วันเวลาปัจจุบัน 12 ก.ย. 2025, 11:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ของเก่า...ที่ไม่ได้กำจัด....พอมีบางสิ่งให้หมายถึง...มันก็ผุดขึ้นมา..แล้วเราก็โด่ดงับมัน...หมายเอาว่าความรู้สึกนั้นเป็นเราผู้รู้สึก...เป็นเราผู้คิด....เป็นเราผู้ต้องกระทำหรือผู้ที่ต้องหักห้ามใจ

อาสวะ...ยิงออกมาแค่ครั้งเดียว....เป็นเราเองที่ปรุงเป็นชุด ๆ..กระหน่ำตัวเอง

ผมเองก็เป็น...อารมณ์อันใหม่ไม่ค่อยมี...แต่อันเก่ารบกวนใจเหลือเกิน

วิธีกำจัดอาสวะ...ใคร ๆ ก็รู้...หากคราวใดมันลอยขึ้นมา...ก็ให้รีบคว้าเอามาขยี่ขย่ำ..ก่อนที่มันจะจมลงลึกในจิตอีกครา

แต่..ก็อย่างว่าแหละ...แม้วันนี้ยังไม่ชนะ...แต่ก็ได้ขยี่ขย่ำ...ดีกว่าแพ้แบบไม่ได้ทำอะไร

ถึงแพ้แต่ก็ขอให้มีกำลังใจ...อย่าได้ทับถมตนจนทนไม่ได้

จำวลีนี้เอาใว้.."ฝากใว้ก่อนเถอะโอฬาร"


โพสต์ เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
cool
เป็นโอกาสและเวลาที่เราท่านทั้งหลายจะได้พบปะขยะที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจที่Nongkongได้มาฝากทุกท่านทุกคนได้ลิ้มชิมลองกันดู เผื่อจะได้รู้เทคนิคการกำจัดขยะชนิดนี้ จากประสบการณ์ตรงของน้องNongkong กันนะครับ
smiley
เชิญติดตามตอนต่อไปครับ
:b1:

สิ่งที่เกิดกับคุนน้อง จิตปุถุซนไม่สามารตต้านวิบากกรรมเก่า่ได้ เเต่คุนน้องได่เจริญวิปัสนามาประกอบกับ ขันติ วิริยะ ตบะ สิ่งทีเกิดมันอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ สรรพสิ่งไม่เที่ยง จิตก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เมื่อจิตเห็นทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ รู่้่แล้วปล่อย รู้ ปล่อย ไม่ต้องไปบังคับ มันเกิดดับของมันเอง เราควบคุมไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้ กรรมมันวิ่งตามคุนน้องทุกฝีก้่าว ถ้าฝ่าด้านนี้ได้ จิตคงหลุดพ้นเสียที onion onion


โพสต์ เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 04:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
โฮฮับ เขียน:
น้องคิงคองครับ รู้ตัวหรือเปล่าว่า สติน้องไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
เป็นเพราะกำลังทุกข์หรือเปล่า

ตอนี้คุนน้องทุกข์ ทุกกับเรื่องที่ตัวเองหยุดคิดไม่ได้ พอวางใจเรื่องลูกจะวางอุเบกขาเรื่องลูก ดันมาเจอเพื่อนเก่าที่เค้าเข้ามาทักทายก็คุยไปคุยมา กิเลศก็เกิด จิตก็ไม่สงบ คุนน้องยอมรับสติขาดๆหายๆ พอข่มใจไม่ให้คิดก็ทุกข์ ทุกข์เพราะไปข่มความรู้สึก พอปล่อยใจไปตามความรู้สึกก็ทุกข์ คือไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องนั่งสมาธิทุกครั้งไม่งั้นจิตมันก็จะแว๊บไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พี่โฮบอกหน่อยสิว่าทำไงถึงจะเลิกทุกข์ ไฟมันไม่หมดเชื้อ พอมีน้ำมันมาราดมันก็ลุกขึ้นมาอีก แต่คุนน้องไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นกับคนนั้น ทั้งที่คนอื่นจิตคุนน้องไม่เคยว๊อกแว๊กเลย มันมีโอกาสน้อยมากที่จิตคุนน้องจะเกิดปฏิฆะกะเรื่องกามราคะ หรือรูปราคะ แต่พอเป็นคนนี้จิตคุนน้องไม่สงบเลย

ที่น้องคิงคองบอกว่า วางอุเบกขาเรื่องลูกได้ มันไม่จริงหรอก
ที่น้องยังไม่ทุกข์เรื่องลูกเป็นเพราะ จิตของน้องกำลังไปยึดเอากิเลสเบื้องต่ำ
เลยทำให้ลืมทุกข์อันเกิดจากกิเลสเบื้องสูง

กิเลสเบื้องต่ำมันเลิกได้ง่ายกว่ากิเลสเบี้องสูง แต่กิเลสเบื้องต่ำมันรุนแรงกว่ากิเลสเบื้องสูง
กิเลสเบื้องต่ำทำให้เกิด อกุศลจิต เกิดโลภะ โทสะและโมหะ แต่กิเลสเบื้องสูงเกิดแค่โมหะ

ที่น้องคิดว่าวางอุเบกขาเรื่องลูกเป็นเพราะน้องกำลังหลงอยู่ครับ
แล้วน้องก็กำลังเกิดกิเลสเบื้องต่ำร่วมด้วย เลยทำให้เห็นแต่อาการ
ที่เกิดจากกิเลสเบื้องต่ำ เป็นเพราะกิเลสเบื้องต่ำมันรุนแรงกว่าไงครับ

ถ้าน้องคิงคองมีจิตที่จะปฏิบัติธรรมตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า
น้องคิงคองต้องขอบคุณ เพื่อนเก่าของน้องที่ทำให้ได้รู้สภาพธรรมที่แท้จริง
ได้รู้ว่า สิ่งที่น้องเข้าใจว่า สามารถละวางกิเลสได้นั้น เป็นการเข้าใจผิด
ดังนั้นควรจะมาเริ่มปฏิบัติธรรมให้ถูกวิธี อย่าข้ามขั้นตอน อย่าปฏิบัติธรรม
เพราะอยากเป็นโน้นนี่ ที่สำคัญอย่าโทษคนอื่น อย่าไปกล่าวหาธรรมชาติ
เป็นเจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรก็คือรูปนามของเรา วิบากกรรมก็คือ
รูปนามของเรา


น้องคิงคองอาจจะโกรธพี่โฮ ถ้าจะบอกว่าน้องยังไม่มีสัมมาทิฐิ
ดังนั้นน้องจึงยังไม่ต้องไปสนใจเรื่อง กิเลสสังโยชน์ สติปัฏฐาน
สิ่งแรกที่น้องคิงคองควรปฏิบัติก็คือ .......
การเจริญสติคอยตามรู้อารมณ์ต่างๆให้ทัน เช่น กำลังคิดถึงเขา
ก็ให้รู้ว่า กำลังคิดถึงเขา อยากเห็นหน้าก็ให้รู้ว่าอยากเห็นหน้า รู้อยู่แค่นี้อย่าพยายามปรุงแต่ง
จิตให้ไกลจนฟุ้งซ่านเลยเถิด เพราะมันจะทำให้จิตไปบังคับให้เกิดกายสังขาร นั้นคือจะทำให้เกิด
การกระทำที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น ทางที่ดีควรเอาศีลมาเป็นสติควบคู่ไปด้วยกับการตามรู้อารมณ์


โพสต์ เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องความรัก อย่าโม้!กันมากเลย ฮ่าๆๆๆๆ ผงไม่เข้าตาใครไม่มีวันรู้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ คนจะข้ามเรื่องความรักได้มันต้องกลัววัฎฎะจนตัวสั่นเสียก่อน ถ้าความรู้สึกอย่างนี้ไม่เกิด ก็เอาเลยอย่ารอช้า กล้าๆกลัวเดี๋ยวระวังจะไปเสียคนตอนแก่นะจะบอกให้อิๆๆๆ :b13: ไปล่ะ เฟิอววววว...........

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เรื่องความรัก อย่าโม้!กันมากเลย ฮ่าๆๆๆๆ ผงไม่เข้าตาใครไม่มีวันรู้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ คนจะข้ามเรื่องความรักได้มันต้องกลัววัฎฎะจนตัวสั่นเสียก่อน ถ้าความรู้สึกอย่างนี้ไม่เกิด ก็เอาเลยอย่ารอช้า กล้าๆกลัวเดี๋ยวระวังจะไปเสียคนตอนแก่นะจะบอกให้อิๆๆๆ :b13: ไปล่ะ เฟิอววววว...........

คิกๆ เห็นด้วเจ้าค่าพี่บิ๊กทู่ ผงไม่เคยเข้าตาไม่รู้หรอก :b32: เหมือนพี่บิ๊กทู่ไม่รักเมียจะแต่งงานกับเมียมีลูกกันหรอ อีก3ปีเห็นบอกจะลาเมียไปบวช บวชวัดไหนบอกคุนน้องด้วยนะจะได้ไปกราบนมัสการ คิกๆอย่าโม้ละกันฮา rolleyes


โพสต์ เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
โฮฮับ เขียน:
น้องคิงคองครับ รู้ตัวหรือเปล่าว่า สติน้องไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
เป็นเพราะกำลังทุกข์หรือเปล่า

ตอนี้คุนน้องทุกข์ ทุกกับเรื่องที่ตัวเองหยุดคิดไม่ได้ พอวางใจเรื่องลูกจะวางอุเบกขาเรื่องลูก ดันมาเจอเพื่อนเก่าที่เค้าเข้ามาทักทายก็คุยไปคุยมา กิเลศก็เกิด จิตก็ไม่สงบ คุนน้องยอมรับสติขาดๆหายๆ พอข่มใจไม่ให้คิดก็ทุกข์ ทุกข์เพราะไปข่มความรู้สึก พอปล่อยใจไปตามความรู้สึกก็ทุกข์ คือไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องนั่งสมาธิทุกครั้งไม่งั้นจิตมันก็จะแว๊บไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พี่โฮบอกหน่อยสิว่าทำไงถึงจะเลิกทุกข์ ไฟมันไม่หมดเชื้อ พอมีน้ำมันมาราดมันก็ลุกขึ้นมาอีก แต่คุนน้องไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นกับคนนั้น ทั้งที่คนอื่นจิตคุนน้องไม่เคยว๊อกแว๊กเลย มันมีโอกาสน้อยมากที่จิตคุนน้องจะเกิดปฏิฆะกะเรื่องกามราคะ หรือรูปราคะ แต่พอเป็นคนนี้จิตคุนน้องไม่สงบเลย

ที่น้องคิงคองบอกว่า วางอุเบกขาเรื่องลูกได้ มันไม่จริงหรอก
ที่น้องยังไม่ทุกข์เรื่องลูกเป็นเพราะ จิตของน้องกำลังไปยึดเอากิเลสเบื้องต่ำ
เลยทำให้ลืมทุกข์อันเกิดจากกิเลสเบื้องสูง

กิเลสเบื้องต่ำมันเลิกได้ง่ายกว่ากิเลสเบี้องสูง แต่กิเลสเบื้องต่ำมันรุนแรงกว่ากิเลสเบื้องสูง
กิเลสเบื้องต่ำทำให้เกิด อกุศลจิต เกิดโลภะ โทสะและโมหะ แต่กิเลสเบื้องสูงเกิดแค่โมหะ

ที่น้องคิดว่าวางอุเบกขาเรื่องลูกเป็นเพราะน้องกำลังหลงอยู่ครับ
แล้วน้องก็กำลังเกิดกิเลสเบื้องต่ำร่วมด้วย เลยทำให้เห็นแต่อาการ
ที่เกิดจากกิเลสเบื้องต่ำ เป็นเพราะกิเลสเบื้องต่ำมันรุนแรงกว่าไงครับ

ถ้าน้องคิงคองมีจิตที่จะปฏิบัติธรรมตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า
น้องคิงคองต้องขอบคุณ เพื่อนเก่าของน้องที่ทำให้ได้รู้สภาพธรรมที่แท้จริง
ได้รู้ว่า สิ่งที่น้องเข้าใจว่า สามารถละวางกิเลสได้นั้น เป็นการเข้าใจผิด
ดังนั้นควรจะมาเริ่มปฏิบัติธรรมให้ถูกวิธี อย่าข้ามขั้นตอน อย่าปฏิบัติธรรม
เพราะอยากเป็นโน้นนี่ ที่สำคัญอย่าโทษคนอื่น อย่าไปกล่าวหาธรรมชาติ
เป็นเจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรก็คือรูปนามของเรา วิบากกรรมก็คือ
รูปนามของเรา


น้องคิงคองอาจจะโกรธพี่โฮ ถ้าจะบอกว่าน้องยังไม่มีสัมมาทิฐิ
ดังนั้นน้องจึงยังไม่ต้องไปสนใจเรื่อง กิเลสสังโยชน์ สติปัฏฐาน
สิ่งแรกที่น้องคิงคองควรปฏิบัติก็คือ .......
การเจริญสติคอยตามรู้อารมณ์ต่างๆให้ทัน เช่น กำลังคิดถึงเขา
ก็ให้รู้ว่า กำลังคิดถึงเขา อยากเห็นหน้าก็ให้รู้ว่าอยากเห็นหน้า รู้อยู่แค่นี้อย่าพยายามปรุงแต่ง
จิตให้ไกลจนฟุ้งซ่านเลยเถิด เพราะมันจะทำให้จิตไปบังคับให้เกิดกายสังขาร นั้นคือจะทำให้เกิด
การกระทำที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น ทางที่ดีควรเอาศีลมาเป็นสติควบคู่ไปด้วยกับการตามรู้อารมณ์

หายไปไหนมาสองวัน คุนน้องฟุ้งซ่านอยู่สองวันจนกำหนดรู้เองแล้ว ป่านนี้เพิ่งจะมาบอกแต่ก็ขอบคุนเจ้าค่ะ tongue. จริงๆแล้วเรื่วที่จะทำผิดศีลมันไม่มีน่ะ พี่โอมีลูกป่ะ มันเป็นความรู้สึกผูกพันเหมือนเรารักลูก ไอ่กิเลสตันหาความใคร่มันไม่มี มันมีแต่ความรู้สึกห่วงใย คิดถึง อยากรู้ว่าเค้าทุกข์หรือสุข แต่ไม่ใช่จะเอาเค้ามาเป็นเจ้าของเรา แต่ฝั่งเพื่อนเก่าไม่ได้คิดแบบนั้นเค้าคิดแต่เรื่องตันหาล้วนๆ พอเราปฏิเสธ เค้าก็เหมือนไม่พอใจตัดความสัมพันธ์กับเราโดยการไม่พูดกับเรา คุนน้องเลยทุกข์ อาการแบบนี้ ถ้าพี่โอเคยรักผู้หรือผูกพันกับผู้หญิงคนไหนโดยไม่คิดถึงเรื่องกามราคะ คิดแต่ว่าเค้าจะทุกข์หรือเปล่าเค้าจะสุขหรือเปล่า อยากเป็นเพื่อนกับเค้า คอยห่วงใยเค้าพี่จะเข้าใจเอง คุนน้องบอกแล้วงัยอาการของจิตมันเป็นนามธรรม พูดให้ตายก็ไม่เข้าใจถ้าไม่เจอกับตัวเอง :b45:


โพสต์ เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปเจอกระทู้หนึ่งมาเลยกอปข้อความมาเพื่อจะเป็นวิธีกำจัดขยะใจชนิดนี้. โดย พี่โจ้

ทำไมถึงต้องไปรักเขาข้างเดียว

ที่จริงมันมีเหตุผลได้เยอะแยะมากมายเลยนะครับ เรื่องกรรมที่จริงเป็นเรื่องซับซ้อน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ละช่วงเวลา มันบอกตายตัวไม่ได้ กรรมอื่นๆก็เช่นกัน แต่ยกตัวอย่างหลักๆละกัน ที่ตรงตัวและเป็นเหตุใหญ่สุดก็คือ เคยทระนงตัว เวลามีคนอื่นมาหลงรัก คืออาจจะเคยอยู่ในสภาพที่ดี มีคนมาชอบ ก็ไปสะใจ ดื่มกินความสุขจากความทุกข์ของคนที่มาหลงรักเราข้างเดียว

หรืออาจะเป็นการอธิษฐานผิดพลาดก็ได้ เช่น เคยอธิษฐานขอให้คู่กับคนนี้แต่เป็นการอธิษฐานฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่ได้ร่วมรับรู้หรือเต็มใจอธิษฐานด้วย ผลก็คือปักใจอยู่ข้างเดียว



ขอวิธีแก้อาการอกหักและลืมรักที่เป็นทุกข์

ไม่ต้องพยายามลืม พี่เองจำเรื่องแฟนคนเก่าได้ทุกอย่าง แต่ไม่เห็นจะรู้สึกทุกข์กับมัน

ความทุกข์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจำหรือการลืม เราทุกข์เพราะกรรมส่งผลที่ความรู้สึก ถ้ากรรมหมด แม้จะจำได้ทุกอย่างมันก็ไม่ทุกข์ ถ้าเหตุหมดผลก็หมดเอง เราไม่จำเป็นต้องไปพยายามแก้ที่ตัวความจำเลย ความจำในทางพุทธคือส่วนหนึ่งของขันธ์ห้า เรียกว่าสัญญา เราสั่งมันไม่ได้ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย

การพยายามลืมกลับเป็นเรื่องเลวร้าย เพราะเราไม่ชอบ คือเราไปให้ความสำคัญกับมัน เชื่อว่ามันเป็นความจำได้ "ของฉัน" ความไม่ชอบ การไม่ยอมรับผล คือการสร้างเหตุแห่งทุกข์เพิ่ม

ดังนั้น ไม่ต้องลืม แค่ยอมรับสิ่งที่เราทำมา การลืมทำให้เสียการเรียนรู้ สิ่งที่เราต้องการคือปัญญา ความเข้าใจไม่ใช่การลืม เอาความทุกข์ตรงนั้นมาเรียนรู้ดีกว่า ว่ามันสอนอะไรเรา ความทุกข์เป็นปุ๋ยที่ดีที่ช่วยให้เราเจริญเติบโต ให้ดูว่าเราผิดพลาดตรงไหนจึงต้องมาทุกข์

ที่มา http://becandlelight.exteen.com/20110921/entry


โพสต์ เมื่อ: 22 ต.ค. 2012, 10:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรัก อย่าโม้!กันมากเลย ฮ่าๆๆๆๆ ผงไม่เข้าตาใครไม่มีวันรู้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ คนจะข้ามเรื่องความรักได้มันต้องกลัววัฎฎะจนตัวสั่นเสียก่อน ถ้าความรู้สึกอย่างนี้ไม่เกิด ก็เอาเลยอย่ารอช้า กล้าๆกลัวเดี๋ยวระวังจะไปเสียคนตอนแก่นะจะบอกให้อิๆๆๆ :b13: ไปล่ะ เฟิอววววว...........

คิกๆ เห็นด้วเจ้าค่าพี่บิ๊กทู่ ผงไม่เคยเข้าตาไม่รู้หรอก :b32: เหมือนพี่บิ๊กทู่ไม่รักเมียจะแต่งงานกับเมียมีลูกกันหรอ อีก3ปีเห็นบอกจะลาเมียไปบวช บวชวัดไหนบอกคุนน้องด้วยนะจะได้ไปกราบนมัสการ คิกๆอย่าโม้ละกันฮา rolleyes


:b4:

nongkong เขียน:
ไปเจอกระทู้หนึ่งมาเลยกอปข้อความมาเพื่อจะเป็นวิธีกำจัดขยะใจชนิดนี้. โดย พี่โจ้

ทำไมถึงต้องไปรักเขาข้างเดียว

ที่จริงมันมีเหตุผลได้เยอะแยะมากมายเลยนะครับ เรื่องกรรมที่จริงเป็นเรื่องซับซ้อน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ละช่วงเวลา มันบอกตายตัวไม่ได้ กรรมอื่นๆก็เช่นกัน แต่ยกตัวอย่างหลักๆละกัน ที่ตรงตัวและเป็นเหตุใหญ่สุดก็คือ เคยทระนงตัว เวลามีคนอื่นมาหลงรัก คืออาจจะเคยอยู่ในสภาพที่ดี มีคนมาชอบ ก็ไปสะใจ ดื่มกินความสุขจากความทุกข์ของคนที่มาหลงรักเราข้างเดียว

หรืออาจะเป็นการอธิษฐานผิดพลาดก็ได้ เช่น เคยอธิษฐานขอให้คู่กับคนนี้แต่เป็นการอธิษฐานฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่ได้ร่วมรับรู้หรือเต็มใจอธิษฐานด้วย ผลก็คือปักใจอยู่ข้างเดียว



ขอวิธีแก้อาการอกหักและลืมรักที่เป็นทุกข์

ไม่ต้องพยายามลืม พี่เองจำเรื่องแฟนคนเก่าได้ทุกอย่าง แต่ไม่เห็นจะรู้สึกทุกข์กับมัน

ความทุกข์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจำหรือการลืม เราทุกข์เพราะกรรมส่งผลที่ความรู้สึก ถ้ากรรมหมด แม้จะจำได้ทุกอย่างมันก็ไม่ทุกข์ ถ้าเหตุหมดผลก็หมดเอง เราไม่จำเป็นต้องไปพยายามแก้ที่ตัวความจำเลย ความจำในทางพุทธคือส่วนหนึ่งของขันธ์ห้า เรียกว่าสัญญา เราสั่งมันไม่ได้ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย

การพยายามลืมกลับเป็นเรื่องเลวร้าย เพราะเราไม่ชอบ คือเราไปให้ความสำคัญกับมัน เชื่อว่ามันเป็นความจำได้ "ของฉัน" ความไม่ชอบ การไม่ยอมรับผล คือการสร้างเหตุแห่งทุกข์เพิ่ม

ดังนั้น ไม่ต้องลืม แค่ยอมรับสิ่งที่เราทำมา การลืมทำให้เสียการเรียนรู้ สิ่งที่เราต้องการคือปัญญา ความเข้าใจไม่ใช่การลืม เอาความทุกข์ตรงนั้นมาเรียนรู้ดีกว่า ว่ามันสอนอะไรเรา ความทุกข์เป็นปุ๋ยที่ดีที่ช่วยให้เราเจริญเติบโต ให้ดูว่าเราผิดพลาดตรงไหนจึงต้องมาทุกข์

ที่มา http://becandlelight.exteen.com/20110921/entry


นั่นสิ่เน๊อะ
smiley


โพสต์ เมื่อ: 30 ต.ค. 2012, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรัก อย่าโม้!กันมากเลย ฮ่าๆๆๆๆ ผงไม่เข้าตาใครไม่มีวันรู้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ คนจะข้ามเรื่องความรักได้มันต้องกลัววัฎฎะจนตัวสั่นเสียก่อน ถ้าความรู้สึกอย่างนี้ไม่เกิด ก็เอาเลยอย่ารอช้า กล้าๆกลัวเดี๋ยวระวังจะไปเสียคนตอนแก่นะจะบอกให้อิๆๆๆ :b13: ไปล่ะ เฟิอววววว...........

คิกๆ เห็นด้วเจ้าค่าพี่บิ๊กทู่ ผงไม่เคยเข้าตาไม่รู้หรอก :b32: เหมือนพี่บิ๊กทู่ไม่รักเมียจะแต่งงานกับเมียมีลูกกันหรอ อีก3ปีเห็นบอกจะลาเมียไปบวช บวชวัดไหนบอกคุนน้องด้วยนะจะได้ไปกราบนมัสการ คิกๆอย่าโม้ละกันฮา rolleyes


:b4:

nongkong เขียน:
ไปเจอกระทู้หนึ่งมาเลยกอปข้อความมาเพื่อจะเป็นวิธีกำจัดขยะใจชนิดนี้. โดย พี่โจ้

ทำไมถึงต้องไปรักเขาข้างเดียว

ที่จริงมันมีเหตุผลได้เยอะแยะมากมายเลยนะครับ เรื่องกรรมที่จริงเป็นเรื่องซับซ้อน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ละช่วงเวลา มันบอกตายตัวไม่ได้ กรรมอื่นๆก็เช่นกัน แต่ยกตัวอย่างหลักๆละกัน ที่ตรงตัวและเป็นเหตุใหญ่สุดก็คือ เคยทระนงตัว เวลามีคนอื่นมาหลงรัก คืออาจจะเคยอยู่ในสภาพที่ดี มีคนมาชอบ ก็ไปสะใจ ดื่มกินความสุขจากความทุกข์ของคนที่มาหลงรักเราข้างเดียว

หรืออาจะเป็นการอธิษฐานผิดพลาดก็ได้ เช่น เคยอธิษฐานขอให้คู่กับคนนี้แต่เป็นการอธิษฐานฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่ได้ร่วมรับรู้หรือเต็มใจอธิษฐานด้วย ผลก็คือปักใจอยู่ข้างเดียว



ขอวิธีแก้อาการอกหักและลืมรักที่เป็นทุกข์

ไม่ต้องพยายามลืม พี่เองจำเรื่องแฟนคนเก่าได้ทุกอย่าง แต่ไม่เห็นจะรู้สึกทุกข์กับมัน

ความทุกข์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจำหรือการลืม เราทุกข์เพราะกรรมส่งผลที่ความรู้สึก ถ้ากรรมหมด แม้จะจำได้ทุกอย่างมันก็ไม่ทุกข์ ถ้าเหตุหมดผลก็หมดเอง เราไม่จำเป็นต้องไปพยายามแก้ที่ตัวความจำเลย ความจำในทางพุทธคือส่วนหนึ่งของขันธ์ห้า เรียกว่าสัญญา เราสั่งมันไม่ได้ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย

การพยายามลืมกลับเป็นเรื่องเลวร้าย เพราะเราไม่ชอบ คือเราไปให้ความสำคัญกับมัน เชื่อว่ามันเป็นความจำได้ "ของฉัน" ความไม่ชอบ การไม่ยอมรับผล คือการสร้างเหตุแห่งทุกข์เพิ่ม

ดังนั้น ไม่ต้องลืม แค่ยอมรับสิ่งที่เราทำมา การลืมทำให้เสียการเรียนรู้ สิ่งที่เราต้องการคือปัญญา ความเข้าใจไม่ใช่การลืม เอาความทุกข์ตรงนั้นมาเรียนรู้ดีกว่า ว่ามันสอนอะไรเรา ความทุกข์เป็นปุ๋ยที่ดีที่ช่วยให้เราเจริญเติบโต ให้ดูว่าเราผิดพลาดตรงไหนจึงต้องมาทุกข์

ที่มา http://becandlelight.exteen.com/20110921/entry


นั่นสิ่เน๊อะ
smiley
เอกอน เป็นกองเชียร์ตลอด เมื่อไรจะมีแฟนกับเขานะ แซวเล่นนะอิๆๆ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 16 พ.ย. 2012, 19:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
เคยได้กล่าวถึงขยะใจกลุ่มสำคัญ คือนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 แต่ยังไม่ได้แสดงรายละเอียดที่ลึกซึ้ง ว่าทำไม นิวรณ์ 5 จึงได้ชื่อว่าเป็นสิ่งกางกั้นไม่ให้ถึงความดี

อันนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 นั้น นอกจากจะเป็นเครื่องกั้นขวางแล้ว ยังเป็นสิ่งปิดบังหุ้ม กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ และปิดบังความจริง ของธรรมไว้ไม่ให้เราเห็นธรรมตามความเป็นจริง

นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 มีอะไรบ้าง

1.กามฉันทะ......ความยินดี พอใจในผัสสะของทวารทั้ัง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

2.พยาบาท......ความยินร้าย ไม่พอใจในผัสสะของทวารทั้ัง 6

3.อุทธัจจะ กุกุจจะ.....
อุทธัจจะ.....ความฟุ้งซ่าน ซึ่ง จะเกิดต่อจาก กามฉันทะ ความยินดี พอใจในผัสสะของทวารทั้ัง 6เป็นส่วนใหญ่
กุกุจจะ..... ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาญใจ...ซึ่งจะเกิดต่อจาก พยาบาทความยินร้ายไม่พอใจในผัสสะของทวารทั้ง 6

4.ถีนะ มิทธะ....
ถีนะ.....ความเกียจคร้าน..หดหู่ ห่อเหียว แห้งใจ
มิทธะ....ความง่วงเหงาหาวนอน เซาซึม

5.วิจิกิจฉา....ความลังเล สงสัย ไม่รู้จริง

ขยะใจหรือเครื่องกั้นทั้ง 5 นี้เขาจะมีความสัมพันธ์ เป็นเหตุเป็นปัจจัยสนับสนุนกันให้เกิดขึ้นในจิตของปุถุชนอยู่ร่ำไป เป็นอุปสรรคและศัตรู คู่ปรับที่สำคัญของ สมาธิ
:b38:


โพสต์ เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 19:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
จากเรื่องของนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 ถ้าเราพิจารณาดูดีๆ จะเห็นชัดได้ทันทีว่า

การเจริญสติปัฏฐาน 4 เป็นวิปัสสนาภาวนา เป็นการขุดถอน นิวรณ์ 5 สองข้อแรกไปด้วย


นิวรณ์ 2 ข้อแรก คือ

1.กามฉันทะ......ความยินดี พอใจในผัสสะของทวารทั้ัง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

2.พยาบาท......ความยินร้าย ไม่พอใจในผัสสะของทวารทั้ัง 6

สาระสำคัญของสติปัฏฐาน 4 คือ

วิเนยยะ โลเก อภิชฌา โทมนัสสัง......เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความ ยินดี ยินร้าย ในโลกย์

:b43:


โพสต์ เมื่อ: 03 ธ.ค. 2012, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัลลาสสูตร
[๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔
ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ๑ ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่า
เป็นตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม ๑ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
๔ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่
วิปลาส ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่
วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ ๑
ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่าไม่งาม ๑ สัญญาไม่วิปลาส
จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้แล ฯ
เหล่าสัตว์ผู้ถูกมิจฉาทิฐิกำจัด มีจิตฟุ้งซ่าน มีความสำคัญผิด
มีความสำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์
ว่าเป็นสุข สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน และสำคัญในสิ่งที่
ไม่งามว่างาม สัตว์คือชนเหล่านั้น ชื่อว่าประกอบแล้วในเครื่อง
ประกอบของมาร ไม่เป็นผู้เกษมจากโยคะ มีปรกติไปสู่ชาติ
และมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร ก็ในกาลใด พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้กระทำแสงสว่าง บังเกิดขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้น
ย่อมประกาศธรรมนี้เป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบทุกข์ ชน
เหล่านั้น ผู้มีปัญญา ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
แล้ว ได้จิตของตน ได้เห็นสิ่งไม่เที่ยงโดยความเป็นของไม่
เที่ยง ได้เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตน
ว่าไม่ใช่ตน ได้เห็นสิ่งที่ไม่งามโดยความเป็นของไม่งาม
สมาทานสัมมาทิฐิ จึงล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ
จบสูตรที่ ๙
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0

อนุโมทนาครับ


โพสต์ เมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร :b42:
http://board.palungjit.com/f17/%E0%B8%9 ... 74331.html

อนัตตลักขณสูตร :b44:
viewtopic.php?f=28&t=23537

อาทิตตปริยายสูตร :b44:
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD% ... 5%E0%B8%A3

s002


โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2012, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Rotala เขียน:
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร :b42:
http://board.palungjit.com/f17/%E0%B8%9 ... 74331.html

อนัตตลักขณสูตร :b44:
viewtopic.php?f=28&t=23537

อาทิตตปริยายสูตร :b44:
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD% ... 5%E0%B8%A3

s002

:b8:
สาธุอนุโมทนากับคุณRotalaที่กรุณาเลือกสรรข้อธรรมนำลิ้งค์พระสูตรที่สำคัญมาแบ่งปันสู่กันดูและศึกษา
เฉพาะธัมมจักกัปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตรเพียง 2 สูตรนี้ ถ้าทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งและแจ่มแจ้งก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลุดพ้นและเข้าถึงนิพพานได้โดยง่าย.......ทั้งยังมีข้อสังเกตด้วยว่าทำไมพระบรมศาสดาจึงนำพระสูตรสองสูตรนี้มาประกาศสู่สัตว์โลกก่อนเพื่อน ......ลองไคร่ครวญพิจารณากันดูนะครับ
:b4:


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2012, 11:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่ที่...ผู้ฟัง...

อยากสำเร็จด้วยพระสูตร์นี้....ก็ทำพื้นให้เหมือนท่านทั้ง 5...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร