วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 14:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 114 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

วรรคแรก เป็นความเข้าใจของ "ฝึกจิต" ใช่ไหมครับ

ส่วนที่ยกบทในพระอภิธรรม ต้องการคำอธิบาย หรือว่า ฝึกจิต นำบทนี้อธิบายความหมายด้านบนครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

แล้วจิต กับวิญญาณ มัน อันเดียวกัยมั้ยครับ
ส่วนที่ว่า ส่วนที่แตกออกมาเป็นวิญญาณเป็นเจตสิก ก็เป็นเพียงแตกกระทู้ซอยออกไป คือยังไงครับ

ขอบคุณครับ


ที่บอกว่าแตกกระทู้ซอยออก เพราะมีการอ้างอิงแยกออกจากพระสูตร

จึงต้องทำความเข้าใจในตัวกระทู้หลักก่อน ยังไม่ยุ่งกับกระทู้ซอยครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ถูกมั้ยหว่า





เมื่อใฝ่รู้ ชอบศึกษา รู้ไว้ ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ไม่ใช่เรื่องถูก/ผิดอะไรหรอก มันมีแต่การให้ค่า ตามเหตุปัจจัยของแต่ละคนน่ะ สุดแต่ว่า จะสืบสาวเอาเรื่องกับมันมั๊ย เท่านั้นเอง



แล้วท่านเห็นเป็นเช่นไรครับ

มันเป็นส่วนหนึ่งในการเอามาวิปัสสนา นะครับ ผมว่า


มันจะแทงตลอด จนเหลือ กำมือเดียว

อวิชชาจิตผมว่ายังงั้น :b12:


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

วรรคแรก เป็นความเข้าใจของ "ฝึกจิต" ใช่ไหมครับ

ส่วนที่ยกบทในพระอภิธรรม ต้องการคำอธิบาย หรือว่า ฝึกจิต นำบทนี้อธิบายความหมายด้านบนครับ


ก็คงทั้ง 2 อย่างนะครับท่าน ท่านมีอะไรชี้แนะ กล่าวมาได้ครับ และขอบคุณครับ


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

วรรคแรก เป็นความเข้าใจของ "ฝึกจิต" ใช่ไหมครับ

ส่วนที่ยกบทในพระอภิธรรม ต้องการคำอธิบาย หรือว่า ฝึกจิต นำบทนี้อธิบายความหมายด้านบนครับ


ก็คงทั้ง 2 อย่างนะครับท่าน ท่านมีอะไรชี้แนะ กล่าวมาได้ครับ และขอบคุณครับ

ขอความแน่นอนครับ คาดเดาแล้ว อธิบายไม่ได้ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 02:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

วรรคแรก เป็นความเข้าใจของ "ฝึกจิต" ใช่ไหมครับ

ส่วนที่ยกบทในพระอภิธรรม ต้องการคำอธิบาย หรือว่า ฝึกจิต นำบทนี้อธิบายความหมายด้านบนครับ


ก็คงทั้ง 2 อย่างนะครับท่าน ท่านมีอะไรชี้แนะ กล่าวมาได้ครับ และขอบคุณครับ

ขอความแน่นอนครับ คาดเดาแล้ว อธิบายไม่ได้ครับ


ก็เอาอย่างที่ท่านคิดว่ามันถูกอ่ะครับ ด้านบนส่วนนึ่ง ด้านล่างส่วนนึงก็ได้ครับ ด้านล่างอธิบายเฉพาะตัวแดงก็ได้ครับ


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

เมื่อ จิตปรุงแต่ง ด้วยธรรมอันเป็นสิ่งปรุงแต่งคืออริยมรรคมีองค์ 8 อันสมบูรณ์
จิตนั้น เรียกว่า สัมมาญาณะทัสสนะประกอบด้วยวิชชา อวิชชาย่อมดับลง
จิตนั้น บรรลุความหลุดพ้น อันเรียกสภาวะนั้นว่า สัมมาวิมุตติ อันไม่ปรุงแต่งด้วยกิเลสต่อไป
จิตนั้นจึงหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะความสิ้นเหตุปัจจัยอันก่อให้เกิดอาสวะ เรียกสภาวะนั้นว่า หลุดพ้นด้วยสอุปทิเสสนิพพานธาตุ
เพราะยังมีวิบากแห่งขันธ์เหลืออยู่จิตจึงเพียงดำเนินไปตามวิบากแห่งขันธ์ที่เหลืออยู่ จนกระทั่งหมดอายุขัย
จิตนั้นจึงทำหน้าทีสุดท้ายคือเคลื่อนไปและ ไม่ก่อปฏิสนธิอีกเพราะความสิ้นเหตุปัจจัย คือเคลื่อนไปดับไปด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
จิตจะมีก็ไม่ใช่ จะไม่มีก็ไม่ใช่ เพียงแต่เป็นธรรมธาตุหนึ่งที่ เนื่องด้วยเหตุปัจจัย
.....

จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้
เพราะจิตเป็นธรรมธาตุที่รู้ แลเนื่องด้วยเหตุปัจจัย
เพราะสังขารเป็นเหตุปัจจัย ความปรากฏแห่งจิตจึงปรากฏ
จึงกล่าวได้ว่า เจือกับจิตก็ไม่ได้ ไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้ ...เพราะด้วยเหตุด้วยปัจจัย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ขอบคุณครับเป็คำถามที่ดีมากที่เอาประสบการณ์ของจริงมาเล่าสู่กันฟัง
เอางี้นะครับลองใหม่สังเกตุว่า ตัวอารมณ์หรือจิตกันแน่ที่สั่นสะเทือน
อาการที่สั่นนั้นคงเป็นการเกิดดับของจิตหรืออารมณ์ก็ได้

ลุงหมานก็ไปได้เรื่อยๆนะครับ ตอบเป็นกำปั่นทุบดิน
พูดป่าวๆว่าเห็นการเกิดดับของจิต ตัวอะไรแน่ที่สั่นสะเทือน(พูดซะน่ากลัว)

อุปมาคำว่าสั่นสะเทือน มันก็คือการเปรียบเทียบของสองสิ่งที่เหมือนกัน
แต่แตกต่างกันที่คุณสมบัติ อย่างเช่นการได้ยินเสียงที่แตกต่างกัน ครั้งแรกได้ยิน
เสียงเบา ต่อมาเป็นเสียงดัง มันย่อมเป็นสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลง ...
สภาวะแบบนี้แหล่ะที่เรียกว่าการสั่นสะเทือน

และการสั่นสะเทือนมันเกิดขึ้นที่ไหน มันก็เกิดขึ้นที่ผัสสะ(วิญญาณขันธ์)
ที่สำคัญ อายตนะที่จะทำให้เกิดความสั่นสะเทือนได้
จะต้องเป็นอายตนะภายใน ตัวใดตัวหนึ่งเพียงตัวเดียว แต่อาตนะภายนอก
ที่มากระทบต้องมีตั้งแต่สองตัวขึ้นไปและต้องมีความแตกต่างกัน เช่นเสียง
เบากับเสียงดัง พูดง่ายๆก็คือ หูได้ยินเสียงสองชนิดที่สืบเนื่องกัน

ลุงหมาน เขียน:
แต่ตรงนี้ต้องผู้ที่เจริญวิปัสสนาเท่านั้นจึงจะเห็นความเกิดดับของจิตและอารมณ์ได้
อันนี้ผมว่าคุณเดินทางมาถูกต้องแล้ว ควรใช้สติพิจารณาอีกนิด วิริยะเพิ่มอีกหน่อย
ธรรมชาติอันหนึ่งจะเป็นผู้บอกกับท่านเอง และสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้
เป็นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่นะครับ แต่ท่านเองอาจทำไปโดยที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไร
อะไรเกิดขึ้นก็ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เช่นกัน ต้องขออนุโมทนาด้วยครับ

บางคนวิริยะก็มี สติก็พร้อม แต่ขาดกัลยณมิตรหรือคนที่คอยชี้แนวทางครับ
ถ้าได้คนที่ไม่เข้าใจธรรมมาแนะนำ บางที่ทำให้เราหลงก็ได้ สิ่งที่เรามีเราอาจจะนำไปใช้
ผิดทำให้หลงทางครับ

มีเยอะแยะไปครับ ที่เห็นสภาวะไตรลักษณ์มาตั้งแต่เด็ก
เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า มันเป็นอะไร มีเพียงแค่ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นที่ใจ
แต่ความรู้สึกหรือสภาวะนี้จะไม่ลืมครับ จนกว่าจะได้ครูบาอาจารย์หรือกัลยณมิตรผู้รู้
มาชี้แนะครับ


ความเห็นของลุงก็เหมือนกันครับ จะบอกอะไรใครเขา
โดยที่ตัวยังมีบารมีธรรมอ่อนกว่าผู้ที่ตัวแนะนำ ผมว่าลุงหมานจะไปดึงเขาลงต่ำนะครับ
อย่าเที่ยวได้ไปแนะนำคนที่กำลังรุดหน้าทางธรรมว่า "จิตเกิดดับ" เดียวจะทำให้เขาสับสน
กับสิ่งที่เขาได้มาหรือเป็นอยู่ครับ จะบอกลุงหมานครับว่า..
อย่าบอกหรือแนะนำสิ่งที่เข้าใจยากนอกเหนือจากสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่
ลุงหมานไปบอกเขาว่าการเกิดดับของจิต ผมว่าลุงก็ไม่รู้หรอกครับว่า
จิตเกิดดับอย่างไร อธิบายในสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ซิครับ
บอกเขาไปว่าเป็น....
การเกิดดับตามเหตุปัจจัยของกระบวนการขันธ์ห้า


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:

แล้วจิต กับวิญญาณ มัน อันเดียวกัยมั้ยครับ
ส่วนที่ว่า ส่วนที่แตกออกมาเป็นวิญญาณเป็นเจตสิก ก็เป็นเพียงแตกกระทู้ซอยออกไป คือยังไงครับ

ขอบคุณครับ


ที่บอกว่าแตกกระทู้ซอยออก เพราะมีการอ้างอิงแยกออกจากพระสูตร

จึงต้องทำความเข้าใจในตัวกระทู้หลักก่อน ยังไม่ยุ่งกับกระทู้ซอยครับ

แล้วคุณเช่นนั้น รู้ความในใจของจขกทหรือเปล่าครับว่า...ตั้งกระทู้นี่ขึ้นมา
เพื่อจุดประสงค์ใด ที่คนอื่นเขาแตกกระทู้ซอยออกไปน่ะดีแล้ว
กระทู้จะได้เป็นกุศล :b32:


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 07:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

เมื่อ จิตปรุงแต่ง ด้วยธรรมอันเป็นสิ่งปรุงแต่งคืออริยมรรคมีองค์ 8 อันสมบูรณ์
จิตนั้น เรียกว่า สัมมาญาณะทัสสนะประกอบด้วยวิชชา อวิชชาย่อมดับลง
จิตนั้น บรรลุความหลุดพ้น อันเรียกสภาวะนั้นว่า สัมมาวิมุตติ อันไม่ปรุงแต่งด้วยกิเลสต่อไป
จิตนั้นจึงหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะความสิ้นเหตุปัจจัยอันก่อให้เกิดอาสวะ เรียกสภาวะนั้นว่า หลุดพ้นด้วยสอุปทิเสสนิพพานธาตุ
เพราะยังมีวิบากแห่งขันธ์เหลืออยู่จิตจึงเพียงดำเนินไปตามวิบากแห่งขันธ์ที่เหลืออยู่ จนกระทั่งหมดอายุขัย
จิตนั้นจึงทำหน้าทีสุดท้ายคือเคลื่อนไปและ ไม่ก่อปฏิสนธิอีกเพราะความสิ้นเหตุปัจจัย คือเคลื่อนไปดับไปด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
จิตจะมีก็ไม่ใช่ จะไม่มีก็ไม่ใช่ เพียงแต่เป็นธรรมธาตุหนึ่งที่ เนื่องด้วยเหตุปัจจัย
.....

จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้
เพราะจิตเป็นธรรมธาตุที่รู้ แลเนื่องด้วยเหตุปัจจัย
เพราะสังขารเป็นเหตุปัจจัย ความปรากฏแห่งจิตจึงปรากฏ
จึงกล่าวได้ว่า เจือกับจิตก็ไม่ได้ ไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้ ...เพราะด้วยเหตุด้วยปัจจัย


:b8: :b8: :b8:

ธรรมหลวงปู่ดุลย์ บางส่วน

จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และสัตว์โลกทั้งปวงก็เป็นเช่นนั้น พวกเราเพียงแต่สามารถปลดเปลื้องตนเองออกจากความคิดปรุงแต่งเท่านั้น พวกเราจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง

หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ เลย จิตนี่แหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่จิต จิตนั้นโดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใช่ มิใช่จิต การที่กล่าวว่าจิตนั้น มิใช่จิตดังนี้ นั่นแหละ ย่อมหมายถึงสิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริงสิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ผูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว


:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ฝึกจิต เมื่อ 13 ส.ค. 2012, 07:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตอบคำถาม ท่านฝึกจิต

เรื่องจิต กับวิญญาณ และ ปัญจวิญญาณ

Quote Tipitaka:
[๑๐๘๖] จิต ๗ เป็นไฉน
คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญ-
*ญาณธาตุ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
เหล่านี้เรียกว่า จิต ๗
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


Quote Tipitaka:
[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณ ๖ หมวดนี้
คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ. ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย นี้เรียกว่าวิญญาณ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0


สรุป ให้ว่า เวลาพูดถึงจิต หมายถึงเป็น การพูด กลางๆ คือไม่ระบุเฉพาะเจาะจง
แต่เวลาพูด ถึงวิญญาณ ก็มุ่งแต่เฉพาะ วิญญาณ6

แต่ทั้งหมด ทั้ง วิญญาณ6 และมโนธาตุ3 นั้นคือ .... จิต

ยกตัวอย่าง เหมือนการพูด ถึงคน ก็หมายถึงคนทั้งหมด คนทั่วๆ ไป แต่ถ้าระบุว่า คนไทย คนฝรั่ง คนเยอรมัน นั่นเป็นการชี้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคลไป

ที่นี้มา อธิบายเรื่อง ปัญจวิญญาณ
ก็อย่างที่ท่านฝึกจิต เข้าใจ ถูกต้องแล้วครับ ยกเว้น มโนวิญญาณ ที่เหลือคือ ปัญจวิญญาณครับ

ปัญจวิญญาณ ประกอบด้วย จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ

ครบ 5 พอดี ............................ เขาถึงเรียกว่า ปัญจวิญญาณ

วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ........................เรียกว่า ปัญจวิญญาณ ..........ถูกครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 07:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ตอบคำถาม ท่านฝึกจิต

เรื่องจิต กับวิญญาณ และ ปัญจวิญญาณ

Quote Tipitaka:
[๑๐๘๖] จิต ๗ เป็นไฉน
คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญ-
*ญาณธาตุ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
เหล่านี้เรียกว่า จิต ๗
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


Quote Tipitaka:
[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณ ๖ หมวดนี้
คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ. ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย นี้เรียกว่าวิญญาณ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0


สรุป ให้ว่า เวลาพูดถึงจิต หมายถึงเป็น การพูด กลางๆ คือไม่ระบุเฉพาะเจาะจง
แต่เวลาพูด ถึงวิญญาณ ก็มุ่งแต่เฉพาะ วิญญาณ6



แต่ทั้งหมด ทั้ง วิญญาณ6 และมโนธาตุ3 นั้นคือ .... จิต

ยกตัวอย่าง เหมือนการพูด ถึงคน ก็หมายถึงคนทั้งหมด คนทั่วๆ ไป แต่ถ้าระบุว่า คนไทย คนฝรั่ง คนเยอรมัน นั่นเป็นการชี้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคลไป

ที่นี้มา อธิบายเรื่อง ปัญจวิญญาณ
ก็อย่างที่ท่านฝึกจิต เข้าใจ ถูกต้องแล้วครับ ยกเว้น มโนวิญญาณ ที่เหลือคือ ปัญจวิญญาณครับ

ปัญจวิญญาณ ประกอบด้วย จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ

ครบ 5 พอดี ............................ เขาถึงเรียกว่า ปัญจวิญญาณ

วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ........................เรียกว่า ปัญจวิญญาณ ..........ถูกครับ


ขอบคุณครับ
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

เมื่อ จิตปรุงแต่ง ด้วยธรรมอันเป็นสิ่งปรุงแต่งคืออริยมรรคมีองค์ 8 อันสมบูรณ์
จิตนั้น เรียกว่า สัมมาญาณะทัสสนะประกอบด้วยวิชชา อวิชชาย่อมดับลง
จิตนั้น บรรลุความหลุดพ้น อันเรียกสภาวะนั้นว่า สัมมาวิมุตติ อันไม่ปรุงแต่งด้วยกิเลสต่อไป
จิตนั้นจึงหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะความสิ้นเหตุปัจจัยอันก่อให้เกิดอาสวะ เรียกสภาวะนั้นว่า หลุดพ้นด้วยสอุปทิเสสนิพพานธาตุ
เพราะยังมีวิบากแห่งขันธ์เหลืออยู่จิตจึงเพียงดำเนินไปตามวิบากแห่งขันธ์ที่เหลืออยู่ จนกระทั่งหมดอายุขัย
จิตนั้นจึงทำหน้าทีสุดท้ายคือเคลื่อนไปและ ไม่ก่อปฏิสนธิอีกเพราะความสิ้นเหตุปัจจัย คือเคลื่อนไปดับไปด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
จิตจะมีก็ไม่ใช่ จะไม่มีก็ไม่ใช่ เพียงแต่เป็นธรรมธาตุหนึ่งที่ เนื่องด้วยเหตุปัจจัย
.....

จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้
เพราะจิตเป็นธรรมธาตุที่รู้ แลเนื่องด้วยเหตุปัจจัย
เพราะสังขารเป็นเหตุปัจจัย ความปรากฏแห่งจิตจึงปรากฏ
จึงกล่าวได้ว่า เจือกับจิตก็ไม่ได้ ไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้ ...เพราะด้วยเหตุด้วยปัจจัย


:b8: สาธุครับ

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทำไมจึง มีบัญญัติคำ ว่า ปัญจวิญญาณ
เป็นการจัดกลุ่มนั่นเอง
ปัญจวิญญาณ ก็กลุ่มหนึ่ง มโนวิญญาณ ก็อีกกลุ่มหนึ่ง

เวลาพูดว่า ปัญจวิญญาณ เป็นการพูดที่ไม่เจาะจงว่า เป็นจักขุวิญญาณ หรือ กายวิญญาณ เป็นต้น
แต่เป็นการพูดรวมๆ

ก็เหมือน การพูดว่า คนเอเซีย ........ ก็เป็นการพูดรวมๆ ไม่ระบุว่าคนไทย หรือคนญี่ปุ่น เป็นต้น เช่นกัน


Quote Tipitaka:
[๗๗๒] ธรรมเกิดร่วมกับจิต เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์, กายวิญญัติ วจีวิญญัติ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อ
ว่า ธรรมเกิดร่วมกับจิต.
ธรรมไม่เกิดร่วมกับจิต เป็นไฉน?
จิต รูปที่เหลือ และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เกิดร่วมกับจิต.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%C3%C3%C1


จากพระไตรปิฏกที่ผมยกมา อยากให้เห็นว่า จิต ไม่เกิดร่วมกับจิต

เพื่อเป็นการเน้นย้ำว่า แม้จิตจะมีเป็นร้อยดวง แต่ละดวง ไม่มีการเกิดพร้อมกัน

ยกตัวอย่าง เมื่อจิตทางตา คือ จักขุวิญญาณเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปแล้ว ต่อจากนั้น จิตอื่นจึงค่อยเกิดขึ้นทีหลัง

ความเข้าใจไม่ละเอียดตรงนี้ มีบางคน ถึงกับอธิบายว่า จิตเกิดเหมือนพลุ คือ เกิดพร้อมกันทั้งหกวิญญาณ แล้วดับไป เป็นต้น ซึ่งแท้จริงไม่ใช่อย่างนั้น
แท้จริงคือเกิดได้ทีละดวง

ดวงเก่าที่ดับไป กับดวงใหม่ที่เกิดขึ้นสืบต่อนั้น ไม่มีเว้นช่วง คือเกิดต่อทันทีไม่มีระหว่างคั่น เป็นไปตามอนันตรปัจจัย

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสต์ เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ทำไมจึง มีบัญญัติคำ ว่า ปัญจวิญญาณ
เป็นการจัดกลุ่มนั่นเอง
ปัญจวิญญาณ ก็กลุ่มหนึ่ง มโนวิญญาณ ก็อีกกลุ่มหนึ่ง

เวลาพูดว่า ปัญจวิญญาณ เป็นการพูดที่ไม่เจาะจงว่า เป็นจักขุวิญญาณ หรือ กายวิญญาณ เป็นต้น
แต่เป็นการพูดรวมๆ

ก็เหมือน การพูดว่า คนเอเซีย ........ ก็เป็นการพูดรวมๆ ไม่ระบุว่าคนไทย หรือคนญี่ปุ่น เป็นต้น เช่นกัน

แล้วรู้มั้ยว่าทำไมต้องแยก มโนวิญญาณออกต่างหากจาก ปัญจวิญญาณ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 114 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร