ทุกท่านมีความเห็นกันอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ เกี่ยวกับนิบิรุ เป็นดาวที่อยู่นอกระบบสุริยะจักรวาลแต่มีวงโคจรอันกว้างใหญ่มหาศาล จนโคจรมาทับแกนในระบบสุริยะจักรวาลของเรา แต่อย่าทำตัวเป็นไก่ตื่นกระโตกกระตากนะเจ้าค่ะ ไม่อยากให้คนบนโลกตื่นตระหนกไปกับข่าว แต่นักปฏิบัติธรรมอย่างเรา ต้องรู้ทันเหตุการณ์ เพื่อความไม่ประมาท มีสติสัมปัชชัญญะ รักษาศีล ยึดพรหมวิหาร4ต่อไป http://asstudio.info/Library/e_end/e_end.html

1999 2000 2012 ต่อไปเอาอะไรดีน้าาา
...2020 ก็แล้วกัน

ขอให้ผ่าน 2012ไปให้ได้ก่อนเถิด แค่นี้ก็รู้สึกว่าโลกวุ่นวาย..เด่วก็แผ่นดินไหว.. เด่วก็น้ำท่วม
ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก..อย่างในพระไตรปิฎกบอกไว้ว่า อีกสองพันกว่าปี พอหมดสิ้นยุคศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าพระสมณโคดมแล้ว..จะเป็นกรียุค..ไปอ่านเจอมาในเวปธรรมมะแห้งหนึ่ง..มนุษย์จะขาดศีลธรรมความดี
คุนน้องเลยวิปัสนึก..คิดว่าในพระไตรปิฏกบอกว่า..มนุษย์จะมีอายุลดถอยเหลือลง 10ปี มันเป็นไปได้ยังงัย.. ก็เลยนั่งคิดอยู่กับจิต..ถ้ามีคนที่สงสัยธรรมในพระไตรปิฎกของพระพุทธองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้..เราจะหาเหตุผลมาอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างไรกันนะ..พวกที่สงสัยเรื่องเกี่ยวกับคำพยากรณ์ในพระไตรปิฏก..
มันก็เกินปัญญาของเราด้วยสิ..คือใช้สติระลึกคิดอยู่แบบนั้น ซักพัก..ความรู้ผุดขึ้นมาเฉย..เป็นคำตอบออกมาจากกายใจตนเอง เหมือนจิตที่เป็นเดจาวูที่ได้คำตอบจากการดึงเอาสัญญามาประมวลผล แต่แปลกมันเป็นเรื่องของอนาคต..คุนน้องได้คำตอบในทางเชิงทฎษฎีด้วยการปรุงแต่งจากสัญญาออกมาเป็นเหตุและผล..เหมือนเราหยั่งรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ แต่ไม่ใช่หมอดูนะเจ้าค่ะ แต่คุนน้องก็ไม่กล้าพูดหรอกนอกจากมีใครอยากรู้ว่าคุนน้องคิดไง

2020 คุนดินนี่อายุปาเข้าเลขอะไรละเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นคุนน้องปาเข้าไป 35 โอ้วแม่เจ้า....
จะมีชีวิตอยู่ถึง 2020 ป่าวยังไม่รู้เลย 555

โลกยังไม่แตก....ในระยะอันใกล้นี้หรอก....

พระศรีฯ..ก็ยังตรัสรู้บนโลกใบนี้

โลกใบเดิม...แต่คนเปลี่ยนไป...

ตอนนี้โลกมีอายุมาได้...ประมาณ 4800 ล้าน ปี

มีพระพุทธเจ้ามาแล้วไม่รู้เท่าไร....

อย่างน้อย ๆ ก็ต้องอยู่ไปอีก..4800 ล้านปี...

จึงจะสลายไปของจริง....

แต่ถึงจะสลายไป..เดียวก็รวมตัวเกิดขึ้นมาใหม่อยู่ดี...

ขนาดคนที่เป็นถึงระดับดอกเตอร์ ทำงานอยู่กับnasa น่าจะมีความน่าเชื่อถือพอสมควร ยังกล้าฟันธงว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง แถมหลักฐานข้อมูลในพระไตรปิฏกเกี่ยวกับคำพยากรณ์.. ถ้าเคยอ่านความเห็นที่คุนน้องแสดงความเห็นไว้ พระไตรปิฎกเกี่ยวกับเรื่อง ชมพูทวีป "นี่เป็นคำพูดของท่าน..ตัดมาให้อ่านบางท่อน"
"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. ๒๐๑๒ (มนุษย์ บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด) "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ ๒๐๐ จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ ๑ จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ

งั้นแสดงว่า ไม้กากะทิง คือ โลก ของเรา เห็นมีพระพุทธเจ้า ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง 3พระองค์ รวมถึงพระศรีอาริเมตรไตร.. ถ้าตีความในพระไตรปิฎก

เราไม่ได้อยู่โด่ดเดี่ยว...จริง ๆ

แต่...มันไม่เป็นความรู้เพื่อออกจากทุกข์...

และถ้าหากว่า...รู้ตอนที่ตนเอง..ยังมีวุฒิภาวะไม่พอ...อาจใช้ความรู้นั้นไปในทางทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน...เช่น..โลภยังมีอยู่มากในกระมลสันดาน...มักโกรธอยู่เป็นนิจ...รู้เทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ ก็นำไปผลิตอาวุธผลิตปืน...เพื่อที่จะไปแย่งเอาทรัพยากรของคนที่รู้ไม่ทันเทคโนโลยี...

ประวัติศาสตร์ของมนุษย์...ไม่ว่าจะย้อนหลังไปนานเท่าไร...ก็มีแต่เรื่องสงครามการแย่งชิงทรัพยากรทั้งนั้น ๆ เลย

วุฒิภาวะของคนโดยรวม..ดูได้จากไหน?....

ดูได้จาก..ศีล

ให้พ้น 4-5 เดือนนี้ไปก่อน

http://www.youtube.com/watch?v=TQOMTn6m ... re=related

ระยะนี้ดวงเมืองจะร้อนแรงมากๆ NASA เองยังต้องถอยกรูดๆ

ถูกต้องแล้วครับ

ตัวแกนของความไม่ประมาท ก็คือสติ ความไม่ประมาทนั้นท่านแปลว่า ความไม่อยู่ปราศจากสติ คือเป็นอยู่อย่างไม่ขาดสติเลย

สติ คืออะไร ? คือความระลึก คอยนึก เหมือนคอยจับตาดูอยู่ และคอยจับเอามาดู ทั้งตื่นตัว และคอยตรวจสอบ

ที่ว่าจับตาดู และจับเอามาดูนั้น เป็นการทำงานประสานกันของสติกับปัญญา
สติเหมือนมือที่จับหรือเชือกที่ใช้ดึง
ปัญญาเหมือนตาที่มองดู เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นเป็นไป ที่จะทำให้เกิดผลกระทบในทางที่เสียหายไม่ดีไม่งาม จะทำให้เกิดความเสื่อม สติที่ตื่นตัวคอยดูหรือจ้องดู ก็จับเอามาส่งให้ปัญญาวิเคราะห์พิจารณาเหตุปัจจัยเป็นต้น และหาทางแก้ไขป้องกัน
ถ้ามีอะไรที่จะเป็นโอกาสทำให้เกิดความดีงามความเจริญ สติก็รีบจับเอามาส่งให้ปัญญาพิจารณาหาทางปฏิบัติหรือดำเนินการ

ข้อสำคัญ เมื่อสติไม่อยู่ ปัญญาก็มาไม่ได้ เมื่อสติไม่ทำหน้าที่ ปัญญาก็ไม่มีโอกาสที่จะทำงาน เมื่อคนขาดสติ ปัญญาก็หายไปด้วย

ความไม่ประมาทแท้ ที่เป็นอยู่ด้วยสติปัญญา เป็นอย่างไร?

ความไม่ประมาทแท้นั้น ก็คืออยู่ด้วยสติและปัญญา หมายความว่า ไม่ต้องรอให้ทุกบีบคั้น ไม่ตองรอให้ภัยมาคุกคาม แล้วจึงลุกขึ้นดิ้นรนขวนขวาย แต่เอาสติมาบอก และเอาปัญญามาจัดการ

สติมีหน้าที่คอยนึก คอยระลึก ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา สติเป็นตัวตื่น ดังบาลีว่า สติ โลกสฺมิ ชาคโร แปลว่า สติเป็นธรรมเครื่องตื่นในโลก

ถ้าใครมีสติแล้วก็ไม่หลับใหล ไม่หลงใหล ทั้งไม่หลับใหลและไม่หลงใหล ตื่นตัวอยู่เสมอ มีอะไรเกิดขึ้นเป็นไป ก็คอยนึก คอยระลึก คอยสำรวจ คอยจับตา คอยจับเอามาดูอย่างที่ว่าแล้ว


เราอยู่ในสังคม ชีวิตของเราเกี่ยวข้อกับอะไร และอะไรที่กำลังเกิดขึ้นๆ จะมีผลกระทบต่อความดีงามความเจริญและความสุขของเรา ของครอบครัว ของชุมชน ของสังคมของเรา ก็ระลึกสำรวจตรวจดูอยู่เสมอ ตื่นตัวต่อสถานการณ์ พอนึกระลึกแล้วเจออันใดที่จะมีผลกระทบอย่างที่ว่า ก็ส่งต่อให้ปัญญาพิจารณา

สติกับปัญญา ทำงานคู่กัน สติระลึกนึกเอามาแล้ว ก็ส่งให้ปัญญาพิจารณา

ปัญญาก็ดูว่า อันนี้จะเป็นเหตุปัจจัยแห่งความเสื่อมหรือความเจริญ

ถ้าจะเป็นเหตุปัจจัยแห่งความเสื่อม ก็รีบหาทางจัดการป้องกันแก้ไขทันที ไม่ปล่อยไว้

ส่วนอันไหนจะให้เกิดความเจริญ ก็รีบจัดทำ จัดสรรจัดการ ดำเนินการ หรือสร้างสรรค์ขึ้นมาเลย โดยไม่มีการผัดเพี้ยน