วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 04:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 261 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2012, 16:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
งาม.....ขำ



ท่านกบนี้ โครต ขำเลย อย่าซีเรียสนะครับ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

งั้นดูที่พระพุทธองค์ ทรงอธิบายไว้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง (สู่ครรภ์) การบังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ

:b8:




คำในวงเล็บ(ครรภ์) เป็น ทิฏฐิ ตามความรู้ที่มีอยู่ ของผู้แปล ขณะนั้น


ใจความตามเดิม คือ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง การบังเกิด

การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย

การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ



ชาติ(การเกิด บังเกิด) ต่อเนื่องจาก ภพ (เหตุ ได้แก่ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เหตุจาก อุปทาน)



ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย

ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย ได้แก่ นับตั้งแต่ชาติ จนถึงโสกะปริเทวะ



การที่สัตว์ ได้ซึ่ง อายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :

ล้วนเป็น ผล ที่เกิดจาก เหตุปัจจัย ของผู้ที่กระทำ


นับตั้งแต่ ผัสสะเกิด จนถึง ชาติ เป็นเหตุของการเกิด ภพชาติปัจจุบัน


ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ ในชีวิต

ผัสสะ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น


ปัจจุบัน กับ ผัสสะ ตัวเดียวกัน



ปัจจุบัน เป็น ผลอดีต หมายถึง เหตุที่กระทำไว้ ในอดีต ส่งผลมาให้ได้รับ คือ เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ


เป็นเหตุของอนาคต หมายถึง เหตุหรือสิ่งที่กระทำ ณ ปัจจุบัน เป็น เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ได้รับผล ในอนาคต

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 18:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:

งั้นดูที่พระพุทธองค์ ทรงอธิบายไว้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง (สู่ครรภ์) การบังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ

:b8:




คำในวงเล็บ(ครรภ์) เป็น ทิฏฐิ ตามความรู้ที่มีอยู่ ของผู้แปล ขณะนั้น

ใจความตามเดิม คือ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง การบังเกิด

การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย

การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ
ชาติ(การเกิด บังเกิด) ต่อเนื่องจาก ภพ (เหตุ ได้แก่ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เหตุจาก อุปทาน)
ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย ได้แก่ นับตั้งแต่ชาติ จนถึงโสกะปริเทวะ
การที่สัตว์ ได้ซึ่ง อายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ล้วนเป็น ผล ที่เกิดจาก เหตุปัจจัย ของผู้ที่กระทำ
นับตั้งแต่ ผัสสะเกิด จนถึง ชาติ เป็นเหตุของการเกิด ภพชาติปัจจุบัน
ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ ในชีวิต
ผัสสะ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน กับ ผัสสะ ตัวเดียวกัน
ปัจจุบัน เป็น ผลอดีต หมายถึง เหตุที่กระทำไว้ ในอดีต ส่งผลมาให้ได้รับ คือ เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ
เป็นเหตุของอนาคต หมายถึง เหตุหรือสิ่งที่กระทำ ณ ปัจจุบัน เป็น เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ได้รับผล ในอนาคต


สรุปว่าชาติ ไม่ใช่เกิด ลงสู่ครรภ์ หรือครับ
ที่ว่าเป็ทิฏฐิ ผู้แปลนั้น แปลว่าเขาแปลมาผิด แต่ที่ท่านเข้าใจนั้นถูกต้องหรือครับ
ขันธ์มาปรากฏที่ชาติ แล้วที่ผัสสะไม่มีขันธ์หรือครับ

s006
ยังไม่เข้าใจ ขออีกนิดนะครับ ท่านผู้รู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:

งั้นดูที่พระพุทธองค์ ทรงอธิบายไว้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง (สู่ครรภ์) การบังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ

:b8:




คำในวงเล็บ(ครรภ์) เป็น ทิฏฐิ ตามความรู้ที่มีอยู่ ของผู้แปล ขณะนั้น

ใจความตามเดิม คือ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง การบังเกิด

การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย

การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ
ชาติ(การเกิด บังเกิด) ต่อเนื่องจาก ภพ (เหตุ ได้แก่ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เหตุจาก อุปทาน)
ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย ได้แก่ นับตั้งแต่ชาติ จนถึงโสกะปริเทวะ
การที่สัตว์ ได้ซึ่ง อายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ล้วนเป็น ผล ที่เกิดจาก เหตุปัจจัย ของผู้ที่กระทำ
นับตั้งแต่ ผัสสะเกิด จนถึง ชาติ เป็นเหตุของการเกิด ภพชาติปัจจุบัน
ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ ในชีวิต
ผัสสะ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน กับ ผัสสะ ตัวเดียวกัน
ปัจจุบัน เป็น ผลอดีต หมายถึง เหตุที่กระทำไว้ ในอดีต ส่งผลมาให้ได้รับ คือ เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ
เป็นเหตุของอนาคต หมายถึง เหตุหรือสิ่งที่กระทำ ณ ปัจจุบัน เป็น เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ได้รับผล ในอนาคต


สรุปว่าชาติ ไม่ใช่เกิด ลงสู่ครรภ์ หรือครับ
ที่ว่าเป็ทิฏฐิ ผู้แปลนั้น แปลว่าเขาแปลมาผิด แต่ที่ท่านเข้าใจนั้นถูกต้องหรือครับ
ขันธ์มาปรากฏที่ชาติ แล้วที่ผัสสะไม่มีขันธ์หรือครับ

s006
ยังไม่เข้าใจ ขออีกนิดนะครับ ท่านผู้รู้




คำว่า ทิฏฐิ เป็นคำกลางๆ หมายถึง ความคิดเห็น

ถ้าใส่ คำว่า มิจฉา เข้าไป เป็น มิจฉาทิฏฐิ แปลว่า ความเห็นผิด

ถ้าใส่ คำว่า สัมมา เข้าไป เป็น สัมมาทิฏฐิ แปลว่า ความเห็นถูก

อันนี้กล่าวโดย ปริยัติ


กล่าวโดยสภาวะ

มิจฉาทิฏฐิ เกิดจาก เมื่อ ผัสสะเกิด แล้ว นำความเห็นของตนที่มีอยู่ ได้แก่ การให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตามความรู้สึกยินดี-ยินร้าย ที่เกิดขึ้น

เป็นเหตุให้ มีการสร้างเหตุออกไปทางวจีกรรมบ้าง กายกรรมบ้าง เช่น กล่าวว่า สิ่งนั้นถูก สิ่งนี้ผิด สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ชั่ว สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้เป็นอกุศล ฯลฯ


สัมมาทิฏฐิ เกิดจาก เมื่อผัสสะเกิด ใช้หลัก โยนิโสมนสิการ คือ ดูตามความเป็นจริงของผัสสะที่เกิดขึ้น รู้ตามความเป็นจริง คือ รู้สึกนึกคิดอย่างไร รู้ไปตามนั้น แต่ไม่สร้างเหตุออกไปทางวจีกรรมหรือกายกรรม

ขณะที่ โยนิโสมนสิการ มรรค มีองค์ ๘ ย่อมเกิด


ส่วนคำถาม ที่ถามมา


คำในวงเล็บ(ครรภ์) เป็น ทิฏฐิ ตามความรู้ที่มีอยู่ ของผู้แปล ขณะนั้น


หมายถึง สภาวะของผู้ที่แปลความหรือตีความ ในพระธรรมคำสอนนั้นๆ เกิดจาก ทิฏฐิ หรือ ความคิดเห็น ที่เกิดจาก ความรู้ ที่มีอยู่ ขณะนั้นๆ ไม่ใช่เรื่อง สัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ แต่อย่างใด


ฉะนั้น คำถามนี้ "แต่ที่ท่านเข้าใจนั้นถูกต้องหรือครับ" คงไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะ เป็นเพียงการแสดงข้อคิดเห็น ส่วนใครจะกล่าว่าถูกหรือผิด ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยของคนๆนั้น


ภาษาชาวบ้าน

มิจฉาทิฏฐิ คือ ใครเห็นไม่เหมือนตน คนนั้นผิด ใครเห็นเหมือนตน คนนั้นถูก สร้างเหตุวิวาทะให้เกิดขึ้นเนืองๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 13 ส.ค. 2012, 21:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 21:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:

งั้นดูที่พระพุทธองค์ ทรงอธิบายไว้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง (สู่ครรภ์) การบังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ

:b8:




คำในวงเล็บ(ครรภ์) เป็น ทิฏฐิ ตามความรู้ที่มีอยู่ ของผู้แปล ขณะนั้น

ใจความตามเดิม คือ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็ชาติ เป็นอย่างไรเล่า? การเกิด การกำเนิด
การก้าวลง การบังเกิด

การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย

การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้ เรียกว่า ชาติ
ชาติ(การเกิด บังเกิด) ต่อเนื่องจาก ภพ (เหตุ ได้แก่ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เหตุจาก อุปทาน)
ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย
ความปรากฏของขันธ์ทั้งหลาย ได้แก่ นับตั้งแต่ชาติ จนถึงโสกะปริเทวะ
การที่สัตว์ ได้ซึ่ง อายตนะทั้งหลาย ในสัตว์นิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ :
ล้วนเป็น ผล ที่เกิดจาก เหตุปัจจัย ของผู้ที่กระทำ
นับตั้งแต่ ผัสสะเกิด จนถึง ชาติ เป็นเหตุของการเกิด ภพชาติปัจจุบัน
ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ ในชีวิต
ผัสสะ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน กับ ผัสสะ ตัวเดียวกัน
ปัจจุบัน เป็น ผลอดีต หมายถึง เหตุที่กระทำไว้ ในอดีต ส่งผลมาให้ได้รับ คือ เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ขณะ
เป็นเหตุของอนาคต หมายถึง เหตุหรือสิ่งที่กระทำ ณ ปัจจุบัน เป็น เหตุ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ได้รับผล ในอนาคต


สรุปว่าชาติ ไม่ใช่เกิด ลงสู่ครรภ์ หรือครับ
ที่ว่าเป็ทิฏฐิ ผู้แปลนั้น แปลว่าเขาแปลมาผิด แต่ที่ท่านเข้าใจนั้นถูกต้องหรือครับ
ขันธ์มาปรากฏที่ชาติ แล้วที่ผัสสะไม่มีขันธ์หรือครับ

s006
ยังไม่เข้าใจ ขออีกนิดนะครับ ท่านผู้รู้




คำว่า ทิฏฐิ เป็นคำกลางๆ หมายถึง ความคิดเห็น

ถ้าใส่ คำว่า มิจฉา เข้าไป เป็น มิจฉาทิฏฐิ แปลว่า ความเห็นผิด

ถ้าใส่ คำว่า สัมมา เข้าไป เป็น สัมมาทิฏฐิ แปลว่า ความเห็นถูก

อันนี้กล่าวโดย ปริยัติ


กล่าวโดยสภาวะ

มิจฉาทิฏฐิ เกิดจาก เมื่อ ผัสสะเกิด แล้ว นำความเห็นของตนที่มีอยู่ ได้แก่ การให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จากอุปทานขันธ์ ๕ ความยึดมั่นถือมั่นที่มีอยู่

เป็นเหตุให้ มีการสร้างเหตุออกไปทางวจีกรรมบ้าง กายกรรมบ้าง เช่น กล่าวว่า สิ่งนั้นถูก สิ่งนี้ผิด สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ชั่ว สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้เป็นอกุศล ฯลฯ


สัมมาทิฏฐิ เกิดจาก เมื่อผัสสะเกิด ใช้หลัก โยนิโสมนสิการ คือ ดูตามความเป็นจริงของผัสสะที่เกิดขึ้น รู้ตามความเป็นจริง คือ รู้สึกนึกคิดอย่างไร รู้ไปตามนั้น แต่ไม่สร้างเหตุออกไปทางวจีกรรมหรือกายกรรม

ขณะที่ โยนิโสมนสิการ มรรค มีองค์ ๘ ย่อมเกิด


ส่วนคำถาม ที่ถามมา


คำในวงเล็บ(ครรภ์) เป็น ทิฏฐิ ตามความรู้ที่มีอยู่ ของผู้แปล ขณะนั้น


หมายถึง สภาวะของผู้ที่แปลความหรือตีความ ในพระธรรมคำสอนนั้นๆ เกิดจาก ทิฏฐิ หรือ ความคิดเห็น ที่เกิดจาก ความรู้ ที่มีอยู่ ขณะนั้นๆ ไม่ใช่เรื่อง สัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ แต่อย่างใด


ภาษาชาวบ้าน

มิจฉาทิฏฐิ คือ ใครเห็นไม่เหมือนตน คนนั้นผิด ใครเห็นเหมือนตน คนนั้นถูก สร้างเหตุวิวาทะให้เกิดขึ้นเนืองๆ


สรุปว่า ขันธ์5 มีที่ นามรูป หรือที่ ชาติ ครับ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

สรุปว่า ขันธ์5 มีที่ นามรูป หรือที่ ชาติ ครับ s006




รู้ไหมว่า ทำไม ในปฏิจจสมุปบาท จึงเขียน แบบนี้

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป


รู้ไหม ทำไม ในขันธ์ ๕ จึงเขียน แบบนี้

รูปนาม ขันธ์ ๕

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:

สรุปว่า ขันธ์5 มีที่ นามรูป หรือที่ ชาติ ครับ s006




รู้ไหมว่า ทำไม ในปฏิจจสมุปบาท จึงเขียน แบบนี้

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป


รู้ไหม ทำไม ในขันธ์ ๕ จึงเขียน แบบนี้

รูปนาม ขันธ์ ๕



ทำไมไม่ตอบ แต่กลับมาถามเสียนี้ s002
มันติดขัดตรงไหนหรือครับ
งันผมตอบก่อนก็ได้ นามรูป ไม่รวมถึง วิญญาณ รูปนาม รวมวิญญาณ

ตอบผมได้ยัง

จะเชื่ออะไรกับจิต ที่เต็มไปด้วยอวิชชา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:

ก็บอกไปว่า...ไม่เข้าใจ...ช่วยบอกหน่อย..สิ..

ง่ายดี... :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ฝึกจิต เขียน:

สรุปว่า ขันธ์5 มีที่ นามรูป หรือที่ ชาติ ครับ s006




รู้ไหมว่า ทำไม ในปฏิจจสมุปบาท จึงเขียน แบบนี้

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป


รู้ไหม ทำไม ในขันธ์ ๕ จึงเขียน แบบนี้

รูปนาม ขันธ์ ๕



ทำไมไม่ตอบ แต่กลับมาถามเสียนี้ s002
มันติดขัดตรงไหนหรือครับ
งันผมตอบก่อนก็ได้ นามรูป ไม่รวมถึง วิญญาณ รูปนาม รวมวิญญาณ

ตอบผมได้ยัง

จะเชื่ออะไรกับจิต ที่เต็มไปด้วยอวิชชา :b8:

ขอเอามาคุยต่อจากกระทู้อื่น

walaiporn เขียน:
เขาเพียงแยก ตามลักษณะอาการที่เกิด เหมือนๆกับ กิน รับประทาน ยัด แด-ก เพื่อใช้ในการสื่อสาร ให้เข้าใจไปในทางเดียวกัน



ออ หรือครับ

แต่ผมคิดว่า ขันธ์5 คือ รูป +เวทนา สัญญา สังขาร+ วิญญาณ = รูป +เจตสิก+จิต
นามรูป คือ รูป+เวทนา สัญญา ผัสสะ เจตนา นมสิการ

และส่วนพระสูตร ในอริยสัจจ์4ในปฏิจจสมุปบาท พระพุทธองค์ นำ วิตก และวิจารย์มาขยายเพิ่ม บางส่วนใน นามรูป ด้วย

ท่านดูแล้วยังว่า เป็นแบบที่ผมกล่าวมั้ยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นามรูป...เพราะ..นาม...มีก่อนรูป (ธาตุ 4)

รูปนาม...เพราะ...มีรูปแล้ว...เวทนา..สัญญา..สังขาร..วิญญาณ...จึงมี

แบบ...กำปั้นทุบดิน...อิอิ :b13:

ซึ่ง....ความจริง...มันไม่ใช่อย่างนี้หรอก....

หุหุ... :b12:

แต่ที่แยกอย่างนี้...ก็เพียงจะอธิบายให้เห็นภาพว่า...อาการนาม (เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ)ในขันธ์ 5 เกิด..เพราะ....รูป...(ซึ่งไม่ใช่รูปแต่ในความหมายของธาตุ 4 ที่มาประชุมกันเท่านั้น...แต่รวมถึงรูปในความหมายอื่นด้วย...)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


วิญญาณ มี นามรูปจึงมี นามรูปมี วิญญาณจึงมี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แบบนี้....
ข่อยบ่เข้าใจ...ดอก.. :b23: :b23: :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 23:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แบบนี้....
ข่อยบ่เข้าใจ...ดอก.. :b23: :b23: :b23:



ท่านกบนั่งสมาธิแล้วนำปฏิจจสมุปบาท มาพิจารณา นะครับ สมมุติว่า ท่านกบเองเป็นพระพุทธองค์ แล้วสิ่งที่โจทย์กำหนดคือ ทุกข์ จะหมดไปได้อย่างไร จากนั้น ก็ยกเอาทุกข์ที่รู้เห็นภายนอก แก่เจ็บตายเศร้าโศก มา มันเกิดจากอะไร มันมีเพราะอะไร ก็จะพบว่า เพราะเราเกิดมา(ชาติ) จึงมี แก่เจ็บตายเศร้าโศก จากนั้น สิ่งที่เรารู้สึกว่ามีเราเกิดขึ้นมา อันนั้นก็คือภพ ต่อไปเรื่อยๆ มันจะลึกและละเอียดทับกันลงไปเป็นชั้นๆ

ว่างๆก็ลองดูนะครับ ผมก็คลำๆเอา เชื่อได้ักเทาไหร่ไม่รู้

ส่วน วิญญาณ กับ นามรูป

ภิกษุ ท.! ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่, ได้เกิดความรู้สึกอันนี้ขึ้นว่า "สัตว์โลกนี้หนอ ถึงแล้วซึ่งความยากเข็ญย่อมเกิด ย่อมแก่ ย่อมตาย ย่อมจุติ และย่อมอุบัติ, ก็เมื่อสัตว์โลกไม่รู้จักอุบายเครื่องออกไปพ้นจากทุกข์ คือชรามรณะแล้ว การออกจากทุกข์ คือชรามรณะนี้จักปรากฏขึ้นได้อย่างไร."

ภิกษุ ท.! ความฉงนนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เมื่ออะไรมีอยู่หนอ ชรามรณะ จึงได้มี : เพราะมีอะไรเป็นปัจจัยหนอ จึงมีชรามรณะ" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ได้เกิดความรู้สึกด้วยปัญญา เพราะการทำในใจโดยแยบคาย, แก่เราว่า "เพราะ ชาติ นั่นแล มีอยู่ ชรามรณะ จึงได้มี : เพราะมีชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรามรณะ" ดังนี้.

...* เพราะ ภพ นั่นแล มีอยู่ ชาติ จึงได้มี : เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ" ดังนี้.

...เพราะ อุปาทาน นั่นแล มีอยู่ ภพ จึงได้มี : เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ"ดังนี้.

...เพราะ ตัณหา นั่นแล มีอยู่ อุปาทาน จึงได้มี : เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน" ดังนี้.

...เพราะ เวทนา นั่นแล มีอยู่ ตัณหา จึงได้มี : เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา" ดังนี้.

...เพราะ ผัสสะ นั่นแล มีอยู่ เวทนา จึงได้มี : เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา" ดังนี้.

...เพราะ สฬายตนะ นั่นแล มีอยู่ ผัสสะ จึงได้มี : เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ" ดังนี้.

...เพราะ นามรูป นั่นแล มีอยู่ สฬายตนะ จึงได้มี : เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ" ดังนี้.

[color=#FF0000]...เพราะ วิญญาณ นั่นแล มีอยู่ นามรูป จึงได้มี : เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ความฉงนนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เมื่ออะไรมีอยู่หนอ วิญญาณ จึงได้มี : เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ความรู้สึกอย่างยิ่งด้วยปัญญา เพราะการทำในใจโดยแยบคายได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เพราะ นามรูป นั่นแล มีอยู่ วิญญาณ จึงได้มี : เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ความรู้แจ้งนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "วิญญาณนี้ ย่อมเวียนกลับจากนามรูป : ย่อมไม่เลยไปอื่น;
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ สัตว์โลกนี้ พึงเกิดบ้าง พึงแก่บ้าง พึงตายบ้าง พึงจุติบ้าง พึงอุบัติบ้าง : ข้อนี้ได้แก่การที่ เพราะมีนามรูป เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้."

ภิกษุ ท.! ดวงตา เกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว ปัญญาเกิดขึ้นแล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว แก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาแต่ก่อนว่า "ความเกิดขึ้นพร้อม (สมุทัย) ! ความเกิดขึ้นพร้อม (สมุทัย)!" ดังนี้. [/color]

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 23:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
...เพราะ นามรูป นั่นแล มีอยู่ สฬายตนะ จึงได้มี : เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ" ดังนี้.

...เพราะ วิญญาณ นั่นแล มีอยู่ นามรูป จึงได้มี : เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ความฉงนนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เมื่ออะไรมีอยู่หนอ วิญญาณ จึงได้มี : เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ความรู้สึกอย่างยิ่งด้วยปัญญา เพราะการทำในใจโดยแยบคายได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เพราะ นามรูป นั่นแล มีอยู่ วิญญาณ จึงได้มี : เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ความรู้แจ้งนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "วิญญาณนี้ ย่อมเวียนกลับจากนามรูป : ย่อมไม่เลยไปอื่น;


:b8: :b8: :b8:

อ้อ นามรูป นี่เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 23:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

ท่านกบนั่งสมาธิแล้วนำปฏิจจสมุปบาท มาพิจารณา นะครับ สมมุติว่า ท่านกบเองเป็นพระพุทธองค์ แล้วสิ่งที่โจทย์กำหนดคือ ทุกข์ จะหมดไปได้อย่างไร จากนั้น ก็ยกเอาทุกข์ที่รู้เห็นภายนอก แก่เจ็บตายเศร้าโศก มา มันเกิดจากอะไร มันมีเพราะอะไร ก็จะพบว่า เพราะเราเกิดมา(ชาติ) จึงมี แก่เจ็บตายเศร้าโศก จากนั้น สิ่งที่เรารู้สึกว่ามีเราเกิดขึ้นมา อันนั้นก็คือภพ ต่อไปเรื่อยๆ มันจะลึกและละเอียดทับกันลงไปเป็นชั้นๆ

ว่างๆก็ลองดูนะครับ ผมก็คลำๆเอา เชื่อได้ักเทาไหร่ไม่รู้

:b8: :b8: :b8:


ตรงนี้...น่าสนใจ

ผมควานหาในลานธรรมแห่งนี้.....มานานแล้ว

ว่าง ๆ ...ช่วยผมหน่อย...นะครับ

:b17: :b17: :b17:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 261 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร