วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 14:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 101 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นคนโบราณว่า แก่แล้วไม่มีอะไรดีสักอย่าง ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วอิๆๆ :b13:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 14:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อา.......อะ
ฮิ...ฮิ....เข็ด...รึ...ตาฝ้าฟาง..ละหึ...

ผมขับ...ร้อยแปด....ร้อยเก้า...เป็นปกติฮิ...

wink
ทั้งหมดเลย :b12:


:b32: แต่ก่อนเวลาขับรถก็ 110 - 150 แล้วแต่สภาพรถ สภาพถนน
แต่ตอนนี้ก็ชอบวิ่งอยู่ที่ประมาณ 70 - 90 น่ะ
เพราะปลอดภัยจากด่านตรวจความเร็ว

แต่ถ้าช่วงค่ำ ๆ และฝนตก ก็จะ 50 - 70 น่ะ
เพราะ ต้องคอยระวังสัตว์ที่ใช้ถนนร่วมกัน ... :b14: :b32:
เราจะได้พอมองเห็นเขาทันและหลบเขาได้อย่างเท่าที่พอเป็นไปได้

:b12: :b12: :b12:

เคยไปป่าแถว ๆ เขื่อนจุฬาภรณ์นะ
โหยยยยย แม่เจ้า ตุ๊กแกข้ามถนน เอกอนนึกว่า กิ้งก่ายักษ์อีกัวน่า

:b32: :b32: :b32:

ผม..ร้อยแปด...ร้อยเก้ว....ยังไม่ถึง...ร้อยสิบ...เลย...อิอิ...

แถว ๆเขื่อนจุฬาภรณ์...ต้องขับช้า ๆ ช่วยเสฟชีวิตสัตว์...สาธุ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
student เขียน:
ดังนั้นสิ่งที่ถูกกำหนดจึงเป็นเวทนาขันธ์จากการชงกาแฟ และ จักษุธาตุหรือ การทำงานของจักษุธาตุตอนนั้น วิญญาณขันธืจึงกำหนดที่จักษุธาตุ สิ่งที่ปรากฏออกมาจึงเป็น การเกิดดับของจักษูธาตุต่อการมอง


ลองง่าย ๆ

เมื่อจักขุธาตุมีอยู่ และยังใช้การได้
เมื่อแสง กระทบ จักขุธาตุ เกิดจักขุวิญญาณ เห็นแสง
เมื่อดับแสง ความมืด กระทบ จักขุธาตุ เกิดจักขุวิญญาณ เห็นมึด ๆ
เมื่อสีแดง กระทบ จักขุธาตุ เกิดจักขุวิญญาณ เห็นแดง ๆ

จักขุธาตุ ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่จักขุวิญญาณรับรู้รูปเปลี่ยนแปลงไป
รูปทางตา เกิด-ดับ
ด้วยสิ่งที่มากระทบเปลี่ยนแปลงไป
ประการนี้ยังไม่ใช่ จักขุธาตุเกิด-ดับ

จักขุธาตุเกิดดับ
จักขุธาตุเกิด น่าจะเป็นไปในลักษณะ ธาตุต่าง ๆ มาประชุมกัน และทำหน้าที่เป็นจักขุธาตุ
และจักขุธาตุดับก็คือ ธาตุแยกย้ายกันไป

:b12:

รึเปล่า... :b27:


มีสติอยู่ที่จักษุธาตุ ไม่ใช่แสงที่กระทบ แสงที่กระทบเป็นเหตุคือเป็นอายตนะภายนอก กระทบกับอายตนะภายในคือจักษุธาตุ

เมื่อแสงกระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา เช่น มองเห็นหญ้าอยู่ตามข้างทาง เป็นสัญญา แต่วิญญาณไม่เกิดเพราะไม่ได้สนใจต่อหญ้า แต่เมื่อสนใจต่อหญ้าข้างทาง วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะ และเวทนาตามลำดับ

เมื่อเกิดความมืด กระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา ต่อเมื่อสนใจต่อความมืด วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะและเวทนาตามลำดับ

เมื่อสีแดงกระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา แต่เมื่อสนใจในสีแดง วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะและเวทนาตามลำดับ

จักษุธาตุเปลี่ยนแปลงไปตามการโพกัส เหมือนกล้องถ่ายรูป จักษุธาตุรับรู้สัญญาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าแสงน้อย แสงมาก จักษุธาตุเกิดดับ จะด้วยวิญญาณเกิดหรือไม่ก็ตาม

ประการนี้จึงเรียกว่าการเกิดดับของจักษุธาตุด้วยอาศัยสติรับรู้การทำงานของจักษุธาตุ

จักขุธาตุเกิดดับ
จักขุธาตุยังทำงานอยู่เพราะธาตุรู้ยังประชุมกันอยู่

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 16:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เมื่อแสงกระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา เช่น มองเห็นหญ้าอยู่ตามข้างทาง เป็นสัญญา แต่วิญญาณไม่เกิดเพราะไม่ได้สนใจต่อหญ้า แต่เมื่อสนใจต่อหญ้าข้างทาง วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะ และเวทนาตามลำดับ

เมื่อเกิดความมืด กระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา ต่อเมื่อสนใจต่อความมืด วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะและเวทนาตามลำดับ

เมื่อสีแดงกระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา แต่เมื่อสนใจในสีแดง วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะและเวทนาตามลำดับ

จักษุธาตุเปลี่ยนแปลงไปตามการโพกัส เหมือนกล้องถ่ายรูป จักษุธาตุรับรู้สัญญาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าแสงน้อย แสงมาก จักษุธาตุเกิดดับ จะด้วยวิญญาณเกิดหรือไม่ก็ตาม

ประการนี้จึงเรียกว่าการเกิดดับของจักษุธาตุด้วยอาศัยสติรับรู้การทำงานของจักษุธาตุ

จักขุธาตุเกิดดับ
จักขุธาตุยังทำงานอยู่เพราะธาตุรู้ยังประชุมกันอยู่


อ้อ พอจะเข้าใจแระ

งั๊นงี๊นะ

student เขียน:
ทุกวันเวลาผมชงกาแฟในตอนเช้า ผมจะกำหนดวิญญาณขันธืไปที่มือที่ชงอยู่ จะเห็นการทำงานอย่างชัดเจนของรูป คือมือแกว่งตามจังหวะการชงกาแฟ แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกถึงความหน่วงที่เกิดขึ้นระหว่างชงกาแฟ ส่วนตัวจะแยกออกมาเป็นคนละสถานะ คือเวทนาขันธ์ส่วนหนึ่ง และ จักษุวิญญาณส่วนหนึ่ง


ตรงสีแดงที่เอกอนทำ นั่นบ่งบอกเป็นนัย ว่าคุณ
ยังไม่ค่อยเคียร์ในส่วน ธาตุที่เป็นอายตนะ และ วิญญาณที่ปรากฎกับธาตุที่เป็นอายตนะ
เพราะ จักขุวิญญาณ ปรากฎกับ จักขุธาตุ ซึ่งเป็น หมวด อายตนะ
ส่วน เวทนาขันธ์ นั้น เป็นหมวดขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
วิญญาณในหมวดขันธ์นั้น จะวิ่งเข้าไปจับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ซึ่งวิญญาณที่เข้าไปจับรูป รูปนั้นก็คือ รูปที่ปรากฎทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย

ซึ่งเมื่อคุณ กล่าวถึง จักขุธาตุ ซึ่งทำให้ปรากฎ จักขุวิญญาณ
เมื่อคุณรับรู้จักขุวิญญาณ (ไม่ใช่รับรู้จักขุธาตุนะ) นั่นคือ วิญญาณ(ขันธ์ 5) เข้าไปจับ รูป

เพราะปรากฎจักขุธาตุ จึงปรากฎ จักขุวิญญาณ ( ก็แยกไปตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย - ใจ)

1. ตา เห็น รูป (มือ ช้อนกาแฟ) จักขุธาตุ(อายตนะ) ทำให้ปรากฎ จักขุวิญญาณ(อายตนะ) -> รูปขันธ์
2. ตา เห็น รูป (มือ ช้อนกาแฟ) จักขุธาตุ(อายตนะ) ทำให้ปรากฎ จักขุวิญญาณ(อายตนะ) -> รูปขันธ์
แต่สติกำหนดรู้อยู่ที่เวทนา (เวทนาขันธ์) นั่นคือ
วิญญาณ(ขันธ์) ปล่อยจาก รูป(ขันธ์) เข้าไปจับ เวทนา(ขันธ์)
การที่รู้ว่าเป็นมือ เป็นช้อนกาแฟ คือ วิญญาณปล่อยรูป(ขันธ์) เข้าไปจับ สัญญา(ขันธ์)
ซึ่งการทำงานตรงนี้มันไวมาก เพราะ ทันทีที่เราเห็น เราก็แทบจะรู้แล้วว่านั่นมือ นั่นช้อนกาแฟ

ถ้าเรารับรู้วิญญาณ อันเนื่องมาจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย -- นั่นคือ วิญญาณเข้าไปจับ รูปขันธ์

ซึ่งวิญญาณจะเวียนเข้าไปจับในขันธ์ทั้ง 5
ตัวที่มีบทบาทตรงนี้ คือ มโนวิญญาณ

ตอนที่เข้าไปรับรู้เวทนา ตายังมองเห็นมือเห็นช้อนการแฟอยู่หรือไม่
ถ้าเห็นอยู่ แสดงว่า จักขุธาตุยังทำงานอยู่ จักขุวิญญาณยังปรากฎ (อายตนะ)
แต่ มโนวิญญาณ ปล่อยจาก รูป ไปจับเวทนา
และ มันก็มีการปล่อยไปจับสัญญาด้วย จึงรู้ว่าเป็นช้อนกาแฟ
และ มันก็มีการปล่อยไปจับเวทนา
ในกระบวนการที่ปรากฎ วิญญาณ จับสิ่งหนึ่งแล้วปล่อย
แล้วไปจับอีกสิ่ง แล้วปล่อย นั่นคือ การพิจารณาการเกิด-ดับของขันธ์ห้า

ดังนั้นการเห็นมือ เห็นช้อนกาแฟ
นั่นคือ วิญญาณ ไปจับใน รูปขันธ์
แล้ววิญญาณคุณก็ดับจาก รูปขันธ์ ไปที่เวทนาขันธ์
นี่คือ รูปแบบการแสดง ขันธ์ 5 เกิดดับ อย่างไร

ส่วน จักขุธาตุ เกิด-ดับ
ต้องถามว่า ตอนที่คุณไปรับรู้เวทนา ตาคุณยังเห็นอยู่ใช่มั๊ย
นั่นคือ จักขุธาตุ และ จักขุวิญญาณ ยังอยู่ ยังไม่ได้ดับ
แต่ วิญญาณ(ขันธ์) ไม่ได้จับที่รูป แต่ไปจับอยู่ที่เวทนา

ส่วนการเปลี่ยนโฟกัส ก็คือ
สิ่งที่กระทบเปลี่ยน แต่ จักขุธาตุ ถือว่ายังไม่ได้เปลี่ยนแปลง
หรือจะเทียบง่าย ๆ
เหมือนการดูฉายสไลด์ หรือ ภาพยนต์
รูปจะเปลี่ยนไป แต่ จักขุธาตุยังคงเดิม
สัญญาที่มีต่อรูปแต่ละรูปก็เปลี่ยนไป แต่ จักขุธาตุก็ยังทำหน้าที่คงเดิม
เวทนาที่มีต่อรูปแต่ละรูปก็เปลี่ยนไป แต่ จักขุธาตุก็ยังทำหน้าที่คงเดิม

ตรงนี้ต้องตีไปก่อนว่าเป็นจักขุธาตุแบบองค์รวมที่ช่วยในการมองเห็น
เพราะถ้าหากว่าชี้ไปในลักษณะว่า หมายถึงจักขุธาตุ คือ เซลล์ แต่ละเซลล์เรย
เอกอนคงต้องขอไปเอายาดม ยาหอมมาเตรียมไว้ และเป็นผู้รอฟังดีกว่า :b32: :b9:

การที่จักขุธาตุจะดับ ในทางปฏิบัติ
คือ เมื่อผู้ทำสมาธิ เลยรูปญาณ
มันจะเป็นการเข้าถึงผัสสะในระดับละเอียด
ซึ่งทำให้เขาทำลาย รูปธรรมอย่างหยาบ ลงได้
ก็จะปรากฎแต่ ธรรมธาตุอันละเอียด และ ละเอียดจนถึงขั้น
แม้แต่สัญญาก็ดับ ลงได้

:b6:

คือ จักขุธาตุคุณอย่าคิดว่ามันดับ ถ้ามันยังแสดงปรากฎอยู่
เพียงแต่ วิญญาณ(ด้วยหมวดขันธ์) มันปล่อยจาก รูปขันธ์ ไป เวทนาขันธ์
นั่นคือการพิจารณาในหมวด ขันธ์เกิด-ดับ
ส่วนการพิจารณา รูปธาตุ ดับ นั่นคือ มันเสื่อมสลายตามกาล
กะ การถึงซึ่งอรูปญาณ

:b12: :b12: :b12:

เอกอนก็พยายามจะอธิบาย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เอกอนเป็นคนที่อธิบายเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ่

ไม่รู้ว่าพอจะทำให้คุณเข้าใจได้ป่าว

:b27: :b27: :b27:

หรือ ถ้าใครพอจะเข้าใจและแสดงวาทะได้ดีกว่าเอกอน
เอกอนก็ขอรบกวนทีเถอะ


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 30 ส.ค. 2012, 20:19, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b12: :b12: :b12:

เอกอนก็พยายามจะอธิบาย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เอกอนเป็นคนที่อธิบายเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ่

ไม่รู้ว่าพอจะทำให้คุณเข้าใจได้ป่าว

:b27: :b27: :b27:

หรือ ถ้าใครพอจะเข้าใจและแสดงวาทะได้ดีกว่าเอกอน
เอกอนก็ขอรบกวนทีเถอะ

เรื่องบางเรื่อง อธิบายให้ตนเองเข้าใจ หายสงสัยได้
แต่อธิบายให้คนอื่นเข้าใจ หายสงสัยเหมือนตนไม่ได้

ท่านเรียกว่า "ปัจจัตตัง" รู้เฉพาะตน
ใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไรหรอก ..

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อายตนะภายนอก...คือแสง
อายตนะภายใน...คือตา
ตกกระทบ...เกิดความรู้ที่ตา...จักขุวิญญาณ...จึงเรียกว่า..ผัสสะเกิด

หากไม่เกิดความรู้ที่ตา..ก็ไม่เรียกว่า..ผัสสะเกิด...

แต่..รู้อะไรในสมมุติบัญญัติ..นั้น..สัญญา...คนไทย..ว่า..หญ้า...ฝรั่ง..ว่า..glasses...นี้สัญญา

รู้ว่าเป็นคุณ...หรือเป็น..โทษ..นี้..สัญญา...

เห็นแล้ว...พอใจ...ไม่พอใจ..นี้เวทนา...

สัญญา...จะเกิดไม่ได้....หากไม่มี..วิญญาณการรู้..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
student เขียน:
เมื่อแสงกระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา เช่น มองเห็นหญ้าอยู่ตามข้างทาง เป็นสัญญา แต่วิญญาณไม่เกิดเพราะไม่ได้สนใจต่อหญ้า แต่เมื่อสนใจต่อหญ้าข้างทาง วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะ และเวทนาตามลำดับ

เมื่อเกิดความมืด กระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา ต่อเมื่อสนใจต่อความมืด วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะและเวทนาตามลำดับ

เมื่อสีแดงกระทบจักษุธาตุ เกิดสัญญา แต่เมื่อสนใจในสีแดง วิญญาณเกิดเพราะอาศัยจักษุธาตุ มีเหตุคือแสง เกิดผัสสะและเวทนาตามลำดับ

จักษุธาตุเปลี่ยนแปลงไปตามการโพกัส เหมือนกล้องถ่ายรูป จักษุธาตุรับรู้สัญญาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าแสงน้อย แสงมาก จักษุธาตุเกิดดับ จะด้วยวิญญาณเกิดหรือไม่ก็ตาม

ประการนี้จึงเรียกว่าการเกิดดับของจักษุธาตุด้วยอาศัยสติรับรู้การทำงานของจักษุธาตุ

จักขุธาตุเกิดดับ
จักขุธาตุยังทำงานอยู่เพราะธาตุรู้ยังประชุมกันอยู่


อ้อ พอจะเข้าใจแระ

งั๊นงี๊นะ

student เขียน:
ทุกวันเวลาผมชงกาแฟในตอนเช้า ผมจะกำหนดวิญญาณขันธืไปที่มือที่ชงอยู่ จะเห็นการทำงานอย่างชัดเจนของรูป คือมือแกว่งตามจังหวะการชงกาแฟ แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกถึงความหน่วงที่เกิดขึ้นระหว่างชงกาแฟ ส่วนตัวจะแยกออกมาเป็นคนละสถานะ คือเวทนาขันธ์ส่วนหนึ่ง และ จักษุวิญญาณส่วนหนึ่ง


ตรงสีแดงที่เอกอนทำ นั่นบ่งบอกเป็นนัย ว่าคุณ
ยังไม่ค่อยเคียร์ในส่วน ธาตุที่เป็นอายตนะ และ วิญญาณที่ปรากฎกับธาตุที่เป็นอายตนะ
เพราะ จักขุวิญญาณ ปรากฎกับ จักขุธาตุ ซึ่งเป็น หมวด อายตนะ
ส่วน เวทนาขันธ์ นั้น เป็นหมวดขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
วิญญาณในหมวดขันธ์นั้น จะวิ่งเข้าไปจับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ซึ่งวิญญาณที่เข้าไปจับรูป รูปนั้นก็คือ รูปที่ปรากฎทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย

ซึ่งเมื่อคุณ กล่าวถึง จักขุธาตุ ซึ่งทำให้ปรากฎ จักขุวิญญาณ
เมื่อคุณรับรู้จักขุวิญญาณ (ไม่ใช่รับรู้จักขุธาตุนะ) นั่นคือ วิญญาณ(ขันธ์ 5) เข้าไปจับ รูป

เพราะปรากฎจักขุธาตุ จึงปรากฎ จักขุวิญญาณ ( ก็แยกไปตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย - ใจ)

1. ตา เห็น รูป (มือ ช้อนกาแฟ) จักขุธาตุ(อายตนะ) ทำให้ปรากฎ จักขุวิญญาณ(อายตนะ) -> รูปขันธ์
2. ตา เห็น รูป (มือ ช้อนกาแฟ) จักขุธาตุ(อายตนะ) ทำให้ปรากฎ จักขุวิญญาณ(อายตนะ) -> รูปขันธ์
แต่สติกำหนดรู้อยู่ที่เวทนา (เวทนาขันธ์) นั่นคือ
วิญญาณ(ขันธ์) ปล่อยจาก รูป(ขันธ์) เข้าไปจับ เวทนา(ขันธ์)
การที่รู้ว่าเป็นมือ เป็นช้อนกาแฟ คือ วิญญาณปล่อยรูป(ขันธ์) เข้าไปจับ สัญญา(ขันธ์)
ซึ่งการทำงานตรงนี้มันไวมาก เพราะ ทันทีที่เราเห็น เราก็แทบจะรู้แล้วว่านั่นมือ นั่นช้อนกาแฟ

ถ้าเรารับรู้วิญญาณ อันเนื่องมาจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย -- นั่นคือ วิญญาณเข้าไปจับ รูปขันธ์

ซึ่งวิญญาณจะเวียนเข้าไปจับในขันธ์ทั้ง 5
ตัวที่มีบทบาทตรงนี้ คือ มโนวิญญาณ

ตอนที่เข้าไปรับรู้เวทนา ตายังมองเห็นมือเห็นช้อนการแฟอยู่หรือไม่
ถ้าเห็นอยู่ แสดงว่า จักขุธาตุยังทำงานอยู่ จักขุวิญญาณยังปรากฎ (อายตนะ)
แต่ มโนวิญญาณ ปล่อยจาก รูป ไปจับเวทนา
และ มันก็มีการปล่อยไปจับสัญญาด้วย จึงรู้ว่าเป็นช้อนกาแฟ
และ มันก็มีการปล่อยไปจับเวทนา
ในกระบวนการที่ปรากฎ วิญญาณ จับสิ่งหนึ่งแล้วปล่อย
แล้วไปจับอีกสิ่ง แล้วปล่อย นั่นคือ การพิจารณาการเกิด-ดับของขันธ์ห้า

ดังนั้นการเห็นมือ เห็นช้อนกาแฟ
นั่นคือ วิญญาณ ไปจับใน รูปขันธ์
แล้ววิญญาณคุณก็ดับจาก รูปขันธ์ ไปที่เวทนาขันธ์
นี่คือ รูปแบบการแสดง ขันธ์ 5 เกิดดับ อย่างไร

ส่วน จักขุธาตุ เกิด-ดับ
ต้องถามว่า ตอนที่คุณไปรับรู้เวทนา ตาคุณยังเห็นอยู่ใช่มั๊ย
นั่นคือ จักขุธาตุ และ จักขุวิญญาณ ยังอยู่ ยังไม่ได้ดับ
แต่ วิญญาณ(ขันธ์) ไม่ได้จับที่รูป แต่ไปจับอยู่ที่เวทนา

ส่วนการเปลี่ยนโฟกัส ก็คือ
สิ่งที่กระทบเปลี่ยน แต่ จักขุธาตุ ถือว่ายังไม่ได้เปลี่ยนแปลง
หรือจะเทียบง่าย ๆ
เหมือนการดูฉายสไลด์ หรือ ภาพยนต์
รูปจะเปลี่ยนไป แต่ จักขุธาตุยังคงเดิม
สัญญาที่มีต่อรูปแต่ละรูปก็เปลี่ยนไป แต่ จักขุธาตุก็ยังทำหน้าที่คงเดิม
เวทนาที่มีต่อรูปแต่ละรูปก็เปลี่ยนไป แต่ จักขุธาตุก็ยังทำหน้าที่คงเดิม

ตรงนี้ต้องตีไปก่อนว่าเป็นจักขุธาตุแบบองค์รวมที่ช่วยในการมองเห็น
เพราะถ้าหากว่าชี้ไปในลักษณะว่า หมายถึงจักขุธาตุ คือ เซลล์ แต่ละเซลล์เรย
เอกอนคงต้องขอไปเอายาดม ยาหอมมาเตรียมไว้ และเป็นผู้รอฟังดีกว่า :b32: :b9:

การที่จักขุธาตุจะดับ ในทางปฏิบัติ
คือ เมื่อผู้ทำสมาธิ เลยรูปญาณ
มันจะเป็นการเข้าถึงผัสสะในระดับละเอียด
ซึ่งทำให้เขาทำลาย รูปธรรมอย่างหยาบ ลงได้
ก็จะปรากฎแต่ ธรรมธาตุอันละเอียด และ ละเอียดจนถึงขั้น
แม้แต่สัญญาก็ดับ ลงได้

:b6:

คือ จักขุธาตุคุณอย่าคิดว่ามันดับ ถ้ามันยังแสดงปรากฎอยู่
เพียงแต่ วิญญาณ(ด้วยหมวดขันธ์) มันปล่อยจาก รูปขันธ์ ไป เวทนาขันธ์
นั่นคือการพิจารณาในหมวด ขันธ์เกิด-ดับ
ส่วนการพิจารณา รูปธาตุ ดับ นั่นคือ มันเสื่อมสลายตามกาล
กะ การถึงซึ่งอรูปญาณ

:b12: :b12: :b12:

เอกอนก็พยายามจะอธิบาย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เอกอนเป็นคนที่อธิบายเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ่

ไม่รู้ว่าพอจะทำให้คุณเข้าใจได้ป่าว

:b27: :b27: :b27:

หรือ ถ้าใครพอจะเข้าใจและแสดงวาทะได้ดีกว่าเอกอน
เอกอนก็ขอรบกวนทีเถอะ



อ่านแล้ว เข้าใจ ผมผิดเองที่ไม่ได้ยกสติขึ้นมาอธิบายในตอนแรก หรือว่ายก ต้องวกไปดู เรื่องเวทนาขันธ์เกิดขึ้นจากรูป ไม่ใช่จากสังขารขันธ์ เพราะมีสติอยู่ตรงมือที่ชงกาแฟครับ ที่บอกว่า เหมือนภาพลวงตา (หรือปล่าวที่ผมอธิบายตอนแรก) คือจักษุวิญญาณเกิด เกิดผัสสะ เกิดสังขารขันธ์คือ ความคิด ว่าเหมือนภาพลวงตา ไม่ได้มีความคิดอื่น เช่น มือเราผอม เหี่ยว นุ่ม ไม่ได้คิดแบบนั้น เมื่อจักษุวิญญาณเกิด จึงเกิดสังขารขันธ์ว่า เรา รับรู้ เวทนาขันธ์ ด้วยสติ แต่ตายังมองที่มืออยู่คือ วิญญาณที่เกิดขึ้น อาศัยจักษูธาตุก็จริง แต่ แต่สตินั้นอยู่ที่มือด้วย อย่างเวลาเอกอนนั่งสมาธิ ต้องอาศัย สติเข้าไปรับรู้ยุบหนอพองหนอ แม้หลับตาก็รู้ว่ายุบ พอง ที่ยุบพองนั้นเอกอนสามารถกำหนดเป็นเวทนาขันธ์ก็ได้ หรือ กายวิญญาณที่เกิดจากรูปก็ได้ หรือจะผ่าเข้าไปเห็นท้องข้างในด้วยสัญญาขันธ์ก็ได้ แต่ต้องอาศัยสตินั่นเอง

เรื่องแยกรูปนามนั้น ผมแยกได้ด้วยสติ แม้รูปกับเวทนาจะอาศัยกันเพราะขันธ์5มีเหตุคือการประชุมกันของธาตุ4 แต่เวลากำหนด นามรูปนั้นไปด้วยกันก็จริง แต่เราเห็นนามก็ส่วนหนึ่ง รูปก็ส่วนหนึ่ง เช่นความเห็นผมนะ เห็นว่า ขันธ์5นั้นปรากฏอยู่เฉพาะเท่าที่เรากำหนดรู้ หากเรายังมีความรู้สึกเต็มตัวอยู่ ว่ารูปร่างต้องมีแขนขาลำตัวหัวจรดเท้าตลอดเวลา เรายังไม่ได้กำหนดรู้ ความเห็นยังบดบังเราอยู่ คือที่พูดเพราะเกี่ยวเนื่องกัน ดังนั้น

ที่ปรากฎตรงหน้าผมคือ เวทนาขันธ์ โดยมีจักษุวิญญาณอยู่ที่มือแต่ สังขารขันธืทำงานเพราะผัสสะที่เกิดขึ้นจากจักษุวิญญาณ คือ เป็นภาพลวงตาครับ ส่วนการเกิดดับของจักษุธาตุนั้น ไม่ได้เกิดดับเพราะรูปแต่เกิดดับเพราะการมีสติที่ธาตุรู้คือ จักษุธาตุครับ ไม่อาศัยการเพ่งเพื่อให้เห็นการเกิดดับ การเพ่งอยู่กับที่นั้นแค่เป็นเหตุครับ คือเหตุเพราะมีแสงนั่นเอง ธรรมชาติของดวงตานั้นคือ ดวงตามองไปก็จริงแต่ จะมองที่จุดเดียวเป็นเวลานานๆนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ดวงตาต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทุกจังหวะของการเคลื่อนไหว เราจะเห็น การเกิดดับของนามรูปที่จักษุธาตุได้หากมีสติกำหนดรู้ เหมือนหายใจเข้าออก ทุกวินาทีคือการหายใจเข้าออกแต่หากเราเข้าไปกำหนดรู้เราก็จะเห็น

อ้างคำพูด:
เอกอนเขียน
การที่จักขุธาตุจะดับ ในทางปฏิบัติ
คือ เมื่อผู้ทำสมาธิ เลยรูปญาณ
มันจะเป็นการเข้าถึงผัสสะในระดับละเอียด
ซึ่งทำให้เขาทำลาย รูปธรรมอย่างหยาบ ลงได้
ก็จะปรากฎแต่ ธรรมธาตุอันละเอียด และ ละเอียดจนถึงขั้น
แม้แต่สัญญาก็ดับ ลงได้

:b6:

คือ จักขุธาตุคุณอย่าคิดว่ามันดับ ถ้ามันยังแสดงปรากฎอยู่
เพียงแต่ วิญญาณ(ด้วยหมวดขันธ์) มันปล่อยจาก รูปขันธ์ ไป เวทนาขันธ์
นั่นคือการพิจารณาในหมวด ขันธ์เกิด-ดับ
ส่วนการพิจารณา รูปธาตุ ดับ นั่นคือ มันเสื่อมสลายตามกาล
กะ การถึงซึ่งอรูปญาณ


ส่วนนี้ขอติดไว้ก่อน เพราะเอกอนไม่ได้ก่าวถึงผล ว่าญาณที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไร เป็นเพียงแต่บอกว่าเลยรูปญาณ จนถึงอรูปญาณ

ความเห็นผมคือ การเกิดดับของนามรูปนั้นต้องมีสตินำครับ มีวิปัสสนาญาณขั้นแรก คือ นามรูปปริจเฉทญาณครับ ใครเห็นเหตุปัจจัยของนามรูปก็คืออยู่ขั้นที่2ครับ คือ ปัจจยปริคหญาณ

ส่วนญาณขั้นที่3 นี้สำคัญ ไม่ว่าจะเห็นการเกิดดับของนามรูป แต่ไม่เห็นพระไตรลักษณ์ ก็ได้ชื่อว่ายังไม่ผ่านขั้นนี้ คือ สัมมสนญาณ

ญาณขั้นที่4 คือ อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ คือ เห็นการเกิดดับของนามรูปตามความเป็นจริง

จนถึงขั้นที่16

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมแวะเข้าไปอ่านข้อความผมนะ มีคำว่าสติจริง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 00:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:

เอกอนน่ะไม่สงสัยหรอก อ่านแล้วเข้าใจ และไม่เกี่ยวกับสติ

คุณกำลังพิจารณาเห็นการเกิดดับของขันธ์

เพียงแต่คุณไปใช้คำเกี่ยวกับ ธาตุที่เป็นอายตนะ เข้ามาใช้ในการสื่อ

ทำให้เอกอนอ่านแล้วคิดไปว่าคุณกำลังอธิบายการเกิดดับของธาตุอายตนะ

แต่ความหมายของคุณ คือ กำลังอธิบายการเกิดดับของรูปนาม(ขันธ์ 5) จร้า...

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 22:25
โพสต์: 59

แนวปฏิบัติ: รักษาศีลให้แน่นหนามั่นคง
ชื่อเล่น: Soduku
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
eragon_joe เขียน:
bigtoo เขียน:
eragon_joe เขียน:
ปกติคุณบิ๊กตู่ ได้ยินเสียงคลื่นความถี่
ดัง "วี๊ด" อยู่ในหูได้ง่ายมั๊ยล่ะ

คือ เสียงพวกนี้มันมีตลอด
และเอกอนก็ได้ยินมันอยู่ตลอดน่ะ
แต่ปกติเสียงข้างนอกจะกลบ
แต่เสียงข้างนอกเงียบเมื่อไร ก็ได้ยินเมื่อนั้น

มันเป็นเหมือน คลื่น กระแส
เอกอนฟังและคิดว่า น่าจะเป็นเสียงประเภทเดียวกัน
แต่ไอ้ที่มันปั้งนั้น มันเหมือนกระแสต่างขั้วมาเจอกัน มันก็ ตู๊มมมม
เสียงมัน เหมือน ฟ้าร้อง แต่มันก้องอยู่ในใจ


:b55: :b54: :b54: :b55:
ได้ยินครับดังวิ๊ดตลอด ทางตาก็เห็นเป็นธาตุเล็กๆเกิดดับตลอดนะ


:b20: ด้วยเหร๋อ ... จริงหง่ะ

อื้อ ... เหมี๋ยนกานเรย


:b20: :b20: :b20:


นอกจากนี้ ยังมีอะไรอีกครับที่เราสามารถอธิบายการเกิดดับของจักษุธาตุได้


มองในแง่ทางการแพทย์ หากมีเสียงคล้ายจิ๊งหรีดในหู (Tinnitus)อาจเป็นไปได้ไหมว่าเป็นอาการเสื่อมหรือผิดปกติของประสาทหูในผู้ที่เริ่มมีอายุส่วนใหญ่ ส่วนอาการเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าที่ได้ยิน (Ears’ Popping Sound) อาจเกิดจากลมที่เล็ดลอดกระทบกับช่องหูชั้นกลาง ถ้าสงสัยว่าใช่และเกิดบ่อยรำคาญควรไปพบหมอโสตเพื่อเยียวยาแต่ต้นก็น่าจะดีต่อสุขภาพของหู
จากบทความเผยแพร่ความรู้เรื่องหูของสถาบันแพทย์โสตศอนาสิตของสหรัฐอเมริกาตามลิงค์นี้ คงพออ่านไหวนะครับเป็นภาษาอังกฤษแบบง่าย

http://www.entcarolina.com/education-noise-ears.php
http://www.entcarolina.com/education-ears-altitude.php


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 09:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันเป็นปรากฎการณ์หนึ่ง....ก็ตั้งใจว่า...จะไปหาหมอสักวัน...เหมือนกัน...

เป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนะ...อิอิ...กลัวแต่หมอจะว่าเราผิดปกติ...ฮ่า..ฮ่า...

นี้ถ้าได้ยินเป็นเสียงคนพูดด้วย..ละก้อ...คงได้ยาแก้ประสาทมากิน...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 10:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Soduku เขียน:

มองในแง่ทางการแพทย์ หากมีเสียงคล้ายจิ๊งหรีดในหู (Tinnitus)อาจเป็นไปได้ไหมว่าเป็นอาการเสื่อมหรือผิดปกติของประสาทหูในผู้ที่เริ่มมีอายุส่วนใหญ่ ส่วนอาการเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าที่ได้ยิน (Ears’ Popping Sound) อาจเกิดจากลมที่เล็ดลอดกระทบกับช่องหูชั้นกลาง ถ้าสงสัยว่าใช่และเกิดบ่อยรำคาญควรไปพบหมอโสตเพื่อเยียวยาแต่ต้นก็น่าจะดีต่อสุขภาพของหู
จากบทความเผยแพร่ความรู้เรื่องหูของสถาบันแพทย์โสตศอนาสิตของสหรัฐอเมริกาตามลิงค์นี้ คงพออ่านไหวนะครับเป็นภาษาอังกฤษแบบง่าย

http://www.entcarolina.com/education-noise-ears.php
http://www.entcarolina.com/education-ears-altitude.php

ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เรื่องเสียง วี๊ด
จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ คือคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงจะได้ยินอย่างเรา
แต่พอสักพัก ก็เริ่มรู้ว่า คนอื่นเขาไม่ได้ยิน

ก็สังเกตลักษณะการเกิดอยู่พอสมควร

แต่ก่อนทีวีรุ่นก่อนแบบตัวหนา ๆ น่ะ
มันแทบจะส่งเสียงวี๊ดออกมาตลอดแทบทุกเครื่องเรย
เราก็คิดว่ามันเป็นของมันอย่างนั้น มันคงเก่าแล้ว
เคยไปซื้อทีวี แล้วบอกว่ามันมีเสียงแทรก
คนขายก็งง :b9: :b32:

เคยที่ทำงาน จอคอมรุ่นเก่า เสียงมันดัง
เพราะเสียงมันดัง เราก็คิดว่ามันจะมีปัญหา มันจะช๊อตอยู่ข้างใน
มันจะระเบิดรึเปล่า
เราก็ชวนเพื่อน ๆ ในแผนกฟังอยู่นาน
คนอื่นเข้าก็บอก ไม่เห็นได้ยินอะไร

:b38: :b39: :b39: :b38:

เอ่อ แล้วแบบว่า earphone/smalltalk ใครเคยโดนไฟดูดบ้าง :b32: :b9:
:b32: แบบว่าเอกอนโดนไฟฟ้าใน smalltalk ดูดหูน่ะ :b9: :b9:
เวลาซื้อ เอกอนเลยค่อนข้าง ช่างเลือก
เพราะต้องวัสดุตรงบริเวณที่สัมผัสกับหูต้องเป็นฉนวนกันกระแส
เพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าตรงสนามแม่เหล็กบริเวณตัวแปลงเสียงกระเด็นเข้าหาหู
คือต้องเลือกแบบรุ่นที่มีระบุ พวก sensitive ต่อคลื่นน่ะ

:b9: :b9: :b9:

นึกแล้วยังขำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เรื่องเสียง วี๊ด
จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ คือคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงจะได้ยินอย่างเรา
แต่พอสักพัก ก็เริ่มรู้ว่า คนอื่นเขาไม่ได้ยิน

ก็สังเกตลักษณะการเกิดอยู่พอสมควร

แต่ก่อนทีวีรุ่นก่อนแบบตัวหนา ๆ น่ะ
มันแทบจะส่งเสียงวี๊ดออกมาตลอดแทบทุกเครื่องเรย
เคยไปซื้อทีวี แล้วบอกว่ามันมีเสียงแทรก
คนขายก็งง :b9: :b32:

เคยที่ทำงาน จอคอมรุ่นเก่า เสียงมันดัง
เราก็ชวนเพื่อน ๆ ในแผนกฟังอยู่นาน
คนอื่นเข้าก็บอก ไม่เห็นได้ยินอะไร

:b38: :b39: :b39: :b38:

โรค "หูทิพย์" อ่ะป่าว เค้ากัวอ่ะ .. นินทาไว้เยอะ .. อิอิ :b28: :b32: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 10:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนแรกคิดว่า น่าจะเป็นเพราะความดันในช่องกระโหลกศีรษะ
เพราะ เอกอนก็สังเกตว่า
ความดันในหัวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
บางทีความดันในหัวก็รู้สึกเหมือน คนดำน้ำลึก

หรือ บางทีก็เหมือนกับขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสูง


:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2012, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
eragon_joe เขียน:
ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เรื่องเสียง วี๊ด
จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ คือคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงจะได้ยินอย่างเรา
แต่พอสักพัก ก็เริ่มรู้ว่า คนอื่นเขาไม่ได้ยิน

ก็สังเกตลักษณะการเกิดอยู่พอสมควร

แต่ก่อนทีวีรุ่นก่อนแบบตัวหนา ๆ น่ะ
มันแทบจะส่งเสียงวี๊ดออกมาตลอดแทบทุกเครื่องเรย
เคยไปซื้อทีวี แล้วบอกว่ามันมีเสียงแทรก
คนขายก็งง :b9: :b32:

เคยที่ทำงาน จอคอมรุ่นเก่า เสียงมันดัง
เราก็ชวนเพื่อน ๆ ในแผนกฟังอยู่นาน
คนอื่นเข้าก็บอก ไม่เห็นได้ยินอะไร

:b38: :b39: :b39: :b38:

โรค "หูทิพย์" อ่ะป่าว เค้ากัวอ่ะ .. นินทาไว้เยอะ .. อิอิ :b28: :b32: :b13:


:b28: :b28:

ไม่ได้ยินหรอก อิอิ
ไม่ได้ยินน่ะ ดีแล้ว สบายหูดี :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 101 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร