ตามที่ตำรวจพูดเลยครับ รอหลักฐานเพิ่มเติม พระอาจจะต้องบอกว่าพยานที่พูดคุยวันนั้น พอจะบอกได้ไหมว่ามีใครบ้าง เป็นคนแปลกหน้า หรือเป็นคนบริเวณนั้น หรือฟังจากเสียงแล้วไม่รู้จักใครเลย แล้ว ในวัดนั้น มีพระดูหมอจริงหรือปล่าว ถ้าดูหมอกันจริงๆ ไปรู้จัก นัดดูหมอตั้งแต่เมื่อไหร่ ในวัดมีพระกี่รูป บริเวณติดเขตกับอะไร พระรู้จักกับผู้หญิงไหม หรือว่าผู้หญิงไม่ใช่คนแถวนั้น หรือว่าเป็นคนแถวนั้นมาทำบุญเป็นประจำจึงรู้ว่ามีพระดูหมอ หรือผู้หญิงมากับรุ่นพี่ที่รู้จักพระ แต่ตัวเองไม่รู้จัก แล้วทำไมมีชาวบ้านกรูออกมาช่วงที่เกิดเหตุ

ลองเป็น csi ดู ไม่รู้จะสอบตกตั้งแต่คำแรกหรือปล่าว

คุณครับ ที่คุณยกคำพูดคุณกะลามาบอกว่า แล้วบอกว่าเขาตอบแล้ว
มันไม่ใช่คำตอบครับ มันก็แค่อาการยกตนข่มท่าน ด้วยการยืมมือใช้ธรรมะครับ

เรื่องการที่ต้องการเข้าสู่ถนนบรรลุธรรม แล้วบอกไม่กล้าออกความเห็น
พูดแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ถ้าคิดแบบนี้มันต้องไม่แสดงความเห็นแต่ต้นครับ
ไม่ใช่มาแสดงความเห็นในลักษณะ ไปไหนมาสามวาสองศอก

การใช้ธรรมะ อย่างแท้จริง มันต้องพูดในเรื่องที่น้องคิงคองเข้าตั้งกระทู้มาครับ
แล้วใช้สติสัมปชัญญะ ค่อยๆพิจารณาเนื้อหาด้วยเหตุและผล ดูซิว่าหลักฐานที่ให้มา
พอจะวิเคาะห์ฟันธงได้มั้ยว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ แบบนี้เขาเรียกการพิจารณาธรรมครับ
มันเป็นหลักในอิทธิบาทสี่

หรือพูดง่ายๆว่าเป็นการฝึกใช้สติ กับเนื้อหาที่อยู่ตรงหน้า
ใช้สัมปชัญญะหาเหตุและผลในรายละเอียดทุกแง่มุม จนเกิดสมาธิกับเนื้อหาในกระทู้ครับ
แล้วจะได้คำตอบตามความเป็นจริง
คำตอบไม่ใช่ว่าพระทำหรือไม่ได้ทำนะครับ แต่จะได้คำตอบที่ได้จากพยานหลักฐานที่จขกทให้มา


ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นธรรมะครับ มันอยู่ที่เราจะมองธรรมนั้นออกหรือปล่าเท่านั้นเอง
ธรรมถ้าเรานำมาใช้ให้ถูกต้องตามกาล มันก็เกิดกุศลเป็นประโยชน์
ถ้าใช้ธรรมผิดกาลเทศะ มันไม่เกิดประโยชน์ แถมมันยังบั่นทอนการบรรลุธรรมอีกด้วยครับ

อ้าวที่แท้ก็คนบ้านเดียวกัน.. ถึงว่าคุยกันรู้เรื่อง คุณน้องก็ขอลองดูหน่อยจะสอบตกไหมถ้าเป็นcsi
1.จากคำให้การของ แม่สีกาผู้เสียหายบอกว่า เด็กผู้หญิง3คน ไปดูดวงจนถูกหลอก โดนข่มขืนแล้วให้ตังไป300บาทแล้วบอกว่าห้ามไปบอกใคร
2.หลวงตา ให้การว่า ได้ยินเสียงคนร้ายอยู่ในห้องน้ำแล้ว มีชาวบ้านกรูกันเข้ามาในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะพอดีข้อ1กับข้อ2ให้การยังไม่ตรงกับรูปคดีให้การไม่ตรงกัน
3.หลวงตายืนยันว่าไม่ได้ทำ ต่อให้ฆ่าให้ตายก็ยืนกรานคำเดียวว่าไม่ได้ทำ(หลวงตาไม่กลัวแม้แต่จะถูกฆ่าเชียวหรือ ยิ่งแก่ๆตาบอด)
4.หลวงตาขอ ตรวจdnaเพื่อยืนยันความบริสุทธิถ้าผิดจริงจะยอมชดใช้กรรมในคุกจนตาย หลวงตาบอกว่าโดนพระลูกวัดแกล้ง แกล้งเพื่อ? ต้องถามว่าในวัดใครเป็นเจ้าอาวาส
5.เด็ก คนที่ท้อง น่าจะรู้ความจริงว่าท้องกับใคร น่าจะเรียกตัวมาสอบปากคำ ถึงแม้จะชี้ว่าเป็นหลวงตาก็ยังมิควรสรุปว่าใช่หรือไม่
6.สอบถามคนละแวกแถวนั้นว่า มีพระทั้งหมดในวัดกี่รูป แล้วชาวบ้านชอบไปดูดวงกับพระรูปใด พระตาบอดชอบดูดวงให้ญาติโยมหรือไม่..แล้วเอามาชั่งน้ำหนักดู
7.มันมีปัญหาอยู่อย่างที่เรามองข้ามคือ เด็กที่ท้องคือผู้เยาว์(15ปี)ถูกคดีข่มขืนจนต้อง เป็นไปได้แค่ไหนที่สังคมจะให้เก็บเด็กไว้โดยเฉพาะพ่อแม่ของเด็กผู้เสียหาย เพราะปัญหาคือเรื่องอนาคตของเด็กอีก แล้วการตรวจdna จะทำได้จริงหรือไม่อันนี้น่าคิด.. ถ้าทำได้จริง ถ้าผลออกมาใช่ ก็คงดำเนินไปตามกฏหมาย แต่ถ้าตรวจมาไม่ใช่ เป็นไปได้หรือไม่ที่ จะขอความร่วมมือกับพระในวัดทั้งหมดเพื่อตรวจdna หาคนกระทำความผิดนี้ อย่าลืมโจทย์บอกว่าโดนพระข่มขืน

คดีนี้คงยังไม่จบง่ายๆ อาจจะอีกยาว ปล.หลวงตาอยู่ อ.หัวตะพาน อยู่จ.อำนาจเจริญ อยู่ใกล้ๆหมู่บ้านของตากับยายคุนน้องเอง ไกลจากบ้านเกิดคุนน้องแค่ ไม่เกิน 12 กม.คุนน้องเลยสนใจข่าวนี้ขึ้นมา

เรามีเจ้าหน้าที่ CSI ประจำลานแล้ว



เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

ประเทศนี้. เมืองนี้. ก็เปนแบบนี้แหละ. ตื่นเช้ามาไม่เจอข่าวเสียๆหายๆนี้ถือว่าผิดปกติมาก เหนอย่างนี้แล้วน่าเบื่อ แต่จะทำไงได้เพราะเราอยู่เมืองนี้. ได้แต่ถอนหายใจยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ