาที่ต้องผจญกับสัตว์ป่านานาชนิดและอาหารการกินที่ขัดสนกว่า ทำให้พวกมันเครียดและมีอายุขัยน้อยกว่าช้างเอเชีย อย่างไรก็ดี มีบันทึกว่าประเทศญี่ปุ่นเคยมีช้างที่มีอายุมากที่สุดในโลกคือ 86 ปี

อันดับ 8 คือสัตว์ที่ไม่มีใครอยากให้มันมีชีวิตที่ยืนยาวนัก เพราะมันมักได้รับบทตัวร้ายในละครเสมอๆ นั่นคือ "อีกา" นั่นเอง ด้วยเหตุผลที่อีกาจะมีคู่เพียงตัวเดียวตลอดอายุขัย ทำให้มันไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป นอกจากนี้ การสืบพันธุ์ยังเป็นตัวกำนันนาฬิกาชีวภาพให้หมุนเร็วขึ้นด้วย อีกาจึงมีอายุขัยสูงถึง 90 ปี ซึ่งพบอีกว่านกหลายๆ ชนิดก็มีอายุที่ยืนยาวไม่ต่างจากอีกามากนัก เช่น นกกระตั้ว

อันดับ 7 คือ "กุ้งก้ามกราม" ด้วยอายุขัย100 ปี ถือว่าอายุยืนที่สุดในสัตว์จำพวกมีเปลือกแข็งด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่มันมีการเคลื่อนไหวและเผาผลาญพลังงานน้อย


อันดับ 6 คือ "หอยมุกน้ำจืด" ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เผาผลาญพลังงานน้อย กินน้อย ใช้ก๊าซออกซิเจนในการหายใจน้อย ทำให้มันสามารถคว้าอันดับ 6 มาครองได้ ด้วยอายุขัยมากกว่า 110 ปี

อันดับ 5 คือ มนุษย์เรานี่เอง โดยมีอายุขัยสูงสุด 120 ปี ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อที่จารึกไว้ในคัมภีร์ศาสนาคริสต์และฮินดูที่ว่า มนุษย์จะมีอายุขัยได้ไม่เกิน 120 ปี อย่างไรก็ตามระยะหลังมานี้ มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุทะลุ 100 ปีมากขึ้นเรื่อยๆ เคล็ดลับการมีอายุยืนของผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายล้วนระบุตรงกันถึงการบริโภคอย่างพอดี การออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ใช้ร่างกายอย่างหักโหมและมีทัศนคติที่ดี

อันดับ 4 ตกเป็นของปลาโบราณร่วมยุคกับไดโนเสาร์ที่มีไข่ที่เอร็ดอร่อยที่สุดในโลก นั่นคือ "ปลาสเตอร์เจียน" ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า มันสามารถมีอายุได้สูงถึง 150 ปีทีเดียว โดยคาดกันว่าน่าจะเป็นผลมาจากยีนอายุยืนที่พิสูจน์แล้วมามีอยู่จริงของมัน

อันดับ 3 ตกเป็นของพี่เบิ้มสิ่งมีชีวิตนั่นคือ "ปลาวาฬออร์ก้าในทวีปแอนตาร์กติก" ด้วยอายุขัย 200 ปี

อันดับ 2"เต่า" ถือเป็นสิ่งมีชีวิตอายุยืนอันดับ 2 ที่มีอายุขัยประมาณ 250 ปี โดยเต่าที่มีอายุยืนที่สุดในโลกขณะนี้คือ "เต่ากาลาปากอส" ที่มีชื่อว่า "แฮเรียน" ตัวเดียวกันกับที่ "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้อง จับมันมาใช้ชีวิตเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยชาร์ลสเองก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีอายุยืนกว่าเขาเองเสียอีก โดยสาเหตุที่เชื่อว่าเต่ามีอายุยืนยาว สืบเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่เนิบช้า และความไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ นั่นเอง

อันดับที่ 1 จะเป็นของใครไปไม่ได้เลย นอกจากสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตดำดิ่งอยู่ก้นมหาสมุทรอันมืดมิดด้วยอุณหภูมิเย็นเฉียบ มันคือ "ฟองน้ำยักษ์" ซึ่งมีอายุสูงอย่างไม่น่าเชื่อถึง 10,000 ปี หรืออาจกล่าวว่า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตายก็ได้ และเมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้ฟองน้ำยักษ์มีอายุยืนที่สุดในโลก หลายคนอาจเบนหน้าหนีด้วยที่ว่า มันแทบไม่กินและไม่กระดุกระดิกเลย จนนักวิทยาศาสตร์ถึงกับแซวมันว่า หากมนุษย์ต้องการที่จะมีอายุยืนต้องอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร ไม่กินอาหารและอยู่นิ่งๆ เหมือนโดนสต๊าฟไว้แล้ว ก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากอายุยืนเหมือนมันอย่างแน่นอน
.......
:b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
nongkong เขียน:

ท่านอโสกะ ตัวท่านแหละยิ่งกว่า อวิชชา พูดแต่เรื่องนิพพาน ทั้งที่กระทู้นี้เขาก็บอกแล้วว่าคุยกันเล่นๆ
ตัวเองติดอยู่ อรูป แล้วไม่รู้ตัว


คุนน้อง...ยอ..อโสกะนะเนี้ย... :b17: :b17: :b17:

บางครั้งก็ต้องพูดแรงๆ แกจะได้สะดุ้งซะที คือไม่อยากให้ลอย คิดว่าตัวเองบรรลุ ได้มรรค ได้ผล นิพพานได้ในชาตินี้ เรื่องนิพพาน เป็นเรื่องที่เราไม่ใช่จะไปหวังสำหรับคนที่เป็น อริยะบุคคล เค้าไม่มาคาดหวังว่าเค้าต้องนิพพานหรอกนอกจากคน ติดอยู่กับอรูป อยากนิพพานจนตัวสั่น :b32: หน้าที่ของอริยะบุคคลคือ เจริญ อิทธิบาท4 บารมี10ทัศ มรรค8 ก็ว่าไปโน่น เมื่อบารมีเราถึงจิตเราจะรู้เอง ไม่ใช่อย่างท่านอโสกะ อะไรกันพูดแต่เรื่องนิพพาน ต้องทำแบบนี้นะ ต้องทำอย่างนี้นะ ตลก เหมือนกับคิดว่าตัวเองมีบุญบารมีมากจนสามารถนิพพานได้ อยากหัวเราะให้เทวดาบนสวรรค์ได้ยินจริงๆ (อัตตาคุนน้องสูงไปไหม) :b32: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 22:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เพราะว่าเขาคิดว่าเขาต้องตาย
และเขาคิดว่าเมื่อเขาตายเสร็จเขาก็เวียนไปเกิด
เขาก็เลยเป็นคนที่มีอนาคตน่ะ เขาก็เลยใฝ่ฝันถึงอนาคต

มันเป็นโรคจิตทำนองเดียวกับที่พ่อแม่ปลูกฝังเอาไว้
อนาคตลูกอยากเป็นอะไร ลูกก็ตอบ อยากเป็นหมอ
..
และพอมาศึกษาธรรม
ก็ยังเอานิสัยทางโลกมาใช้ .. :b6:

พี่เอกอน :b8: คุนน้องก็ไม่อยากเกิด แต่ที่เกิดเราทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องกระทำ เราเกิดมาเพราะกรรมเป็นตัวกำหนด เราเกิดมาใช้กรรม คุนน้องบารมีไม่ถึงถ้าบารมีถึงคุนน้องก็อยากหลุดพ้นชาตินี้ แต่มันพูดยากเจ้าค่ะ เพราะกรรมคุนน้องยังไม่หมดชาตินี้ ที่ทำได้แค่ สร้างบารมีต่อไป ถ้าพี่เอกอนเชื่อว่า โลกนี้มีที่มา โลกหน้ามีที่ไป เราก็ต้องทำปัจจุบัน เพื่อส่งผลต่อไปในอนาคต จริงไหมเจ้าค่ะ :b1: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 22:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีหลวงพ่อท่านหนึ่งท่านเทศน์ว่า....

กรรมมี..ก็ใช้ไป...แต่อย่าไปคิดว่าจะใช้กรรมให้หมด...แล้วค่อยไปนิพพาน..มันไม่หมดหรอก...ให้ตั้งจิตว่า...กรรมมีเท่าไรก็จะใช้ให้ในชาตินี้...หมดไม่หมด...ก็ใช้เพียงชาตินี้เท่านั้น...หมดชาตินี้เมื่อไรขอตั้งจิตตรงต่อพระนิพพาน..อย่างเดียว

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณท่านกบที่นำสาระน่ารู้มาให้อ่านกัน อายุเป็นหมื่นปี ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นไปได้ ดังตัวอย่างของฟองน้ำยักษ์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 23:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:
ใครอยากอายุยืน...ก็ให้นิ่ง ๆ เข้าใว้

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 05:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
nongkong เขียน:

ท่านอโสกะ ตัวท่านแหละยิ่งกว่า อวิชชา พูดแต่เรื่องนิพพาน ทั้งที่กระทู้นี้เขาก็บอกแล้วว่าคุยกันเล่นๆ
ตัวเองติดอยู่ อรูป แล้วไม่รู้ตัว


คุนน้อง...ยอ..อโสกะนะเนี้ย... :b17: :b17: :b17:

บางครั้งก็ต้องพูดแรงๆ แกจะได้สะดุ้งซะที คือไม่อยากให้ลอย คิดว่าตัวเองบรรลุ ได้มรรค ได้ผล นิพพานได้ในชาตินี้ เรื่องนิพพาน เป็นเรื่องที่เราไม่ใช่จะไปหวังสำหรับคนที่เป็น อริยะบุคคล เค้าไม่มาคาดหวังว่าเค้าต้องนิพพานหรอกนอกจากคน ติดอยู่กับอรูป อยากนิพพานจนตัวสั่น :b32: หน้าที่ของอริยะบุคคลคือ เจริญ อิทธิบาท4 บารมี10ทัศ มรรค8 ก็ว่าไปโน่น เมื่อบารมีเราถึงจิตเราจะรู้เอง ไม่ใช่อย่างท่านอโสกะ อะไรกันพูดแต่เรื่องนิพพาน ต้องทำแบบนี้นะ ต้องทำอย่างนี้นะ ตลก เหมือนกับคิดว่าตัวเองมีบุญบารมีมากจนสามารถนิพพานได้ อยากหัวเราะให้เทวดาบนสวรรค์ได้ยินจริงๆ (อัตตาคุนน้องสูงไปไหม) :b32: :b12:

:b12: :b12: :b12:
(อัตตาคุนน้องสูงไปไหม)
ตอบ......
ยังสูงลิ่วเลยแหละ แถมไม่พอยังเป็นนักเดา คิดเอาเอง ตัดสินเอาเองด้วยมานะทิฏฐิของตนซะด้วย
พุทธบุตรที่ไหนจะมาสนใจ ติดอยู่ที่อรูปพรหม สงสัยจะเป็นน้องคงเองซะมากกว่าละมั้ง เลยอยากนิพพานจนตัวสั่น เที่ยวประกาศอวดตนไปทั่วว่าฉันนี่นะพระโสดาบัน กำลังทำสกิทาคามีมรรคอยู่ มีพระอริยเจ้าที่ไหนท่านเที่ยวอวดดีอวดเด่นอวดตัวเองอย่างนี้กันล่ะน้อง โสดาบันปลอมหรือเปล่า เพราะโทสะปฏิฆะก็ยังดูรุนแรงจนแสดงออกมาในถ้อยคำบ่อยๆ

:b34:
น้องคง......"หน้าที่ของอริยะบุคคลคือ เจริญ อิทธิบาท4 บารมี10ทัศ มรรค8 ก็ว่าไปโน่น เมื่อบารมีเราถึงจิตเราจะรู้เอง "
:b32:
ชี้แจง......
การเจริญอิทธิบาท 4 โพธิปักขิยธรรม 37 ประการนั้นเป็นงานของผู้ปารถนาจะทำให้หมดสิ้นความเวียนว่ายตายเกิดพึงกระทำนั่นมันเป็นสัจจธรรมที่ชาวพุทธทุกคนควรรู้ ควรปฏิบัติอยู่แล้ว การจะมากล่าวย้ำ ซ้ำเตือนอยู่บ่อยๆก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่กัลยาณมิตรควรยกมาวิตกวิจารณ์กันมากกว่า [color=#FF0000]การมาคอยขัดธรรม
[/color]
:b34:
สำหรับเรื่องบารมี 10 ทัศ นั้น asoka ไม่เคยเอามาแสดงสักเท่าไหร่เลย เพราะได้เชื่อไปเสียก่อนแล้วว่า
ใครก็ได้ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา เพศ วัย การแต่งกาย ระดับการศึกษาใดๆ ที่มีบุญจากศีล 5 อันบริสุทธิ์ดีในอดีตชาติ ส่งมาให้ได้เกิดเป็นคน มีอวัยวะครบ 32 ประการ ไม่บ้าใบ้เสียจริต ทุกคนมีสิทธิและมีบารมีถึงที่จะบรรลุถึงนิพพานได้ในปัจจุบันชาตินี้ ถ้าไม่มีโมหะ อวิชชา และมานะทิฏฐิ บังตาไว้ให้หลงผิดหลงทาง อย่างเรื่องคนที่ปารถนาจะไปนิพพานในพระพุทธเจ้าองค์ข้างหน้าอันไกลโพ้นโน้น ตามกระทู้คุยเล่น แต่เอาจริงกระทู้นี้

:b39:
น้องคง......
บางครั้งก็ต้องพูดแรงๆ แกจะได้สะดุ้งซะที คือไม่อยากให้ลอย คิดว่าตัวเองบรรลุ ได้มรรค ได้ผล นิพพานได้ในชาตินี้ เรื่องนิพพาน เป็นเรื่องที่เราไม่ใช่จะไปหวังสำหรับคนที่เป็น อริยะบุคคล เค้าไม่มาคาดหวังว่าเค้าต้องนิพพานหรอกนอก
:b34:
กระแทกมาแรง ก็กระทั้นกลับแรง ตามกฏแห่งกรรม นะจ๊ะ
:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
nongkong เขียน:

ท่านอโสกะ ตัวท่านแหละยิ่งกว่า อวิชชา พูดแต่เรื่องนิพพาน ทั้งที่กระทู้นี้เขาก็บอกแล้วว่าคุยกันเล่นๆ
ตัวเองติดอยู่ อรูป แล้วไม่รู้ตัว


คุนน้อง...ยอ..อโสกะนะเนี้ย... :b17: :b17: :b17:

บางครั้งก็ต้องพูดแรงๆ แกจะได้สะดุ้งซะที คือไม่อยากให้ลอย คิดว่าตัวเองบรรลุ ได้มรรค ได้ผล นิพพานได้ในชาตินี้ เรื่องนิพพาน เป็นเรื่องที่เราไม่ใช่จะไปหวังสำหรับคนที่เป็น อริยะบุคคล เค้าไม่มาคาดหวังว่าเค้าต้องนิพพานหรอกนอกจากคน ติดอยู่กับอรูป อยากนิพพานจนตัวสั่น :b32: หน้าที่ของอริยะบุคคลคือ เจริญ อิทธิบาท4 บารมี10ทัศ มรรค8 ก็ว่าไปโน่น เมื่อบารมีเราถึงจิตเราจะรู้เอง ไม่ใช่อย่างท่านอโสกะ อะไรกันพูดแต่เรื่องนิพพาน ต้องทำแบบนี้นะ ต้องทำอย่างนี้นะ ตลก เหมือนกับคิดว่าตัวเองมีบุญบารมีมากจนสามารถนิพพานได้ อยากหัวเราะให้เทวดาบนสวรรค์ได้ยินจริงๆ (อัตตาคุนน้องสูงไปไหม) :b32: :b12:

:b12: :b12: :b12:
(อัตตาคุนน้องสูงไปไหม)
ตอบ......
ยังสูงลิ่วเลยแหละ แถมไม่พอยังเป็นนักเดา คิดเอาเอง ตัดสินเอาเองด้วยมานะทิฏฐิของตนซะด้วย
พุทธบุตรที่ไหนจะมาสนใจ ติดอยู่ที่อรูปพรหม สงสัยจะเป็นน้องคงเองซะมากกว่าละมั้ง เลยอยากนิพพานจนตัวสั่น เที่ยวประกาศอวดตนไปทั่วว่าฉันนี่นะพระโสดาบัน กำลังทำสกิทาคามีมรรคอยู่ มีพระอริยเจ้าที่ไหนท่านเที่ยวอวดดีอวดเด่นอวดตัวเองอย่างนี้กันล่ะน้อง โสดาบันปลอมหรือเปล่า เพราะโทสะปฏิฆะก็ยังดูรุนแรงจนแสดงออกมาในถ้อยคำบ่อยๆ

:b34:
น้องคง......"หน้าที่ของอริยะบุคคลคือ เจริญ อิทธิบาท4 บารมี10ทัศ มรรค8 ก็ว่าไปโน่น เมื่อบารมีเราถึงจิตเราจะรู้เอง "
:b32:
ชี้แจง......
การเจริญอิทธิบาท 4 โพธิปักขิยธรรม 37 ประการนั้นเป็นงานของผู้ปารถนาจะทำให้หมดสิ้นความเวียนว่ายตายเกิดพึงกระทำนั่นมันเป็นสัจจธรรมที่ชาวพุทธทุกคนควรรู้ ควรปฏิบัติอยู่แล้ว การจะมากล่าวย้ำ ซ้ำเตือนอยู่บ่อยๆก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่กัลยาณมิตรควรยกมาวิตกวิจารณ์กันมากกว่า [color=#FF0000]การมาคอยขัดธรรม
[/color]
:b34:
สำหรับเรื่องบารมี 10 ทัศ นั้น asoka ไม่เคยเอามาแสดงสักเท่าไหร่เลย เพราะได้เชื่อไปเสียก่อนแล้วว่า
ใครก็ได้ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา เพศ วัย การแต่งกาย ระดับการศึกษาใดๆ ที่มีบุญจากศีล 5 อันบริสุทธิ์ดีในอดีตชาติ ส่งมาให้ได้เกิดเป็นคน มีอวัยวะครบ 32 ประการ ไม่บ้าใบ้เสียจริต ทุกคนมีสิทธิและมีบารมีถึงที่จะบรรลุถึงนิพพานได้ในปัจจุบันชาตินี้ ถ้าไม่มีโมหะ อวิชชา และมานะทิฏฐิ บังตาไว้ให้หลงผิดหลงทาง อย่างเรื่องคนที่ปารถนาจะไปนิพพานในพระพุทธเจ้าองค์ข้างหน้าอันไกลโพ้นโน้น ตามกระทู้คุยเล่น แต่เอาจริงกระทู้นี้

:b39:
น้องคง......
บางครั้งก็ต้องพูดแรงๆ แกจะได้สะดุ้งซะที คือไม่อยากให้ลอย คิดว่าตัวเองบรรลุ ได้มรรค ได้ผล นิพพานได้ในชาตินี้ เรื่องนิพพาน เป็นเรื่องที่เราไม่ใช่จะไปหวังสำหรับคนที่เป็น อริยะบุคคล เค้าไม่มาคาดหวังว่าเค้าต้องนิพพานหรอกนอก
:b34:
กระแทกมาแรง ก็กระทั้นกลับแรง ตามกฏแห่งกรรม นะจ๊ะ
:b4: :b4: :b4:

ขอสอดหน่อยครับ เห็นผู้ใหญ่หยิบเอาบัญญัติมาข่มเด็กแล้วมันขบขัน ปานประหนึ่งว่า
กำลังดูตลกค่าเฟ่ ผมว่าถ้าน้องคิงคองมีถาดอยู่ในมือ หัวคุณโสกะก็บวมมิใช่น้อย :b32:

คุณโสกะครับ เห็นชอบอ้างโทสะปฏิฆะบ่อยๆ แต่จะบอกให้ครับ
คุณนี่ไม่ปะสีปะสาอะไรเลย โสดาบันที่คุณเถียงกับน้องคิงคองอยู่น่ะ
โสดาบันยังมีปฏิฆะอยู่นะ อย่าว่าแต่โสดาบันเลย สกิทาคาก็ยังมี
ผู้ที่หมดปฏิฆะแล้วมีแต่ พระอนาคากับพระอรหันต์เข้าใจมั้ย

แล้วที่เอาบัญญัติโทสะมาปนกับปฏิฆะ ยิ่งไปกันใหญ่
ปฏิฆะเป็นสังโยชน์เป็นกิเลส ส่วนโทสะเป็นอาการของจิต
ปฏิฆะเป็นเหตุ โทสะเป็นผล

และปฏิฆะไม่ได้ทำให้เกิดโทสะแต่อย่างเดียว แต่สามารถทำให้เกิดโลภะและโมหะด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 12:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับพี่โฮฮับ :b8:
ขออภัยที่เข้ามาขัดนะครับ แต่โทสะที่พี่กล่าวว่าเป็นผลจากปฏิฆะนี่ ช่วยอธิบายความหมายของบัญญัติว่า โทสะ ที่พี่ต้องการจะสื่อตรงนี้เพิ่มได้มั้ยครับ...เพราะโทสะที่อยู่ในพระบาลีท่านแสดงไว้ว่าเป็นกิเลส สังโยชน์ท่านก็แสดงไว้ว่าเป็นกิเลส เพียงแต่ปฏิฆะเป็นของละเอียด ส่วนโทสะเป็นของหยาบ อุปมาดังลมกับก้อนหินนะครับ ขอให้พิจารณาธรรมโดยธรรมนะครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 13:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
eragon_joe เขียน:
เพราะว่าเขาคิดว่าเขาต้องตาย
และเขาคิดว่าเมื่อเขาตายเสร็จเขาก็เวียนไปเกิด
เขาก็เลยเป็นคนที่มีอนาคตน่ะ เขาก็เลยใฝ่ฝันถึงอนาคต

มันเป็นโรคจิตทำนองเดียวกับที่พ่อแม่ปลูกฝังเอาไว้
อนาคตลูกอยากเป็นอะไร ลูกก็ตอบ อยากเป็นหมอ
..
และพอมาศึกษาธรรม
ก็ยังเอานิสัยทางโลกมาใช้ .. :b6:

พี่เอกอน :b8: คุนน้องก็ไม่อยากเกิด แต่ที่เกิดเราทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องกระทำ เราเกิดมาเพราะกรรมเป็นตัวกำหนด เราเกิดมาใช้กรรม คุนน้องบารมีไม่ถึงถ้าบารมีถึงคุนน้องก็อยากหลุดพ้นชาตินี้ แต่มันพูดยากเจ้าค่ะ เพราะกรรมคุนน้องยังไม่หมดชาตินี้ ที่ทำได้แค่ สร้างบารมีต่อไป ถ้าพี่เอกอนเชื่อว่า โลกนี้มีที่มา โลกหน้ามีที่ไป เราก็ต้องทำปัจจุบัน เพื่อส่งผลต่อไปในอนาคต จริงไหมเจ้าค่ะ :b1: :b44:


:b1: .. มันก็ใช่อย่างที่คุณน้องว่า เจ้าค่ะ
คนเรา มันก็ต้องก้าวไปอย่างมีความหวัง
ให้เป็นกำลังใจในการที่จะไปให้ถึงจุดหมาย

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
สวัสดีครับพี่โฮฮับ :b8:
ขออภัยที่เข้ามาขัดนะครับ แต่โทสะที่พี่กล่าวว่าเป็นผลจากปฏิฆะนี่ ช่วยอธิบายความหมายของบัญญัติว่า โทสะ ที่พี่ต้องการจะสื่อตรงนี้เพิ่มได้มั้ยครับ...เพราะโทสะที่อยู่ในพระบาลีท่านแสดงไว้ว่าเป็นกิเลส สังโยชน์ท่านก็แสดงไว้ว่าเป็นกิเลส เพียงแต่ปฏิฆะเป็นของละเอียด ส่วนโทสะเป็นของหยาบ อุปมาดังลมกับก้อนหินนะครับ ขอให้พิจารณาธรรมโดยธรรมนะครับ
ขอบคุณครับ :b8:

สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง

เจตสิก ธรรมที่ประกอบกับจิต, อาการและคุณสมบัติต่างๆ ของจิต มี52อาการ


ก่อนอื่นต้องบอกว่า อาการของจิตหรือเจตสิกมีทั้งกุศลและอกุศล

กิเลสสังโยชน์สามารถทำให้เกิดอาการของจิตเป็นได้ทั้งกุศลและอกุศล

แต่จิตที่ไม่มีสกิเลสสังโยชน์จะเกิดอาการของจิตที่เป็นกุศลอย่างเดี่ยว

ขอยกตัวอย่างสังโยชน์ที่ทำให้เกิดกุศลและอกุศล
สังโยชน์ปฏิฆะ สิ่งที่มากระทบทางใจ สมมุติว่ามีคนสองคน
ซึ่งมีกิเลสปฏิฆะเหมือนกัน เห็นสิ่งที่มากระทบใจคือเห็นสุนัขจรจัดขี้เรื่อน
คนหนึ่งอาจเห็นแล้วเกิดความเมตตากรุณา อันนี้เป็นกุศล แต่อีกคนเห็นแล้วเกิดความรังเกียจ
ทั้งหมดมันเกิดจากกิเลสตัวเดียวกัน แต่ที่มันต่างกันมันเป็นอาการของจิตที่เกิดจากการ
ได้รับการอบรมสังสอนที่เรียกว่าสัญญาครับ


เมตตาถ้าไม่มีอุเบกขามันก็ทุกข์
โทสะหรือมีอาการรังเกียจมันก็ทุกข์

ดูประโยคทั้งสองนี้แล้วพอเข้าใจหรือยังครับว่า
กิเลสก็คือสังโยชน์ อาการของจิตก็เป็นแค่อาการของจิตไม่ใช่กิเลส
มันเป็นเพียงผลจากกิเลสสังโยชน์

เรื่องนี่มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการปฏิจสมุบาทและกระบวนการขันธ์
อาจเข้าใจยากหน่อย ถ้าไม่เข้าใจอยากแย้งตรงไหนบอกมาครับ ยินดีตอบครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ยังสูงลิ่วเลยแหละ แถมไม่พอยังเป็นนักเดา คิดเอาเอง ตัดสินเอาเองด้วยมานะทิฏฐิของตนซะด้วย
พุทธบุตรที่ไหนจะมาสนใจ ติดอยู่ที่อรูปพรหม สงสัยจะเป็นน้องคงเองซะมากกว่าละมั้ง เลยอยากนิพพานจนตัวสั่น เที่ยวประกาศอวดตนไปทั่วว่าฉันนี่นะพระโสดาบัน กำลังทำสกิทาคามีมรรคอยู่ มีพระอริยเจ้าที่ไหนท่านเที่ยวอวดดีอวดเด่นอวดตัวเองอย่างนี้กันล่ะน้อง โสดาบันปลอมหรือเปล่า เพราะโทสะปฏิฆะก็ยังดูรุนแรงจนแสดงออกมาในถ้อยคำบ่อยๆ


พอโกรธแล้วนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยนะ คุนน้องก็ไม่อยากเสวนากับท่านหรอก เพราะบางครั้งเห็นลักษณะการเสวนาธรรมของท่านอโสกะกับกัลยามิตรท่านอื่น คุนน้องก็ดูออกแล้ว ไอ้ประเภทน้ำผึ้งอาบยาพิษ เชือดคนอื่นนิ่มๆ แถมทำตัวเป็นพวกคลื่นใต้น้ำ แล้วที่บอกว่าคุนน้องอวดตัวอวดดี ถ้าคนที่มีสติปัญญาระดับเดียวกันจะมองออกว่า มันเป็นแค่อาการที่ประกอบกับเจตสิก+เหตุปัจจัย ไม่มีใครเขามายึดมั่นถือมั่นกับคำว่า โสดาบัน สกิทาคามีหรอก ถามพี่เอกอนน่าจะรู้ดี มันเป็นแค่กิริยา จำได้มั้ยมะก่อนคุนน้องเห็นแย้งไปขัดท่าน
ที่ท่านสอนธรรมมะ อยู่ๆก็มาฟาดงวงฟาดงาใส่คุนน้อง เกิดมิจฉาสติ พูดจากระทบกระเทียบผู้อื่น คุนน้องว่าตัวท่านจิตอกุศลมากเลยนะตอนนั้น แล้วคำพูดไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าผู้นั่นเป็นคนมีคุณธรรม เพราะมันเป็นแค่กิริยา+เหตุปัจจัยปรุงแต่ง มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเอง พระอรหันต์บางท่านก็สอนธรรมมะแบบกิริยาอาจจะดูแปลกหรือไม่สำรวม คำพูดอาจจะดูบางครั้งหยาบคาย แต่มันเป็นแค่กิริยา เพราะท่านไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นกับการแสดงออกสิ่งนั้น เพราะธรรมทั้งหลายใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน แล้วลักษณะคำพูดของท่านอโสกะธรรมมะของฉันวิเศษกว่าธรรมของคนอื่น ใครจะมาขัดมาแย้งไม่ได้ เชิญตามสบายเถอะเจ้าค่ะ แค่นี้ท่านก็จะตอบคำถามกัลยามิตรท่านอื่นมะทันแล้ว ขืนคุนน้องเข้าไปสมทบอีกคนมีหวังได้ปาดเหงื่อ หายาหม่องยาดมแก้วิงเวีนย หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมแหง :b32: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 20:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับพี่โฮฮับ :b8: :b8:
ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบและคำอธิบายที่ให้มาครับ รวมความแล้วผมเข้าใจความหมายของ โทสะ ที่พี่หมายถึงคือ ความไม่พอใจ ถูกต้องมั้ยครับ(ถ้าผมเข้าใจผิดช่วยแก้ไขด้วยนะครับ)...พูดถึงปฏิฆะสังโยชน์แล้วผมขอแลกเปลี่ยนความเห็นอีกลักษณะหนึ่งที่หลายๆท่านอาจจะยังไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนนะครับ คือหลายๆท่านอาจจะให้ความหมายของปฏิฆะว่า ความอาฆาตพยาบาท ความขุ่นข้องขัดเคืองใจ ซึ่งผมพิจารณาดูแล้วเห็นว่ามันเป็นอาการที่ดูหยาบๆดูเข้ากับโทสะมากกว่าที่จะเรียกว่าปฏิฆะ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมให้ความรู้สึกต่ออาการของปฏิฆะว่าเป็นความไม่สนิทใจ งุ่นง่านตะขิดตะขวงใจ มากกว่า ซึ่งดูเป็นอาการที่ละเอียดกว่า(อาจจะเข้าใจไปผิดเองก็ได้ครับ)

ยกตัวอย่างเช่น การที่เราพบเจอใครครั้งแรกแล้วเรารู้สึกไม่ถูกชะตา รู้สึกไม่สนิทใจที่จะเข้าไปพูดคุยหรือคบหาด้วย ทั้งๆที่เขาไม่เคยทำเหตุให้เราไม่พอใจ หรือมีอาการหงุดหงิดงุ่นง่านเวลาที่อากาศร้อนอบอ้าว ประมาณนี้เป็นต้นครับ

ถือว่าแลกเปลี่ยนความเห็นและแบ่งบันความรู้กันนะครับ
ขอบคุณครับ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร