วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 22:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 20 ก.ย. 2012, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtooขออโหสิกรรมกับทุกท่านด้วย ถ้าสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ทำให้ท่านทั้งหลายเจ็บช้ำน้ำใจโดยการตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี กระผมของอโหสิกรรมมาใน ณ.ที่นี้ด้วย หวังว่าท่านทั้งหลายคงอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้า ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกท่านผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ด้วยดี พบแต่ความสุขอันแท้จริงสมความปรารถนาด้วยกันทุกคน นะครับ :b2: :b53: :b53: :b53:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 20 ก.ย. 2012, 19:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังนึกไม่ออกว่า..มีอันไหนที่บิกทู...ทำให้กระผมเสียใจบ้าง..อิอิ..

แต่..

กรรมอันใด...ที่กระผมกล่าวแล้วทำให้บิกทู...เจ็บใจ...เสียใจ....ก็ขออโหสิด้วย..นะครับ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 11:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




q228a34.gif
q228a34.gif [ 10.08 KiB | เปิดดู 5662 ครั้ง ]
มีอะไรในใจที่จะระบายอีก ก็ถ่ายๆออกมาให้หมดน้อง big เอาให้โล่งงงงง กินยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าช่วยด้วยก็เอา :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ญาตินั่งสมาธิผิดวิธี ดูท่าทางผิดปกติ ทำยังไงดี

เจ้าตัวไม่ยอมเล่ารายละเอียด รู้แต่ฝึกสมถะวิปัสสนา ปัญหาคือไม่ยอมนอน จนจิตเพี้ยน หูแว่ว อยากข้อคำแนะนำว่าทำยังไงได้บ้างถ้าเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดปกติ

http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 77674.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 13:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="กรัชกาย"]ญาตินั่งสมาธิผิดวิธี ดูท่าทางผิดปกติ ทำยังไงดี

เจ้าตัวไม่ยอมเล่ารายละเอียด รู้แต่ฝึกสมถะวิปัสสนา ปัญหาคือไม่ยอมนอน จนจิตเพี้ยน หูแว่ว อยากข้อคำแนะนำว่าทำยังไงได้บ้างถ้าเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดปกติ

http://
www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12 ... 77674.html[/
การนั่งสมาธิก็เพื่อทำให้จิตใจสงบมีกำลังสติเพื่อพิจารณารับรู้ธรรมารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นสัมผัสรู้ได้ภายในจิตใจ หากจิตใจสงบแล้วก็มีสติ มีกำลังในการพิจารณา มีความตื่นรู้ทุกขณะ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวภายในมาสู่ภายนอก ภายนอกมาสู่ภายใน ด้วยอิริยาบถใดๆก็ตาม มีความตื่นรู้ด้วยสติ สติอันมีกำลังนี่แหละที่จะทำงานไม่เลือกเวลาจนกว่าจะรู้ชัดภายในจิตใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป แต่กรณีของคุณกรัชกายที่เล่ามานี้ บอกว่า ญาตินั่งสมาธิผิดวิธี ดูผิดปกติ ปัญหาคือไม่ยอมนอน การไม่ยอมนอนก็อาจจะตีความหมายได้หลายกรณี กรณีอย่างหนึ่งก็ได้แก่ อารมณ์ที่กล่าวมานี้ อันเป็นสมาธิที่ทำให้จิตใจสงบได้แท้จริง กรณีอีกอย่างหนึ่ง ก็ได้แก่ เกิดจากความอดทนกลั้นต่อความง่วง อันเกิดจากความตั้งใจไว้แต่เดิม จะใช้วัตถุคือ ยาเภสัชชนิดใดชนิดหนึ่งช่วยหรือไม่ก็ตาม กรณีอย่างนี้ก็ยังไม่ถือว่า เป็นความตื่นรู้ด้วยสติอันมีกำลัง หากแต่เป็นการข่มระงับ อารมณ์เวทนานั้นด้วยความตั้งไจไว้ก่อนนี้แล้ว ก็ลองมาพิจารณาดูว่า ญาติของคุณกรัชกาย เป็นกรณีอย่างไหนที่กล่าวมาในสองอย่างนี้...ปัญหาที่ว่า หูแว่ว อาการหูแว่วนี้ เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ หากเจ้าตัวตั้งใจแล้วไม่ยอมหลับมีแต่ความคิดฟุ้งซ่าน ตั้งใจอย่างเดียวที่จะไม่นอนหลับ เมื่อมันไม่เป็นอาการของสติที่มีกำลังมีแต่ความมุ่งตั้งใจอันแฝงด้วยกิเลส สิ่งที่เคยได้ยินก็จะสั่งสมมากๆเข้า แม้เจ้าตัวจะรู้หรือไม่รู้ แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงอาจเกิดขึ้นมาโดยลักษณะซ้อนกันรอเวลาที่จะเกิดขึ้นอีก กรณีก็อาจเป็นไปได้ ขอพิจารณาดูเถิดครับ


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
มีอะไรในใจที่จะระบายอีก ก็ถ่ายๆออกมาให้หมดน้อง big เอาให้โล่งงงงง กินยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าช่วยด้วยก็เอา :b32:
ไม่มีอะไรมากหรอกครับพี่กาย ฝึกก้มต่ำเพื่อขึ้นสูงครับ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ญาตินั่งสมาธิผิดวิธี ดูท่าทางผิดปกติ ทำยังไงดี

เจ้าตัวไม่ยอมเล่ารายละเอียด รู้แต่ฝึกสมถะวิปัสสนา ปัญหาคือไม่ยอมนอน จนจิตเพี้ยน หูแว่ว อยากข้อคำแนะนำว่าทำยังไงได้บ้างถ้าเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดปกติ

http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 77674.html
รู้สึกว่าพี่จะกลัวการนั่งสมาธินะครับอิๆ พี่ลองไปดูที่โรงพยาบาลบ้าซิครับคนบ้าที่นั้นมีมากเลย คนที่บ้าส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งสมาธิหรอกครับ และการนั่งสมาธินั้นมันตีควา่มหมายได้หลายแบบ แบบไม่รู้เรื่องอริสัจมันก็ไปอีกแนวหนึ่ง ซึ่งผลออกมาอย่างไรไม่มีใครตอบได้ เพราะจุดประสงค์มันต่างกัน แต่คนที่เรียนรู้เรื่องอริยสัจจุดประสงค์เป็นไปเพื่อความดับทุกข์จิตก็ต่างกันโดยการดำเนินการอยู่ในตัวอยู่แล้ว

การที่เรานั่งสมาธิหลักการส่วนใหญ่เพื่อฝึกอุเบกขากับสิ่งที่มากระทบฝึกระลึกสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่ฝึกจิตให้ปรารถนากับสิ่งวิเศษอะไรหรืออยากได้อะไรสบายๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจิตก็จะเกิดโลภะ โทษะอย่างมากมายซึ่งทำให้จิตใจไม่สมดุลอันนี้ก็ช่วยไม่ได้สำหรับคนที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ การฝึกจิตให้อยู่กับความจริงที่มันเป็นอยู่นั้น นั้นแหละครับเป็นการยอมรับความจริงที่มันเป็นอยู่ ไม่ใช่ความจริงที่เราอยากให้มันเป็น

ทุกวันนี้คนเรามักอยากจะให้อะไรๆมันสมปรารถนาเราโดยไม่เข้าใจในสิ่งที่มันเป็นอยู่(แต่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้มันเป็นอยู่อย่างเก่าโดยที่เราไม่พัฒนาจิตใจให้มันดีขึ้น) ที่ว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่มันเป็นอยู่นั้นหมายถึง การเข้าไปโลภ เข้าไปโกรธ เข้าไปเกลียด เข้าไปชัง อะไรๆมากมายจนทำให้จิตใจของมนุษย์ไมสมดุล เราต้องปล่อยวางกับสิ่งที่มันมายั่วยุ กิเลสต่างที่มายั่วยุนั้นเป็นตัวสร้างเรือน สร้างภพ สร้างวัฎฎะนั้นเอง

พระพุทธองค์ทรงค้นพบต้นเหตุแห่งปัญหานั้นเิกิดโดยสมุยทัยนั้นเอง และก็รู้วิธีกำจัดต้นเหตุแห่งสมุทัยโดยมรรควิธีนั้นเอง การที่มีคนนั่งสมาธินั้นก็ไม่ได้หมายว่าเขาต้งการกำจัดทุกข์ก็ได้ เขาอาจะปรารถนาในสิ่งใดอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้ และการที่มีคนทำอาการอย่างที่เรียกว่าสมาธินั้นอาจไม่ใช่นั่งสมาธิที่ถูกวิธีก็ได้ ถ้านั่งสมาธิที่ถูกวิธีนั้นจะต้องตรวจสอบกิเลสที่มีอยู่ในใจว่าลดลงหรือเปล่า

และอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ากิเลสลดลงหรือเปล่า คงไม่ใช่แบบว่าคิดเอาวางเฉยกับกิเลสจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นกิเลสไปหรอกนะครับ อย่างเช่นผู้ชายอะไรมันจะหนักเท่ากับเรื่องอย่างว่า ตรวจดูก็จะรู้เองว่าเราเดินถูกทางหรือผิดทาง อดกลั้นอดทนได้สักเพียงไหน คงไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวเราเอง

และผมก็มั่นใจในแนวทางของพระพุทธองค์ว่าการที่เราตั้งขีดกรอบให้เราเดิน(มีข้อวัตรข้อปฎิบัติ)โดยรู้ว่าอะไรเป้นกิเลสแล้วเราไม่เข้าไปยุ่งเกียวกับมัน(นั้นแหละข้อปฎิบัติ)ส่วนใครจะกำหนดอย่างไรก็แล้วแต่ใครๆ เพราะธรรมะให้ผลสมควรแก่ธรรมอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว คนเราถึงลดละเลิกได้แตกต่างกัน ผมกำหนดชัดเจนเพื่อให้มีการได้พิสูจน์กำลังของสติ สมาธิ ปัญญาโดยไม่เข้าไปยุ่งมันตรงๆ เน้นเรื่องการกิน การเสพเมถุนเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นก็ลองๆลงไป และสิ่งที่วัดผลได้มันได้ผล มากทีเดียว :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ญาตินั่งสมาธิผิดวิธี ดูท่าทางผิดปกติ ทำยังไงดี

เจ้าตัวไม่ยอมเล่ารายละเอียด รู้แต่ฝึกสมถะวิปัสสนา ปัญหาคือไม่ยอมนอน จนจิตเพี้ยน หูแว่ว อยากข้อคำแนะนำว่าทำยังไงได้บ้างถ้าเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดปกติ



รู้สึกว่าพี่จะกลัวการนั่งสมาธินะครับอิๆ พี่ลองไปดูที่โรงพยาบาลบ้าซิครับคนบ้าที่นั้นมีมากเลย คนที่บ้าส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งสมาธิหรอกครับ




สมาธิไม่ทำให้บ้า แต่จะบ้าเอาเพราะผู้ฝึกมิได้ตามดูรู้ทันความรู้สึกนึกคิด หรือตามความรู้สึกนึกคิดไม่ทัน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ญาตินั่งสมาธิผิดวิธี ดูท่าทางผิดปกติ ทำยังไงดี

เจ้าตัวไม่ยอมเล่ารายละเอียด รู้แต่ฝึกสมถะวิปัสสนา ปัญหาคือไม่ยอมนอน จนจิตเพี้ยน หูแว่ว อยากข้อคำแนะนำว่าทำยังไงได้บ้างถ้าเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดปกติ



รู้สึกว่าพี่จะกลัวการนั่งสมาธินะครับอิๆ พี่ลองไปดูที่โรงพยาบาลบ้าซิครับคนบ้าที่นั้นมีมากเลย คนที่บ้าส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งสมาธิหรอกครับ




สมาธิไม่ทำให้บ้า แต่จะบ้าเอาเพราะผู้ฝึกมิได้ตามดูรู้ทันความรู้สึกนึกคิด หรือตามความรู้สึกนึกคิดไม่ทัน :b1:
ก็น่าจะเป็นส่วนประกอบได้ดีทีดียว และน่าจะมีเหตุปัจจัยอื่นๆอีกมากนะครับ ผลของอดีตชาติที่เป็นกรรมเก่าหรืออะไรที่เขาสะสมสมไว้มองในรูปของผลที่ได้รับแล้วนั้น ถ้ามองตามรูปของกรรมแล้วไม่มีใครจะได้รับในสิ่งที่ตนเองไม่ได้กระทำมา นั้นก็เป้นส่วนหนึ่งน่าที่จะเข้าใจได้ เพราะสิ่งๆหนึ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากเหตุๆเดียว อาจจะมีหลายๆเหตุรวมกันส่งผลให้เกิดเหตุนี้ขึ้นมา หรือเรียกอีกอย่างว่าการกระทำร่วมกันนั้นเอง :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงกรรมเก่าระวังนิดหนึ่ง จะไปตรงกับข้อ 1 ซึ่งเป็นความเข้าใจของนิครนถ์ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ




มีลัทธิมิจฉาทิฏฐิ เกี่ยวกับสุขทุกข์ และความเป็นไปในชีวิตของมนุษย์อยู่ 3 ลัทธิ ซึ่งต้องระวังไม่ให้เข้าใจสับสนกับหลักกรรม (ตามนัยพุทธธรรม) คือ

1. ปุพเพกตเหตุวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวง เป็นเพราะกรรมเก่า

2. อิสสรนิมมานเหตุวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวง เป็นเพราะการบันดาลของเทพผู้เป็นใหญ่

3. อเหตุอปัจจยวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวง เป็นไปสุดแต่โชคชะตาลอยๆ ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 21 ก.ย. 2012, 17:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว




11~0.jpg
11~0.jpg [ 78.67 KiB | เปิดดู 5604 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
มีลัทธิมิจฉาทิฏฐิ เกี่ยวกับสุขทุกข์ และความเป็นไปในชีวิตของมนุษย์อยู่ 3 ลัทธิ ซึ่งต้องระวังไม่ให้เข้าใจสับสนกับหลักกรรม (ตามนัยพุทธธรรม) คือ

1. ปุพเพกตเหตุวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวง เป็นเพราะกรรมเก่า

2. อิสสรนิมมานเหตุวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวง เป็นเพราะการบันดาลของเทพผู้เป็นใหญ่

3. อเหตุอปัจจยวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวง เป็นไปสุดแต่โชคชะตาลอยๆ ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย
พี่กายอยู่ลัทธิไหนละ่อิๆ :b13:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ดูกรสิวกะ เวทนาบางอย่างเกิดขึ้น มีดีเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ เกิดจากความแปรปรวนแห่งอุตุก็มี... เกิดจากการบริหารตนไม่สม่ำเสมอก็มี...เกิดจากถูกทำร้ายก็มี... เกิดจากผลกรรมก็มี ฯลฯ สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า บุคคลได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ดี เวทนานั้นเป็นเพราะกรรมเก่าที่ทำไว้ปางก่อน ฯลฯ เรากล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของสมณพราหมณ์เหล่านั้นเอง”

พุทธพจน์นี้ (นำมาเป็นตัวอย่างพอเห็นเค้า) ป้องกันความเห็นที่แล่นไปไกลเกินไป หรือเลยเถิด จนมองเห็นความหมายของกรรมแต่ในแง่กรรมเก่า กลายเป็นคนนั่งนอนรอคอยผลกรรมเก่า สุดแต่จะบันดาลให้เป็นไป ไม่คิดแก้ไขปรับปรุงคนเอง กลายเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรง

พุทธพจน์เหล่านี้มิได้ปฏิเสธกรรมเก่า เพราะกรรมเก่าก็ย่อมมีส่วนอยู่ในกระบวนการแห่งเหตุปัจจัย และย่อมมีผลต่อปัจจุบัน สมกับชื่อที่ว่าเป็นเหตุปัจจัยด้วยเหมือนกัน แต่มันก็เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยอยู่นั่นเอง ไม่ใช่อำนาจนอกเหนือธรรมชาติอะไรที่จะไปยึด ไปหมายมั่นฝากโชคชะตาไว้ให้ ผู้เข้าใจปฏิจจสมุปบาท รู้ กระบวนการแหงเหตุปัจจัยดีแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาในเรื่องนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว




2-1 (6).jpg
2-1 (6).jpg [ 50.87 KiB | เปิดดู 5599 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
“ดูกรสิวกะ เวทนาบางอย่างเกิดขึ้น มีดีเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ เกิดจากความแปรปรวนแห่งอุตุก็มี... เกิดจากการบริหารตนไม่สม่ำเสมอก็มี...เกิดจากถูกทำร้ายก็มี... เกิดจากผลกรรมก็มี ฯลฯ สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า บุคคลได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ดี เวทนานั้นเป็นเพราะกรรมเก่าที่ทำไว้ปางก่อน ฯลฯ เรากล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของสมณพราหมณ์เหล่านั้นเอง”

พุทธพจน์นี้ (นำมาเป็นตัวอย่างพอเห็นเค้า) ป้องกันความเห็นที่แล่นไปไกลเกินไป หรือเลยเถิด จนมองเห็นความหมายของกรรมแต่ในแง่กรรมเก่า กลายเป็นคนนั่งนอนรอคอยผลกรรมเก่า สุดแต่จะบันดาลให้เป็นไป ไม่คิดแก้ไขปรับปรุงคนเอง กลายเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรง

พุทธพจน์เหล่านี้มิได้ปฏิเสธกรรมเก่า เพราะกรรมเก่าก็ย่อมมีส่วนอยู่ในกระบวนการแห่งเหตุปัจจัย และย่อมมีผลต่อปัจจุบัน สมกับชื่อที่ว่าเป็นเหตุปัจจัยด้วยเหมือนกัน แต่มันก็เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยอยู่นั่นเอง ไม่ใช่อำนาจนอกเหนือธรรมชาติอะไรที่จะไปยึด ไปหมายมั่นฝากโชคชะตาไว้ให้ ผู้เข้าใจปฏิจจสมุปบาท รู้ กระบวนการแหงเหตุปัจจัยดีแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
ถ้าเข้าใจทุกอย่างง่ายๆไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปัญญาที่แก้ได้ดีที่สุดก็คือมีสติอยู่ทุกเวลา อุเบกขาอยู่ทุกเมื่อ ที่สุดอยู่ที่อุเบกขา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 17:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
bigtooขออโหสิกรรมกับทุกท่านด้วย ถ้าสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ทำให้ท่านทั้งหลายเจ็บช้ำน้ำใจโดยการตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี กระผมของอโหสิกรรมมาใน ณ.ที่นี้ด้วย หวังว่าท่านทั้งหลายคงอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้า ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกท่านผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ด้วยดี พบแต่ความสุขอันแท้จริงสมความปรารถนาด้วยกันทุกคน นะครับ :b2: :b53: :b53: :b53:

:b12: :b12: :b12:

คนหนุ่มไฟแรง มักจะเป็นกันเสียอย่างนี้แหละ คล้ายคุณไม่เที่ยง-เกิดดับ จังเลย

มาถึงก็ใส่กระทู้ ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ............จนแซงลิ่วมาถึงระดับ 9 แล้วก็หยุดขอขมาทีหนึ่ง

ถ้ายังไม่หมดแรงคงจะ ตูม ๆ ขึ้นไปอีกเป็นระลอก 2

ขอเป็นกำลังใจให้มีแรงเยอะๆ อึด ทน เหมือนเต่า ไปให้ได้นานๆจนถึงหลักชัยนะครับ....นะครับ

โปรดอย่าเป็นกระต่ายหนุ่มอีกตัวหนึ่ง ที่ไม่ยอมกลับมารัง


:b4: :b4: :b4:
:b20:
:b27:


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมนั้น เมื่อจำแนกตามคุณภาพ หรือตามธรรมที่เป็นมูลเหตุ แบ่งได้เป็น 2 อย่าง คือ

1. อกุศลกรรม กรรมทีเป็นอกุศล การกระทำที่ไม่ดี กรรมชั่ว หมายถึงการกระทำที่เกิดจากอกุศลมูล คือ โลภะ โทสะ หรือโมหะ

2. กุศลกรรม กรรมทีเป็นกุศล การกระทำที่ดี หรือกรรมดี หมายถึงการกระทำที่เกิดจากกุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ หรืออโมหะ


แต่ถ้าจำแนกตามทวาร คือทางที่ทำกรรม หรือทางแสดงออกของกรรม จัดเป็น 3 คือ

1. กายกรรม กรรมทำด้วยกาย หรือการกระทำทางกาย
2. วจีกรรม กรรมทำด้วยวาจา หรือการกระทำทางวาจา
3. มโนกรรม กรรมทำด้วยใจ หรือการกระทำทางใจ

เมื่อจำแนกให้ครบตามหลักสองข้อที่กล่าวมาแล้ว ก็จะมีกรรมรวมทั้งหมด 6 อย่าง คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม แต่ละอย่างทีเป็นอกุศล กับกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม แต่ละอย่างทีเป็นกุศล



อีกอย่างหนึ่ง ทานจำแนกกรรมตามสภาพที่สัมพันธ์กับวิบาก หรือการให้ผล จัดเป็น 4 อย่าง คือ

1. กรรมดำ มีวิบากดำ ได้แก่ กายสังขาร วจีสังขาร และมโนสังขาร ที่มีการเบียดเบียน ตัวอย่างง่ายๆ เช่น ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และติดสุราเมรัยตั้งอยู่ในความประมาท

2. กรรมขาว มีวิบากขาว ได้แก่ กายสังขาร วจีสังขาร และมโนสังขาร ที่ไม่มีการเบียดเบียน ตัวอย่าง คือ การประพฤติกุศลกรรมบถ 10

3. กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ได้แก่ กายสังขาร วจีสังขาร และมโนสังขาร ที่มีการเบียดเบียนบ้าง ที่ไม่มีการเบียดเบียนบ้าง เช่นการกระทำของมนุษย์ทั่วๆไป

4. กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ได้แก่ เจตนาเพื่อละกรรมทั้งสามอย่างข้างต้น หรือว่าโดยองค์ธรรม ได้แก่ โพชฌงค์ 7 หรือ มรรคมีองค์ 8


ในบรรดากรรม 3 อย่าง คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ที่กล่าวข้างต้นนั้น มโนกรรมสำคัญที่สุด และมีผลกว้างขวางรุนแรงที่สุด ดังบาลีว่า

“ดูกรตปัสสี บรรดากรรม 3 อย่างเหล่านี้ ที่เราจำแนกไว้แล้วอย่างนี้ แสดงความแตกต่างกันแล้วอย่างนี้ เราบัญญัติมโนกรรมว่ามีโทษมากว่า ในการทำบาปกรรม ในความเป็นไปแห่งบาปกรรม หาบัญญัติกายกรรมอย่างนั้นไม่ หาบัญญัติวจีกรรมอย่างนั้นไม่”

เหตุที่มโนกรรมสำคัญที่สุด ก็เพราะเป็นจุดเริ่มต้น คนคิดก่อนแล้วจึงพูดจึงกระทำ คือแสดงออกทางกายและวาจา ดังนั้น วจีกรรมและกายกรรม จึงขยายออกมาจากมโนกรรมนั่นเอง และที่ว่ามีผลกว้างขวางรุนแรงที่สุด ก็เพราะว่ามโนกรรมรวมถึง ความเชื่อถือ ความเห็น แนวคิด และค่านิยมต่างๆกที่เรียกว่า ทิฐิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร