วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 114 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 05:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ขอตอบจากภาคปฏิบัตินะเจ้าค่ะผิดถูกก็โปรดช่วยพิจารณา :b8:
ก่อนอื่นเราต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขันธ์5
ที่บอกว่าสภาวะจิตทรงตัวอยู่นั้นหมายถึง กรณีที่จิตเป็นสมาธิ นิ่งรู้ไม่วิ่งไปจับกระแสภายนอก หรือธัมมารมณ์ภายนอกมาปรุงแต่ง ทาง หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ เราก็จะเกิดสภาวะที่เรียกว่า จิตทรงอยู่เฉยๆคือจิตเป็นสมาธิ
ส่วนสภาวะที่จิตไม่ทรงตัวอยู่เกิด ดับ ตลอดเวลานั้น หมายถึง จิตที่เห็นกระแสปกิจสมุปบาท จิตเห็นการเกิดดับของสภาวะตน เห็น อารมณ์มันแปรปรวนเมื่อผัสสะมากระทบ หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ จิตประเภทนี้จะรู้สึกเหมือนเห็นหนังที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบื่อแล้วขี้เกียจ แล้วก็อาจจะเบื่อไม่อยากดูเลย พอเบื่อไม่อยากดูจิตก็จะไม่ส่งออกไปฟุ้งซ่านภายนอก แต่จิตก็นิ่งรู้อยู่เพราะจิตเป็นสมาธิ ถ้าคนธรรมดาจะไม่รู้สภวะของการเกิดดับของจิต แต่จะรู้เพียงว่ามีจิตเป็นสมาธินิ่งรู้ลงปัจจุบัณขณะ หรือมีสติตั้งมั่นนั่นเอง :b43: :b43:


:b8: :b8: :b8:

คุณน้อง คิดว่า กระบวนการขันธ์5 กับ กระแส ปฏิจจ..เป็นสิ่งเดียวกันมั้ย มันไหลไปตามนั้นมั้ย ครับ
เห็น อริยสัจจ4 เห็น สติปัฏฐาน4 เห็นไตรลักษณ์ ในกระแส นั้นมั้ยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 06:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ขึ้นชื่อว่าจิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์
ตัวจิตเองนั้นไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆต้องเกิดดับตลอดเวลา
เพราะจิตนั้นก็ตกอยู่ในสภาพธรรมของไตรลักษณ์เช่นกัน
คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
การเจริญวิปัสสนา
จิตจะรับรู้ไปตามอารมณ์ที่มากระทบหรือที่เกิดขึ้น
และรับรู้ตามสังขารที่ปรุงแต่ง
ก็หมายความว่า อารมณ์ใดมากระทบก็ไปพิจารณาอารมณ์นั้น
ไม่ได้มีอารมณ์เดียวดังที่ทำสมาธิ
การทำสมาธินั้นจิตจะมีอารมณ์เดียว เป็นการฝึกจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว
จะดูเหมือนกับว่า จิตนั้นทรงอยู่เฉยๆคือไม่เกิดไม่ดับ
เพราะจะไม่สนใจการเกิดดับของจิต จะสนใจอยู่ที่อารมณ์อย่างเดียว
แต่ตัวจิตเองมีการเกิดดับเป็นธรรมดาจึงเรียกว่าจิตไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 06:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ขึ้นชื่อว่าจิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์
ตัวจิตเองนั้นไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆต้องเกิดดับตลอดเวลา
เพราะจิตนั้นก็ตกอยู่ในสภาพธรรมของไตรลักษณ์เช่นกัน
คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
การเจริญวิปัสสนา
จิตจะรับรู้ไปตามอารมณ์ที่มากระทบหรือที่เกิดขึ้น
และรับรู้ตามสังขารที่ปรุงแต่ง
ก็หมายความว่า อารมณ์ใดมากระทบก็ไปพิจารณาอารมณ์นั้น
ไม่ได้มีอารมณ์เดียวดังที่ทำสมาธิ
การทำสมาธินั้นจิตจะมีอารมณ์เดียว เป็นการฝึกจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว
จะดูเหมือนกับว่า จิตนั้นทรงอยู่เฉยๆคือไม่เกิดไม่ดับ
เพราะจะไม่สนใจการเกิดดับของจิต จะสนใจอยู่ที่อารมณ์อย่างเดียว
แต่ตัวจิตเองมีการเกิดดับเป็นธรรมดาจึงเรียกว่าจิตไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ



จิตมีตัว ด้วยหรือครับลุงหมาน แล้ว เกิดอยู่นานมั้ยครับกว่าจะดับ และดับนานมั้ยครับกว่าจะเกิด ทำไมมันจึงเกิด ทำไมมันจึงดับครับ มีพระสูตรมาให้พิจารณามั้ยครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ขึ้นชื่อว่าจิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์
ตัวจิตเองนั้นไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆต้องเกิดดับตลอดเวลา
เพราะจิตนั้นก็ตกอยู่ในสภาพธรรมของไตรลักษณ์เช่นกัน
คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
การเจริญวิปัสสนา
จิตจะรับรู้ไปตามอารมณ์ที่มากระทบหรือที่เกิดขึ้น
และรับรู้ตามสังขารที่ปรุงแต่ง
ก็หมายความว่า อารมณ์ใดมากระทบก็ไปพิจารณาอารมณ์นั้น
ไม่ได้มีอารมณ์เดียวดังที่ทำสมาธิ
การทำสมาธินั้นจิตจะมีอารมณ์เดียว เป็นการฝึกจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว
จะดูเหมือนกับว่า จิตนั้นทรงอยู่เฉยๆคือไม่เกิดไม่ดับ
เพราะจะไม่สนใจการเกิดดับของจิต จะสนใจอยู่ที่อารมณ์อย่างเดียว
แต่ตัวจิตเองมีการเกิดดับเป็นธรรมดาจึงเรียกว่าจิตไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ



จิตมีตัว ด้วยหรือครับลุงหมาน แล้ว เกิดอยู่นานมั้ยครับกว่าจะดับ และดับนานมั้ยครับกว่าจะเกิด ทำไมมันจึงเกิด ทำไมมันจึงดับครับ มีพระสูตรมาให้พิจารณามั้ยครับ

:b8:

จิตนั้นเป็นอนัตตาหาตัวตนไม่ได้
จิตนนั้นก็ไม่เที่ยงจึงเกิดดับลอดเวลา
ที่มันเกิดดับเพราะมันเป็นทุกข์จึงทนอยู่ไม่ได้
การเกิดดับของจิตนั้นท่านอุปมาไว้ว่าชั่วขณะลัดนิ้วมือหนึ่ง
จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ
ในพระสูตรนั้นจะหาอ่านได้ยาก จะเห็นในพระอภิธรรม
เพราะเป็นธรรมที่ลึกซึ้ง จึงเหมาะแก่การศึกษาสำหรับผู้มีปัญญามาก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 07:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ขึ้นชื่อว่าจิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์
ตัวจิตเองนั้นไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆต้องเกิดดับตลอดเวลา
เพราะจิตนั้นก็ตกอยู่ในสภาพธรรมของไตรลักษณ์เช่นกัน
คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
การเจริญวิปัสสนา
จิตจะรับรู้ไปตามอารมณ์ที่มากระทบหรือที่เกิดขึ้น
และรับรู้ตามสังขารที่ปรุงแต่ง
ก็หมายความว่า อารมณ์ใดมากระทบก็ไปพิจารณาอารมณ์นั้น
ไม่ได้มีอารมณ์เดียวดังที่ทำสมาธิ
การทำสมาธินั้นจิตจะมีอารมณ์เดียว เป็นการฝึกจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว
จะดูเหมือนกับว่า จิตนั้นทรงอยู่เฉยๆคือไม่เกิดไม่ดับ
เพราะจะไม่สนใจการเกิดดับของจิต จะสนใจอยู่ที่อารมณ์อย่างเดียว
แต่ตัวจิตเองมีการเกิดดับเป็นธรรมดาจึงเรียกว่าจิตไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ



จิตมีตัว ด้วยหรือครับลุงหมาน แล้ว เกิดอยู่นานมั้ยครับกว่าจะดับ และดับนานมั้ยครับกว่าจะเกิด ทำไมมันจึงเกิด ทำไมมันจึงดับครับ มีพระสูตรมาให้พิจารณามั้ยครับ

:b8:

จิตนั้นเป็นอนัตตาหาตัวตนไม่ได้
จิตนนั้นก็ไม่เที่ยงจึงเกิดดับลอดเวลา
ที่มันเกิดดับเพราะมันเป็นทุกข์จึงทนอยู่ไม่ได้
การเกิดดับของจิตนั้นท่านอุปมาไว้ว่าชั่วขณะลัดนิ้วมือหนึ่ง
จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ
ในพระสูตรนั้นจะหาอ่านได้ยาก จะเห็นในพระอภิธรรม
เพราะเป็นธรรมที่ลึกซึ้ง จึงเหมาะแก่การศึกษาสำหรับผู้มีปัญญามาก

จิตนั้นเป็นอนัตตาหาตัวตนไม่ได้ แล้วมันมีหรือไม่มีตัวตนครับ หรือ มีแต่เกิดดับ ครับ

จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ นี้มัน ประมาณว่า เกิดดับกี่รอบ ต่อ วินาทีครับ
จิตเกิดของมันเองดับของมันเองหรือครับ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ปุจฉา...จิตนั้นเป็นอนัตตาหาตัวตนไม่ได้ แล้วมันมีหรือไม่มีตัวตนครับ หรือ มีแต่เกิดดับ ครับ

จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ นี้มัน ประมาณว่า เกิดดับกี่รอบ ต่อ วินาทีครับ
จิตเกิดของมันเองดับของมันเองหรือครับ

วิสัชชนา....จิตนั้นมีอยู่ แต่หาตัวตนไม่ได้
เช่น "คน" ก็ไม่มีคนอยู่เพราะ"คนก็เป็นอนัตตา หา"คน"ไม่ได้เช่นกัน
คนที่เราเห็นกันที่เรียกว่าคน เพราะเราไปสมมติบัญญัติขึ้นมาเรียกกันว่าคน
คนนั้นก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม จะไม่มีคนอยู่เลย
ตาที่เห็นนั้นก็เห็นเพียง สี หรือ รูปารมณ์ เท่านั้นจะมองไม่เห็นคนเลย
ที่เราจับต้องหรือสัมผัสนั้น ก็จับต้องได้ เฉพาะ ดิน ไฟ ลม เท่านั้น น้ำก็ก็สัมผัสสไม่ได้เช่นกัน

การเกิดดับของจิตเร็วมาก ผู้ที่จะรู้ได้ต้องเจริญวิปัสสนาขั้นญาณที่ ๓ คือสัมมสนญานขึ้นไป
จึงจะเห็ความเกิดดับได้จริง จะให้เทียบเป็นวินาที่นั้นไม่ได้
ขนาดลัดนิ้วหนึ่งยังเกิดดับไปแสนโกฏิขณะแล้วจะเทียบไหวไหม
จิตเกิดดับไปตามสภาพธรรมที่เรียกว่าจิตนิยาม เหมือนน้ำก็ต้องไหลลงที่ต่ำเสมอ
เหมือนต้นไม้เมื่อถึงเวลาก็ออกดอกออกผลเอง เหมือนคนที่มีความชราอยู่ตลอดเวลา
มันจะไปตามเวลาแล้วมันก็แก่เอง เป็นการเกิดดับที่สืบต่อกันตลอดสายที่เรียกว่า สันตติ
จิตดวงเก่าดับเป็นปัจจัยให้ดวงใหม่เกิดเป็นเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะเข้าถึงปรินิพพาน

การเกิดดับของจิตคงจะเห็นในภาพตัวอย่างนี้ครับ
http://www.buddhism-online.org/Section03A_01.htm

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมาน เมื่อ 10 ส.ค. 2012, 07:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 07:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ปุจฉา...จิตนั้นเป็นอนัตตาหาตัวตนไม่ได้ แล้วมันมีหรือไม่มีตัวตนครับ หรือ มีแต่เกิดดับ ครับ

จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ นี้มัน ประมาณว่า เกิดดับกี่รอบ ต่อ วินาทีครับ
จิตเกิดของมันเองดับของมันเองหรือครับ

วิสัชชนา....จิตนั้นมีอยู่ แต่หาตัวตนไม่ได้
เช่น "คน" ก็ไม่มีคนอยู่เพราะ"คนก็เป็นอนัตตา หา"คน"ไม่ได้เช่นกัน
คนที่เราเห็นกันที่เรียกว่าคน เพราะเราไปสมมติบัญญัติขึ้นมาเรียกกันว่าคน
คนนั้นก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม จะไม่มีคนอยู่เลย
ตาที่เห็นนั้นก็เห็นเพียง สี หรือ รูปารมณ์ เท่านั้นจะมองไม่เห็นคนเลย
ที่เราจับต้องหรือสัมผัสนั้น ก็จับต้องได้ เฉพาะ ดิน ไฟ ลม เท่านั้น น้ำก็ก็สัมผัสสไม่ได้เช่นกัน

การดับของจิตเร็วมาก ผู้ที่จะรู้ได้ต้องเจริญวิปัสสนาขั้นญาณที่ ๓ คือสัมมสนญานขึ้นไป
จึงจะเห็ความเกิดดับได้จริง จะให้เทียบเป็นวินาที่นั้นไม่ได้
ขนาดลัดนิ้วหนึ่งยังเกิดดับไปแสนโกฏิขณะแล้วจะเทียบไหวไหม
จิตเกิดดับไปตามสภาพธรรมที่เรียกว่าจิตนิยาม เหมือนน้ำก็ต้องไหลลงที่ต่ำเสมอ
เหมือนต้นไม้เมื่อถึงเวลาก็ออกดอกออกผลเอง เหมือนคนที่มีความชราอยู่ตลอดเวลา
มันจะไปตามเวลาแล้วมันก็แก่เอง เป็นการเกิดดับที่สืบต่อกันตลอดสายที่เรียกว่า สันตติ
จิตดวงเก่าดับเป็นปัจจัยให้ดวงใหม่เกิดเป็นเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะเข้าถึงปรินิพพาน



:b8: :b8: :b8:

แบบนี้แล้วจะเห็น ลิงกระโดด จับกิ่งหนึ่ง ไปอีก กิ่งหนึ่ง กันมั้ยหนอ
เพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ การเกิด-ดับ จึงไม่มีทางเห็นการเกิด-ดับ ทั้งที่มัน อยู่กับเราตลอดเวลา

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ขึ้นชื่อว่าจิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์
ตัวจิตเองนั้นไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆต้องเกิดดับตลอดเวลา
เพราะจิตนั้นก็ตกอยู่ในสภาพธรรมของไตรลักษณ์เช่นกัน
คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
การเจริญวิปัสสนา
จิตจะรับรู้ไปตามอารมณ์ที่มากระทบหรือที่เกิดขึ้น
และรับรู้ตามสังขารที่ปรุงแต่ง
ก็หมายความว่า อารมณ์ใดมากระทบก็ไปพิจารณาอารมณ์นั้น
ไม่ได้มีอารมณ์เดียวดังที่ทำสมาธิ
การทำสมาธินั้นจิตจะมีอารมณ์เดียว เป็นการฝึกจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว
จะดูเหมือนกับว่า จิตนั้นทรงอยู่เฉยๆคือไม่เกิดไม่ดับ
เพราะจะไม่สนใจการเกิดดับของจิต จะสนใจอยู่ที่อารมณ์อย่างเดียว
แต่ตัวจิตเองมีการเกิดดับเป็นธรรมดาจึงเรียกว่าจิตไม่ได้อยู่นิ่งเฉยๆ

:b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ปุจฉา...จิตนั้นเป็นอนัตตาหาตัวตนไม่ได้ แล้วมันมีหรือไม่มีตัวตนครับ หรือ มีแต่เกิดดับ ครับ

จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ นี้มัน ประมาณว่า เกิดดับกี่รอบ ต่อ วินาทีครับ
จิตเกิดของมันเองดับของมันเองหรือครับ

วิสัชชนา....จิตนั้นมีอยู่ แต่หาตัวตนไม่ได้
เช่น "คน" ก็ไม่มีคนอยู่เพราะ"คนก็เป็นอนัตตา หา"คน"ไม่ได้เช่นกัน
คนที่เราเห็นกันที่เรียกว่าคน เพราะเราไปสมมติบัญญัติขึ้นมาเรียกกันว่าคน
คนนั้นก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม จะไม่มีคนอยู่เลย
ตาที่เห็นนั้นก็เห็นเพียง สี หรือ รูปารมณ์ เท่านั้นจะมองไม่เห็นคนเลย
ที่เราจับต้องหรือสัมผัสนั้น ก็จับต้องได้ เฉพาะ ดิน ไฟ ลม เท่านั้น น้ำก็ก็สัมผัสสไม่ได้เช่นกัน

การดับของจิตเร็วมาก ผู้ที่จะรู้ได้ต้องเจริญวิปัสสนาขั้นญาณที่ ๓ คือสัมมสนญานขึ้นไป
จึงจะเห็ความเกิดดับได้จริง จะให้เทียบเป็นวินาที่นั้นไม่ได้
ขนาดลัดนิ้วหนึ่งยังเกิดดับไปแสนโกฏิขณะแล้วจะเทียบไหวไหม
จิตเกิดดับไปตามสภาพธรรมที่เรียกว่าจิตนิยาม เหมือนน้ำก็ต้องไหลลงที่ต่ำเสมอ
เหมือนต้นไม้เมื่อถึงเวลาก็ออกดอกออกผลเอง เหมือนคนที่มีความชราอยู่ตลอดเวลา
มันจะไปตามเวลาแล้วมันก็แก่เอง เป็นการเกิดดับที่สืบต่อกันตลอดสายที่เรียกว่า สันตติ
จิตดวงเก่าดับเป็นปัจจัยให้ดวงใหม่เกิดเป็นเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะเข้าถึงปรินิพพาน



:b8: :b8: :b8:

แบบนี้แล้วจะเห็น ลิงกระโดด จับกิ่งหนึ่ง ไปอีก กิ่งหนึ่ง กันมั้ยหนอ
เพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ การเกิด-ดับ จึงไม่มีทางเห็นการเกิด-ดับ ทั้งที่มัน อยู่กับเราตลอดเวลา

:b8:


ต้องเจริญวิปัสสนาให้ได้ญานที่ ๓ ขึ้นไปครับ
http://www.buddhism-online.org/Section03A_01.htm

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุ ค่ะลุงหมาน

โดยส่วนตัวเป็นคนชอบศึกษาเรื่องการทำงานของจิต เป็นเรื่องที่ยาก การทำงานของจิตนี้น่าอัศจรรย์จริงๆ

รบกวนสอบถามลุงหมานหน่อยได้ไหมคะ มันมีเรื่องติดใจอยู่นิดหน่อย แต่ไม่เคยสอบถามใคร...
..คือบางครั้งเวลาจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เช่น อ่านกระทู้ยาวๆ หรือนั่งทำงานหน้าคอมหลายชั่วโมง จะเห็นหน้าจอคอมมันมีอาการสั่นมาก มีแสงสว่างสลับกับสีดำแต่เร็วมาก คือมันไม่ใช่หน้าจอปกติที่เราเคยมองแล้วมีรูปมีสีสวย มันมีอาการสั่นไหวตัวหนังสือก็ไม่ได้เป็นตัวสวย ๆ อย่างนี้มันกระพริบด้วยความเร็วสูง ...
หรือบางครั้งจ้องมองแสงไฟนีออน มันจะกระพริบมืดแล้วสว่าง ด้วยอาการที่รวดเร็วมากลักษณะแสงเหมือนเป็นคลื่นพลังงานที่มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นดับไปด้วยอาการที่รวดเร็ว
หรือบางครั้งตั้งใจฟังเสียงอะไรสักอย่างที่มันดังต่อเนื่องตลอดเวลา พอฟังไปสักพักมันจะมีช่วงที่เสียงมันหยุดแล้วก็ดังขึ้นอีกแต่ว่ามันเร็วมากนะ...
อยากรบกวนสอบถามลุงหมานว่าอาการอย่างนี้คืออะไร...แต่ไม่ได้เป็นตลอดเวลาจะเป็นในช่วงเวลาที่มีสมาธิมากเท่านั้น (หมายถึงว่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนในร่างกายอย่างรวดเร็ว)เราจะไม่รู้สิ่งอื่นใดเลยจะรู้ในสิ่งที่กำลังทำอยู่เท่านั้น...

ขอบคุณลุงหมานที่ตอบค่ะ..แต่ถ้าไม่ทราบก็ไม่เป็นไรค่ะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 15:02
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
การเกิดดับของจิตนั้นท่านอุปมาไว้ว่าชั่วขณะลัดนิ้วมือหนึ่ง
จิตเกิดดับไปแล้วแสนโกรธขณะ
แสนโกฎิขณะ นะเจ้าค่ะไม่ใช่ แสนโกรธขณะ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 09:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หุ..หุ.....พูดเรื่องจิตเกิดดับแล้ว....เป็นงี้ทุก..ที...

หะ..หุ... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ขอตอบจากภาคปฏิบัตินะเจ้าค่ะผิดถูกก็โปรดช่วยพิจารณา :b8:
ก่อนอื่นเราต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขันธ์5
ที่บอกว่าสภาวะจิตทรงตัวอยู่นั้นหมายถึง กรณีที่จิตเป็นสมาธิ นิ่งรู้ไม่วิ่งไปจับกระแสภายนอก หรือธัมมารมณ์ภายนอกมาปรุงแต่ง ทาง หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ เราก็จะเกิดสภาวะที่เรียกว่า จิตทรงอยู่เฉยๆคือจิตเป็นสมาธิ
ส่วนสภาวะที่จิตไม่ทรงตัวอยู่เกิด ดับ ตลอดเวลานั้น หมายถึง จิตที่เห็นกระแสปกิจสมุปบาท จิตเห็นการเกิดดับของสภาวะตน เห็น อารมณ์มันแปรปรวนเมื่อผัสสะมากระทบ หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ จิตประเภทนี้จะรู้สึกเหมือนเห็นหนังที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบื่อแล้วขี้เกียจ แล้วก็อาจจะเบื่อไม่อยากดูเลย พอเบื่อไม่อยากดูจิตก็จะไม่ส่งออกไปฟุ้งซ่านภายนอก แต่จิตก็นิ่งรู้อยู่เพราะจิตเป็นสมาธิ ถ้าคนธรรมดาจะไม่รู้สภวะของการเกิดดับของจิต แต่จะรู้เพียงว่ามีจิตเป็นสมาธินิ่งรู้ลงปัจจุบัณขณะ หรือมีสติตั้งมั่นนั่นเอง :b43: :b43:


:b8: :b8: :b8:

คุณน้อง คิดว่า กระบวนการขันธ์5 กับ กระแส ปฏิจจ..เป็นสิ่งเดียวกันมั้ย มันไหลไปตามนั้นมั้ย ครับ
เห็น อริยสัจจ4 เห็น สติปัฏฐาน4 เห็นไตรลักษณ์ ในกระแส นั้นมั้ยครับ

ขันธ์5ทำงานเชื่อมโยงกับปฏิจสมุปบาทคุนน้องเลยเรียกสั้นๆว่า กระบวนการขันธ์5 :b28: หลังจากนั้นก็จะเห็นสภาวะที่เกิดขึ้น หมายถึง เหตุปัจจัยเกิดขึ้น กระแสปฏิจสมุปบาททำงาน ถ้าจิตมีกำลังเป็นสมาธิ ก็จะเห็นสภาวะทุกข์สภาวะแปรปรวน ไตรลักษณ์จะปรากฏตอนนี้ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่เที่ยง มันทุกข์มันบังคับบัญชาไม่ได้ เด่วมันก็ดับ เมื่อเรามีสมาธิที่ได้ฝึกอบรมมาจากสติปัฏฐาน4 เราก็จะสามารถตัดกระแส ปฏิจสมุปปบาททันตรงผัสสะ อวิชชาก็จะไม่เกิด จิตเราก็จะวางเฉยไม่ไหลไม่สร้างเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดอวิชชาตามมา เมื่อเราไม่สร้างเหตุเพิ่ม อวิชชาก็ดับ ตรงนี้แหละคือสภาวะของความนิ่งรู้อยู่ เห็นฝนตกก็มีร่มทำให้ไม่เปียกปอนไปกับฝน แต่ซักพักฝนมันก็จะหยุดตกไปเอง อธิบายจากสภาวะของคุนน้องเองนะเจ้าค่ะ แต่ละวันเราต้องเจอสิ่งที่เข้ามากระทบกระทั่งจิตใจเรา เราต้องฝึกสติฝึกสมาธิไม่ให้
อารมณ์ของเราไหลไปกับกระแสนั้น ขนาดคุนน้องอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร ยังต้องสร้างเกาะคุ้มกันกิเลศ ตาไปเห็นรูปก็เอาแล้ว หูหาเรื่องได้ยินเรื่องไม่ดีอีกแล้ว คุนน้องถึงได้ประจักษ์ว่า ทุกสิ่งรอบกายเรามัน บังคับบัญชาไม่ได้ ทำให้เป็นไปตามใจเราไม่ได้ เราทำได้แค่อย่าเอาอารมณ์ไปยึดกับสิ่งเหล่านั้น ตอนนี้คุนน้องปฏิบัติมาถึงขั้น มีพี่เลี้ยงพญามารกับพี่เลี้ยงที่เป็นเทวดา กระซิบในจิตตลอดเวลาเลยในกระแสปฏิจ55+(เหมือนคนบ้า :b5: ) พญามารกระซิบก่อนต่อมาพี่เลี้ยงเทวดาก็มากระซิบอีก จิตเดิมคือปภัสสรเพราะอวิชชาที่จรมา :b39:
ปล. ท่านฝึกจิตรู้จักสภาวะ แม่น้ำหลายสายที่ไหลรวมลงจุดเดียวกันไหมหละเจ้าค่ะ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงก็เช่นกันมันลงที่เดียวกันหมดก็คือ ลงกายใจเรานี่เอง แต่ที่แยกย่อยออกไปเพื่อให้ทำความเข้าใจต่อสภาวะที่เกิดขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 10:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าท่า.....เข้าท่า.... :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เพราะสร้างความสงสัย สับสน กันได้ง่าย ในพระไตรปิฏกส่วนที่เป็นอภิธรรม จึงสาธยาย เรื่องจิต เอาไว้เยอะมาก

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 114 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร