43293."จิต" กับ "ธรรม"

วิริยะ

.. สมัยหนึ่ง เคยโดนติฉินนินทา เป็นทุกข์มาก
เกิดความร้อนรุ่มนอนไม่ค่อยหลับ บังเอิญ ไปเจอหนังสือธรมเล่มหนึ่ง

ท่านเปรียบ "จิต" ไว้ว่า ..
"เหมือนกะละมังที่เปิดไว้กลางแจ้ง ใครโยนอะไรมาก็รับหมด "ผู้ไม่รู้เท่าทัน"
ย่อมเกิดทั้งสุขและทุกข์ ถ้าเราเอาฝา(สติ)มา ปิด - เปิดกะละมัง เลือกเอาแต่
สิ่งดี ๆ กั้นสิ่งที่ไม่ดี เมื่อทำได้ดังนี้ จิตนี้ย่อมนำสุขมาให้"

อ่านจบน้อมมาที่ตน ก็บังเกิดความเย็น ความสงบ ความร้อนรุ่ม
ความทุกข์ที่เกิดจากการนินทา ก็มลายหายไป

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึง "จิตกับธรรมสัมผัสกัน" .. :b8:

เป็นความทรงจำ ที่ไม่มีวันลืม ..

:b1:

Hanako

ฮานาโกะไม่ได้โดนใครด่ามานานแล้วค่ะ ไม่ได้ถูกทดสอบสมรรถภาพทางจิตว่าดีขึ้นกว่าเก่าจริงหรือเปล่า อุตส่าห์พร่ำๆๆฝึกนักหนา แต่ตอนนี้ได้โดนทดสอบแล้วนะ ผลคือ เอาฝามาปิดไม่ทัน แต่ยกน้ำเทออกจากกะละมังทันค่ะ :b12:

ยังโชคดีค่ะ ไม่ปล่อยให้น้ำขังไว้ในกะละมังใจนานเกิ๊นน :b9:

eragon_joe

แต่ก่อน ๆ โน้นนนนนน โน่นแน่ะ
คือถ้ามีคนนินทาเราลับหลัง ก็คือนินทาลับหลังจริง ๆ
ก็คือเราก็ไม่รู้ว่าเราถูกเขานินทา 55555 จริงมั๊ย

ถ้ามีคนมาบอกว่าคนนั้นเขาพูดถึงเราอย่างนี้นี้นี้ นะ
ก็...ฟัง...และก็ต้องดูคนที่มาเล่าให้เราฟังด้วย
ดูความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งหมดที่ถูกกล่าวถึง
ว่าเขามาเล่าให้เราฟังทำไม
ก็ ยุทธภพ นี่เน๊อะ ตามประสาหนังจีนกำลังภายในก็ออกแนว ศึกชิงเจ้ายุทธภพ ทั้งน๊านนนน

คือถ้าเขาต้องการให้เรารู้ ok เราก็รู้แล้ว ก็นินทากันจบไปแล้วนี่ ใช่ม๊า :b32:

แต่การที่จะหลงเข้าไปสู่ เกม ของผู้นำมาเล่า มันก็อีกเรื่องหนึ่ง
คือ เรื่องมันผ่านไปแล้ว การนินทาก็ล่วงเลยมาแล้ว
แล้วเราจะต้องไปทำอะไร หรือเป็นอะไรไปกับเรื่องที่ล่วงเลยไปแล้วล่ะ
แน่จริง ถ้าอยากรู้ว่าเราจะทำอย่างไร ให้เป็นปัจจุบันนิดนึง
คือ พอนินทาเราปุ๊บให้มีคนแอบรีบมาเรียกให้เราไปแอบฟัง ณ บัดนั้นเรย
ก็จะได้รู้ว่า เราจะสอยกลับไปยังไง 555
หรือ บางทีเมื่อเขาเห็นเรา
เขาก็อาจจะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เปลี่ยนท่าที เปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยทันทีก็ได้... :b5:

ก็จะได้รู้ไง ... ว่ามัน ขำ ขำ :b32:

ก็ เหมือนน้ำที่เดือด เมื่อเอาออกจากเตามาตั้งทิ้งไว้ มันก็เย็นลง
ก็ เหมือนน้ำที่แข็งเป็นน้ำแข็ง เมื่อเอาออกจากตู้เย็นมาตั้งทิ้งไว้ มันก็ละลาย
ถ้าจะค้นหาความเดือด หรือ ความแข็ง ก็ต้องไปหาดูในที่ ๆ มันจะเป็นไปเช่นนั้นได้
จะได้รู้กันไป ว่าไปพบเจอสารเคมีชนิดไหน :b32:

ก็เคยได้อยู่ในสังคมที่ การนินทาลับหลัง ค่อนข้างรุนแรง
ก็สังคมที่ทำงานในปัจจุบันนั่นล่ะ

เรื่องการรู้ว่าเขานินทาเราลับหลังว่าอย่างไรบ้างนั้น ยังเป็นเรื่อง รอง ๆ
มันไม่มีสาระอะไรเรย เพราะมันเป็นเสียงในอดีตที่ถูกนำมาถ่ายทอดใหม่
จากคน ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเขาหวังอะไรกับเรา หรือ เขาหวังอะไรกับตัวเอง
เพราะเขาแตกคอกันเองรึเปล่า ก็เลยหาแนวร่วมใหม่
และเขาก็จะวิ่งไปตาม list ของคนที่เคยถูกพวกเขานินทานั่นล่ะ

ถ้ามองดูวงจรการนินทาดี ๆ เราก็จะมีความรู้
เราก็จะใช้ความรู้ที่ได้นั้นล่ะ มาป้องกันตัวเอง
ว่า โดยมากแล้ว เราจะรู้สึกหวั่นไหวไปกับเรื่องราวเหล่านี้ ในช่วงจังหวะใดบ้าง อย่างไร
บางทีเราอาจจะเผลอไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ถ้ารู้ ก็ละซะ

และ ความระแวง ว่าจะถูกนินทาลับหลัง

คือจริง ๆ การคิดไปในความระแวง
มันทำให้เราถูกตัวเองสร้างภาพว่าตนถูกนินทาบ่อยกว่าที่เราจะถูกนินทาจริง ๆ เสียอีก
เขาอาจจะนินทาเราครั้งเดียวเมื่อศุกร์ที่แล้ว
แต่เราเฝ้าคิดระแวงได้ทุกวัน วันละหลายรอบ รอบละเป็นชั่วโมง
ก่อนที่จะคิดว่าใครทำร้ายเรา ให้มองภาพให้ออกว่า
เราได้ทำอะไรกับตัวเองบ้าง

อย่าปล่อยให้ความระแวงเข้ามาบ่อนทำร้ายจิตใจเราได้
อย่าปล่อยให้ตนเองตกเข้าไปในห้วงคำนึงถึง การนินทา
ง่าย ๆ คือ อย่าให้ ภพ ประเภทนี้ เกิด-ดับ จนเป็นร่องรอย
เพราะมันเป็น วิตกจริต ที่มันสร้างจินตนาการต่าง ๆ นานา
สร้างรอยให้ ผัสสะที่ตรงต่ออารมณ์นั้น มันสบช่อง
ซึ่งถ้าของจริงกระทบปุ๊บ มันจะสบช่องใจส่งออกรับทันที

แต่ถ้าเราตัดความระแวงได้ เมื่อเกิดผัสสะ มันจะรู้
แต่ใจมันจะไม่ออกไปรับอารมณ์
(เพราะเราได้ฝึกเขามาแล้ว ให้เขาไม่เอาอารมณ์นั้น)

:b9:

พูดมาตั้งนาน อิอิ
เอาเป็นว่า
การจะเป็นผู้ที่มั่นคงได้แม้จะมีคำนินทา
ก็ต้องเป็นผู้ที่รู้จักอารมณ์นั้น เหตุเกิดแห่งอารมณ์นั้น (ทั้งหมด)
และเป็นผู้ที่ยืนหยัดที่จะต่อสู้กับอารมณ์นั้น
จนกระทั่ง ใจคุณอยู่เหนืออารมณ์นั้น ทั้งปวง
คือ ไม่รับ การนินทา เข้ามาเป็นอารมณ์

พระพุทธเจ้าถึงได้ให้เรามาปฏิบัติ ให้เรามาฝึกสติ
ว่าแต่ละวัน ตลอดเวลา เราได้ทำอะไรลงไปบ้าง อย่างไร
พฤติกรรมอะไร ที่ลากจิตให้หม่นหมอง ก็ให้รู้เท่าทัน
และเรียนรู้ที่จะปรับ

:b12:

ยาวเรย ... :b3:

eragon_joe

Hanako เขียน:

ฮานาโกะไม่ได้โดนใครด่ามานานแล้วค่ะ ไม่ได้ถูกทดสอบสมรรถภาพทางจิตว่าดีขึ้นกว่าเก่าจริงหรือเปล่า อุตส่าห์พร่ำๆๆฝึกนักหนา แต่ตอนนี้ได้โดนทดสอบแล้วนะ ผลคือ เอาฝามาปิดไม่ทัน แต่ยกน้ำเทออกจากกะละมังทันค่ะ :b12:

ยังโชคดีค่ะ ไม่ปล่อยให้น้ำขังไว้ในกะละมังใจนานเกิ๊นน :b9:

กบนอกกะลา

Hanako เขียน:

ฮานาโกะไม่ได้โดนใครด่ามานานแล้วค่ะ ไม่ได้ถูกทดสอบสมรรถภาพทางจิตว่าดีขึ้นกว่าเก่าจริงหรือเปล่า อุตส่าห์พร่ำๆๆฝึกนักหนา แต่ตอนนี้ได้โดนทดสอบแล้วนะ ผลคือ เอาฝามาปิดไม่ทัน แต่ยกน้ำเทออกจากกะละมังทันค่ะ :b12:

ยังโชคดีค่ะ ไม่ปล่อยให้น้ำขังไว้ในกะละมังใจนานเกิ๊นน :b9:

นั้นดิ.....นี้ก็นานมาแล้วเช่นกัน....ยังนึกไม่ออกเลยว่า...ถ้าโดนด่า...โดนตำนิ...แล้วนี้....จิตใจมันจะเป็นงัยน่า!!

จัทร์เพ็ญ

เวลาถูกนินทา ถ้าสติไม่ทันมันจะร้อนพึบพับเลยละคะ grin

eragon_joe

กบนอกกะลา เขียน:

Hanako เขียน:

ฮานาโกะไม่ได้โดนใครด่ามานานแล้วค่ะ ไม่ได้ถูกทดสอบสมรรถภาพทางจิตว่าดีขึ้นกว่าเก่าจริงหรือเปล่า อุตส่าห์พร่ำๆๆฝึกนักหนา แต่ตอนนี้ได้โดนทดสอบแล้วนะ ผลคือ เอาฝามาปิดไม่ทัน แต่ยกน้ำเทออกจากกะละมังทันค่ะ :b12:

ยังโชคดีค่ะ ไม่ปล่อยให้น้ำขังไว้ในกะละมังใจนานเกิ๊นน :b9:

นั้นดิ.....นี้ก็นานมาแล้วเช่นกัน....ยังนึกไม่ออกเลยว่า...ถ้าโดนด่า...โดนตำนิ...แล้วนี้....จิตใจมันจะเป็นงัยน่า!!

ถ้าโดนด่า โดนตำหนิต่อหน้า ใช่ม๊า
เราก็พยายามตอบกลับไป อย่างมีสติ สิ่

บางเรื่อง มันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด
เอกอนเคยนะ เมียคนที่ทำงาน แอบดูโทรศัพท์สามี แล้วลองโทรกลับมา
ซึ่งปกติไม่เคยโทรคุยกัน เพราะเจอกันที่แผนกทุกวันอยู่แล้ว
แต่พอดีวันนั้น สามีเขาโทรถามเอกอนเรื่องงาน
ภรรยาเขาแอบเปิดดู ก็คงไปเห็นเบอร์แปลก ๆ คือไม่มีการเม็มชื่อ เขาก็เลยโทรกลับมา
เกือบเที่ยงคืน เอกอนก็รับสาย เสียงเขาคาดคั้นมาก :b12:

เพราะคิดว่าเป็นเบอร์กิ๊ก
แต่พอซักไซร้ได้ความว่าเป็นพนักงานทำงานในแผนกเดียวกัน เขาก็วางไปเฉยเรย
สงสัยพอรู้ว่าโทรไปผิดสายก็คงอาย และเล่าให้สามีฟัง
พอวันรุ่งขึ้น สามีเขาก็เดินมาบอกขอโทษที่เมียโทรไปกวน :b32:

คือถ้าเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี เรื่องไม่มีมูล การที่มีใครมาด่า
มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเสียโดยส่วนใหญ่
เราไม่จำเป็นต้องเนื้อเต้น ตื่นตูมอะไรไปก่อนเหตุ-เกินเหตุ
เราก็ชี้แจงไปอย่างมี สติ คนฟังเขาจะรับได้ หรือไม่ได้ก็เรื่องของเขา

แต่ถ้าฟังแล้ว เราไปทำอย่างนั้นจริง แต่ไม่เจตนา เราก็ขอโทษเขาไป

ก็แสดงไปตามปกติ ถ้าไปออกอาการไม่ปกติ มันก็ส่อว่ามีพิรุธ
แทนที่ชี้แจงแล้วจะจบ
กลายเป็นยิ่งชี้แจง ยิ่งบานปลาย .... :b32:

eragon_joe

กบนอกกะลา เขียน:

นั้นดิ.....นี้ก็นานมาแล้วเช่นกัน....ยังนึกไม่ออกเลยว่า...ถ้าโดนด่า...โดนตำนิ...แล้วนี้....จิตใจมันจะเป็นงัยน่า!!

ถ้าไม่ได้โดน ก็แสดงว่า ท่านไม่รู้ว่าโดน
หรือ
ท่านอาจจะทำตัวโปร่งใส น่าเชื่อถือดีอยู่แล้ว

:b16:

วิริยะ

สาธุโมทนากับทุกท่านนะครับ :b8:

"อาจารย์ตุ๊กกี๊" ติวเข็มใหญ่เลยยย ..อิอิ :b32:

eragon_joe

วิริยะ เขียน:

:b8: สาธุโมทนากับทุกท่านนะครับ :b8:

"อาจารย์ตุ๊กกี๊" ติวเข็มใหญ่เลยยย ..อิอิ :b32:

อิอิ มีอาจารย์ต๊องต๊อง อย่างนี้
มีศิษย์ ศิษย์ก็บ๊อ-งซ์ แหละ

ได้เป็นปูในกระด้งกันทั้งสำนัก

สอนธรรมไป พอเผลอ ๆ ก็ ตั๊บแกรรรร์ แอร่รรรร

:b13:

bigtoo

eragon_joe เขียน:

กบนอกกะลา เขียน:

นั้นดิ.....นี้ก็นานมาแล้วเช่นกัน....ยังนึกไม่ออกเลยว่า...ถ้าโดนด่า...โดนตำนิ...แล้วนี้....จิตใจมันจะเป็นงัยน่า!!

ถ้าไม่ได้โดน ก็แสดงว่า ท่านไม่รู้ว่าโดน
หรือ
ท่านอาจจะทำตัวโปร่งใส น่าเชื่อถือดีอยู่แล้ว

:b16:

มันก็ปี๊ด!ล่ะ555 ถ้าไม่มีซิแปลก ไม่บ้าก็อนาคา ฮ่าๆๆ

ธงชาติ

eragon_joe เขียน:

พระพุทธเจ้าถึงได้ให้เรามาปฏิบัติ ให้เรามาฝึกสติ
ว่าแต่ละวัน ตลอดเวลา เราได้ทำอะไรลงไปบ้าง อย่างไร
พฤติกรรมอะไร ที่ลากจิตให้หม่นหมอง ก็ให้รู้เท่าทัน
และเรียนรู้ที่จะปรับ

:b12:

Hanako

eragon_joe เขียน:

ถ้าโดนด่า โดนตำหนิต่อหน้า ใช่ม๊า
เราก็พยายามตอบกลับไป อย่างมีสติ สิ่

เราไม่ได้โดนต่อหน้าหรอกค่ะคุณเอกอน โดนด่าออนไลน์ แค่นั้นก็อึ้งเหมือนปลาบู่ชนเขื่อนแล้ว :b5:

เรานึกมันส์ปากเหมือนกันนะวูบแรก ในใจก็อยากจะพูดอะไรแรงๆกลับไปเหมือนกัน แต่เราเสียดายศีลธรรมในตัวเราที่อุตส่าห์ปลูกให้มันเกิด ขัดเกลาตั้งนานกว่าจะใจเรียบร้อยขึ้นมากว่าแต่ก่อนได้ เราเสียดาย ไม่อยากทำลายคุณธรรมในตัวเอง ในใจคิดว่า ถ้าคุณเธอคนนั้นเจอเราต่อหน้า เห็นเราแล้วรับรองไม่กล้าด่า (ดูจากรุ่นและน้ำหนักแล้วต่างกันมาก - -") :b28:

พอมามองกลับไปคนที่ด่า สวยก็สวย แต่กิริยา วาจา อย่างนั้น มันน่าชื่นชมตรงไหนนะ พอเราไม่โต้ตอบเขา เรารู้สึกเราสวยเด้งขึ้นมาเลย เราสวยกว่าเธอคนนั้นเยอะมากในกรณีนี้ :b32:

สุดท้าย เราคิดว่า กรณีเรา การยุติ ไม่โต้ตอบ ไม่ข้องเกี่ยว คงเป็นการดีที่สุดไง

แต่มีทู้นี้ดีจัง เหมือนเราได้ระบายความทุกข์ใจออกไปบ้าง เราก็ยอมรับนะว่ามีทุกข์ใจตกค้างอยู่เล็กน้อยอะ แอบอยากระบายนี๊ดนึง :b9:

กบนอกกะลา

eragon_joe เขียน:

....
คือถ้าเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี เรื่องไม่มีมูล การที่มีใครมาด่า
มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเสียโดยส่วนใหญ่
เราไม่จำเป็นต้องเนื้อเต้น ตื่นตูมอะไรไปก่อนเหตุ-เกินเหตุ
เราก็ชี้แจงไปอย่างมี สติ คนฟังเขาจะรับได้ หรือไม่ได้ก็เรื่องของเขา

แต่ถ้าฟังแล้ว เราไปทำอย่างนั้นจริง แต่ไม่เจตนา เราก็ขอโทษเขาไป

ก็แสดงไปตามปกติ ถ้าไปออกอาการไม่ปกติ มันก็ส่อว่ามีพิรุธ
แทนที่ชี้แจงแล้วจะจบ
กลายเป็นยิ่งชี้แจง ยิ่งบานปลาย .... :b32:

ช่าย...หนับหนุน....มันสำคัญว่า...
1. เราทำดี แล้ว (ไม่มีเจตนาทำชั่วเลยซะนิด)
2. ถ้า..2 แง่ 2 ง้าม...เรามีเจตนาทำไม่ดีมั้ย
3. ชี้แจงไปแล้ว....เขาก็ไม่เชื่อ....เราก็กลับมาถามตัวเองว่า...เราอยากให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนดีไปทำไม?

จบ....

เราจบ...ใครไม่จบ...ชั่งหัวมัน..อิอิ

กบนอกกะลา

eragon_joe เขียน:

ถ้าไม่ได้โดน ก็แสดงว่า ท่านไม่รู้ว่าโดน

น่านซิ...โดน...แต่ไม่รู้ว่าโดน...เพราะไม่ได้ซอกแซกไปรู้..มั้ง?...อิอิ

อ้างคำพูด:

หรือ
ท่านอาจจะทำตัวโปร่งใส น่าเชื่อถือดีอยู่แล้ว

:b16:

อันนี้...เห็นคุณของศีล...ได้ชัดเจน...

ใจมันไม่พะว้าพะวง...กับอะไร...ไม่กลัวว่าใครจะมารู้อันที่ไม่ดีเลย...ก็มันไม่มีอะ...มันเลยสบาย

43293."จิต" กับ "ธรรม"

ผู้ใช้งานขณะนี้