วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวก ผู้ได้เรียนสดับแล้ว ฯลฯ ย่อมรู้ชัดธรรมที่ควรมนสิการ รู้ชัดธรรมที่ไม่ควรมนสิการ ย่อมไม่มนสิการธรรมที่ไม่ควรมนสิการ ย่อมมนสิการธรรมที่ควรมนสิการ
“ธรรมที่ไม่ควรมนสิการ ซึ่งอริยสาวกไม่มนสิการ เป็นไฉน? กล่าวคือ เมื่ออริยสาวกมนสิการธรรมเหล่าใด กามสวะก็ดี ภวาสวะก็ดี อวิชชาสวะก็ดี ที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เจริญ เหล่านี้คือธรรมที่ไม่ควรมนสิการ ซึ่งอริยสาวกไม่มนสิการ

“ธรรมที่ควรมนสิการ ซึ่งอริยสาวกมนสิการ เป็นไฉน? กล่าวคือ เมื่ออริยสาวกมนสิการธรรมเหล่าใด กามสวะก็ดี ภวาสวะก็ดี อวิชชาสวะก็ดี ที่ยังไม่เกิด ก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดแล้ว ก็ถูกละเสียได้ เหล่านี้คือธรรมที่ควรมนสิการ ซึ่งอริยสาวกย่อมมนสิการ

“เพราะอริยสาวกนั้น ไม่มนสิการธรรมที่ไม่ควรมนสิการ และมนสิการธรรมที่ควรมนสิการ อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่เกิด ก็จะไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะถูกละเสียได้
“อริยสาวกนั้น ย่อมมนสิการโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ว่า นี้ทุกข์...นี้เหตุให้เกิดทุกข์...นี้ความดับทุกข์...นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เมื่ออริยสาวกนั้น มนสิการโดยแยบคายอย่างนี้ สังโยชน์ ๓ ย่อมถูกละเสียได้ กล่าวคือ สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


คำนี้ดูดีๆ กูไม่เอากับมึงแล้ว นี้นั้น คือมนุษย์ผู้ที่สดับฟังเรื่องราวทุกข์ที่พระองค์แสดงแล้ว นั้นไม่ว่าจะเป็นทุกข์ในลักษณะใด ถ้ายังไม่เกิดปัญญาในเชิงที่จะมีจิตน้อมออกจากวัฎฎะนั้นขอให้คิดไว้เลยว่า ท่านยังห่างอริสัจมากครับ ถ้าใครพอมองเห็นบ้างก็ถือว่าดีตรวจสอบความรู้สึกตัวท่านเอง ไม่มีใครตอบได้ แต่ผมนี้สุดๆเลยครับ แต่ผมไม่ใช่กลัวแบบหลับหูหลับตากลัวนะครับ ขวนขวายหาวิธีที่แก้ไข ไม่ใช่นิ่งเฉย สาระวนอยู่กับสิ่งเก่าๆหรอก เดินตามทางที่พระองค์สั่งสอนตลอด เท่าที่เวลาจะเหมาะสมสุดแรงครับ ไม่ใช่ท่องตำราอย่างเดียวนะ ด้วยความปรารถนาดีbigtoo

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อะไร "วัฏฏะ" บอกชัดๆสิครับ ปล้ำถามมาหลายเที่ยวแล้ว บอกเสียทีเถอะอยากรู้ วัฏฏะๆๆๆๆๆๆๆ :b12:


เจริญธรรม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
คำนี้ดูดีๆ กูไม่เอากับมึงแล้ว นี้นั้น คือมนุษย์ผู้ที่สดับฟังเรื่องราวทุกข์ที่พระองค์แสดงแล้ว นั้นไม่ว่าจะเป็นทุกข์ในลักษณะใด ถ้ายังไม่เกิดปัญญาในเชิงที่จะมีจิตน้อมออกจากวัฎฎะนั้นขอให้คิดไว้เลยว่า ท่านยังห่างอริสัจมากครับ

ฟังธรรมของพระองค์แล้ว เกิดปัญญาแล้ว พูดธรรมยังเพี้ยน
ขอร่วมด้วยช่วยถาม วัฏฏะ นี่มันวัฏฏะอะไรครับ

bigtoo เขียน:
ถ้าใครพอมองเห็นบ้างก็ถือว่าดีตรวจสอบความรู้สึกตัวท่านเอง ไม่มีใครตอบได้ แต่ผมนี้สุดๆเลยครับ แต่ผมไม่ใช่กลัวแบบหลับหูหลับตากลัวนะครับ ขวนขวายหาวิธีที่แก้ไข ไม่ใช่นิ่งเฉย สาระวนอยู่กับสิ่งเก่าๆหรอก เดินตามทางที่พระองค์สั่งสอนตลอด เท่าที่เวลาจะเหมาะสมสุดแรงครับ ไม่ใช่ท่องตำราอย่างเดียวนะ ด้วยความปรารถนาดีbigtoo

สิ่งเก่าๆที่ว่านี่เมียหรือเปล่าครับ เมียเก่าแม่ของลูกแก่แล้วเลิกแล้ว
เอาเมียสาวๆดีกว่า :b32:


ถามย้ำ....วัฏฏะอะไรครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อะไร "วัฏฏะ" บอกชัดๆสิครับ ปล้ำถามมาหลายเที่ยวแล้ว บอกเสียทีเถอะอยากรู้ วัฏฏะๆๆๆๆๆๆๆ :b12:


เจริญธรรม :b1:
ผมว่่าผมตอบชัดแล้วนะครับ สาระวน ซ้ำๆซากๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรชัดเจนสุดแล้วครับ ถ้าพี่ไม่เข้าใจหรือใครไม่เข้าใจผมคงตอบมากกว่านี้ไม่ได้ หรือผมความรู้น้อยนั้นแหล่ะครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อะไร "วัฏฏะ" บอกชัดๆสิครับ ปล้ำถามมาหลายเที่ยวแล้ว บอกเสียทีเถอะอยากรู้ วัฏฏะๆๆๆๆๆๆๆ :b12:


เจริญธรรม :b1:
ผมว่่าผมตอบชัดแล้วนะครับ สาระวน ซ้ำๆซากๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรชัดเจนสุดแล้วครับ ถ้าพี่ไม่เข้าใจหรือใครไม่เข้าใจผมคงตอบมากกว่านี้ไม่ได้ หรือผมความรู้น้อยนั้นแหล่ะครับ

ตอบอะไรกัน! ผมเป็นพยานไม่เห็นมีเลย มีแต่เพ้อเจ้อยกยอตัวเอง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วัฏฏะ แปลว่า วน วัฏฏะหรือวนมี 3 ได้แก่ กิเลส กรรม วิบาก

หลักปฏิจจสมุปบาทแสดงถึงกระบวนการทำกรรม และการให้ผลของกรรมทั้งหมด ตั้งต้นแต่กิเลสทีเป็นเหตุให้ทำกรรม จนถึงวิบากอันเป็นผลที่จะได้รับ

หมายถึงวัฏฏะนี้หรือเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
วัฏฏะ แปลว่า วน วัฏฏะหรือวนมี 3 ได้แก่ กิเลส กรรม วิบาก

หลักปฏิจจสมุปบาทแสดงถึงกระบวนการทำกรรม และการให้ผลของกรรมทั้งหมด ตั้งต้นแต่กิเลสทีเป็นเหตุให้ทำกรรม จนถึงวิบากอันเป็นผลที่จะได้รับ

หมายถึงวัฏฏะนี้หรือเปล่า
]อะไรที่มันหมุนวนเวียนไม่รู้จักจบสิ้น วนไปวนมานั้นแหล่ะครับ หรือใครจะแยกย่อยอย่างไรมันก็วนไปวนมา ไม่รู้จักจบทั้งหมดมันให้ผลมีเป็นทุกข์ทั้งน้า.....น พอทีกับชีวิตเน่าๆซ้ำซากไรสาระแก่นสารหาที่สุดมิได้ ขี้เกลียดลุกไปทำงานแล้วมันโง่มานาน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วัฏฏะ แปลว่า วน วัฏฏะหรือวนมี 3 ได้แก่ กิเลส กรรม วิบาก

หลักปฏิจจสมุปบาทแสดงถึงกระบวนการทำกรรม และการให้ผลของกรรมทั้งหมด ตั้งต้นแต่กิเลสทีเป็นเหตุให้ทำกรรม จนถึงวิบากอันเป็นผลที่จะได้รับ

หมายถึงวัฏฏะนี้หรือเปล่า
]

อะไรที่มันหมุนวนเวียนไม่รู้จักจบสิ้น วนไปวนมานั้นแหล่ะครับ หรือใครจะแยกย่อยอย่างไรมันก็วนไปวนมา ไม่รู้จักจบทั้งหมดมันให้ผลมีเป็นทุกข์ทั้งน้า.....น พอทีกับชีวิตเน่าๆซ้ำซากไรสาระแก่นสารหาที่สุดมิได้ ขี้เกลียดลุกไปทำงานแล้วมันโง่มานาน



นึกถึงไก่ชนที่ถูกขังในกระโจม ดิ้นรนต้องการจะออกวิ่งบ้างเดินบ้างอยู่ในสุ่มหรือกระโจมนั้น เอาหัวกะทุ้งๆแล้วๆเล่าๆ จนขนคอร่วงหัวทะลอกปอกเปือกเลือดไหลเป็นทาง ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บยิ่งทุกข์ทั้ง....น้าน เพราะไม่พอใจสภาพปัจจุบัน (วิภวตัณหา)

อันที่จริงชีวิตเป็นธรรมชาติ เพียงรู้ตามที่มันเป็นรู้แล้วก็หลุดแล้วก็อยู่กับมันบนโลกใบนี้จนกว่าจะสิ้นชีวิต มีอะไรก็ทำไปตามหน้าที่ ก็เท่านี้ :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... n#msg16056

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วัฏฏะ แปลว่า วน วัฏฏะหรือวนมี 3 ได้แก่ กิเลส กรรม วิบาก

หลักปฏิจจสมุปบาทแสดงถึงกระบวนการทำกรรม และการให้ผลของกรรมทั้งหมด ตั้งต้นแต่กิเลสทีเป็นเหตุให้ทำกรรม จนถึงวิบากอันเป็นผลที่จะได้รับ

หมายถึงวัฏฏะนี้หรือเปล่า
]

อะไรที่มันหมุนวนเวียนไม่รู้จักจบสิ้น วนไปวนมานั้นแหล่ะครับ หรือใครจะแยกย่อยอย่างไรมันก็วนไปวนมา ไม่รู้จักจบทั้งหมดมันให้ผลมีเป็นทุกข์ทั้งน้า.....น พอทีกับชีวิตเน่าๆซ้ำซากไรสาระแก่นสารหาที่สุดมิได้ ขี้เกลียดลุกไปทำงานแล้วมันโง่มานาน



นึกถึงไก่ชนที่ถูกขังในกระโจม ดิ้นรนต้องการจะออกวิ่งบ้างเดินบ้างอยู่ในสุ่มหรือกระโจมนั้น เอาหัวกะทุ้งๆแล้วๆเล่าๆ จนขนคอร่วงหัวทะลอกปอกเปือกเลือดไหลเป็นทาง ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บยิ่งทุกข์ทั้ง....น้าน เพราะไม่พอใจสภาพปัจจุบัน (วิภวตัณหา)

อันที่จริงชีวิตเป็นธรรมชาติ เพียงรู้ตามที่มันเป็นรู้แล้วก็หลุดแล้วก็อยู่กับมันบนโลกใบนี้จนกว่าจะสิ้นชีวิต มีอะไรก็ทำไปตามหน้าที่ ก็เท่านี้ :b1:
พูดถึงวิภาวะตัณหานั้นก็เรื่องใหญ่เลย ถ้าปัญญาไม่ประจักษ์ความจริงแล้วยิ่งไม่มีทางเข้วใจได้อธิบายไปก็ตัวหนังสือล้วนๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

พูดถึงวิภาวะตัณหานั้นก็เรื่องใหญ่เลย ถ้าปัญญาไม่ประจักษ์ความจริงแล้วยิ่งไม่มีทางเข้วใจได้อธิบายไปก็ตัวหนังสือล้วนๆ


วิภวตัณหา คือ ความไม่พึงพอใจสภาวะปัจจุบันซึ่งเกิดขึนเป็นอยู่ขณะนั้นๆ แต่ละขณะๆ :b12: คือ จะหนีไปหาอารมณ์ที่ยังไม่มาถึง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

พูดถึงวิภาวะตัณหานั้นก็เรื่องใหญ่เลย ถ้าปัญญาไม่ประจักษ์ความจริงแล้วยิ่งไม่มีทางเข้วใจได้อธิบายไปก็ตัวหนังสือล้วนๆ


วิภวตัณหา คือ ความไม่พึงพอใจสภาวะปัจจุบันซึ่งเกิดขึนเป็นอยู่ขณะนั้นๆ แต่ละขณะๆ :b12: คือ จะหนีไปหาอารมณ์ที่ยังไม่มาถึง
ขอผ่านประเด็นนี้ เพราะกามตัณหายังมีคนเข้าใจน้อยมาก ไม่อยากไปตรงนี้ยากที่จะเข้าใจได้ เข้าใจก็เข้าไม่ถึงรับประกันได้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว




pow9334.jpg
pow9334.jpg [ 71.13 KiB | เปิดดู 2921 ครั้ง ]
ยังจะอยากอยู่อีกเหรอวัฎฎะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 03:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

พูดถึงวิภาวะตัณหานั้นก็เรื่องใหญ่เลย ถ้าปัญญาไม่ประจักษ์ความจริงแล้วยิ่งไม่มีทางเข้วใจได้อธิบายไปก็ตัวหนังสือล้วนๆ


วิภวตัณหา คือ ความไม่พึงพอใจสภาวะปัจจุบันซึ่งเกิดขึนเป็นอยู่ขณะนั้นๆ แต่ละขณะๆ :b12: คือ จะหนีไปหาอารมณ์ที่ยังไม่มาถึง
ขอผ่านประเด็นนี้ เพราะกามตัณหายังมีคนเข้าใจน้อยมาก ไม่อยากไปตรงนี้ยากที่จะเข้าใจได้ เข้าใจก็เข้าไม่ถึงรับประกันได้

ผ่านไปแล้วเมื่อไรจะเข้าใจเรื่อง เหตุแห่งทุกข์ เห็นคุยโม้คุยโตเรื่องสมุทัย

และถ้าผ่านไปแล้ว เมื่อไรจะเข้าใจว่า ถึงแม้จะไม่ยุ่งกับเมีย แต่ยังมองเมียยังสาวยังสวย
มันเป็นกิเลส

และถ้าผ่านไปจะรู้มั้ยว่า ถึงแม้จะไม่กินข้าวเลยสักเม็ด แต่ถ้ายังได้กลิ่นแล้วเกิดหอมหวนยวนใจ
นั้นแหล่ะคือกิเลส

และเมื่อไรจะรู้ว่า การกระทำหรือไม่กระทำ แล้วคิดว่าสิ่งที่ตัวทำมันวิเศษกว่าชาวบ้าน
จะรู้มั้ยว่า ความวิเศษของตัวนั้นแหล่ะคือกิเลส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 04:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


สมุทัยนั้นเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์เรามีหน้าที่ เราจะต้องกำจัดเหตุแห่งทุกข์โดยมรรควิธี เหตุแห่งทุกข์คือตัณหา3นั้นเอง มีตั้งแต่ความหยาบไปจึนถึงความระเอียดซึ่งเป็นเรื่องทั้งทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เราต้องเริ่มจากหยาบไปหาละเอียดเหมือนเราจะถูบ้าน เราจะต้องกวาดบ้านก่อนแล้วถึงถูบ้านมันถึงจะถูกต้องใช้มั้ยครับ

เช่นเดียวกันเมื่อเราจะกำจัดกิเลส เราก็ต้องรักษาศิล ศิลก็มีศิลห้า อันนี้สำคัญมากเพราะเป็นการห้ามไม่ให้เราไปทำโทษแก่ผู้อื่น เำพราะจะสงผลมาหาเราโดยตรงไม่ว่าทางกายและทางจิตใจ ศิลแปดเป็นเรื่องของการขัดเกลากิเลสโดยตรงศิลแปดนี้เป็นเรื่องการคนที่มีเจตนาตั้งใจจริง แต่คนที่ถือศิลแปดก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นโสดาบันหรอกนะครับ เพียงแต่มีปัญญารู้ว่าการถือศิลแปดนั้นมันขัดเกลากิเลสได้ดีมากๆ

คนจะเป็นโสดาบันนั้นแค่ศิลห้าบริสุทธิจริงๆก็ถือว่าเป็นโสดาบันได้แล้ว แต่การที่ศิลห้าบริสุทธิ์นั้นไม่ได้หมายความว่าเราทำตามนั้นได้แค่นั้นยังไม่พอหรอกครับ เพียงแต่เป็นข้อหนึ่งซึ่งเป็นรูปธรรมที่มองเห็นชัดหน่อยเท่านั้นเอง โสดาบันนั้นจะต้องเห็นอริสัจอย่างแท้จริง อะไรเรียกวาอย่างแท้จริง อันนี้นั้นไม่ต้องกล่าวถึงเป็นเฉพาะตนจริงๆต้องถามตัวเองว่าเราหายสงสัยในพระรัตนไตรหรือยัง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร