วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2012, 23:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบันไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ไปเกิดในอบายภูมิได้...อันมี..สัตว์เดรัสฉาน...อสุรกาย..เปรต..สัตวนรก

แสดงว่า..ยักษ์ไม่ใช่สัตว์ในอบายภูมิ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2012, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เรื่องโสดาบันเกิดเป็นยักษ์...นี้..ผมงง..งง.

แสดงว่า...คนกับยักษ์...มีสภาพแห่งขันธ์ทั้ง 5 เป็นอย่างเดียวกันไม่ผิดแผกแตกต่าง..

งั้นรึ?.. s006



เล่าให้ฟังตอนนี้ คงไม่ได้รายละเอียดของสภาวะทั้งหมด

อ่านไปเรื่อยๆ ในกระทู้ "โสดาบัน เกิดเป็นยักษ์" ดีกว่าค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 07:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b32:
:b39:
วลัยพร พูด......

กะแล้วว่า จะต้องมีคำตอบ กลับมา ทำนองแบบนี้ ที่ถามๆมาตั้งแต่ต้นน่ะ เพราะคิดอยู่แล้วว่า คุณจะตอบกลับมาแบบไหน ก็เป็นตามที่คิดไว้จริงๆ

[iคุณว่าคนอื่นถนัดตัดแปะมาตอบ คุณเองก็เช่นกัน ตัดแปะมาตอบ ตั้งแต่ต้นจนจบ[/i]

เป็นโสดาบัน แต่เกิดเป็นยักษ์ แบบพระเจ้าพิมพิสาร

กับเป็นโสดาบัน แบบที่คิดๆว่าเป็นกัน(ปัจจัจตัง) แล้วยังเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้


เป็นโสดาบัน แบบพระเจ้าพิมพิสาร ดีกว่าค่ะ อย่างน้อย เกิดไม่เกิน ๗ ชาติ
:b10: :b10:
"คุณว่าคนอื่นถนัดตัดแปะมาตอบ คุณเองก็เช่นกัน ตัดแปะมาตอบ ตั้งแต่ต้นจนจบ"
:b16:
ตอบจากสภาวะ คุณวลัยพร ยังดูไม่ออกบอกว่าตัดแปะ ช่วยกรุณาหาหลักฐานมาแสดงให้ดูด้วยว่าผมตัดจากที่ไหนมาแปะบ้างนะครับ นิสัยที่ไปค้นตำราแล้วตัดยกมาโพสถ์แสดงภูมิรู้นั้นผมไม่ค่อยทำหรอกนะครับ ลองวิเคราะห์ดูกระทู้ทั้งหมดที่ผมนำเสนอมา
cool
ช่วงนี้คุณวลัยพรกำลังทำเรื่องโสดาบันเกิดเป็นยักษ์...เลยอยากจะลองภูมิคนอื่นว่ารู้ปริยัติอย่างที่คุณวลัยพรรู้ไหม? ถ้ารู้ตรงกัน ก็จะตัดสินว่าคนนั้นใช่ ถ้ารู้ไม่ตรงกับความเห็นของตนก็จะตัดสินว่า ไม่ใช่ นี่คือวิสัย ของนักปริยัติทั้งหลาย ใช่ใหมครับ?
:b15:
ผมติดตามสังเกตคุณวลัยพรมาอยู่นาน เห็นว่าเป็นคนดี ต่อไปจะมีประโยชน์ต่อโลกมากยิ่งขึ้นๆ เลยวันนี้ต้องมาขออภัยหน่อยว่า เมื่อวานนี้ ดึกแล้ว เลย ตอบแบบตัดสั้นให้จบเร็ว แต่ถ้าคุณวลัยพรยังติดใจอยากรู้เรื่องพระนิพพาน หรือที่ถามมาใหม่เรื่องโสดาบันก็จะตอบให้ฟังตามความรู้ที่ศึกษา ประมวล และพิสูจน์มา ให้ฟังพอเป็นสังเขปนะครับ....ไม่ใช่การตัดแปะแน่นอน....แต่เป็นการสาธยายให้ฟังตามความเข้าใจ
onion
เอาเรื่อง "สภาวนิพพาน"เพิ่มเติมอีกสักหน่อยก่อนนะครับ
ดังที่ได้เคยกล่าวแล้วว่า สภาวนิพพาน หรือนิพพานเป็นธรรมธาตุ เป็นปรมัตถธรรม ไม่อาจรู้ถึงได้ด้วยคำอธิบายโดยภาษาของมมนุษย์หรือนึกคิดอนุมานเอาเอง ต้องไปสัมผัสความจริงด้วยใจ เป็นปัจจัตตัง

:b48:
แต่วิธีที่จะไปสัมผัสรู้ นิพพาน หรือเข้าถึงสภาวนิพพานนั้น สามารถที่จะบอกกล่าวแนะนำกันได้
คุณวลัยพรบอกให้พูดไทยแบบไม่ต้องแปลเป็นไทยอีกทีก็คงต้องใช้อุปมาอุปมัยให้คุณคิดเข้าใจและได้คำตอบด้วยตนเอง ว่า
:b48:
อันความดิ้นรนจะอธิบายสภาวนิพพานนั้น มันเหมือนกับคนที่พยายามจะอธิบายเรื่อง "รสเค็ม"ให้คนที่ยังไม่เคยสัมผัส รสเค็ม ได้รู้ว่า เค็มเป็นอย่างไร? ความพยายามเช่นนี้มันเป็นไปไม่ได้ หรือคุณวลัยพรเก่งพอที่จะอธิบาย รสเค็ม ให้คนที่ยังไม่เคยสัมผัส ความเค็ม ให้คิดนึกรู้ได้.....จะลองอธิบายให้ผมฟังดูหน่อยก็ดีนะครับ ถ้าอธิบายได้ ผมก็คงจะอธิบายให้คุณทราบถึงสภาวนิพพานได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงได้เช่นกันนะครับ
:b39:
แต่วิธีที่จะได้สัมผัสรู้ รสเค็ม หรือความเค็มนั้น ผมอธิบายให้ฟังได้เต็มที่ ละเอียดละออ ตรงประเด็นอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอนได้แน่ๆครับ อยากฟังไม้ล่ะครับ?.........หรือแม้แต่คุณวลัยพร คุณกบเต้น หรือน้องคง โฮฮับและใครอื่น(ที่พูดและรู้ภาษาไทย)ก็คงอธิบายได้แน่ๆ วิธีที่จะได้สัมผัสรู้ รสเค็ม ลุงมา ป้ามี ตามบ้านนอกก็คงอธิบายได้ เพราะนี่เป็นธรรมชาติ ที่สามัญสำนึกสามารถคิดวิธีออกได้ด้วยตนเอง
:b39:
ถ้ายังไม่หายอึดอัดใจ ก็จะเอาพุทธวัจจนะมาอธิบาย สภาวนิพพานให้ฟังและคิดคำตอบเอาเองแล้วรู้ตามความเห็นของตัวเอง พระพุทธบิดาตรัสว่า
:b42:
"นิพพานัง ปรมังสุขัง".....นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง......สุขอย่างยิ่ง เป็นอย่างไร? อันนี้ก็อธิบายรู้ตรงกับความเป็นจริงไม่ได้อีกเหมือนกัน ต้องไปสัมผัสเอาเอง
:b43:
อีกคำหนึ่งคือ "นิพพานังปรมังสุญญัง".....คำนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นพุทธพจน์หรือเปล่า แต่ก็กินถึงความหมายของนิพพานได้เช่นกัน เพราะ สุญญะ หรือ สูญ นี่เหมือนกับเลขศูนย์ 0 ที่เอาอะไรไปคูณก็เป็นศูนย์ 0 ไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ดี ชั่ว บาป บุญ.....
:b44:
คำถามที่ 2 ของคุณวลัยพร

งั้นถามต่อ โสดาปัตติมรรค กับ โสดาปัตติผล แตกต่างกันอย่างไร?

โสดาบันมีกี่ประเภท แต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร?

:b16:
โสดาปัตติมรรค......เป็นตัวกระทำ (กรรม)........
:b42:
โสดาปัตติผล.......เป็นการรับผลของการกะทำ (วิบาก)....... :b44:
โสดาปัตติมรรคจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในชั่วพริบตาเดียวแล้วจะไม่เกิดอีกกับบุคคลผู้นั้นตลอดกาล
:b39:
แต่โสดาปัตติมรรคอาจารอริยะ.......นั้นหมายถึงผู้ที่กำลังเจริญมรรคเพื่อจะเข้าไปสู่ความเป็นพระโสดาบัน
เหมือนนักเรียนเตรียมนายร้อย ที่เตรียมไปรับการติดดาวนายร้อยเมื่อเรียนจบฉันนั้น จึงอาจเรียกอริยบุคคลชั้นนี้ว่า "เตรียมโสดาบัน" ที่ถูกนับเนื่องเข้าเป็นอริยบุคคล 1 ใน 8 จำพวกนั้นเพราะ มีอยู่คำหนึ่งที่คุณวลัยพรคงเคยผานตาว่า "จุลลโสดาบัน....โสดาบันน้อย.....คือผู้ที่ตกอยู่ในกระแสที่จะไหลไปเป็นโสดาบันบุคคลแล้ว ไม่แปรเป็นอื่น ถ้าว่าโดยสภาวะ ยังไม่เป็นอริยบุคคลเต็มภาคภูมิ เพราะโสดาปัตติมรรคญาณยังไม่เกิด สักกายทิฐิยังไม่ตายขาด

:b10:
......จะสังเกตได้ยังไงว่าใครเป็นจุลลโสดาบัน?.........ง่ายๆก็คือ ใครเห็นอนัตตา ซาบซึ้งและยอมรับ อนัตตาโดยไม่แปรเป็นอื่นแล้ว หรืออาจจะกล่าวว่าเกิดดวงตาเห็นธรรม คือเห็นอนัตตา นั่นแหละคือจุลลดสดาบัน เพราะผู้ถึงอนัตตา เปรียบเหมือนคนที่ได้กุญแจสำหรับเปิดประตูพระนิพพานไว้ในมือ หรือได้สะพานสำหรับทอดข้ามเข้าสู่นิพพาน
:b16:
โสดาปัตติผล...เป็นการรับผลของการกะทำ (วิบาก).......คือการที่เมื่อโสดาปัตติมรรค ตัดสักกายทิฏฐิ ตายขาดลงแน่นอนแล้ว จิตของเตรียมโสดาบันท่านนั้น จะเข้าไปสัมผัสสภาวนิพพานเป็นครั้งแรก โดยเสวยผลอยู่ สองสามขณะจิตแล้วดับลง หลังจากนั้นก็จะเกิดปัจจเวกขณญาณ แปลว่า พิจารณาทบทวนย้อนหลัง
ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อไหร่ตอนไหน สิ่งใดหมดไป สิ่งใดยังเหลือค้างอยู่ กิจอันใดที่ทำเสร็จแลว กิจอันใดที่ยงต้องเพียรกระทำต่อไป วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย รู้ไม่จริง น่าจะมาดับตอนนี้ พร้อมๆกันกับสีลัพพตปรามาสก็จะดับตามต่อจากวิจิกิจฉา เป็นอันวา สังโยชน์ 3 ตัว ตายเกลี้ยง นอกจากนั้น คุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จะเกิดขึ้นเต็มร้อย จนผู้เข้าถึงส่วนใหญ่จะกลั้นน้ำตาแห่งปีติไม่ไหว ร้องให้ออกมา ปฏิจจสมุปบาท ก็จะชัดเจนสมบูรณ์ที่สุดตอนนี้ เพราะเป็นปัจจัยการที่สัมผัสความจริงจนครบด้วยตนเอง มิได้คิดเอา เข้าใจเอาตามตำรา

:b27:
:b8:
โสดาบันมีกี่ประเภท?.........

ข้อนี่ถ้าจะตอบให้แม่นต้องค้นตำรามาตอบเพราะเกินวิสัยที่จะค้นเอาจากธรรมในตัวได้ เป็นพระเมตตาของพระบรมครูผู้เป็นสัพพัญญู จึงแจงแจงความละเอียดของการบรรลุโสดาบันได้ เป็น

1.จุลลโสดาบัน.....ผู้จั๊กกะแหล่นจะบรรลุโสดาบัน
:b42:
2.สัตตคัตตุโสดาบัน......ผู้มีชาติอันจะต้องเวียนว่ายใช้หนี้อีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน
:b42:
3.โกลังโกละโสดาบัน....ผู้มีชาติอันจะต้องเวียนว่ายใช้หนี้อีกไม่เกิน 3 ชาติ ก็จะเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน
:b42:
4.เอกพีชีโสดาบัน.....ผู้มีชาติอันจะต้องเวียนว่ายใช้หนี้อีกเพียงชาติเดียว ก็จะเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน
:b44:
คำตอบท่อนนี้ต้องมีภาษาบาลีเยอะหน่อย ขออภัยด้วย เพราะศัพท์บัญญัติในภาษาไทยไม่มีครับ
:b12: :b12:
สะใจ.....อุ๊ปส์......(ขอโทษ).....เพียงพอใจแล้วหรือยังครับคุณวลัยพรกับคุณกบเต้น....นานๆได้พิมพม์ยาวๆที เพราะเหตุมีผู้รู้มากมาถาม เลยต้องขออภัยที่ต้องอ่านกันยาวๆนะครับ
:b14:
อ้อ!......แล้วก็ช่วยกันพิจารณาให้ดีด้วยนะครับว่าส่วนไหนเป็นการตัดเอาข้อความของคนอื่น หรือจากตำราเล่มอื่นใดมาแปะ แต่อ้างอิงนั้นคงต้องอ้างอิงแน่ แต่คงจะไม่ได้ใส่ referenc ว่านำมาจากสูตรใด วรรคใด นะครับ ขออภัย ถ้าอยากได้อย่างนั้นต้องกราบเรียนเชิญท่านพุทธฎีกา หรือท่านเช่นนั้นกรุณาไปค้นมาให้นะครับ...คุณวลัยพร.....คุณกบเต้น.......
:b8: :b20: :b31: :b4: :b4: :b4: :b32:
สุดท้ายบอกคุณวลัยพรว่า อย่าตั้งปราถนาบรรลุโสดาบันแล้วไปเกิดเป็นยักษ์เลย เพราะดูขนาดน้องคง
จากความเคยเกิดเป็นยักษ์ขมูขี ยังทำความเพียรหนีมาเกิดเป็นมนุษย์เลยครับ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัดแปะจาก สัญญาไง :b12:

ขอบคุณนะ อุตส่าห์ตั้งใจพิมพ์มายืดยาว สุดท้ายก็ไม่พ้น ตัดแปะอยู่ดี :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อย่าตั้งปราถนาบรรลุโสดาบันแล้วไปเกิดเป็นยักษ์เลย เพราะดูขนาดน้องคง
จากความเคยเกิดเป็นยักษ์ขมูขี ยังทำความเพียรหนีมาเกิดเป็นมนุษย์เลยครับ

ใครหนีมาเกิด..มั่ว.. เพราะสร้างบารมีมาถึงได้มาเกิด ชาตินี้ถึงได้มีบุญวาสนาได้มีดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธองค์ตั้งแต่อายุน้อย แต่อโสกะนี่สิ ..จะปิดอบายภูมิได้รึป่าวยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเลย wink


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 09:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบันก็ปิดอบายภูมิได้แล้ว.....

ก็ไม่น่าจะมีปัญหา..นิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 09:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าแต่ว่า...อโสกะไปเอา..จุลลโสดาบัน...มารวมอยู่ในกลุ่ม...ได้งั่ย?

ใคร..ๆ..ก็รู้ว่า..โสดาบันคติไม่เกิน7ชาติ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ว่าแต่ว่า...อโสกะไปเอา..จุลลโสดาบัน...มารวมอยู่ในกลุ่ม...ได้งั่ย?

ใคร..ๆ..ก็รู้ว่า..โสดาบันคติไม่เกิน7ชาติ...

ปล่อยแกบ้าบอไปคนเดียวเถอะเจ้าค่ะท่านกบ โสดาบัน ในกระทู้พี่ วลัยพรน่ะ ถูกต้องตามธรรมแล้ว :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2012, 19:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ตัดแปะจาก สัญญาไง :b12:

ขอบคุณนะ อุตส่าห์ตั้งใจพิมพ์มายืดยาว สุดท้ายก็ไม่พ้น ตัดแปะอยู่ดี :b38:

:b15:
ตัดแปะจากสัญญา........พึ่งเคยได้ยินจากคุณวลัยพรเป็นครั้งแรกในชีวิต......เฉไฉไปแบบน้ำขุ่นๆหรือปล่าวครับ?
:b7:
อย่างไรที่ไม่เรียกว่าตัดแปะ ลองทำให้ดูซิจ๊ะ คุณวลัยพร.....
หรืออย่างที่กำลังยกเรื่องโสดาบันไปเกิดเป็นยักษ์นั่นหรือ?....ที่เรียกว่าไม่ตัดแปะ

:b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 07:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
(ต่อครับ)
สำหรับท่านโมคคัลลาและสารีบุตร อัครสาวกฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาถ้าเรามาพิจารณาตามธรรม ตามกฎของ เหตุและผล การบรรลุโสดาบันของท่านน่าจะเกิดขึ้นจากการที่หลังจากได้ฟังคำพูดของท่านอัสชิและแม้คำพูดที่ท่านอุปติสสะนำไปถ่ายทอดต่อท่านโกลิตตะ เป็นธรรมะชั้นยอด
เป็นสรุปธรรมว่า “เยธัมมา เหตุปัปภวา.......... .ทุก
สิ่งเกิดแต่เหตุ....”ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ท่านทั้งสองได้ใช้ปัญญาน้อมพิจารณาตามด้วยเหตุและผล ได้เห็นจริงเกิดศรัทธาอันแรงกล้าต่อพระพุทธเจ้าจนเป็นเหตุส่งให้ “วิจิกิจฉา”ดับลงทันที สักกายทิฏฐิจึงทนตั้งอยู่ไม่ได้ ดับลงตาม
ท่านโกลิตตะ เจริญธรรม พิจารณาขันธ์ อีก 7 วันก็บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์มีอภิญญาทั้งหลายเป็นผลพลอยได้เกิดขึ้นตามมา ส่วนท่านอุปติสสะต้องใช้เวลาถึง 15 วันจึงบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามาก วิตก วิจารณ์ วิจัยธรรม มาก จึงบรรลุช้ากว่า หลังจากเสร็จกิจโดยสมบูรณ์ทั้ง 2 ท่านแล้วพระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องขึ้นเป็น พระโมคคัลลาและพระสารีบุตร อัครสาวกฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ การบรรลุถึงโสดาปัตติผลโดยรวดเร็วของพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเจ้า มีความเป็นมาอย่างไร?
:b10:
สมัยนั้น ความรู้เรื่อง อริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา สติปัฏฐาน 4 โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ท่านโกลิตตะและท่านอุปติสสะก็ยังมิได้เคยสัมผัสร่ำเรียนไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านปริยัติในสิ่งเหล่านี้ทั้งยังมิได้เจริญอยู่ในเส้นทางแห่งมรรค 8 ตามตำราด้วย แต่ทำไมการเกิดโสดาปัตติมรรคจึงเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว นี่เป็นประเด็นที่เราน่าจะได้นำมาถกเถียง วิตกวิจารณ์ วิจัยกันดู เผื่อบางทีอาจทำให้เราได้คำตอบว่า อะไร? คือ เส้นผม อะไรคือเงา ที่มาบังภูเขาและความจริง
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
อีกคำหนึ่งคือ "นิพพานังปรมังสุญญัง".....คำนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นพุทธพจน์หรือเปล่า แต่ก็กินถึงความหมายของนิพพานได้เช่นกัน เพราะ สุญญะ หรือ สูญ นี่เหมือนกับเลขศูนย์ 0 ที่เอาอะไรไปคูณก็เป็นศูนย์ 0 ไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ดี ชั่ว บาป บุญ.....



0 บวก 1 ได้เท่าไรครับ wink

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 08:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ว่าแต่ว่า...อโสกะไปเอา..จุลลโสดาบัน...มารวมอยู่ในกลุ่ม...ได้งั่ย?

ใคร..ๆ..ก็รู้ว่า..โสดาบันคติไม่เกิน7ชาติ...

cool
คุณกบดูคำถามของคุณวลัยพรให้ดีๆนะครับ
"งั้นถามต่อ โสดาปัตติมรรค กับ โสดาปัตติผล แตกต่างกันอย่างไร?

โสดาบันมีกี่ประเภท แต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร?
:b10:
ผมตอบรวมไปถึง จุลลโสดาบัน และอธิบายลักษณะของจุลโสดาบันไว้ด้วย จึงน่าจะครบถ้วนสมบูรณ์ ในเรื่องของ "โสดาบัน" ทั้งหมด ไม่อย่างนั้น วันหลังคุณวลัยพรไปเจอคำว่า ..."จุลลโสดาบัน"....ก็จะกลับมามีปัญหาอีก
:b16:
ส่วนโสดาบันบุคคลที่ได้โสดาปัตติผลแล้ว มีอยู่ 3 จำพวก อันนี้ก็น่าจะรู้กันไปทั่วอยู่แล้วกระมังครับ มีทั้ง
กลับมาเกิด ไม่เกิน 7 ชาติ.....3 ชาติ.....หรือ ไม่เกิน 1 ชาติ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 08:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
อ้างคำพูด:
อีกคำหนึ่งคือ "นิพพานังปรมังสุญญัง".....คำนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นพุทธพจน์หรือเปล่า แต่ก็กินถึงความหมายของนิพพานได้เช่นกัน เพราะ สุญญะ หรือ สูญ นี่เหมือนกับเลขศูนย์ 0 ที่เอาอะไรไปคูณก็เป็นศูนย์ 0 ไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ดี ชั่ว บาป บุญ.....



0 บวก 1 ได้เท่าไรครับ wink

:b12: :b12: :b12:
คูณอย่างเดียวครับ.....บวก + ......ลบ -......ไม่เกี่ยวครับ.....
ผมระบุว่า คูณ ครับ

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2012, 01:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


size=200]ท่าน asoka ความเพียรสุดยอดมากครับ
ตอบอย่างละเอียดจริงๆ
ขออนุโมทนาใน[ความตั้งใจจริง
[/size]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2012, 14:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ...กลัว...จะตกหลุมพราง

เพราะคิดว่า..คุณวลัยพรกำลังขุดหลุมพรางดักทางใว้...

นี้เรียกว่า....เพราะคิดไปเอง...แท้ ๆ

ถ้าอโสกะจะพิจารณา...ก็ดูว่าตนกลัวเพราะเหตุใด....กลัวตกหลุม...ตอบแล้วไม่ตรงเป้า...เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน....รังมีแต่จะเสียกับเสีย....ที่กลัวสิ่งเหล่านี้...ก็เพราะมีเรา...มีเราก็มีหน้าเรา...มีหน้าจึงมีกลัวเสียหน้า...พิจารณาให้เห็นเหตุแห่งความกลัว...แบบนี้...ก็เป็นธรรมได้เหมือนกันนะ....

รึอโสกะถนัดแต่นิ่งรู้..ดู..ดูมันไป....เห็นมันก็เป็นปัญญาแล้ว

รึว่า...แม้แต่นิ่งรู้....ตอนตอบไปเมื่อตะกี้...อโสกะก็ไม่ได้ทำ?

:b1:


:b32: อย่าไปว่าท่านอโศก วิตกจริต สิ่ :b32: :b32:

:b12: ท่านอโศกะเขาไม่กลัวตกหลุมพราง...หรอก

เพราะท่านเห็นหลุมอยู่แล้ว...เพียงแต่ท่านยังไม่แน่ใจว่าใครจะเดินไปตก
หรือจะเป็นหลุมดักใคร อ๊ะป่าว ...
และท่านก็ไม่แน่ใจว่า ... จะมีใครพยายามจะฉุดกระชากลากท่านไปลงรึเปล่า ...
ท่านก็เลยแสดงอาการอิดเอื้อนนิด ๆ ตอบแบบอิดๆออดๆ..หน่อยๆ ...
เพราะท่านยังไม่แน่ใจ...เท่านั้นเอง ... :b32:

asoka เขียน:
cool
ช่วงนี้คุณวลัยพรกำลังทำเรื่องโสดาบันเกิดเป็นยักษ์...เลยอยากจะลองภูมิคนอื่นว่ารู้ปริยัติอย่างที่คุณวลัยพรรู้ไหม? ถ้ารู้ตรงกัน ก็จะตัดสินว่าคนนั้นใช่ ถ้ารู้ไม่ตรงกับความเห็นของตนก็จะตัดสินว่า ไม่ใช่ นี่คือวิสัย ของนักปริยัติทั้งหลาย ใช่ใหมครับ?
:b15:
onion


:b32: :b32: อิอิ เหมือนจะเป็นหลุมดักอโศกะ
เพราะตั้งกระทู้เสร็จ ก็ไม่รอช้า
เดินทางย่างเท้าเข้ามาท้าทายท่านอโศกะถึงถิ่น
เหมือนเป็นการเชิญชวนให้ไปเยี่ยมเยือนกระทู้...
แต่ท่านอโศกะ ก็ได้แต่แอบไปดู ไม่ยอมลงหลุมสักที...

มีก็แต่ท่านอ๊บซ์ เดินเข้าๆออกๆ ฝุ่นตลบกลบไปกลบมาจนหลุมชักจะตื้นขึ้นแล้วนิ... :b11:
....

เอกอนว่า ท่านอโศกะ น่าจะมีใจขอบคุณท่านอ๊บซ์ หน่อยนะ
แม้ท่านอ๊บซ์จะไม่ได้คิดทำเพื่อช่วยกลบหลุมให้ท่านอโศกะก็ตาม
แต่เอกอนมองแล้ว คนที่นิ่งเฉยแต่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการนี้ ก็คือ ท่านอโศกะ นะ

:b32: :b32: :b32:

:b13: :b13: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 22 ก.ค. 2012, 14:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร