วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
หากตายตอนนี้....อะไรที่หน่วงจิตของฝึกจิต..อยู่?
:b8:



หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ แต่หากตายจริง ก็ไม่รู้น่ะ ว่าจิตสุดท้ายจะเป็นอย่างไร จะปล่อยวางได้แค่ไหน ครับ :b12:

อาการแบบนี้เค้าเรียกว่า จิตปรุงแต่ง มีด้วยหรอที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย นอกจากฟุ้งซ่าน ถามตรงๆ ทำไมถึงคิดคิดว่าตนใกล้ตาย เป็นโรคมะเร็งหรอ หรือเป็นโรคร้ายแรง ที่คุนพูดมาคุนแค่ปรุงแต่งคิดไปเอง :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
หากตายตอนนี้....อะไรที่หน่วงจิตของฝึกจิต..อยู่?
:b8:



หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ แต่หากตายจริง ก็ไม่รู้น่ะ ว่าจิตสุดท้ายจะเป็นอย่างไร จะปล่อยวางได้แค่ไหน ครับ :b12:

อาการแบบนี้เค้าเรียกว่า จิตปรุงแต่ง มีด้วยหรอที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย นอกจากฟุ้งซ่าน ถามตรงๆ ทำไมถึงคิดคิดว่าตนใกล้ตาย เป็นโรคมะเร็งหรอ หรือเป็นโรคร้ายแรง ที่คุนพูดมาคุนแค่ปรุงแต่งคิดไปเอง :b6:


ท่านลองหายใจไม่ออก จุก กลืนน้ำลายก็ไม่ลง จนต้องหายใจทางปากอยู่นานๆเป็นชั้วโมงๆดูซิครับ (ปิดจมูกดูก็ได้ 5555)

ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ
ถ้ายังไม่บรรลุอรหันต์ ก็อย่ามาพูดเรื่องจิตไม่ปรุงแต่งครับ มันจะโชว์..... ครับ
และอีกอย่างใครจะไปรู้ว่าวินาทีไหน ที่ตายแน่นอน เฮ้อ!!!
ท่านอ่านพุทธพจน์ไม่เข้าใจหรือครับ พุทธองค์ ไม่ให้ ประมาท

:b8: onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตลกตรงไหน..รึครับ...แบบไม่ทันมุก..นะ
s002



มีคนตามท่านแล้วละครับ ท่านกบ เพราะ...

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
หากตายตอนนี้....อะไรที่หน่วงจิตของฝึกจิต..อยู่?
:b8:



หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ แต่หากตายจริง ก็ไม่รู้น่ะ ว่าจิตสุดท้ายจะเป็นอย่างไร จะปล่อยวางได้แค่ไหน ครับ :b12:

อาการแบบนี้เค้าเรียกว่า จิตปรุงแต่ง มีด้วยหรอที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย นอกจากฟุ้งซ่าน ถามตรงๆ ทำไมถึงคิดคิดว่าตนใกล้ตาย เป็นโรคมะเร็งหรอ หรือเป็นโรคร้ายแรง ที่คุนพูดมาคุนแค่ปรุงแต่งคิดไปเอง :b6:


ท่านลองหายใจไม่ออก จุก กลืนน้ำลายก็ไม่ลง จนต้องหายใจทางปากอยู่นานๆเป็นชั้วโมงๆดูซิครับ (ปิดจมูกดูก็ได้ 5555)

ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ
ถ้ายังไม่บรรลุอรหันต์ ก็อย่ามาพูดเรื่องจิตไม่ปรุงแต่งครับ มันจะโชว์..... ครับ
และอีกอย่างใครจะไปรู้ว่าวินาทีไหน ที่ตายแน่นอน เฮ้อ!!!
ท่านอ่านพุทธพจน์ไม่เข้าใจหรือครับ พุทธองค์ ไม่ให้ ประมาท

:b8: onion

พระพุทธองค์สอนไม่ให้ประมาทเรื่องความตาย พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้คิดว่าตัวเองจะต้องตายหรือใกล้ตาย
พระพุทธองค์สอนให้ มีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่สะดุ้งหวั่นไหว ถ้าความตายมาถึง แล้วผู้ที่ไม่ประมาท ย่อมเป็นผู้ที่ไม่ตายด้วยเวลาไม่สมควร ไม่ใช่มานั่งสมาธิกลัวว่าตัวเองจะตาย การกำหนดเอามรณานุสติมาเป็นอารมณ์เพื่อให้เกิดปัญญา ไม่ประมาท ใช้เหตุใช้ผล ไม่ใช่มาระลึกว่ากลัวว่าตัวเองใกล้ตาย เหมือนท่าน :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
๗. เรื่องธิดานายช่างหูก [๑๔๓]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในเจดีย์ชื่อว่าอัคคาฬวะ ทรงปรารภ
ธิดาของนายช่างหูกคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อนฺธภูโต อยํ
โลโก " เป็นต้น.
คนเจริญมรณสติไม่กลัวตาย
ความพิสดารว่า วันหนึ่ง พวกชาวเมืองอาฬวี เมื่อพระศาสดา
เสด็จถึงเมืองอาฬวีแล้ว ได้ทูลนิมนต์ถวายทานแล้ว. พระศาสดาเมื่อจะ
ทรงทำอนุโมทนาในเวลาเสร็จภัตกิจ จึงตรัสว่า " ท่านทั้งหลายจงเจริญ
มรณสติอย่างนี้ว่า ' ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน, ความตายของเราแน่นอน, เรา
พึงตายแน่แท้. ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด. ชีวิตของเราไม่เที่ยง.
ความตายเที่ยง; ก็มรณะอันชนทั้งหลายใดไม่เจริญแล้ว, ในกาลที่สุด
ชนทั้งหลายนั้น ย่อมถึงความสะดุ้ง ร้องอย่างขลาดกลัวอยู่ทำกาละ เหมือน
บุรุษเห็นอสรพิษแล้วกลัวฉะนั้น; ส่วนมรณะอันชนทั้งหลายใดเจริญแล้ว
ชนทั้งหลายนั้น ย่อมไม่สะดุ้งในกาลที่สุด
ดุจบุรุษเห็นอสรพิษแต่ไกล
เทียว แล้วก็เอาท่อนไม้เขี่ยทิ้งไปยืนอยู่ฉะนั้น; เพราะฉะนั้นมรณสติอัน
ท่านทั้งหลายพึงเจริญ. "
พระศาสดาเสด็จประทานโอวาทธิดาช่างหูก
พวกชนที่เหลือฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้เป็นผู้ขวนขวายใน
กิจของตนอย่างเดียว. ส่วนธิดาของนายช่างหูกอายุ ๑๖ ปีคนหนึ่ง คิดว่า
" โอ ธรรมดาถ้อยคำของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอัศจรรย์, เราเจริญมรณสติ


***** :b8: :b8: :b8:
มันตลกมั้ยละ ก็ากๆๆๆๆ :b32: :b32: :b29:
อย่าพึ่งเติมน้ำ ในแก้วที่เต็ม จะเสียเวลาและประโยชน์อันควร

ฮ๋า..ฮ่า...ฮ่า จขกทน่ารักน่าเอ็นดูจังเลย เหมือนเด็กกำลังคิดว่าตัวตอบอะไรได้
ผู้ใหญ่จะให้รางวัลเป็นอมยิ้ม

นี้ขนาดเอาอรรถกถามาอ้าง แทนที่จะเข้าใจในสิ่งที่ตัวอ้าง แต่ที่ไหนได้เป็นแค่
คำว่า "คนเจริญมรณะสติไม่กลัวตาย" ก็ดีใจจนลืมตัว

เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกให้รู้ว่า เจ้าตัวไม่รู้จักพิจารณาธรรม
ขาดซึ่งสติสัมปชัญญะในการพิจารณาธรรม

จขกทครับ เห็นสอนคนเขาป่าวๆให้เจริญสติปัสฐานสี่
แต่เท่าที่ดูมา เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องกระบวนการขันธ์ห้า
เรื่องแม้กระทั้ง สภาวะที่เป็นสติ จขกทก็ยังไม่เข้าใจ


การอ่านพระธรรมเราต้องอ่านและพิจารณาตามไปด้วยทุกตัวอักษร
เพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านจะเน้นเหตุปัจจัย เนื้อหาในพระธรรม
ในแต่ละคำพูดมันจะเป็นเหตุปัจจัยแก่กัน ผมมักเน้นบ่อยๆว่า การพิจารณาธรรม
ต้องมีสติและสมาธิ อีกทั้งต้องอาศัยอารมณ์ปรมัตถ์เป็นหลักในการพิจารณาธรรม

คำว่าไม่กลัวตาย มันเป็นสมมุติบัญญัติ ที่อรรถกถาจารย์เขาต้องให้ความหมาย
ไว้อย่างนั้นเพื่อ ให้ปุถุชนที่ยังไม่เคยเห็นสภาวะไตรลักษณ์ หรือสภาวะตามความเป็นจริง
มีหลักยึด ซึ่งเป็นการชั่วคราว แต่ต่อเมื่อได้เห็นสภาวะไตรลักษณ์แล้ว ก็จะเข้าใจเอง

และในความเป็นจริงสิ่งที่รู้สึกมันเป็นเพียงสังขาร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เกิดขึ้น ตั้ง อยู่และดับไป และการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป มันไม่ได้หมายถึงชีวิต
หรือความตาย

แต่เขาหมายถึงการปรุงแต่งหรือสังขาร สิ่งที่ว่ามันเกิดดับตลอดเวลา
สังขารมันตรงข้ามกับชีวิตหรือความตาย ชีวิตหรือความตายเป็นของเที่ยง
ความตายไม่มีลักษณะอนิจจัง


หิวข้าว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เอกอนเคยไปประสบอุบัติเหตุขับรถกระโจนลงน้ำ
จังหวะที่รถเสียหลักและพุ่ง เป็นเวลาที่สั้นมาก (นับเป็นวินาที)
สิ่งที่เห็นจะเข้ามาเป็นช๊อต ๆ (อย่างไวนับเป็นวินาทีเช่นกัน)

1. รู้ - เราไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์อะไร ๆ ได้แล้ว
2. สติ - มาอยู่ที่ ใจ (แล้วแต่ใครจะถนัด)
3. รู้ - จุดที่จะกระทบและโอกาสที่จะเป็นไป (เจ็บ ถึง ตาย ได้)
4. สติ - ตัดกังวล กลับมาอยู่ที่ใจ
5. รู้ - เห็นภาพแม่ - พี่ เข้ามาในทัศนะ
6. สติ - ตัดกังวล กลับมาอยู่ที่ ใจ

เมื่อลงสู่ภาคพื้น(น้ำ)
ก็ทำความรู้สึกตัวสำรวจสภาวะทั่วทั้งกาย/ใจ
ปรากฎว่า หัวใจเต้นปกติ สติตื่นรู้ชัดเจน ไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน
จังหวะแรกผ่านไปแล้ว
ก็รู้สึกตัวว่าพร้อมที่จะเข้าสู่จังหวะที่สองที่จะต้องเผชิญหน้าต่อทันที
ถ้าออกจากรถไม่ได้ เราจะเข้าสู่กระบวนการตายด้วยอากาศหายใจ จมน้ำตาย
1. รู้ - โอกาสการตายที่อาจจะเป็นไป
2. สติ - ดึงกลับมาที่ปัจจุบันให้มากที่สุด อยู่ที่ใจ
เพื่อเผชิญหน้ากับเวทนาทุกขณะ อย่างยิ่งยวดชนิดที่รัดเข็มขัดอย่างแน่นเต็มพิกัด
ความฟุ้งซ่านไม่มีโอกาสเร็ดรอดเข้ามาเลย
3. รู้ - ประตู หน้าต่างเปิดไม่ได้ น้ำกำลังเข้ามา
4. สติ - ยังคงแจ่มชัด
5. รู้ - มีประตูด้านหลังที่เป็นระบบ lock ที่เปิดได้ด้วยมือ
เคลื่อนตัวออกจากเก้าอี้ปีนไปออกทางประตูหลังทันที

จนกระทั่งมายืนอยู่บนบก ทุกอย่างผ่านไปเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
หัวใจเต้นปกติ อารมณ์ เห็นความเด็ดเดี่ยว สงบ นิ่ง เยือกเย็น สติแจ่มชัด
อะไร ๆ อยู่ในการควบคุมได้มากกว่าช่วงเวลาทั่ว ๆ ไป
จึงได้ค่อย ๆ ย้อนกลับไปทบทวนสิ่งที่ผ่านมา
ราวกับว่า ชีวิตช่วงนั้น มันไม่ได้อยู่ในอุ้งมือเรา
แต่มันอยู่ในอุ้งมือของ ศักยภาพของบางสิ่งที่เหนือกว่าความคิดจะเอื้อมไปถึง
เห็น ... ว่าสิ่งนั้นคือ อะไร
รู้สึก ... แต่ไม่มีคำอธิบาย

----------------

เราเสียเวลาไปกับภาพหลอนแห่งความตายมากกว่าเวลาที่เราจะเผชิญหน้ากับมันจริง ๆ

และการอยู่บนช่วงเวลาอันคาบเกี่ยว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ถ้า...วางจิตให้อยู่เหนือเวทนาที่ปรากฎ...ได้
ถ้า...พาจิตเข้าไปสู่พื้นที่ อันสันติ ได้
(ต้องใช้คำนี้ เขตสันติ เพราะไม่รู้ว่าตำราจะมีการเขียนสิ่งนี้ไว้ว่าอย่างไร)
เราจะเห็น สิ่งที่กระทำ ที่ไม่ใช่เรา ชัดเจน
แต่เป็นศักยภาพสูงสุดแห่ง จิตวิญญาณ ที่จะเป็นไป

----------------

ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เอกอนเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาอันคาบเกี่ยวในลักษณะนี้
และก็ได้ทบทวนสภาวะทุกครั้ง

ก็จะเห็นช่วงจังหวะที่จิตแว๊บไปหาสิ่งที่ เป็นเครื่องผูกอยู่

แม้จะแว๊บไปเพียบแว๊บเดียวและ ตัดกังวลได้แทบจะทันทีก็ตาม

แต่นั่นก็คือ ภพ

เพียงแค่แว๊บเดียว การก้าวลงสู่ภพ ก็เป็นเรื่องที่ .. :b7: ..

:b41: :b41: :b41:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 11 ก.ค. 2012, 13:00, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ

ท่านฝึกจิตคงไม่เคยมีประสบการณ์เลยไม่รู้ว่าเวลาคนใกล้ตายมันเป็นยังไง อยากให้เจออาการแบบดิฉันบ้างจริงๆ
คนที่เป็นลมแล้วหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เขาไม่มีเวลามาปรุงแต่งด้วยซ้ำ แต่มันคือสภาวะที่เราต้องเผชิญอยู่
ส่วนที่ท่านบอกว่าท่านใกล้จะตาย ท่านมีอาการยังงัยหรือแค่คิดว่าใกล้ตายเฉยๆ? ดิฉันจะบอกให้นะ คนอย่างดิฉันถ้าไม่ทรมานจริงๆคงไม่หมดสติง่ายๆ ขนาดคลอดลูก ยังคลอดแบบธรรมชาติ ปวดท้องคลอดลูกน่าจะรู้นะว่าทรมานแค่ไหนดิฉันยังเบ่งออกแปบเดียว ถามเมียท่านดู คลอดลูกทรมานไหมคลอดธรรมชาตินะ แค่คลอดลูกก็เฉียดตายแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของอาการ หน้ามืด แน่นหน้าอกจุกหายใจไม่ออก ปวดท้องบิด น้ำลายเริ่มตีขึ้นทางปาก เหงื่อออกเต็มหัว หายใจไม่ออก จนหมดสติ มันจะเอาเวลาที่ไหนมาปรุงแต่ง ท่านฝึกจิตน่าจะลองเจอสภาวะแบบดิฉันดูบ้างนะ เผื่อจะได้เข้าใจอะไรง่ายๆกว่านี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ

ท่านฝึกจิตคงไม่เคยมีประสบการณ์เลยไม่รู้ว่าเวลาคนใกล้ตายมันเป็นยังไง อยากให้เจออาการแบบดิฉันบ้างจริงๆ
คนที่เป็นลมแล้วหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เขาไม่มีเวลามาปรุงแต่งด้วยซ้ำ แต่มันคือสภาวะที่เราต้องเผชิญอยู่
ส่วนที่ท่านบอกว่าท่านใกล้จะตาย ท่านมีอาการยังงัยหรือแค่คิดว่าใกล้ตายเฉยๆ? ดิฉันจะบอกให้นะ คนอย่างดิฉันถ้าไม่ทรมานจริงๆคงไม่หมดสติง่ายๆ ขนาดคลอดลูก ยังคลอดแบบธรรมชาติ ปวดท้องคลอดลูกน่าจะรู้นะว่าทรมานแค่ไหนดิฉันยังเบ่งออกแปบเดียว ถามเมียท่านดู คลอดลูกทรมานไหมคลอดธรรมชาตินะ แค่คลอดลูกก็เฉียดตายแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของอาการ หน้ามืด แน่นหน้าอกจุกหายใจไม่ออก ปวดท้องบิด น้ำลายเริ่มตีขึ้นทางปาก เหงื่อออกเต็มหัว หายใจไม่ออก จนหมดสติ มันจะเอาเวลาที่ไหนมาปรุงแต่ง ท่านฝึกจิตน่าจะลองเจอสภาวะแบบดิฉันดูบ้างนะ เผื่อจะได้เข้าใจอะไรง่ายๆกว่านี้



แล้วใครเป็นคนบอกว่า อิฉาน ใกล้จะตายแย้ว นั้นมันไม่ปรุงแต่งหรือ ก๊ากกกกกก :b8:

ฉานเก่งที่สุดแย้ว ก๊ากกกก

พอดีกว่า วันนี้นันทิ หยังลง หลาย 55555555555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ

ท่านฝึกจิตคงไม่เคยมีประสบการณ์เลยไม่รู้ว่าเวลาคนใกล้ตายมันเป็นยังไง อยากให้เจออาการแบบดิฉันบ้างจริงๆ
คนที่เป็นลมแล้วหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เขาไม่มีเวลามาปรุงแต่งด้วยซ้ำ แต่มันคือสภาวะที่เราต้องเผชิญอยู่
ส่วนที่ท่านบอกว่าท่านใกล้จะตาย ท่านมีอาการยังงัยหรือแค่คิดว่าใกล้ตายเฉยๆ? ดิฉันจะบอกให้นะ คนอย่างดิฉันถ้าไม่ทรมานจริงๆคงไม่หมดสติง่ายๆ ขนาดคลอดลูก ยังคลอดแบบธรรมชาติ ปวดท้องคลอดลูกน่าจะรู้นะว่าทรมานแค่ไหนดิฉันยังเบ่งออกแปบเดียว ถามเมียท่านดู คลอดลูกทรมานไหมคลอดธรรมชาตินะ แค่คลอดลูกก็เฉียดตายแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของอาการ หน้ามืด แน่นหน้าอกจุกหายใจไม่ออก ปวดท้องบิด น้ำลายเริ่มตีขึ้นทางปาก เหงื่อออกเต็มหัว หายใจไม่ออก จนหมดสติ มันจะเอาเวลาที่ไหนมาปรุงแต่ง ท่านฝึกจิตน่าจะลองเจอสภาวะแบบดิฉันดูบ้างนะ เผื่อจะได้เข้าใจอะไรง่ายๆกว่านี้



แล้วใครเป็นคนบอกว่า อิฉาน ใกล้จะตายแย้ว นั้นมันไม่ปรุงแต่งหรือ ก๊ากกกกกก :b8:

ฉานเก่งที่สุดแย้ว ก๊ากกกก

พอดีกว่า วันนี้นันทิ หยังลง หลาย 55555555555

งั้นช่วยอธิบายประโยคนี้หน่อยสิ ว่าปรุงแต่งมั้ย
อ้างคำพูด:
หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ

ประโยคนี้เขาเรียกว่า คนขี้โม้ 555+


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 12:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ

ท่านฝึกจิตคงไม่เคยมีประสบการณ์เลยไม่รู้ว่าเวลาคนใกล้ตายมันเป็นยังไง อยากให้เจออาการแบบดิฉันบ้างจริงๆ
คนที่เป็นลมแล้วหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เขาไม่มีเวลามาปรุงแต่งด้วยซ้ำ แต่มันคือสภาวะที่เราต้องเผชิญอยู่
ส่วนที่ท่านบอกว่าท่านใกล้จะตาย ท่านมีอาการยังงัยหรือแค่คิดว่าใกล้ตายเฉยๆ? ดิฉันจะบอกให้นะ คนอย่างดิฉันถ้าไม่ทรมานจริงๆคงไม่หมดสติง่ายๆ ขนาดคลอดลูก ยังคลอดแบบธรรมชาติ ปวดท้องคลอดลูกน่าจะรู้นะว่าทรมานแค่ไหนดิฉันยังเบ่งออกแปบเดียว ถามเมียท่านดู คลอดลูกทรมานไหมคลอดธรรมชาตินะ แค่คลอดลูกก็เฉียดตายแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของอาการ หน้ามืด แน่นหน้าอกจุกหายใจไม่ออก ปวดท้องบิด น้ำลายเริ่มตีขึ้นทางปาก เหงื่อออกเต็มหัว หายใจไม่ออก จนหมดสติ มันจะเอาเวลาที่ไหนมาปรุงแต่ง ท่านฝึกจิตน่าจะลองเจอสภาวะแบบดิฉันดูบ้างนะ เผื่อจะได้เข้าใจอะไรง่ายๆกว่านี้



แล้วใครเป็นคนบอกว่า อิฉาน ใกล้จะตายแย้ว นั้นมันไม่ปรุงแต่งหรือ ก๊ากกกกกก :b8:

ฉานเก่งที่สุดแย้ว ก๊ากกกก

พอดีกว่า วันนี้นันทิ หยังลง หลาย 55555555555

งั้นช่วยอธิบายประโยคนี้หน่อยสิ ว่าปรุงแต่งมั้ย
อ้างคำพูด:
หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ

ประโยคนี้เขาเรียกว่า คนขี้โม้ 555+


อีกนิดนะ :b12:

ใครขี้โม้หรือมั้ย รู้แก่ใจกันทุกคน จะยกหางตัวเองชูขึ้นสูงแค่ไหน ก็ตามแต่ ครับ
บางคนขี้โม แบบ ตามทันก็ยังมีนะครับ บอกคนอื่นป่าวๆ ว่าเจอมากลับตัวไม่เคยได้อ่านธรรมบ้าง แต่อีกที่นึงบอกอีกอย่าง เข้าเรียก อารายหว้า ...แ.. มั้ยหนอ
มันมีเยอะพวกที่หลงตัวเอง โง่ให้จิต หลอกหลงเข้าไปในกระแส นั้นอยู่ตลอดเวลา
รวมท้ังผมด้วย 5555555555 :b12: :b12: :b12:
ไม่เห็นตนเอง ก็อย่าหวังว่าจะเห็นธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 13:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
๗. เรื่องธิดานายช่างหูก [๑๔๓]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในเจดีย์ชื่อว่าอัคคาฬวะ ทรงปรารภ
ธิดาของนายช่างหูกคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อนฺธภูโต อยํ
โลโก " เป็นต้น.
คนเจริญมรณสติไม่กลัวตาย
ความพิสดารว่า วันหนึ่ง พวกชาวเมืองอาฬวี เมื่อพระศาสดา
เสด็จถึงเมืองอาฬวีแล้ว ได้ทูลนิมนต์ถวายทานแล้ว. พระศาสดาเมื่อจะ
ทรงทำอนุโมทนาในเวลาเสร็จภัตกิจ จึงตรัสว่า " ท่านทั้งหลายจงเจริญ
มรณสติอย่างนี้ว่า ' ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน, ความตายของเราแน่นอน, เรา
พึงตายแน่แท้. ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด. ชีวิตของเราไม่เที่ยง.
ความตายเที่ยง; ก็มรณะอันชนทั้งหลายใดไม่เจริญแล้ว, ในกาลที่สุด
ชนทั้งหลายนั้น ย่อมถึงความสะดุ้ง ร้องอย่างขลาดกลัวอยู่ทำกาละ เหมือน
บุรุษเห็นอสรพิษแล้วกลัวฉะนั้น; ส่วนมรณะอันชนทั้งหลายใดเจริญแล้ว
ชนทั้งหลายนั้น ย่อมไม่สะดุ้งในกาลที่สุด
ดุจบุรุษเห็นอสรพิษแต่ไกล
เทียว แล้วก็เอาท่อนไม้เขี่ยทิ้งไปยืนอยู่ฉะนั้น; เพราะฉะนั้นมรณสติอัน
ท่านทั้งหลายพึงเจริญ. "
พระศาสดาเสด็จประทานโอวาทธิดาช่างหูก
พวกชนที่เหลือฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้เป็นผู้ขวนขวายใน
กิจของตนอย่างเดียว. ส่วนธิดาของนายช่างหูกอายุ ๑๖ ปีคนหนึ่ง คิดว่า
" โอ ธรรมดาถ้อยคำของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอัศจรรย์, เราเจริญมรณสติ


***** :b8: :b8: :b8:
มันตลกมั้ยละ ก็ากๆๆๆๆ :b32: :b32: :b29:
อย่าพึ่งเติมน้ำ ในแก้วที่เต็ม จะเสียเวลาและประโยชน์อันควร

ฮ๋า..ฮ่า...ฮ่า จขกทน่ารักน่าเอ็นดูจังเลย เหมือนเด็กกำลังคิดว่าตัวตอบอะไรได้
ผู้ใหญ่จะให้รางวัลเป็นอมยิ้ม

นี้ขนาดเอาอรรถกถามาอ้าง แทนที่จะเข้าใจในสิ่งที่ตัวอ้าง แต่ที่ไหนได้เป็นแค่
คำว่า "คนเจริญมรณะสติไม่กลัวตาย" ก็ดีใจจนลืมตัว

เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกให้รู้ว่า เจ้าตัวไม่รู้จักพิจารณาธรรม
ขาดซึ่งสติสัมปชัญญะในการพิจารณาธรรม

จขกทครับ เห็นสอนคนเขาป่าวๆให้เจริญสติปัสฐานสี่
แต่เท่าที่ดูมา เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องกระบวนการขันธ์ห้า
เรื่องแม้กระทั้ง สภาวะที่เป็นสติ จขกทก็ยังไม่เข้าใจ


การอ่านพระธรรมเราต้องอ่านและพิจารณาตามไปด้วยทุกตัวอักษร
เพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านจะเน้นเหตุปัจจัย เนื้อหาในพระธรรม
ในแต่ละคำพูดมันจะเป็นเหตุปัจจัยแก่กัน ผมมักเน้นบ่อยๆว่า การพิจารณาธรรม
ต้องมีสติและสมาธิ อีกทั้งต้องอาศัยอารมณ์ปรมัตถ์เป็นหลักในการพิจารณาธรรม

คำว่าไม่กลัวตาย มันเป็นสมมุติบัญญัติ ที่อรรถกถาจารย์เขาต้องให้ความหมาย
ไว้อย่างนั้นเพื่อ ให้ปุถุชนที่ยังไม่เคยเห็นสภาวะไตรลักษณ์ หรือสภาวะตามความเป็นจริง
มีหลักยึด ซึ่งเป็นการชั่วคราว แต่ต่อเมื่อได้เห็นสภาวะไตรลักษณ์แล้ว ก็จะเข้าใจเอง

และในความเป็นจริงสิ่งที่รู้สึกมันเป็นเพียงสังขาร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เกิดขึ้น ตั้ง อยู่และดับไป และการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป มันไม่ได้หมายถึงชีวิต
หรือความตาย

แต่เขาหมายถึงการปรุงแต่งหรือสังขาร สิ่งที่ว่ามันเกิดดับตลอดเวลา
สังขารมันตรงข้ามกับชีวิตหรือความตาย ชีวิตหรือความตายเป็นของเที่ยง
ความตายไม่มีลักษณะอนิจจัง


หิวข้าว :b32:


ท่านนี้สุดยอดจริงๆๆ 5555 ขนาดเอาพุทธพจน์มา กางให้ดูขนาดนี้แล้วยัง........

ชาวเมืองคงเข้าใจ อย่างที่ท่านว่า กระมัง 5555

อย่าสีซอให้ควาย อย่างผมฟังเลย ครับ แล้วแต่จะปรุงแต่งกันไป 55555

:b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 13:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนสภาวะที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเรากำลังดิ่งลงสู่ความตาย โดยมีอาการแสดงทางกาย(บีบเค้น)ด้วย
ตอนที่เจอ ตอนนั้นยังเด็ก
จะสังเกตว่า จิตเรามันคอยจะออกไปไขว่คว้าหาที่ยื้อยุด
เห็นภาพพ่อ-แม่-พี่ คิดถึงคำอำลา
และก็ตัดกลับมาอยู่กับเวทนาที่ปรากฎ

อารมณ์ที่ปรากฎที่ละ step ตอนนั้น
หลายอย่างมาก มันมีแรงผลักดันที่เราพยายามต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป
คือตอนนั้นเรายังไม่ยอมรับการที่จะจากไปด้วยลักษณะนี้ เวลานี้
แต่มันก็เหมือนกับ เราตกลงไปในบ่อน้ำมัน
และมีเชือกหย่อนลงมา แต่เชือกนั้นก็ชุ่มไปด้วยน้ำมัน
พยายามจะคว้า เส้นนั้นก็แล้ว เส้นนี้ก็แล้ว มันก็ลื่น
เราไม่อาจจะฉุดตัวเองขึ้นมาจากหลุมนั้นได้ จนมันล้า มันหมดหวังที่จะยื้อยุดต่อไป

เหมือนเราจะพยายามตะเกียดตะกายจนที่สุดแล้ว
เมื่อเราเห็นว่าไม่มีหนทางใดจะนำพาให้ขึ้นจากบ่อได้

เราก็ตัดกังวล ทำสติรู้ลงตรงใจ (ฐาน)

และ อยู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างเคลื่อนตัวอย่างมีกำลังอยู่ภายใน
และ...ทุกอย่างก็ค่อย ๆ คลี่คลาย

:b6:

คือ ก็เป็นประสบการณ์ที่ว่า
ถ้าเราเจอสภาวะใกล้เคียงนี้อีก
ก็จะพยายาม ให้จิตอยู่ที่ฐาน น่ะ

:b41: :b41: :b41:

ราวกับว่า เป็นที่ที่พญามาร/พญามัจจุราช...ทำงานไม่ค่อยถนัด :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ

ท่านฝึกจิตคงไม่เคยมีประสบการณ์เลยไม่รู้ว่าเวลาคนใกล้ตายมันเป็นยังไง อยากให้เจออาการแบบดิฉันบ้างจริงๆ
คนที่เป็นลมแล้วหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เขาไม่มีเวลามาปรุงแต่งด้วยซ้ำ แต่มันคือสภาวะที่เราต้องเผชิญอยู่
ส่วนที่ท่านบอกว่าท่านใกล้จะตาย ท่านมีอาการยังงัยหรือแค่คิดว่าใกล้ตายเฉยๆ? ดิฉันจะบอกให้นะ คนอย่างดิฉันถ้าไม่ทรมานจริงๆคงไม่หมดสติง่ายๆ ขนาดคลอดลูก ยังคลอดแบบธรรมชาติ ปวดท้องคลอดลูกน่าจะรู้นะว่าทรมานแค่ไหนดิฉันยังเบ่งออกแปบเดียว ถามเมียท่านดู คลอดลูกทรมานไหมคลอดธรรมชาตินะ แค่คลอดลูกก็เฉียดตายแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของอาการ หน้ามืด แน่นหน้าอกจุกหายใจไม่ออก ปวดท้องบิด น้ำลายเริ่มตีขึ้นทางปาก เหงื่อออกเต็มหัว หายใจไม่ออก จนหมดสติ มันจะเอาเวลาที่ไหนมาปรุงแต่ง ท่านฝึกจิตน่าจะลองเจอสภาวะแบบดิฉันดูบ้างนะ เผื่อจะได้เข้าใจอะไรง่ายๆกว่านี้



แล้วใครเป็นคนบอกว่า อิฉาน ใกล้จะตายแย้ว นั้นมันไม่ปรุงแต่งหรือ ก๊ากกกกกก :b8:

ฉานเก่งที่สุดแย้ว ก๊ากกกก

พอดีกว่า วันนี้นันทิ หยังลง หลาย 55555555555

งั้นช่วยอธิบายประโยคนี้หน่อยสิ ว่าปรุงแต่งมั้ย
อ้างคำพูด:
หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ

ประโยคนี้เขาเรียกว่า คนขี้โม้ 555+


อีกนิดนะ :b12:

ใครขี้โม้หรือมั้ย รู้แก่ใจกันทุกคน จะยกหางตัวเองชูขึ้นสูงแค่ไหน ก็ตามแต่ ครับ
บางคนขี้โม แบบ ตามทันก็ยังมีนะครับ บอกคนอื่นป่าวๆ ว่าเจอมากลับตัวไม่เคยได้อ่านธรรมบ้าง แต่อีกที่นึงบอกอีกอย่าง เข้าเรียก อารายหว้า ...แ.. มั้ยหนอ
มันมีเยอะพวกที่หลงตัวเอง โง่ให้จิต หลอกหลงเข้าไปในกระแส นั้นอยู่ตลอดเวลา
รวมท้ังผมด้วย 5555555555 :b12: :b12: :b12:
ไม่เห็นตนเอง ก็อย่าหวังว่าจะเห็นธรรม

555 อยากด่าคนอื่นว่า ตอแหล แต่ไม่กล้า คนที่เขาขี้โม้แต่พูดเรื่องจริงก็ดีกว่า ขี้โม้แต่มุสาแถมขี้ขลาด ปฏิบัติไม่เข้าถึงแต่ก็พูดพร่ำทำเพลง เป้นลิเก ฟังแล้วก็ตลก ปากบอกสารภาพบาป ตั้งกระทู้เชิญชวนผู้อื่นสารภาพบาปเช่นตน แต่กลับไม่ละอายใจในการกระทำของตน ยังงัยก็ขอให้ได้ตายสมใจอยากนะ เหมือนกระทู้ของฝึกจิตที่บอกว่าปฏิบัติใกล้ตายต้องทำอย่างไร :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 13:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ถูกครับ จิตมันปรุงแต่ง เพราะยังมีอวิชชา จิตจึงยังปรุงแต่ง อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้นแหละครับ ทุกกรณีล้วนปรุงแต่ง แค่เป็นลม แล้วคิดว่าเฉียดตาย ก็ปรุงแต่งครับ

ท่านฝึกจิตคงไม่เคยมีประสบการณ์เลยไม่รู้ว่าเวลาคนใกล้ตายมันเป็นยังไง อยากให้เจออาการแบบดิฉันบ้างจริงๆ
คนที่เป็นลมแล้วหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เขาไม่มีเวลามาปรุงแต่งด้วยซ้ำ แต่มันคือสภาวะที่เราต้องเผชิญอยู่
ส่วนที่ท่านบอกว่าท่านใกล้จะตาย ท่านมีอาการยังงัยหรือแค่คิดว่าใกล้ตายเฉยๆ? ดิฉันจะบอกให้นะ คนอย่างดิฉันถ้าไม่ทรมานจริงๆคงไม่หมดสติง่ายๆ ขนาดคลอดลูก ยังคลอดแบบธรรมชาติ ปวดท้องคลอดลูกน่าจะรู้นะว่าทรมานแค่ไหนดิฉันยังเบ่งออกแปบเดียว ถามเมียท่านดู คลอดลูกทรมานไหมคลอดธรรมชาตินะ แค่คลอดลูกก็เฉียดตายแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของอาการ หน้ามืด แน่นหน้าอกจุกหายใจไม่ออก ปวดท้องบิด น้ำลายเริ่มตีขึ้นทางปาก เหงื่อออกเต็มหัว หายใจไม่ออก จนหมดสติ มันจะเอาเวลาที่ไหนมาปรุงแต่ง ท่านฝึกจิตน่าจะลองเจอสภาวะแบบดิฉันดูบ้างนะ เผื่อจะได้เข้าใจอะไรง่ายๆกว่านี้



แล้วใครเป็นคนบอกว่า อิฉาน ใกล้จะตายแย้ว นั้นมันไม่ปรุงแต่งหรือ ก๊ากกกกกก :b8:

ฉานเก่งที่สุดแย้ว ก๊ากกกก

พอดีกว่า วันนี้นันทิ หยังลง หลาย 55555555555

งั้นช่วยอธิบายประโยคนี้หน่อยสิ ว่าปรุงแต่งมั้ย
อ้างคำพูด:
หลายครั้ง ตอนที่คิดว่าตัวเองใกล้ตาย ก็พยายามทำตามที่กล่าวมาข้างตน ไม่เห็นไม่คิดอย่างอื่นอีก นอกจากลมหายใจสลับกับ เดินสติปัฏฐาน4 ครับ

ประโยคนี้เขาเรียกว่า คนขี้โม้ 555+


อีกนิดนะ :b12:

ใครขี้โม้หรือมั้ย รู้แก่ใจกันทุกคน จะยกหางตัวเองชูขึ้นสูงแค่ไหน ก็ตามแต่ ครับ
บางคนขี้โม แบบ ตามทันก็ยังมีนะครับ บอกคนอื่นป่าวๆ ว่าเจอมากลับตัวไม่เคยได้อ่านธรรมบ้าง แต่อีกที่นึงบอกอีกอย่าง เข้าเรียก อารายหว้า ...แ.. มั้ยหนอ
มันมีเยอะพวกที่หลงตัวเอง โง่ให้จิต หลอกหลงเข้าไปในกระแส นั้นอยู่ตลอดเวลา
รวมท้ังผมด้วย 5555555555 :b12: :b12: :b12:
ไม่เห็นตนเอง ก็อย่าหวังว่าจะเห็นธรรม

555 อยากด่าคนอื่นว่า ตอแหล แต่ไม่กล้า คนที่เขาขี้โม้แต่พูดเรื่องจริงก็ดีกว่า ขี้โม้แต่มุสาแถมขี้ขลาด ปฏิบัติไม่เข้าถึงแต่ก็พูดพร่ำทำเพลง เป้นลิเก ฟังแล้วก็ตลก ปากบอกสารภาพบาป ตั้งกระทู้เชิญชวนผู้อื่นสารภาพบาปเช่นตน แต่กลับไม่ละอายใจในการกระทำของตน ยังงัยก็ขอให้ได้ตายสมใจอยากนะ เหมือนกระทู้ของฝึกจิตที่บอกว่าปฏิบัติใกล้ตายต้องทำอย่างไร :b32:


พุทโธ เอ่ย อายไม่อายรู้แก่ใจตน นั้นแหละ ไม่ใช่ที่ใครจะยัดเยียดให้ดอก 5555
เอารู้ตัวด้วย 55555 แต่ก็ขอบคุณครับ
:b35: :b35: :b35: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ชีวิตช่วงนั้น มันไม่ได้อยู่ในอุ้งมือเรา
แต่มันอยู่ในอุ้งมือของ ศักยภาพของบางสิ่งที่เหนือกว่าความคิดจะเอื้อมไปถึง
เห็น ... ว่าสิ่งนั้นคือ อะไร
รู้สึก ... แต่ไม่มีคำอธิบาย

:b20: ลึกซึ้ง..เข้าถึง
:b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร