วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 05:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

เข้าใจหลวงพ่อท่านหรือเปล่า ท่านเกริ่นสอนเพื่อให้รู้ว่าความหลงยึดมั่นคืออะไร
ถ้าเราพูดถีงขันธ์ห้าแล้ว คำว่าชีวิตมันก็ไม่มีตัวตน ไม่มีความหมายแล้ว

นู๋กรัชกายซ้ำซากอยู่กับขันธ์ห้าคือชีวิต
ไหนลองบอกซิว่า ต้นหญ้าที่ผมเคยยกตัวอย่าง มันมีชีวิตมั้ย
มันก็มีชีวิต แล้วถามอีกว่า มันมีขันธ์ห้ามั้ย ต้นไม้ต้นหญ้ามันไม่มีขันธ์ห้า

แล้วมาพูดได้ไงว่าชีวิตคือขันธ์ห้า/color]

สัตว์มันก็มีขันธ์ มันก็มีชืวิต แต่จะบอกว่า ชีวิตของสัตว์เป็นขันธ์ห้าไม่ได้
เพราะสัตว์มันไม่มีปัญญารู้ขันธ์ห้า

ธรรมของพระพุทธเจ้า การที่จะรู้ต้องรู้ได้ที่กายใจของตัวเท่านั้น
อย่างผมมอง สิ่งที่อยู่ข้างหน้าผม ก็คือนู๋กรัชกาย นู๋กรัชกายเป็นแค่
สมมุติบัญญัติ นู๋กรัชกายจริงเรียกว่าชีวิต

แต่ถ้าผมมองนู๋กรัชกายเป็นแค่ รูปที่มากระทบกับตาของผม
แบบนี้จึงเรียกว่าขันธ์


โฮฮับ ยังต้องเรียนรู้สัจจะสองระดับ ทำความเข้าใจให้ดี

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=2214.0


อ้างคำพูด:
แต่ถ้าผมมองนู๋กรัชกายเป็นแค่ รูปที่มากระทบกับตาของผม
แบบนี้จึงเรียกว่าขันธ์


อายตนะภายใน 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

อายตนะภายนอก 6 รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์

ตา+รูป
หู+เสียง
จมูก+กลิ่น
ลิ้น+รส
กาย+สัมผัส
ใจ+ธรรมารมณ์ (สิ่งที่คิดในใจ)

สิ่งที่มองเห็นด้วยตา ทางธรรมเรียกรูปทั้งสิ้น

ไหนโฮฮับลองว่าเรื่องขันธ์อะไรที่พูดถึงนั่นดิ อ้าววว ว่าไป อยากรู้ :b1: ขันธ์อะไร ขันตักน้ำหรือว่าขันอะไร

เกี่ยวกับอายตนะ ดูทีนี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=2216.0


ชัดขึ้นมาอีกหน่อยว่าโฮฮับไปแอบฟัง...ข้างธรรมาสน์มาจริงๆ จับแพะชนกับแกะไร้หลัก

ขันธ์ที่โฮฮับจังพูดถึง แปลว่าอะไร

ยังขาดอีก 4 ขันธ์ ไปหามาให้ครบ 5 น่ะอ่ะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 04 ก.ย. 2012, 16:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์ 22 ได้แก่


จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ มนินทรีย์ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ สุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ อัญญินทรีย์ อัญญาตาวินทรีย์



สรุปรวมแล้วอินทรีย์ 22 ก็ชีวิตหนึ่งๆ จักขุ (ตา) โสตะ (หู) ฆานะ (จมูก) ชิวหา (ลิ้น) กาย (กาย) มโน (ใจ)...ฯลฯ

แล้วชีวิต (กายใจหรือรูปนาม หรือ ขันธ์ ๕...) เป็นเหตุเป็นผลกันและกันอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ...สรุปก็คือชีวิตหนึ่งๆนี่แหละเป็นไตรลักษณ์ เป็นปฏิจจจสมุปบาท ไปต้องไปหาเรื่องนี้ที่ไหนหรอก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 04 ก.ย. 2012, 21:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูท่า :b1: แค่สองท่านตอบกันไปมาก็มากมายเต็มบอร์ด ตามอ่านด้วยดีกว่า :b16:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 21:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำแปลและความหมายตามรูปศัพท์ เป็นพื้นฐานความเข้าใจไว้ชั้นหนึ่งก่อน (ดูว่าปฏิจจสมุปบาทอยู่ส่วนไหนของชีวิต)

-อวิชชา ความไม่รู้ คือ ไม่รู้ความจริง หรือไม่รู้ตามเป็นจริง

-สังขาร ความคิดปรุงแต่ง เจตจำนงและทุกสิ่งที่จิตใจได้สะสมไว้

-วิญญาณ ความรู้ต่อสิ่งที่ถูกรับรู้ คือ การเห็น ได้ยิน ฯลฯ รู้เรื่อในใจ

-นามรูป นามธรรมและรูปธรรม ชีวิตทั้งกายและใจ

-สฬายตะ อายตนะ คือ ช่องทางรับรู้ ๖ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

-ผัสสะ การรับรู้ การประจวบกันของอายตนะ+อารมณ์ (สิ่งที่ถูกรับรู้) +วิญญาณ

-เวทนา ความเสวยอารมณ์ ความรู้สึกสุขทุกข์ หรือเฉยๆ

-ตัณหา ความทะยานอยาก คือ อยากได้ อยากเป็น อยากไม่เป็น

-อุปาทาน ความยึดติดถือมั่น การยึดถือค้างใจ การยึดถือเข้ากับตัว

-ภพ ภาวะชีวิตที่เป็นอยู่ สภาพชีวิต ผลรวมกรรมทั้งหมดของบบุคคล

-ชาติ ความเกิด ความปรากฏแห่งขันธ์ทั้งหลายที่ยึดถือเอาเป็นตัวตน

-ชรามรณะ ความแก่ – ความตาย คือ ความเสื่อมอินทรีย์ - ความสลายแห่งขันธ์

........

ฯลฯ

เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีได้ ด้วยประการฉะนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 04 ก.ย. 2012, 21:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 21:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ถูกต้องครับ ขันธ์ห้านี้แหละคือกองทุกข์ การปรากฎออกแห่งขันธ์ห้าด้วยการเกิดทางกาย

การทำงานของขันธ์ห้าด้วยการเคลื่อนไหวทางจิตด้วยอวิชชา ล้วนเป็นการปรากฏออกแห่งทุกข์ทั้งมวล

แต่การดำเนินไปของขันธ์ด้วยกระบวนการแห่งปัญญา การละอุปาทานขันธ์คือกระบวนการดับทุกข์

ขันธ์ห้าก็คือขันธ์ห้า เิกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา

เราพึงเจริญภาวนาปัญญา ให้ขันธ์ที่มันเห็นอัตตา

ให้มันเห็นอนัตตาด้วยตัวมันเอง ให้มันรู้ ตื่น เบิกบานด้วยตัวมันเอง

และมันจะคลายตัว เหมือนเชือคลายเกลียว เหมือนการปล่อยมือที่จับ ทุกอย่างก็ตกลงไป

ไม่ต้องทำอะไรพิเศษ แค่ทำให้ทุกขณะในชีวิตเป็นขณะแห่งการตื่นรู้ได้ทุกขณะ

จนกว่าจะหมดภาระลงไป หรือหมดลมหายใจ ก็หมดกันเท่านี้ ผมเห็นอย่างนี้ :b16:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 02:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
จะเถียงทำไม มันเละตั้งแต่เริ่มออกแขกแล้ว
นี่เอาปฏิจฯเอาไตรลักษณ์ มาร่วมอยู่ใน ชีวิต

กรัชกาย เขียน:
สังขาร คือ เบญจขันธ์ ซึ่งรวมคนหมดตัวแล้วทั้งกายและใจ เป็นอนิจจา ทุกขา และอนัตตา เป็นไตรลักษณ์ครบทั้ง ๓ เป็นเรื่องของสภาวะตามธรรมดาของธรรมชาติทั้งนั้น ไม่ต้องมีตัวคนเข้าไปยุ่งเกี่ยว มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น จึงยังไม่มาเข้าในเรื่องของอริยสัจ (ทั้งที่ทุกข์/ทุกขา ก็มีอยู่ในไตรลักษณ์)

ก็ถามต่อไปว่า แล้วเมื่อไรล่ะ เบญจขันธ์ หรือขันธ์ ๕ (ชีวิต) จึงจะมาเป็นทุกข์ในอริยสัจ?
แล้วโฮฮับว่าปฏิจจสมุปบาทไตรลักษณ์อยู่ไหน ตอบนะอยากรู้ :b14:

นู๋กรัชกาย เอาปฏิจสมุบาทกับไตรลักษณ์มาใส่รวมกันปรุงมันด้วยคำพูด
แล้วให้ชื่อมันว่า "ยำชีวิต" :b32:

อธิบาย...ทุกข์ในอริยสัจจ์ มันมีความหมายว่า การรู้ทุกข์
และการรู้ทุกข์เกิดที่ไหนอย่างไร การจะรู้ได้ก็คือไปรู้ไปเห็น..."ไตรลักษ์"
และไตรลักษณ์เกิดที่ไหน ไตรลักษณ์ขี้นที่..กระบวนการขันธ์ห้า(เบญจขันธ์)
สิ่งที่ต้องสังเกตุ เพราะว่านู๋กรัชการกำลังสับสน ในบัญญัติคำว่าทุกข์
รู้ทุกข์กับเป็นทุกข์มันไม่เหมือนกัน

ส่วนคำว่า..."ชีวิต" มันเป็นเพียงสมมุติบัญญัติทางโลก ใช้เรียกแทนผู้ที่ยังมีอวิชา
ยังไม่รู้เรื่องของ....อริยสัจจ์สี่ กระบวนการขันธ์ห้าและไตรลักษณ์
ชีวิตมันเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในปฏิจสมุบาท แต่ในปฏิจสมุบาทไม่เรียกว่าชีวิต
ท่านเรียกว่า...กองทุกข์


ทุกข์ในวงปฏิจสมุบาทกับทุกข์ในไตรลักษณ์(เกิดในขันธ์ห้า)
มันแตกต่างกัน ทุกข์ในปฏิจสมุบาทเรียกว่า...เป็นทุกข์
ทุกข์ในไตรลักษณ์เรียกว่า....รู้ทุกข์


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 02:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่บอกเลยว่า.....หมาแมว ต้นไม้ต้นหญ้ามันมีชีวิตมั้ย
ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้....เลี่ยงไปเลี่ยงมาไม่ยอมตอบ


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 03:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ ยังต้องเรียนรู้สัจจะสองระดับ ทำความเข้าใจให้ดี

อะไรอย่างไร ก็บอกมาซิ อย่าเอาลิ้งมาวางเฉยๆ ไปก็อปเนื้อหามา
จะอธิบายให้ฟัง ถ้าจะให้เข้าไปเว็บของนู๋ ผมไม่เข้าไปหรอก
มันเป็นที่อโคจร คนทำเว็บไม่สุจริตใจ
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
แต่ถ้าผมมองนู๋กรัชกายเป็นแค่ รูปที่มากระทบกับตาของผม
แบบนี้จึงเรียกว่าขันธ์

อายตนะภายใน 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
อายตนะภายนอก 6 รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์

ตา+รูป
หู+เสียง
จมูก+กลิ่น
ลิ้น+รส
กาย+สัมผัส
ใจ+ธรรมารมณ์ (สิ่งที่คิดในใจ)
สิ่งที่มองเห็นด้วยตา ทางธรรมเรียกรูปทั้งสิ้น

ไหนโฮฮับลองว่าเรื่องขันธ์อะไรที่พูดถึงนั่นดิ อ้าววว ว่าไป อยากรู้ :b1: ขันธ์อะไร ขันตักน้ำหรือว่าขันอะไร

แล้วจะมาย้ำให้ผมทำไม นี่แสดงว่าไม่ได้รู้เรื่องเลยนี่นา
ก็ใช่ไงสิ่งที่มองเห็นด้วยตา ก็คือรูปทั้งสิ้น สิ่งที่หูได้ยินก็คือเสียง
เรามองการดำเนินชีวิตของคนอื่น สิ่งที่เห็นมันเป็นแค่รูป
มีใครมาเล่าเรื่องความเป็นเป็นอยู่ของเขาให้เราฟัง มันก็เป็นแค่เสียง
แต่ถ้าเราได้เห็น ได้ยินและอยากเป็นหรือไม่อยากเป็นอย่างเขา
นั้นแหล่ะเขาเรียกว่าชีวิต

กรัชกาย เขียน:
ไหนโฮฮับลองว่าเรื่องขันธ์อะไรที่พูดถึงนั่นดิ อ้าววว ว่าไป อยากรู้ :b1: ขันธ์อะไร ขันตักน้ำหรือว่าขันอะไร:

นิสัยไม่เปลี่ยน ถ้าจะใช้มุกเดิมจะตั้งกระทู้หาอาวุธ กุมภกรรณทำไม

เป็นคนตั้งกระทู้ต้องมีหน้าที่ตอบข้อขัดแย้ง ไม่ใช่มาถามเซ้าซี้เขา
ไม่งั้นกระทู้อวดภูมิมันจะกลายเป็นกระทู้โชว์(ไม่ฉลาด) :b32:


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 03:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อินทรีย์ 22 ได้แก่

จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ มนินทรีย์ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ สุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ อัญญินทรีย์ อัญญาตาวินทรีย์

สรุปรวมแล้วอินทรีย์ 22 ก็ชีวิตหนึ่งๆ จักขุ (ตา) โสตะ (หู) ฆานะ (จมูก) ชิวหา (ลิ้น) กาย (กาย) มโน (ใจ)...ฯลฯ

แล้วชีวิต (กายใจหรือรูปนาม หรือ ขันธ์ ๕...) เป็นเหตุเป็นผลกันและกันอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ...สรุปก็คือชีวิตหนึ่งๆนี่แหละเป็นไตรลักษณ์ เป็นปฏิจจจสมุปบาท ไปต้องไปหาเรื่องนี้ที่ไหนหรอก :b1:

เอาเข้าไป ซ้ำซากอยู่นั้นแหล่ะ เขาถามแย้งมาว่า...
หมา แมว ต้นไม้ มันชีวิตมั้ย ว่าไงล่ะ :b6:


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คำแปลและความหมายตามรูปศัพท์ เป็นพื้นฐานความเข้าใจไว้ชั้นหนึ่งก่อน (ดูว่าปฏิจจสมุปบาทอยู่ส่วนไหนของชีวิต)

-อวิชชา ความไม่รู้ คือ ไม่รู้ความจริง หรือไม่รู้ตามเป็นจริง

-สังขาร ความคิดปรุงแต่ง เจตจำนงและทุกสิ่งที่จิตใจได้สะสมไว้

-วิญญาณ ความรู้ต่อสิ่งที่ถูกรับรู้ คือ การเห็น ได้ยิน ฯลฯ รู้เรื่อในใจ

-นามรูป นามธรรมและรูปธรรม ชีวิตทั้งกายและใจ

-สฬายตะ อายตนะ คือ ช่องทางรับรู้ ๖ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

-ผัสสะ การรับรู้ การประจวบกันของอายตนะ+อารมณ์ (สิ่งที่ถูกรับรู้) +วิญญาณ

-เวทนา ความเสวยอารมณ์ ความรู้สึกสุขทุกข์ หรือเฉยๆ

-ตัณหา ความทะยานอยาก คือ อยากได้ อยากเป็น อยากไม่เป็น

-อุปาทาน ความยึดติดถือมั่น การยึดถือค้างใจ การยึดถือเข้ากับตัว

-ภพ ภาวะชีวิตที่เป็นอยู่ สภาพชีวิต ผลรวมกรรมทั้งหมดของบบุคคล

-ชาติ ความเกิด ความปรากฏแห่งขันธ์ทั้งหลายที่ยึดถือเอาเป็นตัวตน

-ชรามรณะ ความแก่ – ความตาย คือ ความเสื่อมอินทรีย์ - ความสลายแห่งขันธ์

........ฯลฯ
เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีได้ ด้วยประการฉะนี้

แล้วทำไมไม่อธิบาย ประเด็นสำคัญด้วยล่ะ นี่เป็นเพราะไม่เข้าใจ
กองทุกข์ก็คือ...เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมเกิด

กองทุกข์เกิดที่ไหน เกิดเพราะอะไร มันก็เพราะชีวิตนั้นเอง
อาจจะไม่เข้าใจ ขยายความเพื่ม ชีวิตก็คือการดำรงอยู่แห่งตัวตน
มันเป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์ การดำรงอยู่ของชีวิตมันเป็นการสะสมทุกข์
จนเกิดเป็นกองทุกข์ กองทุกข์หรือชีวิตอันกอบด้วยอวิชา มันเป็นเหตุปัจจัย
ให้เกิดวงปฏิจสมุบาทใหม่ วนเวียนไม่รู้จบ

จนกว่าเราจะรู้ว่า ชีวิตนั้นเป็นทุกข์ และการจะรู้ได้ต้องรู้ที่กระบวนการขันธ์ห้า


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 03:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกนู๋กรัชกาย ถ้าจะถามคำศัพท์หรือถามความหมายของคำ
ก็กรุณาเข้าไปดูใน เว็บ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ อย่าเอามาถามในกระทู้
มันเสียเวลาตอบ แล้วระดับผมไม่อยากคุยธรรมในลักษณะนี้ อายเด็กครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หาความลงต้วเรื่องขันธ์ 5 ให้ได้ก่อน โฮฮับจังไปหามาอีก 4 ขันธ์ที่เหลือ (ก่อนหน้าบอกมาขันธ์นึงแระ) แล้วจึงค่อยไปประเด็นอื่นๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจสมุปบาทที่เราพูดถึงส่วนมากจะเป็นฝ่ายสมุทัยวาร (เกิดทุกข์) ตามที่ลงศัพท์และคำแปลแล้วก่อนหน้าแล้ว แต่ฝ่ายข้างดับทุกข์นี้ ยังไม่ค่อยได้เห็นกัน ความมีดังนี้


-อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา เพราะอวิชชาสำรอกดับไปไม่เหลือ

-สงฺขารนิโรโธ สังขารจึงดับ

-สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ

-วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ

-นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ

-สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ

-ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ

-เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ

-ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ

-อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ

-ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ

-ชาตินิโรธา ชรามรณํ เพราะชาติดับ ชรามรณะ (จึงดับ)

.............

โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ
ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส ความคับแค้นใจ ก็ดับ

เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้



สังเกตคำสรุปปฏิจจสมุปบาทนี้ บ่งว่า เป็นกระบวนการเกิดขึ้น และดับไปแห่งความทุกข์ ข้อความเช่นนี้ เป็นคำสรุปส่วนมากของหลักปฏิจจสมุปบาท

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
หาความลงต้วเรื่องขันธ์ 5 ให้ได้ก่อน โฮฮับจังไปหามาอีก 4 ขันธ์ที่เหลือ (ก่อนหน้าบอกมาขันธ์นึงแระ) แล้วจึงค่อยไปประเด็นอื่นๆ

นู๋จะทำอะไรก็ตามใจนู๋แล้วล่ะ ถามหน่อยนู่ตั้งกระทู้ขึ้นมาทำไม
ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเพื่ออธิบายคำว่าชีวิตในทัศนคติของนู๋หรอกหรือ
แบบนี้แล้ว นู๋จะมาเซ้าซี้เพื่อกลบเกลื่อนความเห็นของชาวบ้านที่เขาถาม
คุณนู๋กรัชกายทำไม ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นจขกท
คิดให้ตกแล้วไปหาสิ่งที่เขาแย้งให้ได้ค่อยมาคุยกัน :b13:


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
หาความลงต้วเรื่องขันธ์ 5 ให้ได้ก่อน โฮฮับจังไปหามาอีก 4 ขันธ์ที่เหลือ (ก่อนหน้าบอกมาขันธ์นึงแระ) แล้วจึงค่อยไปประเด็นอื่นๆ



นู๋จะทำอะไรก็ตามใจนู๋แล้วล่ะ ถามหน่อยนู่ตั้งกระทู้ขึ้นมาทำไม
ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเพื่ออธิบายคำว่าชีวิตในทัศนคติของนู๋หรอกหรือ
แบบนี้แล้ว นู๋จะมาเซ้าซี้เพื่อกลบเกลื่อนความเห็นของชาวบ้านที่เขาถาม
คุณนู๋กรัชกายทำไม ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นจขกท
คิดให้ตกแล้วไปหาสิ่งที่เขาแย้งให้ได้ค่อยมาคุยกัน :b13:



ถามไม่ฉลาดเลย ก็บอกแล้วว่าจะสนทนากับโฮฮับ ไม่อ่านหรา

ว่ามาขันธ์ ๕ ของโฮฮับ คือ อะไรบ้าง เอามาจากไหน บอกมาขันธ์ 1 ล่ะ เหลืออีก 4 ขันธ์ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร