วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 17:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ขยายความ ...."โอปนยิโก".....โดยพิสดาร


คำแปลมาตรฐานยอดนิยม.......(ธรรมะ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้น)....เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
:b27:
คำแปลอย่างนี้แสดงว่านักแปลยึดปริยัติหรือบัญญัติเป็นหลัก คือยึดเอาจากคำสอนของพระบรมศาสดาที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก....จึงทำให้เห็นว่าต้องน้อมเอาคำสอนในคัมภีร์ทั้ง 3 ตะกร้านั้นมาใส่ตัว
และทำให้ดูเหมือนว่าในตัวคนไม่มีธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อยู่ก่อน

:b11:
คำแปลใหม่.....(ความเห็นธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้น)....เป็นสิ่งที่ควรน้อมให้เกิดในตัวยิ่งๆขึ้นไป ....(เพราะเมื่อน้อมให้เกิดในตัวถึงที่แล้วจะส่งให้เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน)

หมายเหตุ:ความเห็นธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้น คือเห็น "อนัตตา"
(สัพเพธัมมา อนัตตา)ธรรมทั้งหมดทั้งปวงเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน
เรา เขา

การแปลโดยสำนวนใหม่นั้นถือเอาตัวปรมัตถธรรม หรือสัจจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงชี้เน้นไว้ตั้งแต่วันที่ 2 หลังการปฐมเทศนา คือ "อนัตตลักขณสูตร หรือ อนัตตาธรรม ซึ่งมีพระดำรัสสรุปไว้ภายหลังว่า

"สัพเพ ธัมมา อนัตตา".....ธรรมทั้งหมดทั้งปวง เป็น อนัตตา

และมีความสัมพันธ์กับธรรมคุณข้อที่ 2 อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะคำแปลของ "สันทิฏฐิโกนั้น
สำนวนใหม่แปลไว้ว่า
.......(ธรรมะ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้น)เป็นสิ่งที่ผู้มีทำความเห็นให้ตรงและถูกต้อง (คือเห็น "อนัตตา"....จักรู้ได้ด้วยตนเอง

คำแปลธรรมคุณข้อที่ 2 นี้ยังไปสัมพันธ์กับ บุญกิริยาวัตถุ ข้อที่ 10 คือ ทิฏฐุชุกรรม.....การทำความเห็นให้ตรงให้ถูกต้องอีกด้วย

:b45:
เชิญพิจารณาครับ
:b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธะ...ผู้รู้...มันมีอยู่แล้วกับทุกคน..ไม่ใช่ต้องไปสร้างให้มีกันที่ไหน...มันมีอยู่แล้ว

เพียงแต่...ถูกโปรแกรมที่ชื่อว่า..อวิชชา...สร้างกิเลสตัณหา..คลุมใว้

ผู้รู้..ก็อยู่ที่ใจ....กิเลสตัณหาอวิชชา...ก็อยู่ที่ใจ

ไม่เข้าไปที่ใจ....แล้วจะเห็นอะไรให้แก้

จะเข้าถึงธรรมได้...จึงต้อง...โอปนยิโก...

ใช้โปรแกรมชุดใหม่...ที่ชื่อ..ภาวนา...ไปหักต้านโปรแกรมชุดเก่า

เมื่อคราบเขม่าถูกล้าง....เพชรมันก็ฉายแสงเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2012, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อุปมาอุปมัย ของ "โอปนยิโก"......

ความเห็นธรรม (คือ ..เห็น...หรือ...รู้...อนัตตา)นั้น เป็นสิ่งที่ควรพอกพูนให้เกิดในใจยิ่งๆขึ้นไป เพราะเมื่อพอกพูนได้ถึงที่แล้วจะส่งให้เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน

อุปมาจิตใจคนเราเหมือนโอ่งน้ำใบมหึมา

ความเห็นธรรมคือเห็นอนัตตานั้นเปรียบเหมือนน้ำที่ใสสะอาดบริสุทธิ์

ส่วนความเห็นอธรรมหรือความเห็นผิดหรือ "ความเห็นเป็นอัตตา ตัวตน" นั้น เปรียบเหมือน น้ำมันเครื่องเก่าดำๆ ที่ถ่ายออกมาจากเครื่องยนต์ที่ใช้งานนานแล้ว

ในโองใจของคนซึ่งเวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วนนั้น ได้ตักเอาน้ำมันขุ่นดำและน้ำใสๆใส่ปะปนกันมาไม่รู้เท่าไหร่
โอกาสที่จะได้ตักน้ำใสๆใส่โอ่งใจนั้นมีน้อยมาก คือมีเฉพาะชาติภพที่ได้เกิดพบพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา เจริญมรรค 8 เท่านั้น....เมื่อน้ำใสๆยัตักใส่ได้ไม่มากพอ น้ำมันเครื่องขุ่นดำยังเยอะ จึงต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่รู้จบ

มาถึงชาติปัจจุบันนี้มีบุญได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังข้อธรรมคำสอนอันถูกต้องของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนเข้าใจ ถึงสาระ แก่นธรรม หัวใจของข้อธรรมคำสอน ทั้งอริยสัจ 4 อนัตตลักขณสูตร มรรค 8 โพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 วิปัสสนาภาวนา รู้จักและลงมือเจริญสติ ปัญญา ค้นหาเพื่อขุดถอน "สมุทัย"

ได้เข้าใจเทคนิค เคล็ดลับ คำแปลที่ถูกต้องของธรรมคุณ 6 ประการ แล้วลงมือทำจริงโดย โอปนยิโก โดยตักน้ำใสๆ คือความเห็น ธรรม เห็นอนัตตา เติมลงในโอ่งใจไปทีละขันๆ 1 ขัน คือเห็นอนัตตา 1 ครั้ง เติมน้ำใสๆบ่อยๆ มากเข้าๆ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส หากมีวิริยะ อุตสาหะ ตามหลักความเพียรชอบ หรือสัมมัปธาน 4 มิขาดสาย ไม่ช้า น้ำใสๆก็จเต็มโอ่ง พร้อมกับดันเอาน้ำมันเครื่องดำๆ ซึ่งจะลอยปกคลุมอยู่ด้านบนของโอ่งง ตามธรรมชาติของน้ำมันซึ่งเบากว่าน้ำ

:b45:
วันที่น้ำใสสะอาด รวมกับน้ำมันเครื่องเต็มเสมอขอบปากโอ่งพอดีนั้น ท่านเรียกว่า "อนุโลมญาณ หรือ สัจจนุโลมมะ" คือธรรมทั้งหมดจะมารวมกันเป็นหนึ่ง พร้อมจะขับชำระเอาความเห็นผิดออก

เมื่อเติมน้ำใสๆลงไปอีกเพียง 1 ขัน บนน้ำที่เต็มโอ่ง....น้ำมันเครื่องดำๆในโอ่งซึ่งอยู่บนผิวหน้าจะถูกขับออกและตกลงมาจากโอ่งเป็นครั้งแรกแต่ยังไม่หมดจากโอ่ง......(สักกายทิฏฐิ..ความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเรา ดับขาด)

เติมน้ำใสลงไปอีกเป็นขันที่ 2 น้ำมันเครื่องดำๆถูกขับออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 (สกิทาคามีมรรค) ฝ้าน้ำมันเหลือน้อยลงจนพอมองเห็นสิ่งต่างๆในโอ่งได้ชัดขึ้น

เติมน้ำใสๆ ลงไปขันที่ 3 น้ำในโอ่งล้นครั้งที่ 3 ขับเอาฝ้าน้ำมันเครื่องดำๆที่เหลืออยู่ออกเกือบหมด (อนาคามีมรรค)ความยึดผิด(มานะทิฏฐิ)เริ่มถูกไถ่ถอนแต่ยังไม่หมด

เติมน้ำใสๆ ขันที่ 4 น้ำล้นโอ่งครั้งที่ 4 ฝ้าน้ำมันดำๆ หมดสิ้นไปจากโอ่งใจ เหลือไว้แต่น้ำใสๆคือ ความเห็นถูกต้องกับความยึดถูกต้องคือยึดธรรมเห็นแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา สมดังพุทธวาจาที่ตรัสสรุปไว้ว่า
:b53:
"สัพเพธัมมา อนัตตา"
:b51:
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการตักและเติมเต็มโอ่งใจ("โอปนยิโก") ด้วยน้ำใสๆ คืออนัตตา ถึงเวลาที่จะได้พักผ่อนอย่างแท้จริงชั่วนิรันดร
:b39:
จบ อุปมาอุปมัยของ "โอปนยิโก " โดยพิสดาร

:b37:
เชิญพิจารณากันดูด้วยใจที่เป็นกลาง ว่างเปล่าจากสัญญาเดิมที่ติดแน่นนะครับ
onion
เจริญสุข เจริญธรรม เจริญโอปนยิโกธรรม จนน้ำใสๆเต็มและล้นโอ่งใจกันทุกๆคน ทันในชาตินี้นะครับ
:b8:
สาธุ
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2012, 23:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
tongue
อุปมาอุปมัย ของ "โอปนยิโก"......

อุปมาจิตใจคนเราเหมือนโอ่งน้ำใบมหึมา




หาก..จิตใจคนเปรียบเสมือนโอ่งน้ำ...แล้วมีเหตุผลอะไรต้องเอาน้ำใสใส่ให้เต็มโอ่ง..อิอิ

ต้องการน้ำใสในโอ่ง..หรือว่า...ต้องการที่จะเห็นก้นโอ่ง?

หากต้องการน้ำใส ๆ...ถือน้ำเอาใว้อย่าได้เท่ลงโอ่งให้เมื่อยตุ้ม

แต่ถ้าต้องการเห็นก้นโอ่ง...มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไล่น้ำดำออกมา

นี้ยังไม่พูดถึงวิธีการให้ได้น้ำใส ๆ ...นะเนี้ย..อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2012, 06:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
tongue
อุปมาอุปมัย ของ "โอปนยิโก"......

อุปมาจิตใจคนเราเหมือนโอ่งน้ำใบมหึมา




หาก..จิตใจคนเปรียบเสมือนโอ่งน้ำ...แล้วมีเหตุผลอะไรต้องเอาน้ำใสใส่ให้เต็มโอ่ง..อิอิ

ต้องการน้ำใสในโอ่ง..หรือว่า...ต้องการที่จะเห็นก้นโอ่ง?

หากต้องการน้ำใส ๆ...ถือน้ำเอาใว้อย่าได้เท่ลงโอ่งให้เมื่อยตุ้ม

แต่ถ้าต้องการเห็นก้นโอ่ง...มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไล่น้ำดำออกมา

นี้ยังไม่พูดถึงวิธีการให้ได้น้ำใส ๆ ...นะเนี้ย..อิอิ

s006
กบหนอกบ !.....
s002 s002
สำคัญผิดว่าตนไม่ได้เกิดมาจากวิบากแห่งกรรมที่ทำไว้นับชาติไม่ถ้วน จึงเหมือนว่าตนเองไม่มีโอ่งใจแล้ว
คิดเอา กับความเป็นจริงที่กำลังรับอยู่เสวยอยู่ทุกวันนั้นต่างกันเยอะมากเลยเชียวนะ
คิดเอานี่คิดได้จนบรรลุนิพพานเลยนะ แต่ความเป็นจริงนั้น แม้เชิงบันไดทางเข้าพระนิพพาน ยังไปไม่ถึงเพราะถูกอุทธัจจะนิวรณ์ คือความคิดนึกที่ไม่รู้หยุดย่อนขวางอยู่ สงบไม่ได้

:b6:
อุปมาอุปมัยที่ยกมานี้เพื่อให้เห็นภาพของความพอกพูนหรือโอปนยิโก ซึ่งจะเป็นไปตามโอวาทปาติโมกข์
:b48:
คือทำดี มาไล่ชั่ว เมื่อน้ำใสหมดทั้งโอ่ง หมดกิจตักน้ำใสใส่โอ่งแล้ว ที่สุดน้ำใสในโอ่งเขาก็จะระเหยแห้งไปตามธรรมชาติ เหลือแต่โอ่งเปล่าๆ โอ่งใบนั้นไม่ช้านานก็ถูกอำนาจแห่งอุตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เรียกคืนกลับไปสู่ที่ใครที่มัน นี่คือความขาวรอบสัมบูรณ์
:b40:
มันเป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา)เขาจะเกิดขึ้นเองตอนท้ายเมื่อเสร็จกิจ หมดงาน
:b54: :b55: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2012, 08:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
กบหนอกบ !.....
s002 s002
สำคัญผิดว่าตนไม่ได้เกิดมาจากวิบากแห่งกรรมที่ทำไว้นับชาติไม่ถ้วน จึงเหมือนว่าตนเองไม่มีโอ่งใจแล้ว



อโสกะเป็นอะไรไป...ผมไม่ได้ว่าอะไรโอ่งของอโสกะสักหน่อย..อิอิ..ออกจะเห็นด้วย..ด้วยซ้ำ..แค่มีความคิดเพิ่มเข้าไปว่า...เราต้องการน้ำใสในโอ่งหรือว่า..แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องทำคือต้องรู้เห็นก้นโอ่งตามความเป็นจริง

หรือสังขารของอโสกะปรุงแต่งไปว่า..มันมาตำนิโอ่งของเรา...ทำให้มืดมองไม่เห็นเจตนาจริง

อ่านอย่างใจเป็นกลาง...วางความรู้เดิม..อย่างที่อโสกะแนะนำคนอื่นบางซิ..อย่าดีแต่แนะนำ...แต่ไม่ทำ..มันก็ไม่ไหวนะ..อิอิ
asoka เขียน:
จบ อุปมาอุปมัยของ "โอปนยิโก " โดยพิสดาร

เชิญพิจารณากันดูด้วยใจที่เป็นกลาง ว่างเปล่าจากสัญญาเดิมที่ติดแน่นนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2012, 19:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อ้างคำพูด:
หากต้องการน้ำใส ๆ...ถือน้ำเอาใว้อย่าได้เท่ลงโอ่งให้เมื่อยตุ้ม
:b16:
แค่มีความคิดเพิ่มเข้าไปว่า...เราต้องการน้ำใสในโอ่งหรือว่า..แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องทำคือต้องรู้เห็นก้นโอ่งตามความเป็นจริง

หรือสังขารของอโสกะปรุงแต่งไปว่า..มันมาตำนิโอ่งของเรา...ทำให้มืดมองไม่เห็นเจตนาจริง

:b16:

ถือน้ำเอาใว้อย่าได้เท่ลงโอ่งให้เมื่อยตุ้ม

คำพูดนี้แหละที่ทำให้ต้องพูดว่า ...."กบ หนอ กบ!"

และอธิบายให้ทราบว่า จิตทุกดวงนั้น ได้บรรจุ น้ำมันดำๆและน้ำใสๆกันมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว
ไอ้เรื่องถือน้ำเอาไว้อย่าได้เทลงโอ่งนี่มันไม่ใช่


:b1: :b1:
แล้วที่สรุปเอาเองว่า "แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องทำคือต้องรู้เห็นก้นโอ่งตามความเป็นจริง" นี่ก็ผิดจุดผิดประเด็นของเรื่อง โอปนยิโกธรรม
:b7:
เรื่องของการโอปนยิโกนั้นเป็นเรื่องของการพอกพูนน้ำใส (กุศล ความเห็นถูกต้อง ความเห็นธรรม ความเห็นอนัตตา)ให้มากขึ้นจนล้นและขับเอาน้ำมันเครื่องขุ่นดำ(อกุศล ความเห็นผิด อวิชชา ความเห็นเป็นอัตตา ตัวตน) ตกออกไปจากโอ่งใจ

ส่วนเรื่อง....."มันมาตำหนิโอ่งของเรา"....นั้น ไม่มีในใจแต่แรก.....มีแต่เอ็นดู สงสาร อยากให้รู้และกรุณาเป็นสำคัญนะกบนะ....(จะบอกให้)
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2012, 22:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b27:
:b53: :b37:
สุขสันติ์ สงบ ร่มเย็น
หลีกเร้น จากกาม เต็มที่
ไถ่ถอน อัตตา ทุกนาฑี
มานะทิฏฐิ คลายคลี่ ทุกวัน

:b36:
สิ้นความ กระสัน ในภพ
ขอจบ ชาตินี้ แม่นมั่น
ไม่คืน กลับหลัง ตลอดกาล
นิพพาน เป็นที่ อยู่ใจ

:b46:
ส่งความสุขปีใหม่ 2556 ถึงกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยกลอนจากนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




weera_resize.jpg
weera_resize.jpg [ 54.6 KiB | เปิดดู 3259 ครั้ง ]
:b8:
:b27:
:b20:
:b16:
:b12: :b12: :b12:
:b4: :b4: :b4:
:b11:
:b37:
:b38: :b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 15:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
:b27:
บอกกล่าวข่าวบุญเนื่องในโอกาสวันมาฆะบูชา
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า
บ้านห้วยบอน ม.13 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
จัดการอบรมเรื่อง พุทธศาสนาและหลักปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา เบื้องต้น
วันที่ 22 – 26 กุมภาพันธ์ 2556


จึงบอกกล่าวข่าวบุญเรียนเชิญผู้ที่สนใจ เข้ารับการอบรมตามกำหนดเวลาดังต่อไปนี้

กำหนดการอบรม


วันศุกร์ที่ 22 กพ.56 16.30 – 18.00 น. รายงานตัว ลงทะเบียนเข้ารับการอบรม เข้าที่พัก
19.00 – 21.00 น. ปฐมนิเทศ ความรู้เรื่องการภาวนา ฝึกวิธีภาวนาใน 4 อิริยาบท
21.00 น. พักผ่อน
วันเสาร์ที่ 23 กพ.56 04.00 น. ตื่นนอน ทำกิจวัตรส่วนตัว (ระฆังปลุก)
ปฏิบัติภาวนา
06.00 น. เดินจงกรมหมู่
06.30 น. ร่วมกันทำความสะอาดบริเวณ และอาคารที่พัก
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(ระฆัง)
08.30 – 09.30 น. ฟังธรรมเทศนา
09.30 – 11.00 น. ปฏิบัติภาวนา
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 – 14.30 น. ฟังบรรยายสรุปธรรม (ระฆัง)
14.30 – 16.30 น. ปฏิบัติภาวนา
16.30 – 18.00 น. รับประทานน้ำปานะ พักผ่อน อาบน้ำ ทำกิจส่วนตัว
18.00 น. – 21.00 น. ปฏิบัติภาวนา สอบอารมณ์ (ระฆัง)
21.00 น. พักผ่อน
วันอาทิตย์ที่ 24 – วันจันทร์ที่ 25 กพ.56(วันมาฆะบูชา)ทำกิจวัตรตามกำหนดเวลาเหมือนของวันที่ 23 กพ.56
วันอังคารที่ 26 กพ.56 04.00 น. ระฆังปลุก ตื่นนอน ทำกิจวัตรส่วนตัว ปฏิบัติภาวนา
05.30 น. พิธีปิดการอบรม
คุณสมบัติและข้อกำหนดสำหรับผู้ที่จะเข้ารับการอบรม
1.อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ไม่จำกัดเพศ ชาย หญิง หรือนักบวช
2.ไม่อยู่ในระหว่างการเจ็บป่วย หรือเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
3.ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคี้ยวหมาก ไม่เสพย์สิ่งเสพย์ติด หรือสามารถงดบุหรี่และการเคี้ยวหมากได้ตลอด ระยะเวลาการอบรม
4.ไม่นำเครื่องประดับหรือสิ่งของมีค่ามากติดตัวมาด้วย
5.ต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับกรรมการจัดการอบรม และจะคืนให้หลังปิดการอบรม
6.เครื่องแต่งกายระหว่างการอบรม ให้เป็นชุดที่สุภาพ หลวมๆ นุ่งห่มสบาย สีไม่ฉูดฉาด โดยไม่จำเป็นต้องเป็นชุดขาวก็ได้
7.ต้องยินดีและยอมรับที่จะปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของการอบรม
8.ต้องสำรวมอินทรีย์ สำรวม กาย วาจา ใจ ปิดวาจา ตลอดระยะเวลาการอบรม จะสนทนาแต่เฉพาะกับอาจารย์ผู้สอนหรือ ธรรมบริกรในเรื่องข้อธรรมหรือความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น
9.งดการจุดธูปเทียน สวดมนต์ไหว้พระในช่วงเวลาระหว่างการอบรม ให้ทำปฏิบัติบูชาแทน
10.การบริจาคจตุปัจจัย ไทยทานต่างๆ ให้ทำก่อนหรือหลังจากการปิดอบรม ไม่ควรทำระหว่างการอบรม
11.อาหาร จะจัดอาหารมังสะวิรัติให้วันละ 2 มื้อ เช้า กลางวัน ตอนบ่ายมีน้ำปานะหรือนมถั่วกล่อง
การสมัครเข้ารับการอบรม
ผู้ที่สนใจจะสมัครเข้ารับการอบรม ให้ติดต่อขอทราบรายละเอียดและสมัครได้ทางโทรศัพท์ หมายเลข 089-838-6213 ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 1 – 21 กุมภาพันธ์ 2556
การรับสมัครเข้าอบรม จำกัดจำนวน ชาย ไม่เกิน 12 คน หญิงไม่เกิน 30 คน ทั้งนี้เนื่องจาก มีที่พักจำกัด การพิจารณาจัดเข้าที่พัก จะจัดให้เหมาะสมตามเพศและวัยของผู้สมัครเข้ารับการอบรม

บอกกล่าวข่าวบุญมาด้วยความเคารพนับถือ
คณะกรรมการศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า

:b37:
:b38:
:b39:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร