วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 06:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2012, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ใครที่อยากไปนิพพานอย่างว่าอย่างนึกกัน แต่ยังติดอยู่นิดเดียว คือลูก มีลูกให้ต้องห่วงหาอาทร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมกรัชกายได้นะครับ แล้วก็ไปนิพพานตามสบาย :b14: ก่อนนอนนะจะเล่านิทานอิงธรรมเรื่องกามนิต วาสิฏฐีให้เค้าฟัง :b13:

http://www.fungdham.com/book/kamnit.html

แล้วจะเลี้ยง ลูกชายคุนน้องโตจนถึง 20 ปีละป่าวละ ลุงกรัชกาย :b32:
ปล.เกรงว่า สังขารจะไม่เที่ยงนะสิ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2012, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ใครที่อยากไปนิพพานอย่างว่าอย่างนึกกัน แต่ยังติดอยู่นิดเดียว คือลูก มีลูกให้ต้องห่วงหาอาทร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมกรัชกายได้นะครับ แล้วก็ไปนิพพานตามสบาย ก่อนนอนนะจะเล่านิทานอิงธรรมเรื่องกามนิต วาสิฏฐีให้เค้าฟัง

แล้วจะเลี้ยง ลูกชายคุนน้องโตจนถึง 20 ปีละป่าวละ ลุงกรัชกาย
ปล.เกรงว่า สังขารจะไม่เที่ยงนะสิ



แค่ไหนก็แค่นั้นหลานเอ้ย :b32: เจ้าจะคิดไปใยให้ฟุ้งซ่าน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2012, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ใครที่อยากไปนิพพานอย่างว่าอย่างนึกกัน แต่ยังติดอยู่นิดเดียว คือลูก มีลูกให้ต้องห่วงหาอาทร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมกรัชกายได้นะครับ แล้วก็ไปนิพพานตามสบาย ก่อนนอนนะจะเล่านิทานอิงธรรมเรื่องกามนิต วาสิฏฐีให้เค้าฟัง

แล้วจะเลี้ยง ลูกชายคุนน้องโตจนถึง 20 ปีละป่าวละ ลุงกรัชกาย
ปล.เกรงว่า สังขารจะไม่เที่ยงนะสิ



แค่ไหนก็แค่นั้นหลานเอ้ย :b32: เจ้าจะคิดไปใยให้ฟุ้งซ่าน :b1:
ทักทายครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2012, 20:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
sriariya เขียน:
nongkong เขียน:
คุนน้องไม่เข้าใจสภาวะธรรมการที่เรา เป็นฆราวาสครองเรือนเราสามารถเป็นอรหันต์ได้หรือไม่ อย่างเช่นคนที่ครองเรือนแล้วแยกห้องนอน(ประเภทปลงสังขารแล้วอายุเยอะแล้ว) แล้วคุนน้องไปเจอกระทู้นึงที่พูดเกี่ยวกับ คนที่บรรลุอรหันต์ในเพศฆราวาส จะนิพพานภายใน 7วัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ใครช่วยตอบข้อข้องใจคุนน้องทีเจ้าค่ะ คือคุนน้องยังไม่เข้าใจสภาวะนิพพาน :b8:


การที่บุคคลจะสำเร็จธรรม หรือ บรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้นโสดาบัน เป็นต้นไป ต้องรู้จักหลักธรรม และหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ไม่เกี่ยวกับว่า บุคคลนั้นๆจะอยู่ในเพศ ฆราวาส หรือ เพศ บรรชิต หากบุคคลเหล่านั้น รู้จักหลักธรรม เข้าใจหลักธรรม และปฏิบัติตามหลักวิชชาได้ เขาเหล่านั้น ก็สามารถบรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไปได้
อนึ่ง นิพพาน ไม่ได้หมายถึง ความตายนะขอรับ เพราะฉะนั้น หากบรรลุนิพพาน ก็ไม่ได้หมายความว่าตัองตาย ยกตัวอย่าง อย่าหาว่าข้าพเจ้าโอ้อวดเลยนะ ข้าพเจ้า บรรลุนิพพานมาประมาณ 10 ถึง 12 ปี แล้ว ก็ยังอยู่เป็นปกติดี อย่างนี้เป็นต้นขอรับ (อ่านแล้วกรุณาใช้วิจารณญาณด้วยนะขอรับ)
นิพพานท่านเป็นอย่างงไรช่วยอธิบายเป็นธรรมทานด้วยครับ


คุณขอรับ ข้าพเจ้าได้รับการฝึกอบรม ขัดเกลา พร่ำสอน โดยบุคคลในทางพุทธศาสนา ถึงแม้ว่า หลักวิชชาการทางศาสนาที่ข้าพเจ้ามีอยู่ จะไม่เหมือนกับที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก แต่การฝึกตน การปฏิบัติธรรม ของข้าพเจ้า ก็ได้แนวทางมาจากพุทธศาสนา เพียงแต่ หลักการฝึกตนและปฏฺิบัติตนของข้าพเจ้า ผสมรวมเอาหลักวิชชาการทางศาสนาของทุกศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าย่อมต้องศึกษา และวิจัย ในการบรรลุธรรมชั้นต่างๆ อันมีชื่อชั้นทางพุทธศาสนาให้ไว้ เพราะโดยส่วนตัว ก็สนใจใคร่รู้อยู่แล้ว ถ้าจะอธิบายเพียงนิพพานอย่างเดียว ระดับคุณคงไม่สามารถไปถึงได้(ไม่ได้ดูหมิ่นนะขอรับ)
ข้าพเจ้าจะอธิบาย ตามประสบการณ์ที่ได้ฝึกฝน วิจัย ปฏิบัติ ทดลอง จนได้ผลดีแล้ว ว่า..

๑.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรม สามารถรู้และเข้าใจว่า อันคือ มรรค (เหตุปัจจัย) อันไหนคือ ผล ที่เกิดจากมรรค(เหตุปัจจัย) จนรู้จริงรู้แจ้ง ตามหลักธรรมนั้นๆแล้ว บุคคลนั้นไซร้ จักเป็น ผู้บรรลุธรรม ชั้น "โสดาบัน" สามารถขจัดอาสวะได้ เป็นบางอย่าง บางชนิด และขณะขจัดอาสวะ ก็จะเปล่งฉัพพรรณรังสีออกมาด้วย

๒. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจจนเข้าสู่ธรรมชั้น โสดาบันแล้ว หากบุคคลนั้น ขวนขวาย ขยัน หมั่นฝึกฝน จนเกิดความรู้ความเข้าใจ อันกว้างไกลลึกซึ่งกว่าที่เป็นอยู่ สามารถจำแนกได้ว่า สิ่งที่มากระทบทางอายตนะทั้งหลาย เป็นเหตุทำให้เกิดกิเลสใด ก็จักทำให้บุคคล เป็นผู้บรรลุธรรมชั้น "สกทาคามี" สามารถขจัดอาสวะที่มากระทบ อันจักเกิดผลทำให้จิตใจเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ฯลฯ ได้เป็นบางอย่าง บางชนิด แล ขณะขจัดอาสวะนั้น ก็จะเกิดฉัพพรรณรังสีสามารถมองเห็นได้ด้วยตา

๓. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในธรรมทั้งหลายอย่างกว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ่งมากกว่าเดิม จนธรรมทั้งหลายเหล่าน้้น สามารถทำให้จำแนกแหล่งที่เกิดคลื่นแห่งกิเลส นับตั้งแต่ร่างกายของเราเป็นต้น อีกทั้งสามารถจำแนกแห่งที่เป็นเหตุแห่งกิเลสทั้งปวงที่อยู่ภายนอกร่างกาย สามารถจำแนกคลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก อันเกิดจากเหตุ อันเป็นผลต่อร่างกาย แลสามารถขจัด คลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก ให้ออกจากร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันคลื่นเหล่านั้นจากภายนอกได้ บุคคลนั้นได้บรรลุธรรมชั้น "อนาคามี" อันจักคาบเกี่ยวกับขั้น "อรหันต์"

๔.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักธรรมที่ละเอียด แตกฉาน ประกอบกันเข้ากับหลักวิชาการด้านต่างๆ สามารถผสมผสานหลักวิชชาการต่างๆ แลรู้จักหลักวิชชาการต่างๆ สามารถวิเคราะห์จนเกิดความรู้ตามหลักธรรม แลรู้จักวิธีการปฏิบัติหรือฝึกตน นับหมายรวมตั้งแต่ชั้น โสดาบัน,สกทาคามี,อนาคามี บุคคลผู้นั้นก็จักบรรลุธรรมสู่ชั้น "อรหันต์" แลจะคาบเกี่ยวไปสุ่ชั้น "นิพพาน" ด้วย กล่าวคือ ในชั้น อรหันต์ นี้ จะสามารถขจัดอาสวะได้มากอย่างขึ้น ละเอียดขึ้น สามารถป้องกันคลื่นแห่งกิเลสได้ บางครั้ง ร่างกายก็จะเป้นคล้ายกระจกเงา บางครั้ง ร่างกายก็จะโปร่งแสง ฯลฯอย่างนี้เป็นต้น

๕. ในชั้น "นิพพาน"นั้น จะควบรวมตั้งแต่ชึ้น โสดาบันจนถึงชั้น อรหันต์ แต่วิธีการฝึกตนหรือการปฏิบัติ จะมีเทคนิคหรือวิธีการที่ละเอียด มากกว่าชั้นอื่นๆ เมื่อสรีระร่างกายโปร่งแสง เป็นอณูอากาศ สภาพสภาวะจิตใจ ถ้าหากจะกล่าวตามหลักพุทธศาสนา ก็จะเป็น อรูปฌาน กล่าวคือ สภาพสภาวะจิตใจนั้น จะว่าจำก็ไม่ใช่ จะว่าไม่จำก็ไม่ใช่ จะว่ามีอารมณ์ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีอารมณ์ก็ไม่ใช่ ทุกส่วนเป็นวิญญาณ เพราะไม่มีส่วนของกายมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย ร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า แต่ยังสามารถมองเห็นตัวเองได้ หากร่างกายไม่โปร่งแสง เป็นอณูอากาศ ก็จักสามารถขจัดอาสวะได้ทุกชนิด และรู้จักกำหนดว่าจะให้เกิดหรือให้ดับ(หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การระลึกนึกถึง) ก็ได้เช่นกัน
ฉัพพรรณรังสีที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่ชั้นโสดาบัน จะมีแสงสีแตกต่างกันไปในชั้นแรก ต่อเมื่อขจัดอาสวะอยู่เป็นนิจ ฉัพพรรณรังสี ก็จะปรากฏเป็นแสงสีขาวใสบ้าง บาวขุ่นบ้าง เป็นคล้ายกระจกเงาบ้าง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
ที่ข้่าพเจ้าได้กล่าวไปทั้งหมด เป็นการกล่าวถึง ลำดับชั้นในการบรรลุธรรม มิใช่การกล่าวถึงการฝึกตนหรือวิธีการฝึกตน และการบรรลุธรรมที่ได้กล่าวไป ก็เป็นการวิจัย ทดลองปฏิบัติ ตามชื่อชั้นในทางพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2012, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
bigtoo เขียน:
sriariya เขียน:
nongkong เขียน:
คุนน้องไม่เข้าใจสภาวะธรรมการที่เรา เป็นฆราวาสครองเรือนเราสามารถเป็นอรหันต์ได้หรือไม่ อย่างเช่นคนที่ครองเรือนแล้วแยกห้องนอน(ประเภทปลงสังขารแล้วอายุเยอะแล้ว) แล้วคุนน้องไปเจอกระทู้นึงที่พูดเกี่ยวกับ คนที่บรรลุอรหันต์ในเพศฆราวาส จะนิพพานภายใน 7วัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ใครช่วยตอบข้อข้องใจคุนน้องทีเจ้าค่ะ คือคุนน้องยังไม่เข้าใจสภาวะนิพพาน :b8:


การที่บุคคลจะสำเร็จธรรม หรือ บรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้นโสดาบัน เป็นต้นไป ต้องรู้จักหลักธรรม และหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ไม่เกี่ยวกับว่า บุคคลนั้นๆจะอยู่ในเพศ ฆราวาส หรือ เพศ บรรชิต หากบุคคลเหล่านั้น รู้จักหลักธรรม เข้าใจหลักธรรม และปฏิบัติตามหลักวิชชาได้ เขาเหล่านั้น ก็สามารถบรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไปได้
อนึ่ง นิพพาน ไม่ได้หมายถึง ความตายนะขอรับ เพราะฉะนั้น หากบรรลุนิพพาน ก็ไม่ได้หมายความว่าตัองตาย ยกตัวอย่าง อย่าหาว่าข้าพเจ้าโอ้อวดเลยนะ ข้าพเจ้า บรรลุนิพพานมาประมาณ 10 ถึง 12 ปี แล้ว ก็ยังอยู่เป็นปกติดี อย่างนี้เป็นต้นขอรับ (อ่านแล้วกรุณาใช้วิจารณญาณด้วยนะขอรับ)
นิพพานท่านเป็นอย่างงไรช่วยอธิบายเป็นธรรมทานด้วยครับ


คุณขอรับ ข้าพเจ้าได้รับการฝึกอบรม ขัดเกลา พร่ำสอน โดยบุคคลในทางพุทธศาสนา ถึงแม้ว่า หลักวิชชาการทางศาสนาที่ข้าพเจ้ามีอยู่ จะไม่เหมือนกับที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก แต่การฝึกตน การปฏิบัติธรรม ของข้าพเจ้า ก็ได้แนวทางมาจากพุทธศาสนา เพียงแต่ หลักการฝึกตนและปฏฺิบัติตนของข้าพเจ้า ผสมรวมเอาหลักวิชชาการทางศาสนาของทุกศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าย่อมต้องศึกษา และวิจัย ในการบรรลุธรรมชั้นต่างๆ อันมีชื่อชั้นทางพุทธศาสนาให้ไว้ เพราะโดยส่วนตัว ก็สนใจใคร่รู้อยู่แล้ว ถ้าจะอธิบายเพียงนิพพานอย่างเดียว ระดับคุณคงไม่สามารถไปถึงได้(ไม่ได้ดูหมิ่นนะขอรับ)
ข้าพเจ้าจะอธิบาย ตามประสบการณ์ที่ได้ฝึกฝน วิจัย ปฏิบัติ ทดลอง จนได้ผลดีแล้ว ว่า..

๑.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรม สามารถรู้และเข้าใจว่า อันคือ มรรค (เหตุปัจจัย) อันไหนคือ ผล ที่เกิดจากมรรค(เหตุปัจจัย) จนรู้จริงรู้แจ้ง ตามหลักธรรมนั้นๆแล้ว บุคคลนั้นไซร้ จักเป็น ผู้บรรลุธรรม ชั้น "โสดาบัน" สามารถขจัดอาสวะได้ เป็นบางอย่าง บางชนิด และขณะขจัดอาสวะ ก็จะเปล่งฉัพพรรณรังสีออกมาด้วย

๒. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจจนเข้าสู่ธรรมชั้น โสดาบันแล้ว หากบุคคลนั้น ขวนขวาย ขยัน หมั่นฝึกฝน จนเกิดความรู้ความเข้าใจ อันกว้างไกลลึกซึ่งกว่าที่เป็นอยู่ สามารถจำแนกได้ว่า สิ่งที่มากระทบทางอายตนะทั้งหลาย เป็นเหตุทำให้เกิดกิเลสใด ก็จักทำให้บุคคล เป็นผู้บรรลุธรรมชั้น "สกทาคามี" สามารถขจัดอาสวะที่มากระทบ อันจักเกิดผลทำให้จิตใจเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ฯลฯ ได้เป็นบางอย่าง บางชนิด แล ขณะขจัดอาสวะนั้น ก็จะเกิดฉัพพรรณรังสีสามารถมองเห็นได้ด้วยตา

๓. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในธรรมทั้งหลายอย่างกว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ่งมากกว่าเดิม จนธรรมทั้งหลายเหล่าน้้น สามารถทำให้จำแนกแหล่งที่เกิดคลื่นแห่งกิเลส นับตั้งแต่ร่างกายของเราเป็นต้น อีกทั้งสามารถจำแนกแห่งที่เป็นเหตุแห่งกิเลสทั้งปวงที่อยู่ภายนอกร่างกาย สามารถจำแนกคลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก อันเกิดจากเหตุ อันเป็นผลต่อร่างกาย แลสามารถขจัด คลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก ให้ออกจากร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันคลื่นเหล่านั้นจากภายนอกได้ บุคคลนั้นได้บรรลุธรรมชั้น "อนาคามี" อันจักคาบเกี่ยวกับขั้น "อรหันต์"

๔.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักธรรมที่ละเอียด แตกฉาน ประกอบกันเข้ากับหลักวิชาการด้านต่างๆ สามารถผสมผสานหลักวิชชาการต่างๆ แลรู้จักหลักวิชชาการต่างๆ สามารถวิเคราะห์จนเกิดความรู้ตามหลักธรรม แลรู้จักวิธีการปฏิบัติหรือฝึกตน นับหมายรวมตั้งแต่ชั้น โสดาบัน,สกทาคามี,อนาคามี บุคคลผู้นั้นก็จักบรรลุธรรมสู่ชั้น "อรหันต์" แลจะคาบเกี่ยวไปสุ่ชั้น "นิพพาน" ด้วย กล่าวคือ ในชั้น อรหันต์ นี้ จะสามารถขจัดอาสวะได้มากอย่างขึ้น ละเอียดขึ้น สามารถป้องกันคลื่นแห่งกิเลสได้ บางครั้ง ร่างกายก็จะเป้นคล้ายกระจกเงา บางครั้ง ร่างกายก็จะโปร่งแสง ฯลฯอย่างนี้เป็นต้น

๕. ในชั้น "นิพพาน"นั้น จะควบรวมตั้งแต่ชึ้น โสดาบันจนถึงชั้น อรหันต์ แต่วิธีการฝึกตนหรือการปฏิบัติ จะมีเทคนิคหรือวิธีการที่ละเอียด มากกว่าชั้นอื่นๆ เมื่อสรีระร่างกายโปร่งแสง เป็นอณูอากาศ สภาพสภาวะจิตใจ ถ้าหากจะกล่าวตามหลักพุทธศาสนา ก็จะเป็น อรูปฌาน กล่าวคือ สภาพสภาวะจิตใจนั้น จะว่าจำก็ไม่ใช่ จะว่าไม่จำก็ไม่ใช่ จะว่ามีอารมณ์ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีอารมณ์ก็ไม่ใช่ ทุกส่วนเป็นวิญญาณ เพราะไม่มีส่วนของกายมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย ร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า แต่ยังสามารถมองเห็นตัวเองได้ หากร่างกายไม่โปร่งแสง เป็นอณูอากาศ ก็จักสามารถขจัดอาสวะได้ทุกชนิด และรู้จักกำหนดว่าจะให้เกิดหรือให้ดับ(หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การระลึกนึกถึง) ก็ได้เช่นกัน
ฉัพพรรณรังสีที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่ชั้นโสดาบัน จะมีแสงสีแตกต่างกันไปในชั้นแรก ต่อเมื่อขจัดอาสวะอยู่เป็นนิจ ฉัพพรรณรังสี ก็จะปรากฏเป็นแสงสีขาวใสบ้าง บาวขุ่นบ้าง เป็นคล้ายกระจกเงาบ้าง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
ที่ข้่าพเจ้าได้กล่าวไปทั้งหมด เป็นการกล่าวถึง ลำดับชั้นในการบรรลุธรรม มิใช่การกล่าวถึงการฝึกตนหรือวิธีการฝึกตน และการบรรลุธรรมที่ได้กล่าวไป ก็เป็นการวิจัย ทดลองปฏิบัติ ตามชื่อชั้นในทางพุทธศาสนา
ขอบคุณมากครับ มีอะไรเพิ่เติมอีกมั้ยครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 06:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10:
bigtoo
อ้างคำพูด:
ผมเชื่อในองค์ธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ แต่เรื่องราวมันสับสนมีมาก พระองค์จะกล่าวอะไรต้องเป็นความจริง ธรรมมะรู้ซี้งเข้าถึงยาก และที่ตำราว่ามีการบรรลุธรรมกันจำนวนมากๆ ฆารวาสบรรลุกันเป็นหมื่นมันเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอครับคุยกันแบบสบายๆนะครับ พระองค์ทรงใช้เสียงธรรมดา คนมาเป็นหมื่นๆจะฟังกันได้ยินหมดเหรอครับคงไม่มีการเงียบหมดหรอกใช่มั้ยครับเปรียบชีวิตธรรมดาๆเรานี่แหละตำราที่เขียนมาไม่รู้ว่าเขาต้องการเสนออะไรแบบไหน(อันนี้ผมยังไม่ปักใจเชื่อไม่ว่ากันนะครับอิๆๆ) ส่วนองค์ธรรมทั้งหลายอย่างที่คุณกล่าวว่าถูกครบหมดอันเชื่อได้เพราะนำมาปฎิบัติแล้วเกิดกับตนเอง แต่ที่จริงแล้วเรื่องอะไรๆก็ไม่สำคัญเท่าองค์ธรรมหรอกจริงมั้ยครับท่านasoka

:b23:
"พระองค์ทรงใช้เสียงธรรมดา คนมาเป็นหมื่นๆจะฟังกันได้ยินหมดเหรอครับ"

cool cool
คุณ bigtoo กำลังสงสัยในพุทธวิสัยและอนุศาสนีปาฏิหารย์....

ก็มีสิทธิที่จะสงสัยได้....แต่พึงทราบไว้บ้างว่า มีความจริงอะไรอีกหลายอย่างในครั้งพุทธกาลที่จะเอาเหตุผล ความสัมผัสความเคยชินในชีวิตความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันไปเทียบเคียงว่าเหมือนกันไม่ได้
:b16:

เรื่องที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมให้กับผู้ฟังจำนวนเป็นหมื่นหรือมากกว่าโดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงอย่างปัจจุบัน แต่ผู้ฟังทุกท่านสามารถได้ยิน เข้าใจ และบรรลุธรรมตามคำสอนนั้นได้ เป็นเรื่องที่น่านำมาวิเคราะห์วิจัย ทำเป็นกระทู้ระดมความรู้ความเห็นกันบ้างก็น่าจะดีเหมือนกันนะครับ
:b40:
แต่ที่ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ที่คนเป็นหมื่นจะได้ยินพระสุรเสียงที่พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมด้วยเหตุผลว่า มีเหตุ ปัจจัย ที่คนจำนวนเป็นหมื่นจะสามารถได้ยินเสียงแสดงธรรมพร้อมๆกันได้ด้วยเหตุปจจัยดังตัวอยางต่อไปนี้

1.พุทธวิสัย.....ซึ่งมีแสดงไว้ในหลายที่ (ต้องเรียนขอท่านพุทธฎีกาหรือคุณเช่นนั้นกรุณาค้นมาให้อ่านเพราะท่านทั้ง 2 ชำนาญการค้นคัมภีร์มาก ....ผมไม่ถนัดเรื่องนี้แต่เคยอ่านผ่านตามาบ้าง)

2.ความเงียบมากๆ เพราะคนทั้งหมื่นต่างพากันสำรวมอินทรีย์ตั้งใจฟัง และสภาพแวดล้อม ที่ปราศจากมลภาวะทางเสียงของยุคสองพันกว่าปีก่อน

3.สมาธิและความตั้งใจฟังอย่างจริงจังด้วยความเคารพศัทธาของผู้คนสมัยนั้น....ซึ่งอันนี้ผมเคยสังเกตจากตอนที่นั่งภาวนาโดยกำหนดจิตอยู่กับการรู้เสียงของหูโดยอาศัยเสียงจิ้งหรีดเป็นกรรมฐาน พอสมาธิเกิดสงบได้ที่ผมสามารถได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทบทุกตัวที่อยู่โดยรอบ จำแนกได้ด้วยว่าตัวไหนอยู่ทางทิศใด ร้องเสียงอย่างไร.....หลังจากนั้น ประสิทธิภาพในการฟังของหูเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนสามารถได้ยินเสียงแม้เกิดในที่ไกลๆได้ชัดเจน

:b11:

ส่วนเรื่องขององค์ธรรมเพื่อความบรรลุถึงนิพพานนั้นไม่มีอะไรที่จะพึงต้องสงสัยเพราะหัวใจของการค้นพบของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ครบ คืออริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา โพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการ เราก็ได้พิสูจน์กันมาด้วยการปฏิบัติจริงมาพอสมควรกันถ้วนหน้าแล้ว สัมผัสความจริงภายในกันมาบ้างแล้ว จะจากสำนักของท่านโกเอ็นก้า....สำนักวัดป่าทางอีสาณ......สำนักกรรมฐานแบบพม่า......ซึ่งกำลังนิยมแพร่หลาย
หรือจากทางธรรมกาย ....มโนมยิทธิของเมืองอ่างทอง......ฯลฯ..ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการปูพื้นฐานเพื่อยกขึ้นสู่ทางมาตรฐานสากลที่พระบรมศาสดาทรงสอนและบอกทางไว้

ขอให้ลงมือทำจริง ปฏิบัติจริงเถอะ ที่สุดก็จะมีปัญญาหาทางออกกันได้เองตามช่องทางของใครของมันเลียนแบบกันไม่ได้

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 07:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่เสียง.....จะแปลกอะไร....หากเข้าใจว่าคนเราเหาะได้จริง ๆ ...

เรื่องเสียง...ก็เลย..จิบ..จิบ..ไปเลย :b13:

หาก..Bigtoo...ไม่เชื่อว่าคนจะเหาะได้จริง...จะมาพิสูจน์ด้วยตัวเองก็ได้นะ :b9:

แค่เปลี่ยนจุดของสติ...จาก..อานาปา....มาเป็น..กสินแทน...

สติ....ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม...แต่ผลพลอยได้...อาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย..แค่นั้นเอง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่เสียง.....จะแปลกอะไร....หากเข้าใจว่าคนเราเหาะได้จริง ๆ ...

เรื่องเสียง...ก็เลย..จิบ..จิบ..ไปเลย :b13:

หาก..Bigtoo...ไม่เชื่อว่าคนจะเหาะได้จริง...จะมาพิสูจน์ด้วยตัวเองก็ได้นะ :b9:

แค่เปลี่ยนจุดของสติ...จาก..อานาปา....มาเป็น..กสินแทน...

สติ....ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม...แต่ผลพลอยได้...อาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย..แค่นั้นเอง :b32:
ต้องลองซะหน่อยแล้ว :b19: :b19: :b19:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 10:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


จริง ๆ อายตนะ ทั้งหมด ก็เป็นเครื่องรับ เครื่องส่งสัญญาณ กันอยู่แล้ว

โดยภาพ ที่สถานีโทรทัศน์ส่งคลื่นสัญญาภาพและเสียงมา
และเมื่อเราเปิดทีวีที่บ้าน ภาพและเสียงก็ปรากฎ

สิ่งนั้นเป็น ธรรมชาติ
ซึ่ง ยุคหนึ่ง ผู้คนเข้าถึงสิ่งนั้นได้ด้วยจิต
แต่ ยุคนี้ ผู้คนเข้าถึงสิ่งนั้นได้ด้วยเทคโนโลยี

ยุคที่ผู้คนมีศักยภาพทางจิตที่เข้าถึงธรรมอันเป็นสามัญได้ด้วยพื้นฐานสามัญจิตที่เป็นไป
กำลังจิตแห่งการเห็นแจ้งมันเป็นทรัพย์อันทรงพลัง และ เป็นปัจจัยตรงต่อธรรม
แต่กำลังในสมัยนี้ มันเป็น ด้วยกำลังทางเทคโนโลยี ด้วยกำลังเงิน
ซึ่งมันไม่ใช่ ทรัพย์สิน(ปัญญา)ที่แท้จริง
การซื้อขาย แลกเปลี่ยน ก็เลยประหนึ่ง
เราเอาวัตถุที่ฉาบฉวย ไปแลกซื้อปัญญาที่ฉาบฉวย
และเราก็มีชีวิตอยู่กับธรรมแบบฉาบฉวย

ซึ่งมันก็มีทางที่จะ ชำระ/แยกย่อยความฉาบฉวยนี้อยู่
ซึ่งก็โดยมากแล้ว ถ้าคนเดินตามทางนั้น
ก็จะ คืน อายตนะ สู่ สามัญ
และเราก็จะเห็น เทคโนโลยีที่ฉาบฉวย เป็นเพียงมายาวัตถุ
และเราก็จะเห็นความเป็นไปแห่ง ศาสตร์อันบริสุทธิ์ ศาสตร์แห่ง จิต

:b48: :b46: :b46: :b46: :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 24 ก.ค. 2012, 13:00, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 10:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


บางที เผลอ ๆ ก็อดที่จะมองเห็นว่า "แท้จริง กายนี้เป็นจักรกลของจิต" ไปไม่ได้

คือจริง ๆ เวลาปฏิบัติมาก ๆ และเข้าไปรู้บางอย่าง
มันก็มีเรื่องให้เรา ไหลฟุ้งกับมันไปได้เรื่อย ๆ
ยิ่งเข้าไปหา ก็ยิ่งเห็นอะไรที่มันยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ

ช่วงนั้น เราสนใจเรื่องอวกาศวิทยา สนใจจักรวาลวิทยา
เพราะ เห็นไปว่า เอกภพ กับ จิตหนึ่ง เป็นสิ่งเดียวกัน
และ การเดินทางของจิตวิญญาณ คือ การกลับไปรวมกับจิตหนึ่ง หรือเป็นจิตหนึ่ง
แต่ มันก็มีจังหวะ ที่พอมองลงมาที่เท้าตัวเอง
ก็พบว่า เงาที่ทอดอยู่ มันไม่ได้ทอดตัวอยู่บนผิวโลก

เมื่อเห็น เราก็แค่ดึงตัวเองกลับมาอยู่ในฐานทีควรจะเป็น

:b40: :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ใครที่อยากไปนิพพานอย่างว่าอย่างนึกกัน แต่ยังติดอยู่นิดเดียว คือลูก มีลูกให้ต้องห่วงหาอาทร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมกรัชกายได้นะครับ แล้วก็ไปนิพพานตามสบาย ก่อนนอนนะจะเล่านิทานอิงธรรมเรื่องกามนิต วาสิฏฐีให้เค้าฟัง

แล้วจะเลี้ยง ลูกชายคุนน้องโตจนถึง 20 ปีละป่าวละ ลุงกรัชกาย
ปล.เกรงว่า สังขารจะไม่เที่ยงนะสิ



แค่ไหนก็แค่นั้นหลานเอ้ย :b32: เจ้าจะคิดไปใยให้ฟุ้งซ่าน :b1:



หลานรักเราหายไปไหนนิ :b16: หรือว่า :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ใครที่อยากไปนิพพานอย่างว่าอย่างนึกกัน แต่ยังติดอยู่นิดเดียว คือลูก มีลูกให้ต้องห่วงหาอาทร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมกรัชกายได้นะครับ แล้วก็ไปนิพพานตามสบาย ก่อนนอนนะจะเล่านิทานอิงธรรมเรื่องกามนิต วาสิฏฐีให้เค้าฟัง

แล้วจะเลี้ยง ลูกชายคุนน้องโตจนถึง 20 ปีละป่าวละ ลุงกรัชกาย
ปล.เกรงว่า สังขารจะไม่เที่ยงนะสิ



แค่ไหนก็แค่นั้นหลานเอ้ย :b32: เจ้าจะคิดไปใยให้ฟุ้งซ่าน :b1:



หลานรักเราหายไปไหนนิ :b16: หรือว่า :b10:

คุนน้องก็พิจารณาธรรม ที่หลายๆท่านแสดงความเห็น แต่สงสัยความเห็นท่านกบ ที่บอกฝึกกสิน.. เหาะได้
มันเป็นแบบไหน....ลุงกรัชกายเคยฝึกกสินไหม :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b10:
bigtoo
อ้างคำพูด:
ผมเชื่อในองค์ธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ แต่เรื่องราวมันสับสนมีมาก พระองค์จะกล่าวอะไรต้องเป็นความจริง ธรรมมะรู้ซี้งเข้าถึงยาก และที่ตำราว่ามีการบรรลุธรรมกันจำนวนมากๆ ฆารวาสบรรลุกันเป็นหมื่นมันเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอครับคุยกันแบบสบายๆนะครับ พระองค์ทรงใช้เสียงธรรมดา คนมาเป็นหมื่นๆจะฟังกันได้ยินหมดเหรอครับคงไม่มีการเงียบหมดหรอกใช่มั้ยครับเปรียบชีวิตธรรมดาๆเรานี่แหละตำราที่เขียนมาไม่รู้ว่าเขาต้องการเสนออะไรแบบไหน(อันนี้ผมยังไม่ปักใจเชื่อไม่ว่ากันนะครับอิๆๆ) ส่วนองค์ธรรมทั้งหลายอย่างที่คุณกล่าวว่าถูกครบหมดอันเชื่อได้เพราะนำมาปฎิบัติแล้วเกิดกับตนเอง แต่ที่จริงแล้วเรื่องอะไรๆก็ไม่สำคัญเท่าองค์ธรรมหรอกจริงมั้ยครับท่านasoka

:b23:
"พระองค์ทรงใช้เสียงธรรมดา คนมาเป็นหมื่นๆจะฟังกันได้ยินหมดเหรอครับ"

cool cool
คุณ bigtoo กำลังสงสัยในพุทธวิสัยและอนุศาสนีปาฏิหารย์....

ก็มีสิทธิที่จะสงสัยได้....แต่พึงทราบไว้บ้างว่า มีความจริงอะไรอีกหลายอย่างในครั้งพุทธกาลที่จะเอาเหตุผล ความสัมผัสความเคยชินในชีวิตความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันไปเทียบเคียงว่าเหมือนกันไม่ได้
:b16:

เรื่องที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมให้กับผู้ฟังจำนวนเป็นหมื่นหรือมากกว่าโดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงอย่างปัจจุบัน แต่ผู้ฟังทุกท่านสามารถได้ยิน เข้าใจ และบรรลุธรรมตามคำสอนนั้นได้ เป็นเรื่องที่น่านำมาวิเคราะห์วิจัย ทำเป็นกระทู้ระดมความรู้ความเห็นกันบ้างก็น่าจะดีเหมือนกันนะครับ
:b40:
แต่ที่ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ที่คนเป็นหมื่นจะได้ยินพระสุรเสียงที่พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมด้วยเหตุผลว่า มีเหตุ ปัจจัย ที่คนจำนวนเป็นหมื่นจะสามารถได้ยินเสียงแสดงธรรมพร้อมๆกันได้ด้วยเหตุปจจัยดังตัวอยางต่อไปนี้

1.พุทธวิสัย.....ซึ่งมีแสดงไว้ในหลายที่ (ต้องเรียนขอท่านพุทธฎีกาหรือคุณเช่นนั้นกรุณาค้นมาให้อ่านเพราะท่านทั้ง 2 ชำนาญการค้นคัมภีร์มาก ....ผมไม่ถนัดเรื่องนี้แต่เคยอ่านผ่านตามาบ้าง)

2.ความเงียบมากๆ เพราะคนทั้งหมื่นต่างพากันสำรวมอินทรีย์ตั้งใจฟัง และสภาพแวดล้อม ที่ปราศจากมลภาวะทางเสียงของยุคสองพันกว่าปีก่อน

3.สมาธิและความตั้งใจฟังอย่างจริงจังด้วยความเคารพศัทธาของผู้คนสมัยนั้น....ซึ่งอันนี้ผมเคยสังเกตจากตอนที่นั่งภาวนาโดยกำหนดจิตอยู่กับการรู้เสียงของหูโดยอาศัยเสียงจิ้งหรีดเป็นกรรมฐาน พอสมาธิเกิดสงบได้ที่ผมสามารถได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทบทุกตัวที่อยู่โดยรอบ จำแนกได้ด้วยว่าตัวไหนอยู่ทางทิศใด ร้องเสียงอย่างไร.....หลังจากนั้น ประสิทธิภาพในการฟังของหูเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนสามารถได้ยินเสียงแม้เกิดในที่ไกลๆได้ชัดเจน

:b11:

ส่วนเรื่องขององค์ธรรมเพื่อความบรรลุถึงนิพพานนั้นไม่มีอะไรที่จะพึงต้องสงสัยเพราะหัวใจของการค้นพบของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ครบ คืออริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา โพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการ เราก็ได้พิสูจน์กันมาด้วยการปฏิบัติจริงมาพอสมควรกันถ้วนหน้าแล้ว สัมผัสความจริงภายในกันมาบ้างแล้ว จะจากสำนักของท่านโกเอ็นก้า....สำนักวัดป่าทางอีสาณ......สำนักกรรมฐานแบบพม่า......ซึ่งกำลังนิยมแพร่หลาย
หรือจากทางธรรมกาย ....มโนมยิทธิของเมืองอ่างทอง......ฯลฯ..ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการปูพื้นฐานเพื่อยกขึ้นสู่ทางมาตรฐานสากลที่พระบรมศาสดาทรงสอนและบอกทางไว้

ขอให้ลงมือทำจริง ปฏิบัติจริงเถอะ ที่สุดก็จะมีปัญญาหาทางออกกันได้เองตามช่องทางของใครของมันเลียนแบบกันไม่ได้

:b27:
เราเป็นชาวพุทธ สิ่งไหนเข้าใจได้เราก็เข้าใจสิ่งไหนเราไม่สามารถเข้าใจเราก็สงสัยได้ จริงมั้ย แต่ข้าพเจ้าไม่เคยสงสัยในคำสอนของพระองค์ในเรื่องข้อปฎิบัติ ส่วนเรื่องราวประกอบนั้นถ้าเชื่อก็ขาดเหตุผลเพราะไม่มีใครไปรู้ได้ ฟังไว้เฉยๆครับ ไม่ต้องค้นหาความจริงหรอกจริงมั้ยครับ มันเสียเวลาสูญเปล่า ลุยหน้าในข้อปฏิบัติดีกว่าท่านว่าจริงมัยท่าน แต่ถ้าใครหาหลักฐานมาให้อ่านก็อ่านนะครับ:b4: :b4: :b4:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ใครที่อยากไปนิพพานอย่างว่าอย่างนึกกัน แต่ยังติดอยู่นิดเดียว คือลูก มีลูกให้ต้องห่วงหาอาทร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมกรัชกายได้นะครับ แล้วก็ไปนิพพานตามสบาย ก่อนนอนนะจะเล่านิทานอิงธรรมเรื่องกามนิต วาสิฏฐีให้เค้าฟัง

แล้วจะเลี้ยง ลูกชายคุนน้องโตจนถึง 20 ปีละป่าวละ ลุงกรัชกาย
ปล.เกรงว่า สังขารจะไม่เที่ยงนะสิ



แค่ไหนก็แค่นั้นหลานเอ้ย :b32: เจ้าจะคิดไปใยให้ฟุ้งซ่าน :b1:



หลานรักเราหายไปไหนนิ :b16: หรือว่า :b10:

คุนน้องฟังมาแล้วนะ กามนิต วาสิฏฐี แต่คุนน้องแปลกใจตรงที่ จิตของสองคนนั้นผูกพันกัน พอตายไปจุติบนสวรรค์ก็ยังมีจิตผูกพันกันจนไปจุติบน พรหมโลกด้วยกัน แสดงว่า ทั้งคู่มีจิตผูกพันกันโดยปราศจากกิเลศอย่างงั้นหรือ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 21:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ต้องลองซะหน่อยแล้ว :b19: :b19: :b19:


:b32: :b32: :b32:
รักอานาปา...มากปานนี้...จะไปมีกิ๊กอื่นได้หรือ? :b9:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร