วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 05:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 153 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับนั้น ย่อมมนสิการโดยไม่แยบคาย (อโยนิโสมนสิการ) อย่างนี้ว่า ในอดีตกาลอันยาวนาน เราได้มีแล้วหรือหนอ ...หรือว่าเรามิได้มี...เราได้เป็นอะไรหนอ...เราได้เนอย่างไรหนอ...เราเป็นอะไรแล้วจึงได้เป็นอะไรหนอ...ในอนาคตกาลอันยาวนาน เราจักมีหรือหนอ...หรือว่าเราจักไม่มี...เราจักเป็นอะไรหนอ...เราจักเป็นอย่างไรหนอ...เราจักเป็นอะไรแล้วจึงจะเป็นอะไรหนอ หรือ

ปรารภปัจจุบันในบัดนี้ มีความสงสัยขึ้นภายในว่า เรามีอยู่หรือ หรือว่าเราไม่มี เราเป็นอะไรหนอ เราเป็นอย่างไรหนอ สัตว์นี้มาจากไหนหนอ สัตว์นั้นจักไป ณ ที่ใดหนอ?


“เมื่อปุถุชนนั้น มนสิการโดยไม่แยบคายอย่างนี้ ทิฐิอย่างใดอย่างหนึ่งในทิฐิ 6 อย่าง ย่อมเกิดขึ้น คือ เขาย่อมเกิดทิฐิ (ยึดถือ) เอาเป็นจริงเป็นแท้ว่า เรามีอัตตา ...เราไม่มีอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้สภาวะที่มิใช่อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยสภาวะที่มิใช่อัตตา หรือ

มิฉะนั้นก็จะมีทิฐิดังนี้ว่า อัตตาของเรานี้แหละ ที่เป็นตัวบงการ เป็นผู้เสวย ประสบวิบากแห่งกรรมที่ดีและชั่ว ณ ที่นั้นๆ เป็นสภาวะที่เที่ยงแท้ ยั่งยืน คงอยู่ตลอดไป มีความไม่ผันแปรเป็นธรรมดา จักคงอยู่อย่างนั้นเสมอตลอดไป

ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฐิ รกชัฏแห่งทิฐิ กันดารแห่งทิฐิ เสี้ยนหนามแห่งทิฐิ ความดิ้นรนแห่งทิฐิ ทิฐิเครื่องผูกมัดสัตว์ ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับ ซึ่งถูกทิฐิเครื่องผูกมัดรัดตัวไว้ ย่อมไม่พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมไม่พ้นจากทุกข์


พี่กายยกพุทธพจน์เหล่ามามาเพื่ออะไรครับ สิ่งเหล่านี้นั้นเราก็รู้ๆกันอยู่นี่ครับว่าทิฎฐิมนุษย์มันเป็นความหลงของคนอย่างนี้ เราถึงลงมือเดินตามทางมรรคมีองค์แปดกันไง น่าจะเอาวิธีปฎิบัติมากกว่าเอาแต่ความ ทิฎฐิออย่างเดียว ทิฎฐิอย่างเดียวมันไม่รอดหรอก มันมีตั้ง8องค์ กิจญาณนั้นแหล่ะครับหน้าที่ของเรา เมือกิจญาณสมบูรณืเมื่อใดกัตตญาณก้จะปรากฎเองก็เท่านั้นไม่ต้องวลมาที่เก่าแล้ว ถามจริงๆพี่เคยสัมผัสความจริงอะไรบางอย่างเกี่ยวกัยสูญญตาบ้างมั้ยหรือพี่คิดเอาแล้วว่าใช่นะครับ พุทธพจน์ใหญ่อย่างอานาปานสติสูตร นะเอาไปไว้ไหนครับ


ที่พูดญาณนั้นญาณนี้ นั่นก็เป็นเพียงแผนที่ เกิดพี่ถามศัพท์นั้นๆที่ยกมาหมายถึงอะไร ก็เกรงว่าจะบีบคั้นความรู้สึกน้องเปล่าๆ นี่พูดจากใจนะเนี่ย คือ

เป็นห่วงสุขภาพจิตและกายหากเอาภาคปฏิบัติมาเกรงจะบ้ากันไปใหญ่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับนั้น ย่อมมนสิการโดยไม่แยบคาย (อโยนิโสมนสิการ) อย่างนี้ว่า ในอดีตกาลอันยาวนาน เราได้มีแล้วหรือหนอ ...หรือว่าเรามิได้มี...เราได้เป็นอะไรหนอ...เราได้เนอย่างไรหนอ...เราเป็นอะไรแล้วจึงได้เป็นอะไรหนอ...ในอนาคตกาลอันยาวนาน เราจักมีหรือหนอ...หรือว่าเราจักไม่มี...เราจักเป็นอะไรหนอ...เราจักเป็นอย่างไรหนอ...เราจักเป็นอะไรแล้วจึงจะเป็นอะไรหนอ หรือ

ปรารภปัจจุบันในบัดนี้ มีความสงสัยขึ้นภายในว่า เรามีอยู่หรือ หรือว่าเราไม่มี เราเป็นอะไรหนอ เราเป็นอย่างไรหนอ สัตว์นี้มาจากไหนหนอ สัตว์นั้นจักไป ณ ที่ใดหนอ?


“เมื่อปุถุชนนั้น มนสิการโดยไม่แยบคายอย่างนี้ ทิฐิอย่างใดอย่างหนึ่งในทิฐิ 6 อย่าง ย่อมเกิดขึ้น คือ เขาย่อมเกิดทิฐิ (ยึดถือ) เอาเป็นจริงเป็นแท้ว่า เรามีอัตตา ...เราไม่มีอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้สภาวะที่มิใช่อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยสภาวะที่มิใช่อัตตา หรือ

มิฉะนั้นก็จะมีทิฐิดังนี้ว่า อัตตาของเรานี้แหละ ที่เป็นตัวบงการ เป็นผู้เสวย ประสบวิบากแห่งกรรมที่ดีและชั่ว ณ ที่นั้นๆ เป็นสภาวะที่เที่ยงแท้ ยั่งยืน คงอยู่ตลอดไป มีความไม่ผันแปรเป็นธรรมดา จักคงอยู่อย่างนั้นเสมอตลอดไป

ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฐิ รกชัฏแห่งทิฐิ กันดารแห่งทิฐิ เสี้ยนหนามแห่งทิฐิ ความดิ้นรนแห่งทิฐิ ทิฐิเครื่องผูกมัดสัตว์ ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับ ซึ่งถูกทิฐิเครื่องผูกมัดรัดตัวไว้ ย่อมไม่พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมไม่พ้นจากทุกข์


พี่กายยกพุทธพจน์เหล่ามามาเพื่ออะไรครับ สิ่งเหล่านี้นั้นเราก็รู้ๆกันอยู่นี่ครับว่าทิฎฐิมนุษย์มันเป็นความหลงของคนอย่างนี้ เราถึงลงมือเดินตามทางมรรคมีองค์แปดกันไง น่าจะเอาวิธีปฎิบัติมากกว่าเอาแต่ความ ทิฎฐิออย่างเดียว ทิฎฐิอย่างเดียวมันไม่รอดหรอก มันมีตั้ง8องค์ กิจญาณนั้นแหล่ะครับหน้าที่ของเรา เมือกิจญาณสมบูรณืเมื่อใดกัตตญาณก้จะปรากฎเองก็เท่านั้นไม่ต้องวลมาที่เก่าแล้ว ถามจริงๆพี่เคยสัมผัสความจริงอะไรบางอย่างเกี่ยวกัยสูญญตาบ้างมั้ยหรือพี่คิดเอาแล้วว่าใช่นะครับ พุทธพจน์ใหญ่อย่างอานาปานสติสูตร นะเอาไปไว้ไหนครับ


ที่พูดญาณนั้นญาณนี้ นั่นก็เป็นเพียงแผนที่ เกิดพี่ถามศัพท์นั้นๆที่ยกมาหมายถึงอะไร ก็เกรงว่าจะบีบคั้นความรู้สึกน้องเปล่าๆ นี่พูดจากใจนะเนี่ย คือ

เป็นห่วงสุขภาพจิตและกายหากเอาภาคปฏิบัติมาเกรงจะบ้ากันไปใหญ่ :b1:
พี่จะยกอะไรมาก็ยกมาเถอะมันก็สรุปลงเราสมควรจะทำอะไรก็เท่านั้นเรื่องของเรื่องมันมีอยู่เท่านี้ แต่ใครจะทำผิดทำถูกนั้นผมถึงบอกว่ามันเป้นไปตามกรรมครับ พระพุทธจ้าไม่ได้สอนอะไรเรามากนักหรอกครับก็แค่ชี้ให้เห็นอะไรคือทุกข์และอะไรคือข้อปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์เท่านั้นเองไม่ต้องไปศึกษาเยอะๆหรอกครับ มันลงตัวในปาติโมกข์นั้นแหล่ะครับ เรียนมากทำไปทำมาจะเอาแต่สบายเข้าว่านะครับ ผมเจอมาเยอะแล้ว ปล่อยวางแบบนี้นะ ผมถึงให้ทดสอบตนเองจริงๆไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทานมีมั้ย ศิลมีมั้ย สมาธิมีมั้ย เรื่องปัญญานะมันอวดกันได้พูดไปเรื่อยๆได้ครับ ผมเน้าการใชัชีวิตอย่างบรมครูครับใครจะแย้งก็แย้งมา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากได้ภาคปฏิบัติก็สนองให้ แล้วบอกพี่กายหน่อยดิว่าทำยังไงจึงหลุดพ้นจากจุดนี้ไปได้ :b1:


อ้างคำพูด:
อยากจะรบกวนถามผู้ที่เคยเป็นว่าจะแก้อย่างไรครับ ทั้งๆที่เราไม่ได้ยินดีไปกับอารมณ์แห่งการปรามาสพระรัตนตรัยเลย เคยอ่านเจอหลายกระทู้แล้ว ถึงคนที่มีอาการแบบนี้ แต่พอเกิดขึ้นกับตัวเองเลยชักจะหาทางออกไม่ได้ สับสน และค่อนข้างจะกลัวว่าหนทางการปฏิบัติของเรามันจะถึงทางตัน มันเกิดได้อย่างไร มันเป็นกรรมเก่าหรือไม่ หากเป็นกรรมเก่า ในเมื่อชาตินี้ เรามีใจที่จะแสวงหาทางพ้นทุกข์ คือ พระนิพพาน แล้วทำไมมันถึงตามมาขวางด้วยวิธีการรุนแรงแบบนี้ หรือว่าแท้ที่จริงเรากำลังจะเป็นบ้าเกิดความสับสนทางจิตครับ รบกวนทุกท่าน หากมีท่านใดสามารถนั่งสมาธิตรวจดูกรรมเก่าให้ได้ ขอให้ช่วย pm มา เพื่อชี้ทางสว่างด้วยเถิด หรือ

ไม่ก็แนะนำวิธีการแก้ไขเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกด้วยเถิด ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยให้ทุกท่านที่แนะนำมานี้จงเจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญา และมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งแห่งความดับทุกข์ทั้งมวลด้วยเถิด สาธุ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธพจน์นี่ บีบหัวใจน้องมากใช่มั้ย :b32:


อ้างคำพูด:
“ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับนั้น ย่อมมนสิการโดยไม่แยบคาย (อโยนิโสมนสิการ) อย่างนี้ว่า ในอดีตกาลอันยาวนาน เราได้มีแล้วหรือหนอ ...หรือว่าเรามิได้มี...เราได้เป็นอะไรหนอ...เราได้เป็นอย่างไรหนอ...เราเป็นอะไรแล้วจึงได้เป็นอะไรหนอ...ในอนาคตกาลอันยาวนาน เราจักมีหรือหนอ...หรือว่าเราจักไม่มี...เราจักเป็นอะไรหนอ...เราจักเป็นอย่างไรหนอ...เราจักเป็นอะไรแล้วจึงจะเป็นอะไรหนอ หรือ

ปรารภปัจจุบันในบัดนี้ มีความสงสัยขึ้นภายในว่า เรามีอยู่หรือ หรือว่าเราไม่มี เราเป็นอะไรหนอ เราเป็นอย่างไรหนอ สัตว์นี้มาจากไหนหนอ สัตว์นั้นจักไป ณ ที่ใดหนอ?


“เมื่อปุถุชนนั้น มนสิการโดยไม่แยบคายอย่างนี้ ทิฐิอย่างใดอย่างหนึ่งในทิฐิ 6 อย่าง ย่อมเกิดขึ้น คือ เขาย่อมเกิดทิฐิ (ยึดถือ) เอาเป็นจริงเป็นแท้ว่า เรามีอัตตา ...เราไม่มีอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้สภาวะที่มิใช่อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยสภาวะที่มิใช่อัตตา หรือ

มิฉะนั้นก็จะมีทิฐิดังนี้ว่า อัตตาของเรานี้แหละ ที่เป็นตัวบงการ เป็นผู้เสวย ประสบวิบากแห่งกรรมที่ดีและชั่ว ณ ที่นั้นๆ เป็นสภาวะที่เที่ยงแท้ ยั่งยืน คงอยู่ตลอดไป มีความไม่ผันแปรเป็นธรรมดา จักคงอยู่อย่างนั้นเสมอตลอดไป


ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฐิ รกชัฏแห่งทิฐิ กันดารแห่งทิฐิ เสี้ยนหนามแห่งทิฐิ ความดิ้นรนแห่งทิฐิ ทิฐิเครื่องผูกมัดสัตว์ ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับ ซึ่งถูกทิฐิเครื่องผูกมัดรัดตัวไว้ ย่อมไม่พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมไม่พ้นจากทุกข์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 16:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วัฏฏะอีก

อะไรวัฏฏะ พอจะบอกได้มั้ย :b1:


น้อง big อยากเป็นพระอรหันต์มากหรอครับ :b10:



ถามนี่ไม่ตอบ ชอบพูดศัพท์เขาแบบเพ้อเจ้อ พูดศัพท์ทางธรรมเพื่อให้สบายใจ ใจปลื้มๆว่าที่ฉันพูดธรรมะนะ ฉันคิดเนี่ยเป็นธรรมะ แต่หารู้เข้าใจความหมายศัพท์ที่ตนนำมาพูดนั้นๆไม่

จริงมั้ยขอรับพ่อนักธรรมทั้งสอง :b1:


บอกตรงๆนะ เห็นแล้วอนาถใจ บิดเบือนกล่าวตู่พุทธธรรม บาปครับบาป
การที่รู้ศัพท์เยอะๆก็ไม่ได้หมายความว่าเข้าใจอะไรได้เยอะกว่าคนที่รู้ศัพท์น้อยหรอกนะ และคนเข้าใจอะไรเยอะๆก็ไม่ได้หมายความว่าลด ละ เลิกอะไรได้เยอะๆหรอกนะ และการลด ละ เลิกอะไรได้เยอะๆก็ไม่ได้หมายความว่าเขาถึงสัจจธรมมที่แท้จริงได้หรอกครับพี่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 10 ก.ย. 2012, 18:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์นี่ บีบหัวใจน้องมากใช่มั้ย :b32:


อ้างคำพูด:
“ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับนั้น ย่อมมนสิการโดยไม่แยบคาย (อโยนิโสมนสิการ) อย่างนี้ว่า ในอดีตกาลอันยาวนาน เราได้มีแล้วหรือหนอ ...หรือว่าเรามิได้มี...เราได้เป็นอะไรหนอ...เราได้เป็นอย่างไรหนอ...เราเป็นอะไรแล้วจึงได้เป็นอะไรหนอ...ในอนาคตกาลอันยาวนาน เราจักมีหรือหนอ...หรือว่าเราจักไม่มี...เราจักเป็นอะไรหนอ...เราจักเป็นอย่างไรหนอ...เราจักเป็นอะไรแล้วจึงจะเป็นอะไรหนอ หรือ

ปรารภปัจจุบันในบัดนี้ มีความสงสัยขึ้นภายในว่า เรามีอยู่หรือ หรือว่าเราไม่มี เราเป็นอะไรหนอ เราเป็นอย่างไรหนอ สัตว์นี้มาจากไหนหนอ สัตว์นั้นจักไป ณ ที่ใดหนอ?


“เมื่อปุถุชนนั้น มนสิการโดยไม่แยบคายอย่างนี้ ทิฐิอย่างใดอย่างหนึ่งในทิฐิ 6 อย่าง ย่อมเกิดขึ้น คือ เขาย่อมเกิดทิฐิ (ยึดถือ) เอาเป็นจริงเป็นแท้ว่า เรามีอัตตา ...เราไม่มีอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้สภาวะที่มิใช่อัตตาด้วยอัตตา ...เรากำหนดรู้อัตตาด้วยสภาวะที่มิใช่อัตตา หรือ

มิฉะนั้นก็จะมีทิฐิดังนี้ว่า อัตตาของเรานี้แหละ ที่เป็นตัวบงการ เป็นผู้เสวย ประสบวิบากแห่งกรรมที่ดีและชั่ว ณ ที่นั้นๆ เป็นสภาวะที่เที่ยงแท้ ยั่งยืน คงอยู่ตลอดไป มีความไม่ผันแปรเป็นธรรมดา จักคงอยู่อย่างนั้นเสมอตลอดไป


ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฐิ รกชัฏแห่งทิฐิ กันดารแห่งทิฐิ เสี้ยนหนามแห่งทิฐิ ความดิ้นรนแห่งทิฐิ ทิฐิเครื่องผูกมัดสัตว์ ปุถุชนผู้มิได้เรียนสดับ ซึ่งถูกทิฐิเครื่องผูกมัดรัดตัวไว้ ย่อมไม่พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมไม่พ้นจากทุกข์
ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากหรอกครับ ผมหายสงสัยไปนานแล้ว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้อง big ครับ พี่กายเห็นมาเยอะครับ นักปฏิบัติเพี้ยนน่ะ โดดขึ้นหลังคาร้องตะโกน กรูเหาะได้แล้วโว้ยย ใจจริงสงสาร แต่ถ้าเต็มใจ นึกโสน่ะน่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอานี่ไปอีก จะได้มองเห็นภาพ :b1:



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อยากได้ภาคปฏิบัติก็สนองให้ แล้วบอกพี่กายหน่อยดิว่าทำยังไงจึงหลุดพ้นจากจุดนี้ไปได้ :b1:


อ้างคำพูด:
อยากจะรบกวนถามผู้ที่เคยเป็นว่าจะแก้อย่างไรครับ ทั้งๆที่เราไม่ได้ยินดีไปกับอารมณ์แห่งการปรามาสพระรัตนตรัยเลย เคยอ่านเจอหลายกระทู้แล้ว ถึงคนที่มีอาการแบบนี้ แต่พอเกิดขึ้นกับตัวเองเลยชักจะหาทางออกไม่ได้ สับสน และค่อนข้างจะกลัวว่าหนทางการปฏิบัติของเรามันจะถึงทางตัน มันเกิดได้อย่างไร มันเป็นกรรมเก่าหรือไม่ หากเป็นกรรมเก่า ในเมื่อชาตินี้ เรามีใจที่จะแสวงหาทางพ้นทุกข์ คือ พระนิพพาน แล้วทำไมมันถึงตามมาขวางด้วยวิธีการรุนแรงแบบนี้ หรือว่าแท้ที่จริงเรากำลังจะเป็นบ้าเกิดความสับสนทางจิตครับ รบกวนทุกท่าน หากมีท่านใดสามารถนั่งสมาธิตรวจดูกรรมเก่าให้ได้ ขอให้ช่วย pm มา เพื่อชี้ทางสว่างด้วยเถิด หรือ

ไม่ก็แนะนำวิธีการแก้ไขเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกด้วยเถิด ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยให้ทุกท่านที่แนะนำมานี้จงเจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญา และมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งแห่งความดับทุกข์ทั้งมวลด้วยเถิด สาธุ



บอกทางออกทีดิ จะออกไปทางไหน ว่าไป :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อยากได้ภาคปฏิบัติก็สนองให้ แล้วบอกพี่กายหน่อยดิว่าทำยังไงจึงหลุดพ้นจากจุดนี้ไปได้ :b1:


อ้างคำพูด:
อยากจะรบกวนถามผู้ที่เคยเป็นว่าจะแก้อย่างไรครับ ทั้งๆที่เราไม่ได้ยินดีไปกับอารมณ์แห่งการปรามาสพระรัตนตรัยเลย เคยอ่านเจอหลายกระทู้แล้ว ถึงคนที่มีอาการแบบนี้ แต่พอเกิดขึ้นกับตัวเองเลยชักจะหาทางออกไม่ได้ สับสน และค่อนข้างจะกลัวว่าหนทางการปฏิบัติของเรามันจะถึงทางตัน มันเกิดได้อย่างไร มันเป็นกรรมเก่าหรือไม่ หากเป็นกรรมเก่า ในเมื่อชาตินี้ เรามีใจที่จะแสวงหาทางพ้นทุกข์ คือ พระนิพพาน แล้วทำไมมันถึงตามมาขวางด้วยวิธีการรุนแรงแบบนี้ หรือว่าแท้ที่จริงเรากำลังจะเป็นบ้าเกิดความสับสนทางจิตครับ รบกวนทุกท่าน หากมีท่านใดสามารถนั่งสมาธิตรวจดูกรรมเก่าให้ได้ ขอให้ช่วย pm มา เพื่อชี้ทางสว่างด้วยเถิด หรือ

ไม่ก็แนะนำวิธีการแก้ไขเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกด้วยเถิด ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยให้ทุกท่านที่แนะนำมานี้จงเจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญา และมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งแห่งความดับทุกข์ทั้งมวลด้วยเถิด สาธุ
ผมนะเจอยิ่งกว่านี้อีก สมัยก่อนไม่เคยดูถูกอะไรเกี่ยวกับพระรัตนตรัย อย่างมากก็เฉยๆไม่สน ผมเริ่มปฎิบัติธรรมผมเห็นพระไม่ได้เลยเห็นแล้วใจด่าเลยล่ะ ผมเริ่มสับสนความคิดนี้มาได้อย่างไร แน่นอนใครเดินทางที่ถูกจะมีมารมาเสมอขอให้รู้ไว้ด้วยครับ ทางสายผมเจาะลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึกถึงอนุสัย แน่แหละครับที่ตัวเองว่าตัวเองดีแท้ๆมันซ้อนอยู่มันผลุดขึ้นมาเลยตกใจว่าตนเองไม่เคยคิดมันมีมาได้อย่างไร ก็คนเราสะสมมันมาตั้งไม่รู้เท่าไร่ต่อเท่าไหร่จะไม่มีเลยเหรอ มารจะมาสกัดเสมอไม่ต้องกล้วอะไร ของเก่ามันฟุ้งขึันมา ก็ดูมันเฉยๆทำอะไรไม่ได้ มันบังคับมันไม่ได้มันมีมันก็ทำหน้าที่ของมันไป เหมือนความโกรธนะครับ ตรวบใดเรายังไม่ดับมันเป็นสมุทเฉท มันได้โอกาสมันก็โกรธ เพียงแต่ปฎิบัติไป หลายปีกว่าผมจะผ่านพ้นไปได้ มันจะค่อยๆจางลงๆไปเรื่อยเพียงปฎิบัติให้ถูกทางขุดรากถอนโคนมันให้ได้ ทั้งอด ทั้งทน นั้นแหละเยี่ยม และอะไรรู้มั้ยครับ ธุดงควัตรนั้นแหละตัวกำจัดกอเลสชั้นยอดเลย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 10 ก.ย. 2012, 17:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอานี่ไปอีก จะได้มองเห็นภาพ :b1:


โถๆพี่ยกตัวอย่างนี้มาโอ้ยปวดใจ ของดีๆมีตั้งเยอะไปเอาอะไรมา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัดมาทำไงทีนี้ บอกเขาที :b1:


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิ
พอกำหนดรู้ลมหายใจแรกอาการมดทั้งรังรุมกัดก็เกิดขึ้นทันที
แต่ไม่ได้เป็นทุกข์ถึงกับนั่งสมาธิไม่ได้นะครับ ก็สนุกดีอาการแบบนี้
คือ...เจ้ากรรมนายเวรหรือป่าวครับ (คำตอบในใจ)

นอนสมาธิ
ส่วนใหญ่จะทำพักเที่ยง ก่อนทำไม่ได้ไหว้พระสวดมนต์แต่จะลากลมเข้ายาวก่อน
พอกำหนดลมปกติแรกจะเหมือนมีหนูออกมาจากสะโพกข้างขวาแล้ววิ่งไปตามตัว
ครั้งหนึ่งผมเคยเอามือตะตบด้วยนะครับแต่ไม่มีอะไร ไม่ได้เป็นทุกข์กับมันนะครับแต่
สงสัยว่ามันคืออาการอะไร คำตอบในใจ คือ เจ้ากรรมนายเวรหรือป่าวครับ

อาการหลังจากอาการดังกล่าวข้างบน
- ขนลุกทั้งตัวสักพัก
- เย็นทั้งตัวเหมือนเอาแป้งตางูเยอะๆผสมน้ำแล้วปะให้ทั่วตัว
- มีคนมาไฟฉายมาฉายที่หน้า (ทั้งๆที่เอาผ้าปิดตาปิดไว้ เฉพาะนอนสมาธิ)
- มือหาย
- ลมหายใจเบามาก แต่ก็พอรู้อยู่

ถามอีกข้อครับ อีกไกลมั้ยถึงจะขึ้น ปฐมฌาน
ทุกวันนี้ปฏิบัติไปไม่ได้ฌาน (ชาน) ซะทีจนบางครั้งลืมเรื่องฌาน(ชาน)ไปแล้ว
แต่ก็ยังหวังว่าจะได้ ปฐมฌาน อยู่บ้าง
http://board.palungjit.com/f126/อาการเหมือนโดนมดทั้งรังกัด-มีหนูวิ่งตามตัว-356895.html


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอานี่ไปอีก จะได้มองเห็นภาพ :b1:



โถๆพี่ยกตัวอย่างนี้มาโอ้ยปวดใจ ของดีๆมีตั้งเยอะไปเอาอะไรมา


ดีหมายถึงอะไร ไม่ดีได้แก่อะไร

ชีวิต (รูปนาม) มีแต่ดีอย่างเดียวหรอ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอานี่ไปอีก จะได้มองเห็นภาพ :b1:



โถๆพี่ยกตัวอย่างนี้มาโอ้ยปวดใจ ของดีๆมีตั้งเยอะไปเอาอะไรมา


ดีหมายถึงอะไร ไม่ดีได้แก่อะไร

ชีวิต (รูปนาม) มีแต่ดีอย่างเดียวหรอ :b10:
พี่ก็รู้อยู้แกใจดีแล้วนี่ครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2012, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
รู้ได้งัย


บิ๊กทู....คิดว่ากระผม...ว่าบิ๊กทู...หรอ?

555.... :b13: :b13:

No....No...No... :b9:

แต่หากจะถามว่า...แล้วจะรู้ได้งัย?

ก็จะตอบว่า...ก็ถามตัวเองดูซิ.... :b32: :b32: :b32:
ไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกแค่ทักทายพี่กบเฉยๆ ต้องว่ากันได้ซิ ตรงไหนไม่ดีก็ว่ากันไปจริงบ่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 153 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร