วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 23:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นั้นซิ...กฎความไม่แน่นอน....งั้ยใช้กับกรณีนี้ไม่ได้...นะ

:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 00:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้ทุกท่าน ฝึกเห็น /ยอมรับ ตัวเองตาย ไปพร้อมกับ เห็นคนที่เรารัก ทุกคนตายด้วย ความเป็นเช่นนั้นเอง ด้วยนะ
แต่อย่าประมาท สร้างเหตุหรือปัจจัย ให้ถึง ความเป็นเช่นนั้นเอง นะครับ
เดียวจะกลายเป็น 1 ความจริง สร้าง1 ความโง่ ไปเสีย

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 00:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากตายตอนนี้....อะไรที่หน่วงจิตของฝึกจิต..อยู่?
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 05:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณฝึกจิตเขียน
อ้างคำพูด:
หากยังไม่บรรลุอรหันต์ คงต้องทำตามที่
พระพุทธองค์ แนะนำไว้ ให้มี สติ สัมปชัญญะ ลงที่ สติปัฏฐาน 4 เพื่อให้จิตสุดท้าย ปล่อยวางขันธ์ 5
และ ทุกสรรพสิ่ง ในโลกสมมุตินี้ ทำให้ชำนาญ นะครับ ทุกท่าน

สิ่งที่คุณฝึกจิตเขียนขึ้นมา เราเห็นด้วยค่ะ แต่อยากจะขอเพิ่มการทำบุญทำทานด้วยค่ะ
เพราะถ้าคนเราทำบุญทำทานตอนเจ็บป่วย เป็นการทำเพราะหวังผล
เราคิดว่าถ้าคนเราทำจนเป็นนิสัย คือไม่หวังผลอะไร ใจคิดแค่ว่าอยากจะให้พวกเค้าหลุดพ้นจากความทุกข์

ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีตั้งมากมาย แต่จุดประสงค์ก็เพื่อให้รู้แล้วนำไปใช้อย่าง
ถูกต้องตามกาล

อย่างกระทู้นี้เช่นกัน กระทู้ถูกตั้งขึ้นมาโดยผู้ตั้งไม่เข้าใจบัญญัติและสภาวะธรรม
มันมีอย่างหรือครับ ถามว่า"ใกล้ตายต้องทำอย่างไร"
จะสอนการปฏิบัติมันจะสอนให้คนที่ยังห่างไกลความตาย

มูลเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ ขาดความเข้าใจเรื่องมรณานุสติมาแต่ต้น
หลงเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าสอนให้หัดตาย จะได้ไม่กลัวตาย
พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดเป็นทุกข์ทรงให้ละเสียซึ่งเหตุ

เห็นสมาชิกบอกว่า "หัดฝึกตายเข้าไว้" มันตลกมั้ยล่ะ"

เรื่องของเรื่องมันก็แค่ไม่รู้สภาวะธรรมแท้ๆแห่งกายใจ เล่นตีความบัญญัติด้วนๆ
เห็นมรณา มรณะที่แปลว่าความตาย ก็เลยเอาเรื่องตายมาเล่น

ความหมายในมรณานุสติ นั้นหมายถึงความพลัดพราก
และความไม่ประมาท
และความหมายของคำว่า "ไม่ประมาท" ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ไม่ได้หมายถึง
ประมาทแล้วจะตาย แต่หมายถึงประมาทแล้วจะหมดโอกาสฝึกปฏิบัติธรรม


ถ้าเป็นเรื่องความประมาทในเรื่องการดำรงค์ชีวิตหรือการงาน เขาใช้ สติที่เรียกว่า สัมปชัญญะ
และการใช้เนื่องๆใช้บ่อยๆ ก็เป็นสติตัวนี้แหล่ะที่เราต้องใช้บ่อย
เพราะในวันหนึ่งๆสภาวะแวดล้อมทำให้เราจำเป็นต้องใช้ ...
สติสัมปชัญญะควบคู่ไปกับการกระทำ

ส่วนมรณานุสติเป็นเพียงอนุสติ จึงเอามาใช้ตามกาล
หรือใช้เฉพาะหน้า

bbby เขียน:
บางคนคิดว่าไม่ต้องไปทำอะไรทั้งนั้นหรอก ตอนตายค่อยนึกถึงพระ
ยาก.....มากๆค่ะ เพราะพอถึงตอนใกล้จะตาย บุญ-บาปเป็นผู้กำหนดค่ะ
ไม่ใช่ผู้ที่จะตายเป็นผู้กำหนดค่ะ :b41: :b55: :b48:

มันไม่ใช่บุญหรือบาปเป็นผู้กำหนด ตัวเราเป็นผู้กำหนด แต่การจะกำหนด
มันต้องกำหนดก่อน ต้องทำในขณะที่สภาวะกายใจสมบูรณ์พร้อม
และทำบ่อยๆให้เป็นความเคยชินเป็นสัญญา

เมื่อเกิดทุกขเวทนาในขณะใกล้ตาย จิตของผู้นั้นจะขาดสติที่มาใช้ควบคุมสัญญา
ไม่ให้ปรุงแต่งไปในทางอกุศล ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นปฏิบัติธรรมทำแต่ความดี
จนเป็นความจำหรือสัญญาประจำใจ เมื่อเกิดทุกขเวทนาก็จะเกิดแต่สัญญาในส่วน
ที่เป็นกุศลความดี จิตก็จะปรุงแต่งไปตามสัญญาความดีนั้น

ถ้าบุคคลปรุงแต่งกุศลความดีให้เป็นสวรรค์ จิตก็จะอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าสวรรค์
เช่นกันครับ ถ้าจิตทำแต่ความชั่ว จิตก็จำแต่ความชั่วจำแต่อกุศล
การปรุงแต่งก็ทำให้ความชั่วเป็นนรก สภาวะก็เป็นนรกครับ


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องจะบอกอะไรให้ เวลาเราจะตายบางครั้งมันไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าจะตาย คุนน้องเนียะเจอมาแล้ว แต่เคราะห์ดีที่รอด เป็นลมในห้องน้ำ :

น้องคิงคอง พี่โฮก็เป็นลมในห้องน้ำบ่อย เป็นแทบทุกครั้ง
บางครั้งถี่ๆ บางที่ครั้งเดียวแต่รุนแรง แถมมีเสียงอีกตั้งหาก

ปูดๆๆๆๆๆป้าดๆๆๆๆๆๆๆๆ :b9:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 06:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากตายตอนนี้....อะไรที่หน่วงจิตของฝึกจิต..อยู่?
:b8:



หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ
แต่หากตายจริง ก็ไม่รู้น่ะ ว่าจิตสุดท้ายจะเป็นอย่างไร จะปล่อยวางได้แค่ไหน ครับ :b12:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 07:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกลางคืนสิ้นไป กลางวันเวียนมาถึง
ย่อมพิจารณาดังนี้ว่า ปัจจัยแห่งความตายของเรามีมากหนอ คือ งูพึงกัดเราก็ได้ แมลงป่อง
พึงต่อยเราก็ได้ ตะขาบพึงกัดเราก็ได้ เพราะเหตุนั้นเราพึงทำกาลกิริยา อันตรายนั้นพึงมีแก่เรา
เราพึงพลาดล้มลงก็ได้ อาหารที่เราบริโภคแล้วไม่ย่อยเสียก็ได้ ดีของเราพึงซ่านก็ได้ เสมหะของ
เราพึงกำเริบก็ได้ลมมีพิษดังศาตราของเราพึงกำเริบก็ได้ มนุษย์ทั้งหลายพึงเบียดเบียนเราก็ได้
พวกอมนุษย์พึงเบียดเบียนเราก็ได้ เพราะเหตุนั้นเราพึงทำกาลกิริยา อันตรายนั้นพึงมีแก่เรา ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นพึงพิจารณาดังนี้ว่า ธรรมอันเป็นบาปอกุศลอันเรายังละไม่ได้ที่จะพึงเป็น
อันตรายแก่เราผู้ทำกาละในกลางวัน มีอยู่หรือหนอแล ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า ธรรมอัน
เป็นบาปอกุศลอันเรายังละไม่ได้ที่จะพึงทำอันตรายแก่เราผู้ทำกาละในกลางวัน มีอยู่ ภิกษุนั้น
พึงกระทำความพอใจความพยายาม ความอุตสาหะ ความเพียร ความไม่ท้อถอย สติและ
สัมปชัญญะให้ยิ่ง เพื่อละธรรมอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นเสีย เปรียบเหมือนบุคคลมีผ้าถูกไฟไหม้
หรือศีรษะถูกไฟไหม้ พึงกระทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความเพียร
ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้ยิ่ง เพื่อดับไฟไหม้ผ้าหรือศีรษะนั้น ฉะนั้น ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ถ้าแหละภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า ธรรมอันเป็นบาปอกุศลอันเรายังละไม่ได้ที่จะพึง
เป็นอันตรายแก่เรา ผู้ทำกาละในกลางวันไม่มี ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้มีปีติและปราโมทย์ หมั่นศึกษา
ทั้งกลางวันกลางคืนในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรณสติอันภิกษุเจริญแล้ว
อย่างนี้ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด ฯ

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 07:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


พระเถระเมื่อจะแสดงธรรม โดยมุ่งการตอบคำถามของนายโจรนั้น จึงได้กล่าวคาถา
เหล่านี้ความว่า
ดูกรนายโจร ทุกข์ทางใจย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ห่วงใยในชีวิต ความกลัวทั้ง
ปวงอันเราผู้สิ้นสังโยชน์ล่วงพ้นได้แล้ว เมื่อตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพสิ้น
ไปแล้ว ความกลัวตายในปัจจุบันมิได้มีด้วยประการใดประการหนึ่งเลย
ดุจบุรุษไม่กลัวความหนัก เพราะวางภาระแล้วฉะนั้น พรหมจรรย์เรา
ประพฤติดีแล้ว แม้มรรคเราก็อบรมดีแล้ว เราไม่มีความกลัวตายเหมือน
บุคคลไม่กลัวโรคเพราะโรคสิ้นไปแล้วฉะนั้น พรหมจรรย์เราประพฤติดี
แล้ว แม้มรรคเราก็อบรมดีแล้ว ภพทั้งหลายอันไม่น่ายินดีเราได้เห็นแล้ว
เหมือนบุคคลดื่มยาพิษแล้วคายทิ้งฉะนั้น บุคคลผู้ถึงฝั่งแห่งภพ ไม่มี
ความถือมั่น เสร็จกิจแล้ว หมดอาสวะ ย่อมยินดีต่อความสิ้นอายุเหมือน
บุคคลพ้นแล้วจากการถูกประหารฉะนั้น บุคคลผู้บรรลุธรรมอันสูงสุด
แล้ว ไม่มีความต้องการอะไรในโลกทั้งหมด ย่อมไม่เศร้าโศกในเวลา
ตาย ดุจบุคคลออกจากเรือนที่ถูกไฟไหม้ฉะนั้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งมีอยู่

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 07:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


๗. เรื่องธิดานายช่างหูก [๑๔๓]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในเจดีย์ชื่อว่าอัคคาฬวะ ทรงปรารภ
ธิดาของนายช่างหูกคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อนฺธภูโต อยํ
โลโก " เป็นต้น.
คนเจริญมรณสติไม่กลัวตาย
ความพิสดารว่า วันหนึ่ง พวกชาวเมืองอาฬวี เมื่อพระศาสดา
เสด็จถึงเมืองอาฬวีแล้ว ได้ทูลนิมนต์ถวายทานแล้ว. พระศาสดาเมื่อจะ
ทรงทำอนุโมทนาในเวลาเสร็จภัตกิจ จึงตรัสว่า " ท่านทั้งหลายจงเจริญ
มรณสติอย่างนี้ว่า ' ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน, ความตายของเราแน่นอน, เรา
พึงตายแน่แท้. ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด. ชีวิตของเราไม่เที่ยง.
ความตายเที่ยง; ก็มรณะอันชนทั้งหลายใดไม่เจริญแล้ว, ในกาลที่สุด
ชนทั้งหลายนั้น ย่อมถึงความสะดุ้ง ร้องอย่างขลาดกลัวอยู่ทำกาละ เหมือน
บุรุษเห็นอสรพิษแล้วกลัวฉะนั้น; ส่วนมรณะอันชนทั้งหลายใดเจริญแล้ว
ชนทั้งหลายนั้น ย่อมไม่สะดุ้งในกาลที่สุด
ดุจบุรุษเห็นอสรพิษแต่ไกล
เทียว แล้วก็เอาท่อนไม้เขี่ยทิ้งไปยืนอยู่ฉะนั้น; เพราะฉะนั้นมรณสติอัน
ท่านทั้งหลายพึงเจริญ. "
พระศาสดาเสด็จประทานโอวาทธิดาช่างหูก
พวกชนที่เหลือฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้เป็นผู้ขวนขวายใน
กิจของตนอย่างเดียว. ส่วนธิดาของนายช่างหูกอายุ ๑๖ ปีคนหนึ่ง คิดว่า
" โอ ธรรมดาถ้อยคำของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอัศจรรย์, เราเจริญมรณสติ


***** :b8: :b8: :b8:
มันตลกมั้ยละ ก็ากๆๆๆๆ :b32: :b32: :b29:
อย่าพึ่งเติมน้ำ ในแก้วที่เต็ม จะเสียเวลาและประโยชน์อันควร


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 08:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตลกตรงไหน..รึครับ...แบบไม่ทันมุก..นะ
s002


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนมีคนมาพูดในจิตว่าให้พิจารณา(นิมิต) ขันธ์5ไม่มีเรา เราไม่มีในขันธ์5 ถ้าจิตยอมรับได้เมื่อไหร่ เรื่องกลัวตายจะไม่เกิดกับผู้นั้น ความตายจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ สำหรับคุนน้องไม่ได้กลัวตายหรอกนะ แต่กลัวจะไม่มีคนดูแลลูก ลูกยังเล็กอยู่เลย
เพราะฉะนั้นคุนน้องจะไม่ยอมตายตอนนี้หรอก เพราะยังไม่หมดหน้าที่ ภาระกิจเยอะ 555 :b13:
rolleyes rolleyes


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 09:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นี้งัย.....คนเขาเห็นว่า..อะไรที่หน่วงจิต...ของเขาแล้ว...

:b17: :b17:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 09:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเห็น..ปมที่มัดใว้...ย่อมรู้ว่าหากจะไป..ต้องไปแก้ที่จุดไหน

รู้จุดก็ทำได้ไว...ไม่เสียเวลา...

บางที...ปมเขื่องแก้ได้...ปมเล็กปมน้อยอาจหลุดไปเอง...

:b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 09:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เชื่อหรือไม่.....

มีคนที่แก้อารมณ์โกรธเคือง....ด้วยการนำเรื่องที่พ่อบ้าน..มักเปิดน้ำแล้วลืมปิด...

ค้นหาสาเหตุของความโกรธเคือง...ถึงได้ทราบ...ว่าเกิดจาก..กลัวเสียเงิน...กลัวลำบาก...ที่สุดก็เพราะกลัวตาย...

เงินน้อย..ตายมั้ย?...เขาก็เห็นว่า..เงินน้อยก็ตาย
เงินมาก..ตายมั้ย?...เขาก็เห็นว่า..เงินมากก็ตาย..

เงินมากเงินน้อยก็ตาย...เขาคิดได้ว่า..แล้วเราจะไปโกรธทำไมให้ทุกข์..

เรานั่งฟังก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุ...
:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 09:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หาทุกข์ของท่านให้เจอ..เถอะ....แล้วพิจารณามันด้วยปัญญา...

:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร