วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 08:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2012, 12:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32:
กามคุณ 5....คือคิดว่า..กามทั้ง 5 เป็นคุณ..อันได้แก่..รูปสวย..รสดี...กลิ่นหอม..เสียงเพราะ..สัมผัสดี....จึงปรารถณา

ยามเมื่อไม่สมปรารถณา....ก็ไม่ยากเจอกับความไม่สมปรารถณานั้น

จึง...ไปดีกว่า...อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์....

มันใช่ซะที่ไหนล่ะ กามคุณห้ามันหมายถึงสิ่งที่มากระทบกับทวารทั้งห้า
แล้วเกิดการปรุงแต่ง ด้วยอำนาจแห่งกิเลสที่เรียกว่า กามราคะ

เรื่องรูป เป็นได้ทั้งรูปสวย หรือน่าเกลียด กลิ่นเหม็นหรือหอมฯลฯ
มันไม่ใช่จำเพราะเจาะจง มันขึ้นอยู่กับตัณหา ตัณหามันมีทั้งอยากและไม่อยาก
ถ้าเกิดไม่อยาก รูปก็จะเป็นว่าน่าเกลียด ถ้าอยากก็เป็นสวย
ความอยากและรูปเป็นปรมัตถ์ สวยและน่าเกลียดเป็นสมมุติบัญญัติ

"การไม่สมปรารถณา"เป็นเรื่องของขันธ์ เป็นอาการของจิต
จนเกิดการปรุงแต่งขึ้นให้เป็นทุกข์
กบนอกกะลา เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
กามคุณห้า ส่วนใหญ่เกิดจาก อดีต หรือ จากความจำ สัญญา ดังนั้น เราควร ป้องกันโดยมีสติ ลงที่ผัสสะ เพื่อการหลบหลีกในกามคุณนั้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องใช้สติให้มากๆ เพื่อเห็นโทษอันพึงเกิดจาก กามคุณนั้น
ดับได้โดยให้เห็นว่า สัญญา ไม่ใช่เรา หรือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นใน สัญญา
ธรรมเล็กน้อย ใช่หรือป่าวมั้ยรู้

บอกว่าใช่หรือเปล่า.....แต่กลับยกคำพระได้ด้วย...แล้วมันจะใช่หรือเปล่าได้งัย?.. :b32:

ก็แค่คุณฝึกจิตแกอยากวางภูมิ แต่ตัวเองไม่มี ก็เลยอาศัยภูมิคนอื่น
ด้วยการใช้เล่ห์ เหมือนการลองภูมิ แต่มันแย่ตรงที่ตัวเองไม่มีภูมิ แต่ดันไปลองภูมิคนอื่น
ผลก็คือ ความน่าอายครับ

จะอะไรซะอีกล่ะครับ ตอนแรกถามลองภูมิคนอื่นโดยปกปิดสิ่งที่ตัวเองไปอ่านมา
กะว่ามีใครแสดงความเห็นแย้งจะเอาสิ่งที่ปกปิดไว้มายัน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องจน
ปัญญาตอบ แต่เรื่องมันกลับตาลปัตร

อีกฝ่ายกลับแสดงความเห็น แย้งกลับมาได้ คุณฝึกจิตแกหลังชนกำแพงตรงนี้ครับ
เพราะแกไม่รู้จะตอบยังไง เพราะสิ่งที่แกเอามาอวดเป็นภูมิของชาวบ้านเขา
อ่านมาแค่นี้ก็พูดได้แค่นี้ แสดงความเห็นเกินกว่านี้ไม่ได้ครับ
นกแก้ว งง นกขุนทอง เง็งครับ :b9:


ดูซิ คนฉลาด ขนาดความหมายของ กามคุณ ยังไม่เข้าใจเลย ยังบอกว่าท่านกบ กล่าวผิดเสียอีก :b9: :b32: :b32: :b32:

[๑๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นคุณของกามทั้งหลาย.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ รูปที่พึง

รู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม

เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต. . .กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วย

ฆานะ. . .รสที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหา. . .โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย น่าปรารถนา

น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการเหล่านี้แล. ความสุข ความโสมนัส

ใดเล่า อาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณของกามทั้งหลาย.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2012, 17:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 04:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32:
กามคุณ 5....คือคิดว่า..กามทั้ง 5 เป็นคุณ..อันได้แก่..รูปสวย..รสดี...กลิ่นหอม..เสียงเพราะ..สัมผัสดี....จึงปรารถณา

ยามเมื่อไม่สมปรารถณา....ก็ไม่ยากเจอกับความไม่สมปรารถณานั้น

จึง...ไปดีกว่า...อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์....

มันใช่ซะที่ไหนล่ะ กามคุณห้ามันหมายถึงสิ่งที่มากระทบกับทวารทั้งห้า
แล้วเกิดการปรุงแต่ง ด้วยอำนาจแห่งกิเลสที่เรียกว่า กามราคะ

เรื่องรูป เป็นได้ทั้งรูปสวย หรือน่าเกลียด กลิ่นเหม็นหรือหอมฯลฯ
มันไม่ใช่จำเพราะเจาะจง มันขึ้นอยู่กับตัณหา ตัณหามันมีทั้งอยากและไม่อยาก
ถ้าเกิดไม่อยาก รูปก็จะเป็นว่าน่าเกลียด ถ้าอยากก็เป็นสวย
ความอยากและรูปเป็นปรมัตถ์ สวยและน่าเกลียดเป็นสมมุติบัญญัติ

"การไม่สมปรารถณา"เป็นเรื่องของขันธ์ เป็นอาการของจิต
จนเกิดการปรุงแต่งขึ้นให้เป็นทุกข์
ดูซิ คนฉลาด ขนาดความหมายของ กามคุณ ยังไม่เข้าใจเลย ยังบอกว่าท่านกบ กล่าวผิดเสียอีก :b9: :b32: :b32: :b32:

[๑๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นคุณของกามทั้งหลาย.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ รูปที่พึง

รู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม

เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต. . .กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วย

ฆานะ. . .รสที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหา. . .โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย น่าปรารถนา

น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการเหล่านี้แล. ความสุข ความโสมนัส

ใดเล่า อาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณของกามทั้งหลาย.

อ่านพระไตรปิฎกเป็นนกแก้วนกขุนทอง พูดจนปากจะฉึกก็ไม่สำนึก
พระไตรปิฎกน่ะถูกอยู่แล้ว แต่คนเอามาอ้างมันผิด
คุณกะลายังดีที่รู้จักอธิบายความ ถึงจะผิดก็เถอะ
ผิดกับฝึกจิต ที่อ่านพระไตรปิฎกแบบนกแก้วนกขุนทอง


ที่ผมบอกว่าคุณกะลาอธิบายความผิด เพราะแกเอาสมมุติบัญญัติมาพูด
อย่างคำว่า หอม สวย เสียงเพราะฯลฯ


ในกระบวนการขันธ์มันไม่มีแบบที่คุณกะลาแกว่า มันมีแต่ โลภ(อยากได้ ) โกรธ(ไม่อยากได้)
และโมหะ(หลง) เขาเรียกว่าอาการของจิต ทั้งนี้ทั้งนั้นมันถูกบ่งการด้วยกิเลสหรือตัณหา(กามราคะ)

ตัณหาที่ทำให้เกิดอาการของจิตมีสามอย่าง...
๑.กามตัณหา คือ ความอยากหรือไม่อยาก ใน สัมผัสทั้ง 5
๒.ภวตัณหา คือ ความอยากทางจิตใจ เมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว ไม่ต้องการให้มันเปลี่ยนแปลง
๓.วิภวตัณหา คือ ความไม่อยากทางจิต ความอยากดับสูญ
กามคุณห้าที่เรากำลังพูด มันก็คือกามตัณหาในปฏิจสมุบาท และเป็นความอยากหรือ
ไม่อยากในขันธ์ห้า

ความอยากของตัณหาเกิดได้หกทางได้แก่
๑.รูปตัณหา คือ อยากได้รูป
๒.สัททตัณหา คือ อยากได้เสียง
๓.คันธตัณหา คือ อยากได้กลิ่น
๔.รสตัณหา คือ อยากได้รส
๕.โผฏฐัพพตัณหา คือ อยากได้โผฏฐัพพะ
๖.ธัมมตัณหา คือ อยากในธรรมารมณ์
จะอธิบายความอยากของตัณหา๑-๕ให้ฟัง เพราะเกี่ยวกับกามคุณห้า
๑.รูปตัณหา ก็คือสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตาแล้วเกิดความชอบหรือไม่ชอบขึ้น
ความชอบหรือไม่ชอบมันแล้วแต่บุคคล ใครชอบก็บอกว่าดี ว่าสวย
ซึ่งเราจะเอามาเปรียบกันไม่ได้ อย่างเราไปมองภาพศิลปบางภาพเราว่ามันสกปรกไม่อยากดู
แต่บางคนว่าสวยเป็นศิลป อยากมอง

๒.สัททตัณหา คือการได้รับรู้ทางหู เสียงก็เช่นกันบางคนชอบฟังเพลงคลาสิก
บางคนชอบร็อก ไอ้คนชอบร็อกมันก็ไม่ชอบคลาสิก ไอ้ที่ชอบคลาสิกก็ไม่ชอบร็อก
มันไม่ใช่อยู่ที่เพราะหรือไม่เพราะ มันอยู่ที่ชอบหรือไม่ชอบ

๓.คันธตัณหา เรื่องกลิ่นเคยได้ยินเขาพูดมั้ยว่า หอมชวนอ็วก เหม็นชวนดม
ใครชอบก็บอกว่าหอม ไม่ชอบก็ว่าเหม็น คุณเคยเห็นคนแคะหัวแม่ตีนแล้วเอามาดมมั้ย
ความรู้สึกของคนอื่นว่ามันเหม็นไม่อยากดม แด่ทำไมตัวเองดมได้
บางคนชอบกลิ่นปลาร้า กลิ่นทุเรียน แต่บางนได้กลิ่นแล้วจะอาเจียน

๔.รสตัณหา อยากได้รส ในความเป็นจริงรสอร่อยมันไม่มี มันมีแต่ขม หวาน เผ็ดฯลฯ
มันอยู่ที่ให้ชอบเผ็ดก็ว่าอร่อย ไม่ชอบก็ว่าไม่อร่อย

๕.โผฐฐัพพตัณหา สัมผัสทางกาย สมมุติเราปวดเมื่อยแล้วให้คนนวด
เราก็ต้องการให้เขานวดหรือสัมผัสแรงๆ แต่ถ้าเป็นการทักทายมันก็ต้องสัมผัสเบาๆใช่มั้ย

ข้อหกไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งหมดที่พูดมามันอยู่ที่อาการของจิตทั้งนั้นว่าชอบหรือไม่ชอบ
มันไม่มีเรื่องที่กะลาเขาพูด เรื่องที่กะลาพูดมันเป็นสมมุติบัญญัติ
ไม่มีแก่นสาร ใช้ไม่ได้ครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32:
กามคุณ 5....คือคิดว่า..กามทั้ง 5 เป็นคุณ..อันได้แก่..รูปสวย..รสดี...กลิ่นหอม..เสียงเพราะ..สัมผัสดี....จึงปรารถณา

ยามเมื่อไม่สมปรารถณา....ก็ไม่ยากเจอกับความไม่สมปรารถณานั้น

จึง...ไปดีกว่า...อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์....

มันใช่ซะที่ไหนล่ะ กามคุณห้ามันหมายถึงสิ่งที่มากระทบกับทวารทั้งห้า
แล้วเกิดการปรุงแต่ง ด้วยอำนาจแห่งกิเลสที่เรียกว่า กามราคะ

เรื่องรูป เป็นได้ทั้งรูปสวย หรือน่าเกลียด กลิ่นเหม็นหรือหอมฯลฯ
มันไม่ใช่จำเพราะเจาะจง มันขึ้นอยู่กับตัณหา ตัณหามันมีทั้งอยากและไม่อยาก
ถ้าเกิดไม่อยาก รูปก็จะเป็นว่าน่าเกลียด ถ้าอยากก็เป็นสวย
ความอยากและรูปเป็นปรมัตถ์ สวยและน่าเกลียดเป็นสมมุติบัญญัติ

"การไม่สมปรารถณา"เป็นเรื่องของขันธ์ เป็นอาการของจิต
จนเกิดการปรุงแต่งขึ้นให้เป็นทุกข์
ดูซิ คนฉลาด ขนาดความหมายของ กามคุณ ยังไม่เข้าใจเลย ยังบอกว่าท่านกบ กล่าวผิดเสียอีก :b9: :b32: :b32: :b32:

[๑๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นคุณของกามทั้งหลาย.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ รูปที่พึง

รู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม

เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต. . .กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วย

ฆานะ. . .รสที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหา. . .โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย น่าปรารถนา

น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการเหล่านี้แล. ความสุข ความโสมนัส

ใดเล่า อาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณของกามทั้งหลาย.

อ่านพระไตรปิฎกเป็นนกแก้วนกขุนทอง พูดจนปากจะฉึกก็ไม่สำนึก
พระไตรปิฎกน่ะถูกอยู่แล้ว แต่คนเอามาอ้างมันผิด
คุณกะลายังดีที่รู้จักอธิบายความ ถึงจะผิดก็เถอะ
ผิดกับฝึกจิต ที่อ่านพระไตรปิฎกแบบนกแก้วนกขุนทอง


ที่ผมบอกว่าคุณกะลาอธิบายความผิด เพราะแกเอาสมมุติบัญญัติมาพูด
อย่างคำว่า หอม สวย เสียงเพราะฯลฯ


ในกระบวนการขันธ์มันไม่มีแบบที่คุณกะลาแกว่า มันมีแต่ โลภ(อยากได้ ) โกรธ(ไม่อยากได้)
และโมหะ(หลง) เขาเรียกว่าอาการของจิต ทั้งนี้ทั้งนั้นมันถูกบ่งการด้วยกิเลสหรือตัณหา(กามราคะ)

ตัณหาที่ทำให้เกิดอาการของจิตมีสามอย่าง...
๑.กามตัณหา คือ ความอยากหรือไม่อยาก ใน สัมผัสทั้ง 5
๒.ภวตัณหา คือ ความอยากทางจิตใจ เมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว ไม่ต้องการให้มันเปลี่ยนแปลง
๓.วิภวตัณหา คือ ความไม่อยากทางจิต ความอยากดับสูญ
กามคุณห้าที่เรากำลังพูด มันก็คือกามตัณหาในปฏิจสมุบาท และเป็นความอยากหรือ
ไม่อยากในขันธ์ห้า

ความอยากของตัณหาเกิดได้หกทางได้แก่
๑.รูปตัณหา คือ อยากได้รูป
๒.สัททตัณหา คือ อยากได้เสียง
๓.คันธตัณหา คือ อยากได้กลิ่น
๔.รสตัณหา คือ อยากได้รส
๕.โผฏฐัพพตัณหา คือ อยากได้โผฏฐัพพะ
๖.ธัมมตัณหา คือ อยากในธรรมารมณ์
จะอธิบายความอยากของตัณหา๑-๕ให้ฟัง เพราะเกี่ยวกับกามคุณห้า
๑.รูปตัณหา ก็คือสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตาแล้วเกิดความชอบหรือไม่ชอบขึ้น
ความชอบหรือไม่ชอบมันแล้วแต่บุคคล ใครชอบก็บอกว่าดี ว่าสวย
ซึ่งเราจะเอามาเปรียบกันไม่ได้ อย่างเราไปมองภาพศิลปบางภาพเราว่ามันสกปรกไม่อยากดู
แต่บางคนว่าสวยเป็นศิลป อยากมอง

๒.สัททตัณหา คือการได้รับรู้ทางหู เสียงก็เช่นกันบางคนชอบฟังเพลงคลาสิก
บางคนชอบร็อก ไอ้คนชอบร็อกมันก็ไม่ชอบคลาสิก ไอ้ที่ชอบคลาสิกก็ไม่ชอบร็อก
มันไม่ใช่อยู่ที่เพราะหรือไม่เพราะ มันอยู่ที่ชอบหรือไม่ชอบ

๓.คันธตัณหา เรื่องกลิ่นเคยได้ยินเขาพูดมั้ยว่า หอมชวนอ็วก เหม็นชวนดม
ใครชอบก็บอกว่าหอม ไม่ชอบก็ว่าเหม็น คุณเคยเห็นคนแคะหัวแม่ตีนแล้วเอามาดมมั้ย
ความรู้สึกของคนอื่นว่ามันเหม็นไม่อยากดม แด่ทำไมตัวเองดมได้
บางคนชอบกลิ่นปลาร้า กลิ่นทุเรียน แต่บางนได้กลิ่นแล้วจะอาเจียน

๔.รสตัณหา อยากได้รส ในความเป็นจริงรสอร่อยมันไม่มี มันมีแต่ขม หวาน เผ็ดฯลฯ
มันอยู่ที่ให้ชอบเผ็ดก็ว่าอร่อย ไม่ชอบก็ว่าไม่อร่อย

๕.โผฐฐัพพตัณหา สัมผัสทางกาย สมมุติเราปวดเมื่อยแล้วให้คนนวด
เราก็ต้องการให้เขานวดหรือสัมผัสแรงๆ แต่ถ้าเป็นการทักทายมันก็ต้องสัมผัสเบาๆใช่มั้ย

ข้อหกไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งหมดที่พูดมามันอยู่ที่อาการของจิตทั้งนั้นว่าชอบหรือไม่ชอบ
มันไม่มีเรื่องที่กะลาเขาพูด เรื่องที่กะลาพูดมันเป็นสมมุติบัญญัติ
ไม่มีแก่นสาร ใช้ไม่ได้ครับ :b13:



ถ้าไม่เชื่อ ที่ผมยกมาก็ลอง พิมพ์คำว่า กามคุณห้า ใน GooGle ดูก็ได้ จะได้ดูว่า คนที่โง่เข้าใจอบบกระผมัท้งนาน มีคุณฉลาดอยู่คนเดียว แล้วยังแยก กามคุณ กับ ตัณหา ยังไม่ออกอีกด้วย เฮ้อ :b2:

เอาไปอีกบท
ภิกษุ ท.! กามคุณมีห้าอย่างเหล่านี้. ห้าอย่างเหล่าไหนเล่า? ห้า
อย่างคือ รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู, กลิ่นที่ดมด้วยจมูก, รสที่ลิ้ม
ด้วยลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยกาย, อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารัก
ใคร่ น่าพอใจ ที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ. ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล คือกามคุณห้าอย่าง.

ภิกษุ ท.! เปรียบได้ดั่งเนื้อป่า ตัวที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในบ่วง
เมื่อนายพรานมาถึงเข้า, มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ฉันใด; ภิกษุ ท.!
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, พวกเขา พากันติดอกติด
ใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณห้าอย่างเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่มองเห็นส่วนที่
เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากทุกข์ ทำการ
บริโภคกามคุณทั้งห้านั้นอยู่; สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น อันคนทั้งหลายพึง
เข้าใจเถิดว่า เป็นผู้จะถึงความพินาศย่อยยับ แล้วแต่มารผู้ใจบาป ต้องการจะทำ
ตามอำเภอใจอย่างใด แล.

:b8: :b8: :b8:

ต้องแปลไทยเป็นไทย อีกมั้ยเนี้ย :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ต้องแปลไทยเป็นไทย อีกมั้ยเนี้ย :b32: :b32:

คุณนี่พูดไม่รู้ฟังเนอะ บอกแล้วว่าอ่านพระไตรปิฎก
อย่าแค่อ่านแล้วก็แปลคำศัพท์ ธรรมมีที่มาที่ไป มันไม่ใช่แค่ธรรมหมวดนั้น
แล้วมันจบตรงนั้น คุณไม่คิดเลยหรือว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ตัวอย่างเช่น ในพระธรรมบอกกามคุณห้า มันต้องหาเหตุที่มาที่ไปของกามคุณห้า
ไม่ใช่เขาบอกกามคุณห้า คุณก็พูดเป็นนกแก้วนกคุณทองว่ากามคุณห้า


ถ้าจะเถียงกับผมเรื่องคำศัพท์ ผมแนะนำครับให้คุณไป
ขอความรู้จาก "คุณเช่นนั้นครับ" เจ้านั้นแน่นคำศัพท์ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ถ้าไม่เชื่อ ที่ผมยกมาก็ลอง พิมพ์คำว่า กามคุณห้า ใน GooGle ดูก็ได้ จะได้ดูว่า คนที่โง่เข้าใจอบบกระผมัท้งนาน มีคุณฉลาดอยู่คนเดียว :

ที่เขาเข้าใจแบบเดียวกับคุณก็เพราะ เขาไม่ได้พิจารณาธรรม เขาก็ใช่วิธีแบบคุณ
หรือคุณนั้นแหล่ะไปใช่วิธีแบบเขา แล้วไอ้กรูเกิลกับกับพระอภิธรรมมันต่างกัน
เหมือนนรกกับสวรรค์ ถ้ารู้จริงพิจารณาธรรมเป็น มันต้องเข้าไป 84000พระธรรมขันธ์
และต้องเป็นพุทธพจน์ ไม่ใช่อรรถกถา ไปเอาคำสอนของใครมาก็ไม่รู้แล้วก็มาโวยวาย
ชาวบ้านว่า "แปลไทยเป็นไทย" กำลังเรียนธรรมอยู่น่ะ ไม่ใช่เรียนภาษาต่างประเทศ

ยกตัวอย่างให้ดู คุณลองไปถามนักกฎหรือผู้พิพากษา ดูซิว่าเขาใช้วิธีการใดตัดสินคดี
เขาอ่านแต่ข้อกฎหมายอย่างเดียวหรือเปล่า

พุทโธ่เอ้ย! เขาต้องหาสาเหตุของคดีว่าเป็นมาอย่างไร แล้วจึงสรุปว่าผิดหรือไม่

อย่างคุณจะอ้างพุทธพจน์หรืออรรถกถา มันต้องอธิบายความประกอบด้วย
ว่า มันผิดถูกอย่างไร ไม่ใช่โพสเฉยๆ พอคนอื่นเขาตีความให้ฟัง คุณก็มาว่าเขา
ต้องแปลไทยเป็นไทย ไร้เดียงสาครับ แบบนี้เรียนกฎหมายโดนรีไทร์ตั้งแต่เทอมแรก

ฝึกจิต เขียน:
มีคุณฉลาดอยู่คนเดียว แล้วยังแยก กามคุณ กับ ตัณหา ยังไม่ออกอีกด้วย เฮ้อ :b2: :

คุณหรือผมกันแน่ที่แยกกามคุณกับตัณหาไม่ออก ผมสู้อุตสาห์อธิบายความให้ฟังว่า
กามคุณคืออะไร มันมีเหตุมาจากอะไร ตัณหาเป็นอะไร แตกต่างจากกามคุณตรงไหน
ผมถามจริงๆว่าคุณอ่านหรือเปล่า ถ้าอ่านแล้วไม่รู้เรื่องผมก็ให้อภัยไม่ถือสา
ผมให้อภัยคุณได้ คุณก็ต้องให้อภัยผมได้ที่ผมชอบหัวเราะเยาะในความ
ไม่ปะสีปะสาของคุณครับ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 10:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เอาไปอีกบท
ภิกษุ ท.! กามคุณมีห้าอย่างเหล่านี้. ห้าอย่างเหล่าไหนเล่า? ห้า
อย่างคือ รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู, กลิ่นที่ดมด้วยจมูก, รสที่ลิ้ม
ด้วยลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยกาย, อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารัก
ใคร่ น่าพอใจ ที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ. ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล คือกามคุณห้าอย่าง.

ภิกษุ ท.! เปรียบได้ดั่งเนื้อป่า ตัวที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในบ่วง
เมื่อนายพรานมาถึงเข้า, มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ฉันใด; ภิกษุ ท.!
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, พวกเขา พากันติดอกติด
ใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณห้าอย่างเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่มองเห็นส่วนที่
เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากทุกข์ ทำการ
บริโภคกามคุณทั้งห้านั้นอยู่; สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น อันคนทั้งหลายพึง
เข้าใจเถิดว่า เป็นผู้จะถึงความพินาศย่อยยับ แล้วแต่มารผู้ใจบาป ต้องการจะทำ
ตามอำเภอใจอย่างใด แล.
ต้องแปลไทยเป็นไทย อีกมั้ยเนี้ย :b32: :b32:

แล้วจะเอามาโพสทำไม เดียวเราสอนธรรมให้ก็งงหนักเข้าอีก
ฝึกจิตตั้งสติให้ดี แล้วดูสาเหตุที่แท้ว่า ที่ผมแสดงความเห็นแย้งคุณกะลา
ดูซิครับว่า ประเด็นที่แท้จริงมันอยู่ตรงไหน

มันใช้เรื่องสมมุติบัญญัติกับอารมณ์ปรมัตถ์หรือไม่
เรื่อง สวย หอมไพเราะน่ะ คุณนี่ไม่ได้สติเลยโพสธรรมให้มั่วไปหมด
เหมือนสุภาษิตหัวล้านพกหวี แถมเอาหวีมาอวดชาวบ้าน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 10:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

:b8: :b8: :b8:

ต้องแปลไทยเป็นไทย อีกมั้ยเนี้ย :b32: :b32:


:b32:

:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เอาไปอีกบท
ภิกษุ ท.! กามคุณมีห้าอย่างเหล่านี้. ห้าอย่างเหล่าไหนเล่า? ห้า
อย่างคือ รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู, กลิ่นที่ดมด้วยจมูก, รสที่ลิ้ม
ด้วยลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยกาย, อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารัก
ใคร่ น่าพอใจ ที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ. ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล คือกามคุณห้าอย่าง.

ภิกษุ ท.! เปรียบได้ดั่งเนื้อป่า ตัวที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในบ่วง
เมื่อนายพรานมาถึงเข้า, มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ฉันใด; ภิกษุ ท.!
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, พวกเขา พากันติดอกติด
ใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณห้าอย่างเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่มองเห็นส่วนที่
เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากทุกข์ ทำการ
บริโภคกามคุณทั้งห้านั้นอยู่; สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น อันคนทั้งหลายพึง
เข้าใจเถิดว่า เป็นผู้จะถึงความพินาศย่อยยับ แล้วแต่มารผู้ใจบาป ต้องการจะทำ
ตามอำเภอใจอย่างใด แล.
ต้องแปลไทยเป็นไทย อีกมั้ยเนี้ย :b32: :b32:

แล้วจะเอามาโพสทำไม เดียวเราสอนธรรมให้ก็งงหนักเข้าอีก
ฝึกจิตตั้งสติให้ดี แล้วดูสาเหตุที่แท้ว่า ที่ผมแสดงความเห็นแย้งคุณกะลา
ดูซิครับว่า ประเด็นที่แท้จริงมันอยู่ตรงไหน

มันใช้เรื่องสมมุติบัญญัติกับอารมณ์ปรมัตถ์หรือไม่
เรื่อง สวย หอมไพเราะน่ะ คุณนี่ไม่ได้สติเลยโพสธรรมให้มั่วไปหมด
เหมือนสุภาษิตหัวล้านพกหวี แถมเอาหวีมาอวดชาวบ้าน :b32:


งั้นคุณโฮ ช่วยอธิบาย ไอ้สมมตุบัญญัติ กับ อารมณ์ปรมัตถ์ เรื่องสวย หอม ไพเราะให้กระผมผู้โง่เขลา ฟังหน่อยเถอะครับ เผื่อผมจะได้ฉลาดกับเขาขึ้นบ้างสักกะนิด อ่ะครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
งั้นคุณโฮ ช่วยอธิบาย ไอ้สมมตุบัญญัติ กับ อารมณ์ปรมัตถ์ เรื่องสวย หอม ไพเราะให้กระผมผู้โง่เขลา ฟังหน่อยเถอะครับ เผื่อผมจะได้ฉลาดกับเขาขึ้นบ้างสักกะนิด อ่ะครับ

:b8:

ก็อยู่ข้างบนไง อธิบายมาซะยืดยาวไม่เห็นหรือ
เรื่องของตัณหาสาม กับเรื่องอาการของจิตน่ะ
หัดอ่านหัดพิจารณาธรรม ไม่ใช่จะดูแต่คำศัพท์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
งั้นคุณโฮ ช่วยอธิบาย ไอ้สมมตุบัญญัติ กับ อารมณ์ปรมัตถ์ เรื่องสวย หอม ไพเราะให้กระผมผู้โง่เขลา ฟังหน่อยเถอะครับ เผื่อผมจะได้ฉลาดกับเขาขึ้นบ้างสักกะนิด อ่ะครับ

:b8:

ก็อยู่ข้างบนไง อธิบายมาซะยืดยาวไม่เห็นหรือ
เรื่องของตัณหาสาม กับเรื่องอาการของจิตน่ะ
หัดอ่านหัดพิจารณาธรรม ไม่ใช่จะดูแต่คำศัพท์



แล้วส่วนที่ไม่ชอบไม่อยาก มันอยู่ในความหมายของกามคุณห้ามั้ยละครับ :b34:
แล้วที่คุณกบ บอกมานั้น มันต่างจากความในพุทธพจน์หรือ ที่ท่านว่าเรื่องที่กะลาพูดมันเป็นสมมุติบัญญัติ
ไม่มีแก่นสาร ใช้ไม่ได้ครับ


งั้นแสดงว่า ...... :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร