แบบนี้เป็นความเห็นของปุถุชน ที่ยังไม่รู้ความในอริยสัจจ์สี่(อวิชา)
ที่สำคัญไม่รู้ถึงเหตุแห่งทุกข์(สมุทัย) ตัวเหตุที่แท้จริงก็คือสังโยชน์
สังโยชน์เป็นกิเลสที่แท้จริงโดยมีตัณหาเป็นปัจจัย

ความรักกับความสุข ถ้าพูดถึงขันธฺห้าหรือกายใจเรา มันไม่ใช่ ความรู้สึก
แต่มันเป็น อุปาทานขันธ์ อันเนื่องมาจากจิตไปยึดเอากิเลส สังโยชน์
เข้ามาในกายใจ เลยทำให้เกิดความสุขหรือความรัก

ความรักทุกชนิด ในทางพุทธศาสนาแล้วมันเป็นกิเลสตัณหา ไม่ว่าบุคคล
จะเสกสรรปั้นแต่งให้มันดูดีอย่างไร มันก็คือ กิเลสหรือธรรมที่ผูกมัดใจสัตว์ไว้กับทุกข์
บางท่านอาจจะเข้าใจผิดไปว่า ความรัก เป็นอาการจิตที่เป็นกลุ่มเดียวกับโลภ โกรธ
และหลง แท้จริงแล้ว ความรักทำให้เกิด โลภ โกรธและหลง

ความสุขก็มีความหมายเดียวกับความรัก มันเป็นกิเลสในระดับเดียวกัน
ทั้งความรักและความสุข เป็น..อุทธัมภาคิยสังโยชน์เป็นกิเลสที่ละเอียดอ่อน
หรือเรียกว่าสังโยชน์เบื้องสูง

ด้วยเหตุที่ว่ามันเป็นสังโยชน์กิเลสเบื้องสูง จึงทำให้ผู้ที่ยังติดข้องอยู่กับ...
โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นกิเลสลักษณะใด
ต่างหลงเข้าใจว่า ความรักเป็นสิ่งดี ความสุขคือความสงบ เราต้องมีไว้ ผิดครับ

ไม่เถียงนะว่ามันเป็นสิ่งดี แต่มันเป็นกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ไว้กับทุกข์
นั้นก็คือทำให้ต้องวนเวียนในวัฏสงสาร

ความรักและความสุขที่บอกว่ามันเป็นสังโยชน์ แล้วเราเรียกมันว่าอะไร
ขอยกคำอธิบายศัพท์ของหลวงพ่อปยุตมาแสดงประกอบ...
สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง คือ
ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แก่
๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน
๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต
๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ
๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ
ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง ๕ ได้แก่
๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม

๘. มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่
๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง;

http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.ph ... 2%AA%B9%EC

ความรัก เป็นสังโยชน์เป็นธรรมที่เรียกว่า...รูปราคะ
ความสุข เป็นสังโยชน์เป็นธรรมที่เรียกว่า...อรูปราคะ

เห็นบางท่าน ยกเอาบาลีขึ้นมาอ้างว่า .. นิพพานเป็นสุข
จะขออธิบายว่า สุขที่เป็นนิพพาน ไม่ได้หมายความว่า..ความสุขนะครับ

คำว่า นิพพานเป็นสุข นั้นหมายความว่า ไม่ต้องทุกข์อีกต่อไป นั้นก็คือไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว

และอีกคำที่ว่า ความสงบเป็นความสุข ถ้าความสงบมีความหมายว่า ความว่าง
นั้นก็คือ กิเลสในรูปของ อรูปราคะครับ

ดังนั้นความหมายของนิพพานคือ ไม่ทุกข์ไม่ใช่สุข
ถ้าในเรื่องของความสงบ นิพพานปล่อยวางแม้กระทั่งความสงบ

ปุถุชนหรือแม้แต่โสดาบัน จะแยกกามราคะและรูปราคะไม่ออก
ปุถุชนมักจะเข้าใจว่า กามราคะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรูปราคะ
เลยมักจะกล่าวคำว่า รัก โลภ โกรธและหลง

รักเป็นธรรมชั้นสูง จะเอามาปนกับโลภ โกรธและหลงไม่ได้
กามราคะเกิดจากกามคุณห้าหรือที่เรียกว่า เกิดทางหู ตา จมูก ลิ้นและกาย
แต่รูปราคะเกิดที่ มโนทวารหรือใจแต่อย่างเดียว

ยกตัวอย่างในเรื่องของรูปราคะ เช่นความรักภายในครอบครัว รักพ่อ แม่ ลูก
แต่ความรักที่เป็นแบบชู้สาว มันเป็นได้ทั้งกามราคะและรูปราคะ
ถ้าเราชอบเมียเพราะ สวย รวย เก่ง ทั้งหมดล้วนเป็นกามราคะ
แต่ถ้าเราชอบเมียเรา โดยไม่มีเรื่อง สวย รวย เก่งมาเกี่ยวคล่อง
เราอธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร นั้นแหล่ะเรียกว่า รูปราคะหรือความรัก

เราอาจจะสังเกตุทางอาการอันเกิดจากรูปราคะได้ก็คือ น้ำตาไหล หรือเรียกว่า..
ดึใจก็ร้องไห้ เสียใจก็ร้องไห้ นี่แหล่ะเกิดจากรูปราคะ

ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ว่ายล่องกระแสแม่น้ำ ลงไป
เพราะเหตุสิ่งที่น่ารักน่าเพลินใจ, บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่บนฝั่ง เห็นบุรุษผุ้นั้นแล้ว
ร้องบอกว่า "บุรุษผู้เจริญ ! ท่านย่อมว่ายล่องตามกระแสแม่น้ำ เพราะเหตุสิ่งที่น่ารักน่า
เพลินใจโดยแท้ แต่ว่า ทางเบื้องล่าง มีห้วงน้ำ ประกอบด้วยคลื่น ประกอบด้วยน้ำวน. มี
ยักษ์มีรากษส ซึ่งเมื่อท่านไปถึงแล้ว จักต้องตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย." ภิกษุ ท.!
บุรุษผู้ว่ายล่องตามกระแสนั้นครั้นได้ฟังแล้วก็พยายามว่ายกลับทวนกระแส
ทั้งด้วยมือและด้วยเท้าทั้งหลาย. ภิกษุ ท.! คำอุปมานี้ เราผูกขึ้น เพื่อให้รู้
เนื้อความ. นี้เป็นเนื้อความ คือ คำว่า 'กระแสแม่น้ำ ' เป็นชื่อแห่งตัณหา, คำว่า
'สิ่งน่ารักน่าเพลินใจ' เป็นชื่อแห่งอายตนะหกในภายใน, คำว่า 'ทางเบื้องล่าง
มีห้วงน้ำ' เป็นชื่อแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้า, คำว่า 'คลื่น' เป็นชื่อแห่งความ
โกรธและความคับแค้น, คำว่า 'น้ำวน' เป็นชื่อแห่งกามคุณห้า, คำว่า 'ยักษ์และรากษส' เป็นชื่อแห่งมาตุคาม.- คำว่า 'ทวนกระแส' เป็นชื่อแห่งเนกขัมมะ,คำว่า 'พยายามด้วยมือและเท้า' เป็นชื่อแห่งการปรารถความเพียร, คำว่า 'บุรุษ
ผู้มีจักษุยืนอยู่บนฝั่ง' เป็นชื่อแห่งตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ; ดังนี้.

ชื่นชมท่านทั้งสองเช่นกันครับ โดยเฉพาะพี่โฮถูกจริตผมมากเลย

อันที่จริงอยากสนทนาด้วยกับท่านทั้งสอง แต่ไม่มีเรื่องไปสนทนานี้สิ

นึกว่าจะเทศน์เรื่องอะไร ยกมาหลายครั้งแล้วสังโยชน์ 10 เนี่ย ถามหน่อย แล้วนั่นมันเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมล่ะ


ติดกัณฑ์เทศน์ด้วยขวานนิ


สังโยชน์ที่นี่ก็มี

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=2196.0

ความสุข คือ อะไร?


http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=2150.0

http://www.youtube.com/watch?v=tZ46Ot4_ ... ature=fvwp

พอดีได้ไปดู youtube นี้น่ะ

เพื่อนช่วยแสดงความเห็นหน่อย

ว่า

เสียงเขาคนนี้ มีอะไร

ที่เมื่อเขาเปล่งออกมาแล้ว

ดูเหมือนจะเรียกน้ำตาผู้ฟังไปได้หลาย
ให้เป็นต้องเอ่อออกมา


คือเอกอนก็ฟังน่ะ ซึ่งก็แปลความหมายของเพลงไม่ออกด้วย

แต่ก็รู้สึกได้เลย ว่ากล้ามเนื้อลูกตามันบีบมันเค้น
จนเหมือนน้ำตาทำท่าจะคลอออกมาให้ได้

http://www.youtube.com/watch?v=-8bHXETo ... ure=relmfu

อธิบายพอให้เข้าใจ(หรือเปล่าหว่า?)
ออกแขกโหมโรงเรียบร้อย ก็ต้องสมมุติตามทัองเรื่องว่า
"เอกอน"หรือใครก็ได้ที่ยังเป็นปุถุชนหรืออริยชนที่ต่ำกว่าอนาคามีอยู่
เมื่อได้รับผัสสะที่มากระทบ ปุถุชนและอริยชนที่ต่ำกว่าอนาคา จะถูกกิเลสเบื้องต่ำ
หรือกิเลสหยาบเข้าครอบง้ำ จนเกิดการปรุงแต่ง
คราวนี้กิเลสเบื้องสูงจะทำงาน กิเลสเกิดการทำงานขึ้นที่ใจ

การที่เอกอน ได้ยินเสียงเกิดผัสสะมากระทบ เอกอนชอบเสียงนั้นขึ้น
ที่นี้มันก็จะขึ้นอยู่กับสัญญาที่เอกอนเคยฟังระดับของเสียง ในอดีตและให้ความหมาย
กับเสียงนี้ว่าอย่างไร เช่นให้ความหมายว่าเศร้า คราวนี้จะเกิดสังขารการปรุงแต่ง
ไปมีอารมณ์ร่วมกับเสียงที่ได้ยิน จนเกิดผัสสะขึ้นที่ใจเขาเรียกว่าธัมมารมณ์
ธัมมารมณ์ตัวนี้มีมาพร้อมกับกิเลสที่เรียกว่า "ปฏิฆะ" สิ่งที่มากระทบทางใจ
แล้วเราจะเรียกไอ้สิ่งที่มากระทบทางใจว่าอะไร ก็"ความเศร้า"ไงล่ะ

การที่เอกอนนั่งน้ำตาเอ่อ เป็นเพราะถูกกิเลสสังโยชน์"ปฏิฆะ"เล่นงาน
จนทำให้เกิดกายสังขาร นั่งน้ำตาเอ่อ
มันไม่เพียงแค่นั้น ถ้าเราพิจารณาธรรมให้ลึกลงไปอีก เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด
กิเลสเบื้องต่ำตามที่กล่าวมาข้างต้น มันเกิดจากกิเลสเบื้องสูงที่เรียกว่า"รูปราคะ"
หรือเรียกว่าความรัก

ความรักเป็นนามธรรมดูไม่ออกก็จริง แต่เราสามารถรู้สึกได้ด้วยการ
ดูอาการของจิต เช่นเห็นคนอื่นกำลังตกทุกข์ได้ยากก็เกิดสงสาร
อยากให้เขาพ้นทุกข์ หรือเห็นว่าคนอื่นมีความสุขก็รู้สึกยินดี

อยากให้เอกอนไปดูคลิปนี้ ไอ้เด็กมองโกลมันรัองเพลงคิดถึงแม่

http://www.youtube.com/watch?v=d102JaFmrOo

ทำไมเรารู้สีกเศร้า ทั้งๆที่เราฟังภาษาไม่ออก แต่เพราะเรารู้ว่า
มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแม่ ถ้าเรารู้ก่อนว่า ไอ้เด็กนี้มันจะมาร้องเพลง
พรรณาว่าถูกแฟนทิ้ง เราจะรู้สืกเศร้ามั้ย ไม่เลยครับ
เราอาจจะอยากเตะมันซักป้าบสองป้าบ โทษฐานแก่แดด

เอกอนลองสังเกตุดู ถึงแม้เราจะรู้เนื้อในบทเพลงนั้นแต่ชีวิตจริงของเรา
หรือแม้กระทั้งคนที่ร้องเพลง ไม่ได้เป็นแบบในเนื้อเพลงนั้นเลย
แล้วทำไม เราถึงร้องไห้ได้
เป็นเพราะถูกความรัก(รูปราคะ)และสิ่งที่มากระทบทางใจ(ปฏิฆะ) เข้ามาเล่นงานในขณะนั้น


กระบวนการขันธ์ห้า มันดำเนินการเกิดดับไปตามปกติ
แต่สิ่งที่ทำให้อาการผิดแผกแตกต่างกันไป มันขึ้นอยู่กับกิเลสสังโยชน์ตัวไหน
กำลังครอบงำจิตใจอยู่

โหย ได้ดูตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
แต่ไม่ได้หยิบมา

เพราะ ชุดนี้เอกอน เห็นว่า เหมือนจะเป็น lip sing หง่ะ
และเสียงก็ออกมาค่อนข้างสมบูรณ์



ก็ยังไม่แน่ใจว่า เป็นเสียงน้องเขาเอง หรือ เสียงเด็กคนอื่น หง่ะ
เพราะ

http://www.youtube.com/watch?v=_-HzTQW2 ... re=related

http://www.youtube.com/watch?v=zUrN6VuvQRM

มันก็เหมือนมีต้นแบบ
เรื่องรัย ดันร้องเพลงเดียวกัน

http://www.youtube.com/watch?v=cHGR4Go3 ... re=related

แต่ก็พอจะเข้าใจว่า น่าจะเป็นเสียงของน้องเขาเอง ที่อัดไว้ตอนซ้อม
ซึ่งกับการแสดงสด มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กขนาดนั้น
จะทั้งร้อง และแสดงบนเวทีได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด ไม่ติดขัด
ทีมงานก็คงต้อง หยวน หยวน เพื่อให้การแสดงครั้งแรกผ่านไปด้วยดีก่อน

แต่พอเห็นชุดนี้ ก็เห็นความสามารถน้องเขาจริง ๆ
ร้องสดจริง ๆ

http://www.youtube.com/watch?v=pfE5ncSY ... re=related

ต่อ ต่อ ต่อ

นี่ท่านโฮ เข้าไปในเรื่องความ รัก แล้ว

คราวนี้ โยงไปในเรื่องความ สุข บ้าง

อย่างในการแสดงทั้งสอง
เอกอนก็รู้สึกนะ รู้สึกเหมือนกับคนทั้งหมดที่มองดูเขา
รู้สึกเหมือนกับพิธีกรสาวทั้งสอง ที่ต่างก็ "อยากให้เขามีความสุข"
ที่พิธีกรสาวคนกลางพูดออกมาตอนแสดงเสร็จว่า "ฉันอยากจะเข้าไปกอดคุณ"
ส่วนพิธีกรสาวอีกคนก็บอกที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยให้โอกาสเขาในเรื่อง "การได้เข้าคอร์สร้องเพลง"

จริง ๆ นะ
อย่าง สุข ในสมาธิ มันก็อย่างหนึ่งนะ
สุขที่ยามเมื่อเราเข้าไปสัมผัสกับความสงบสันติในภายใน

สุข จากการให้ มันก็อย่างหนึ่ง หง่ะ
สุขเมื่อยามที่เราได้สัมผัสกับการ ให้ เอาใจเขามาใส่ใจเรา
และส่งความ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ออกไป
เรา ณ ช่วงเวลานั้น เป็นการออกไปสัมผัสกับ
ความชุ่มฉ่ำเย็น ความสุข ความสงบสันติ จากภายนอก
มั๊ง

http://www.youtube.com/watch?v=vIy99OT2BAQ

ส่วนการแสดงนี้
เขาร้องเพลงเดิม แต่หน้าตา ทรงผม และการจัดท่าทาง
เขาแสดงออกมาอย่างมีความ สุข





และชีวิตเขาก็เปลี่ยนแปลงไป



http://www.youtube.com/watch?v=zDasw4F- ... re=related

ส่วนชุดนี้ ทรงผมเกือบจะเป็น ลี มิน โฮ แล้ว

http://www.youtube.com/watch?v=DGVQSIHB ... re=related

เขากลายเป็น idol เป็นบุคคลตัวอย่าง
ที่เป็นดั่ง แรงบันดาลใจ ให้กับผู้คนจำนวนมาก

http://www.youtube.com/watch?v=tktIRYo4 ... re=related

อิอิ แจ้งเกิดไปอีกราย

http://www.youtube.com/watch?v=EUxoPe_RbJ8

น่าจะเป็นคนที่สอนร้องเพลงให้ Sung-Bong Choi

เล่าถึง Sung-Bong Choi



ชีวิต Sung-Bong Choi เขาน่าทึ่งจริง ๆ