วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 02:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 153 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พูดตามสภาวะ (หรือโดยปรมัตถ์) จิต เจตสิก รูป รวมกันก็เป็นชีวิตหนึ่งๆ แต่มนุษย์หลงยึดติดถือมั่นว่าชีวิตนี้เป็นตนเป็นสัตว์บุคคลเราเขาขึ้น ท่านจึงจำแนกแยกแยะชีวิตนี้ ออกเป็นรูปธรรมนามธรรม จิตกับเจตสิกเป็นนามธรรม รูป เป็นรูปธรรม ถ้าแยกแยะโดยความเป็นขันธ์ ได้ 5 รูป เป็นรูปธรรม 4 ข้อหลังเป็นนามธรรม แล้วยังแยกแยะเป็นอายตนะก็มี 12 อย่าง แยกโดยธาตุก็มี 18 อย่าง แยกโดยความเป็นอินทรีย์ ก็มี 22 อย่าง เพื่อให้เห็นชีวิตเป็นแต่สภาวะ (สภาวธรรม) ของมัน ไม่ใช่สัตว์บุคคล
แล้วสภาวะนี่แหละ เป็นไตรลักษณ์ด้วย (เมื่อพูดในแง่ไตรลักษณ์) เป็นปฏิจจสมุปบาท (เมื่อต้องพูดในแง่ของปฏิจจสมุปบาท) ทั้งหมดนี้อยู่ที่ชีวิตนี้ ไม่ต้องไปชะเง้อหาที่ไหน :b1:

นู๋กรัชกายตลกด้านเป็นเชิญยิ้มรุ่นเด็ก พูดไปเรื่อย ฝืดแล้วยังไม่ยอมลงจากเวที :b32:
เห็นนู๋กรัขกายพูดแต่ อายตนะ12 ขันธ์ห้า ไม่รู้เรื่องแล้วอยากจะพูด
ถ้าผมมีถาดอยู่ในมือรับรองโดนสันถาดแน่ๆ

ลองกลับไปเว็บตัวเองแล้วหาวิธีทำสติปัฏฐานสี่
โดยเฉพาะเรื่อง...ธรรมมาวิป้สสนากรรมฐาน อ่านให้ขึ้นใจแล้ว
ผมจะอธิบายให้ฟัง จะได้ไม่หลงพูดซ้ำซากอยู่อย่างนี้


โฮฮับอ่านมาแล้วเห็นว่ายังงัยหรอ เล่าให้ฟังบ้างฮิ ว่าไป...จะรอฟัง

ธรรมมาวิป้สสนากรรมฐาน

ศัพท์สมาสนี้เพิ่งเคยเห็น ลองไปทบทวนดูใหม่นะโฮ :b1:



เจ้าของโรงนำแข็งหายไปไหน ปล่อยให้หญ้ารกนกหนูทำรัง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

ผมไม่รู้เขาอสอนนี้ครับเขาสอนกันยังไง แต่จะพอวิเคราะได้บ้าง การที่ทำอะไรเป็นหมู่คณะ จิตมันถูกชักจูงง่าย เป็นเรื่องของอุปาทานหมู่ ไม่มีแก่นสารอะไรหรอกมั้งครับ ไม่เกี่ยวกับอริยสัจไม่น่าสนใจ


นั่นแหละอริยสัจซึ่งน่าสนใจ :b1:


พี่กำลังจะบอกว่าเพราะความไม่รู้ใช่มั้ย ถึงเป็นอย่างนี้


เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ตัณหา อุปาทาน :b1:
บ้างครั้งเราอาจจะเป็นผู้ไม่รู้ก็ได้นะ เหมือพระใบลานเปล่าที่ท่านฝึกจิตยกมาก็ได้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

ผมไม่รู้เขาอสอนนี้ครับเขาสอนกันยังไง แต่จะพอวิเคราะได้บ้าง การที่ทำอะไรเป็นหมู่คณะ จิตมันถูกชักจูงง่าย เป็นเรื่องของอุปาทานหมู่ ไม่มีแก่นสารอะไรหรอกมั้งครับ ไม่เกี่ยวกับอริยสัจไม่น่าสนใจ


นั่นแหละอริยสัจซึ่งน่าสนใจ :b1:


พี่กำลังจะบอกว่าเพราะความไม่รู้ใช่มั้ย ถึงเป็นอย่างนี้


เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ตัณหา อุปาทาน :b1:


บ้างครั้งเราอาจจะเป็นผู้ไม่รู้ก็ได้นะ เหมือพระใบลานเปล่าที่ท่านฝึกจิตยกมาก็ได้


เขาว่าไงหรือยกมาให้ดูหน่อยดิ อยากอ่านบ้าง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

ผมไม่รู้เขาอสอนนี้ครับเขาสอนกันยังไง แต่จะพอวิเคราะได้บ้าง การที่ทำอะไรเป็นหมู่คณะ จิตมันถูกชักจูงง่าย เป็นเรื่องของอุปาทานหมู่ ไม่มีแก่นสารอะไรหรอกมั้งครับ ไม่เกี่ยวกับอริยสัจไม่น่าสนใจ


นั่นแหละอริยสัจซึ่งน่าสนใจ :b1:


พี่กำลังจะบอกว่าเพราะความไม่รู้ใช่มั้ย ถึงเป็นอย่างนี้


เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ตัณหา อุปาทาน :b1:


บ้างครั้งเราอาจจะเป็นผู้ไม่รู้ก็ได้นะ เหมือพระใบลานเปล่าที่ท่านฝึกจิตยกมาก็ได้


เขาว่าไงหรือยกมาให้ดูหน่อยดิ อยากอ่านบ้าง :b1:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=43254

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้อ ซาบซึ้งๆ สาธุๆๆ อนุโมทามิ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 02:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับจัง ลองบอกทุกข์ตามที่ตัวเองพูดถึงดิ ว่าปายยยยย :b1:

กองทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล อยู่ในปฏิจจสมุบาท ถ้าเราเรียกชีวิตเป็นปฏิจจสมุบาท กองทุกข์ก็คือ
ชีวิตด้วยเช่นกัน

ทั้งปฏิจจสมุบาทหรือชีวิต มันมีเหตุปัจจัยหนื่งที่ทำให้เกิดทุกข์
นั้นก็คือ อุปาทานขันธ์

มีบางคนเข้าใจผิดคิดว่า ขันธ์ห้าคือชีวิต...ผิดครับ
ส่วนที่เป็นชีวิตหรือปฏิจจ์ เขาเรียกว่า อุปาทานขันธ์

อุปาทานขัน เป็นการรวมกันหรือเป็นปัจจัยร่วมระหว่าง อุปาทานในปฏิจจ์กับขันธ์ห้า
พระพุทธองค์สอนให้รู้การมีอยู่ของขันธ์ห้า ก็เพื่อให้แยกขันธ์ห้าออกมาจากปฏิจจ์
เมื่อแยกขันธ์ห้าออกมาจากปฏิจจ์แล้ว ปฏิจจ์หรือชีวิตก็เป็นส่วนหนึ่ง ขันธ์ห้าก็เป็นส่วนหนึ่ง

พอจะเรียกได้ว่า ปฏิจจ์หรือชีวิตเป็นทุกข์ ขันธ์ห้าเป็นผู้รู้ทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


รบกวนถามคุณโฮครับ

ตั้งใจจะทำหน้าที่นี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 03:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โกเมศวร์ เขียน:
รบกวนถามคุณโฮครับ

ตั้งใจจะทำหน้าที่นี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ

จนกว่าจะไปอยู่ในสถานะที่ต้องปลีกวิเวกครับ
การปลีกวิเวกก็คงไม่พ้นสถานะของนักบวชหรอกครับ

ตามความเห็นผม ถ้าผมอยู่ในสถานะของนักบวชแล้ว
คงจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับการสนทนาธรรมตามเว็บบอร์ดแบบนี้
เหตุเพราะอาจทำให้เกิดการขุ่นข้องหมองใจต่อโยมต่อฆราวาส
หรือไม่ก็เป็นโลกวัชชะ

และถ้าให้ผมไปแสดงความเห็นในทางธรรม แบบซึ่งๆหน้า ก็ไม่เอาครับ
คนเราดวงตาเห็นธรรมไม่เท่ากันครับ ไปพูดอะไรเดี๋ยวเกิดไม่เข้าใจธรรม
สวนหมัดกลับมา เนื้อไม่กิน หนังไม่รองนั่ง ดันให้เรากินเลือดตัวเอง

ไปของเราคนเดียวดีกว่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำความเข้าใจเพิ่มเติม ในข้อที่ว่า ขันธ์ห้าไม่ใช่ชีวิตและไม่ใช่ปฏิจจสมุบาท
การที่เราเข้าใจไปว่า ตัวเราที่เป็นเราหรือรูปนามในปฏิจจสมุบาทเป็นเรา
เป็นเพราะ สักกายทิฐิ ไปบ่งการให้เกิดตัณหา ไปยีดมั่นถือมั่นรูปนามเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา
หรือเป็นชีวิตตามบัญญัติ ที่อรรถกถาจารย์บางท่านให้ความหมายไว้

การละการยึดถือกายเป็นตัวตนก็เคยกล่าวไว้แล้วว่า ใช้หลักกายานุปัสสนา
แต่มันมันยังมี การการปฏิบัติเพื่อให้รู้ว่า แม้กระทั้งขันธ์ห้าก็ไม่ใช่ตัวตน

พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่อง การพิจารณาธรรมในบรรพของธัมมาวิปัสสนาฯ
ในเรื่อง...ขันธ์ห้า อายตนะ12 พูดสั้นก็คือ ....

กายนุปัสนา สอนให้รู้ว่ากายที่เราไปยึดแท้จริงไม่ใช่ตัวตนเป็นแค่ธาตุสี่
และสอนให้วิปัสสนาขันธ์ห้า สอนการเกิดดับของขันธ์ห้าและให้รู้ว่า ขันธ์มันเกิดได้อย่างไร
มันมีเหตุปัจจัยมาจากไหน นั้นก็คือขันธ์ห้ามีเหตุปัจจัยมาจาก อายตนะ12นั้นเอง
เมื่อเกิดการกระทบกันของอายตนะ12 ย่อมเกิดผัสะเกิดวิญญาณขันธ์ เวทนาขันธ์
สัญญาขันธ์และสังขารขันธ์ ขันธ์ทำงานเกิดดับเรียงกันไป

ที่นี้เรารู้แล้วว่า ขันธ์ห้ามีต้นตอมาจากอายตนะ12 แล้วอายตนะมันมีต้นตอมาจากไหน
ต้นตอของอายตนะก็คือ กาย(ธาตุสี่)อาทิ ตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัสและใจ

ที่กล่าวไว้ตอนแรกว่า การทำกายานุปัสสนาเพื่อให้รู้ว่า กายไม่ใช่ตัวตน
เมื่อกายไม่ใช่ตัวตน สิ่งเกิดจากกายก็ไม่ใช่ตัวตนเช่นกัน
ขันธ์ห้าเกิดจากกาย
ดังนั้นขันธ์ห้าก็ไม่ใช่ตัวตน การที่จะมากล่าวว่า
ขันธ์ห้าคือชีวิต มันไม่ถูกครับ


เราจะแยกให้รู้ว่าขันธ์ห้าไม่ใช่ชีวิตได้อย่างไร ก็ต้องไปดูพระอรหันต์
พระอรหันต์ละขันธ์ห้าได้แล้ว ไม่ยืดขันธ์แล้ว
แต่พระอรหันต์ยังมีรูปนามอยู่ นั้นก็คือท่านยังมีชีวิตอยู่
ถึงบอกว่า ชีวิตเป็นปฏิจจสมุบาท ไม่ใช่ขันธ์ห้า :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 04:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตที่มี ตัณหา นำมาซึ่งทุกข์ จึงเป็นส่วนของปฏิจจสมุปบาท
พระอรหันต์ ก็ยังเรียกว่า มีชีวิตใช้ชีวิต แต่ไม่มีทุกข์

ความเห็นครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 04:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านโฮ ครับ ตายแล้วไม่มีชีวิต ใช่มั้ย คนที่ยังมีอวิชชา ตายแล้วยังเหลือขันธ์มั้ยครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 07:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณโฮฮับ

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบ-
*ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผู้ที่เกิดมาแล้วที่พ้นจากชราและมรณะ
มีอยู่บ้างหรือไม่ ฯ
[๓๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรมหาบพิตร คนเกิดมาแล้วที่
จะพ้นจากชรามรณะไม่มีเลย แม้กษัตริย์มหาศาลซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มี
โภคะมาก มีทองและเงินมากมาย มีทรัพย์เครื่องอุปกรณ์น่าปลื้มใจมากมาย มี
ทรัพย์คือข้าวเปลือกมากมาย ก็ไม่มีพ้นจากชรามรณะ แม้พราหมณ์มหาศาลซึ่งเป็น
ผู้มั่งคั่ง ฯลฯ ก็ไม่มีพ้นจากชรามรณะ แม้คฤหบดีมหาศาล ก็ไม่มีพ้นจากชรา
มรณะ ภิกษุแม้ทุกองค์ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ หมดสิ้นอาสวะแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์
แล้ว กระทำกรณียะเสร็จแล้ว วางภาระหนักลงได้แล้ว ได้บรรลุประโยชน์ของตน
แล้ว หมดสิ้นกิเลสเครื่องประกอบไว้ในภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
ร่างกายนี้แม้แห่งพระอรหันต์เหล่านั้น ก็เป็นสภาพแตกดับ ถูกทอดทิ้งเป็น
ธรรมดา ฯ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โกเมศวร์ เขียน:
:b8: คุณโฮฮับ
กองหนุนส่งกำลังใจใหญ่เลย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 153 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร