วันนี้หยิบเรื่องท่านอื่นมาอีกสักเรื่อง พอจะได้เป็นอุทาหรณ์กันสักนิดและเตือนภัยคนที่เรารักกันด้วย พรุ่งนี้จะมาเปิดเผยความลับลัทธิมารตอนที่ ๓ กันต่อ
________________________


ขอเตือนท่านที่มีญาติๆ นับถือลัทธินี้นะคะ วันนึงท่านอาจจะเสียใจเหมือนครอบครัวคุณน้าเราก็ได้ ลูกสาวน้าซึ่งก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเรานั่นแหละ เค้าไปเข้าลัทธินี้ แรกๆ ก็ไปฟังธรรมปกติ หลังๆ เริ่มไปช่วยงานกิจกรรมในลัทธิเป็นกิจวัตร พยายามชักชวนให้คนที่บ้านกินเจ ซึ่งคนที่บ้านก็เฉยๆ จนเค้ารู้สึกว่าครอบครัวเป็นมาร (ตามคำสอนของลัทธิ) คอยขัดขวางไม่ให้ขึ้นสวรรค์ ขนาดคุณแม่เค้าป่วยอยู่ก็ไม่สนใจดูแล บอกว่าจะต้องไปสร้างบุญ ซึ่งถ้าสร้างบุญไว้เยอะๆ ผลบุญก็จะส่งผลให้คุณแม่หายป่วยเอง แล้วพี่สาวเค้าจะเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์มาก เช่น มีคนอยู่ในเหตุการณ์เครื่องบินจะตก แล้วท่องคำ 5 คำ (อู๋ ไท่ ฝอ หมี เล่อ ) ก็สามารถรอดพ้นจากความตายได้ (มาจากการไปฟังบรรยายธรรมมามากๆ) พวกอาจารย์ในลัทธินี้เค้าจะมีจิตวิทยาในการพูดให้คนหลงเชื่อ ซึ่งมีอยู่ครั้งนึงพี่สาวเราแค่ถูกรถสาวล้อเฉี่ยว แล้วไม่เป็นไร อาจารย์เค้าจะสอนว่าเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิช่วยไว้ พี่เราเลยยิ่งนับถือเข้าไปใหญ่ หลังๆ มีการโดดงานที่บริษัทเพื่อไปช่วยงานที่สำนักธรรม เงินเก็บที่มีก็เอาไปฝากไว้กับอาจารย์ที่สำนักหมด เพราะเค้าสอนว่าโลกจะเกิดวิกฤติ(โลกแตก) แบงค์จะเจ๊ง ให้เอามาฝากไว้กับที่สำนักดีกว่า โดยจะมีการลงบัญชีไว้ว่าใครฝากไว้เท่าไร

จนวันนึงพี่สาวคนนี้ก็หายตัวจากบ้านไปอย่างไร้ร่องรอย งานการที่บริษัทก็ละทิ้งไปเฉยๆ จนทุกวันนี้ยังไม่ได้ข่าวคราว พ่อแม่เค้ากินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นปีๆ จนผ่ายผอม ได้แต่ออกตามหาตามสถานธรรมต่างๆ แจ้งคนหายตามรายการทีวี ไปถามคนทรงว่าทุกวันนี้ลูกสาวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ครอบครัวเรายังพลอยเศร้าไปด้วยเลย

ฝากไว้ให้ระวังแล้วกันนะคะ อย่านึกว่าเราเข้าไปฟังแล้ว ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ยังมีคนอีกหลายๆ คนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ หากค่อยๆ ซึมซับเอาคำสอนผิดๆ มาแล้วจะเกิดเป็นปัญหาใหญ่ตามมา ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน อนาคตตัวเองดับสูญ

จากคุณ : อาม่อน
เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 12:06:23

เคยเข้าไปเพราะความไม่รู้ ตั้งแต่ ยังไม่อยู่ บอร์ด พลังจิต
ต้องบอกว่า ขอบคุณ ที่ทำให้เรา เริ่มศึกษา ศาสนาพุทธเพราะ เรารู้สึกแย้ง กับ สิ่งที่ได้ยินมาจากสถานธรรม
เราไปรับธรรมะ 3-4 ชม.ครั้งแรก ยังไม่รู้สึกแย้งอะไรมากนัก
- ที่เรารู้สึกคือ แววตาของ คนที่มาเปิดจุดทวาร "น่ากลัว"
คือเราถามว่า ทำไมต้องเป็นความลับ/ พูด คาถา นอกสถานธรรมไม่ได้หรือ
เขาหันขวับ กลับมา พร้อมพูดว่า "พูดไม่ได้ เดว ผี ได้ยิน" ความรู้สึกเรา คือ เขาน่ากลัว

ไปครั้งที่ 2 ด้วยความเกรงใจ (เนื่องจาก เราคิดว่า ไปครั้งเดียวแล้ว จบ แต่ก็ตื้อเรา จนต้องไปอีก )
-เราตัดสินใจแล้วว่าไม่ไปอีก เพราะว่า เรานั่งฟังอยู่ 1 วัน เราว่า เนื้อหา มันค่อนข้างแปลกๆ

ตอนนั้นเรา ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับศาสนาพุทธเลย แย้งหรือเถียงเพื่อนก็ไม่ได้ รู้แต่ว่า เราจะไม่ไปอีก และ เราก็มองคนที่เปิดจุดทวารอีกหลายครั้ง ยังความรู้สึกเดียวกัน คือ น่ากลัว

หมายเหตุ ความรู้สึกน่ากลัว เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ เราไม่ได้ใส่ร้าย หรือ เอาความคิดตนเป็นใหญ่ แต่เรามีความเห็นว่า ถ้าคนที่เขามีบุญบารมีสูงๆ จนสามารถ นำพาคนไปนิพพานได้ ไม่น่าจะทำให้เรามีความรู้สึกแบบนั้นได้

และเราก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่า ไม่ไปอีก เราโดนขู่ หลายครั้ง จนมาพึ่งกระทู้พลังจิต http://board.palungjit.com/f10/%E0%B...B5-287916.html
ตอนนั้นเราแทบไม่รู้อะไรเลยว่า ทำ พระพุทธเจ้าสอนให้นิพพาน คนเรานิพพานได้อย่างไร ฯลฯ
นั่งหาคำตอบมาเรื่อยๆ ปีกว่า ๆ แล้ว เราจึงบอกเพื่อนไป ตามที่เราพอรู้ (ในบางคำถาม)เนื่องจาก ยังคง ให้ไปสถานธรรมอีก (และเราคงยืนยันว่าไม่ไป)

คำตอบคือ ถ้าไปแล้วเธอจะได้คำตอบเอง
เรารู้สึกว่า ลัทธินี้ ขู่ให้กลัวมากกว่า ที่จะให้เราเจอะคำตอบ และสอนในสิ่งที่ ในพลังจิตเอง ก็มีเขียนไว้
ส่วนการเข้าทรงนั้น มีตั้งแต่ กุ้งหอยปูปลาตะพาบน้ำ พูดภาษาไทยได้
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนถึงพระพุทธเจ้า และศาสดา ของศาสนาอื่นๆ
พอออกทรง ก็ ล้มโครม หัวกระแทก ต้องปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ ซึ่งในความรู้สึกเรา
ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ พระพุทธเจ้า มาเข้าทรงจริง ไม่น่าจะทำให้ ร่างทรงนั้นเจ็บตัว ตัวแตก

ส่วนพระไตรปิฎกที่เราศึกษากันอยู่นั้น ก็แปลผิด (ของแท้ต้องกินเจ)
เราเองกินมังสะ ก็ไม่สะอาดพอ ไม่เหมือนกันเจ ซึ่ง เราว่า การกินมังสะ หรือ เจนั้น ก็ใกล้เคียงกัน คือ ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ได้ หมายความว่า ใครดีกว่าใคร
พระพุทธเจ้าเอง ก็นิพพานได้ โดยได้รับแสง (ประมาณนี้นะค่ะ) เปิดจุดทวาร จาก ทีปังกรพระพุทธเจ้า (ไม่ได้ นิพพานได้ จาก การตรัสรู้ หรือปฎิบัติ)