วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 04:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2012, 01:58
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ เราพึ่งเป็นสมาชิกมาใหม่ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ :b16:

เรื่องพระเวสสันดรชาดก มีผู้ออกมาพูดสงสัยถึงการกระทำของพระเวสสันดรมากมายอยู่แล้ว ว่าถือเป็นการทำดี หรือชั่ว หวังว่าคงไม่เบื่อที่จะอ่านกันซะก่อนนะคะ

ที่เคยได้อ่านหลักๆเหตุผลก็คือ ถือว่าทำดี เพราะทำเพื่อจะได้เป็นโพธิัสัตว์ โปรดสัตว์ต่างๆอะไรก็ว่าไปนะคะ แต่จุดที่เรารู้สึกว่ายังหาคำอธิบายไม่ได้ มันคือตรรกะที่หายไปตรงกลางค่ะ นั่นคือ ทำไมการกระทำเช่นนี้จึงเป็นหนทางที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าได้ คือจากการตีความพรหมวิหาร 4 ของเรา เราคิดว่าการกระทำของพระเวสสันดรนั้นผิดหลักพรหมวิหาร 4 นะคะ หรือว่าจริงๆแล้วเราตีความพรหมวิหาร 4 ผิดเอง

กล่าวคือ ตอนแรกพระเวสสันดร ก็ได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่า ถ้าใครมาขออะไรจะให้หมด ตรงนี้ทำให้เราตีความว่า จริงๆชาดกเรื่องนี้ จะบอกว่าการทำทาน เป็นการละกิเลสเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงความเมตตากรุณาเลย ดังนั้นพระเวสสันดรไม่จำเป็นต้องมีเมตตากรุณาต่อลูกเมียของตัวเอง และการที่พระเวสสันดรทำทานให้ทุกคนที่มาขอนั้น เราก็ไม่คิดว่าเป็นความเมตตากรุณาต่อผู้ที่มาขอนะคะ เพราะมันกลับทำให้คนอื่นหลงระเริงกู่ไม่กลับ ไม่คิดจะพึ่งตัวเอง เพิ่มกิเลส แถมทำบาปทำกรรมเพิ่มด้วย เช่น ชูชก เอากัณหาชาลีไปเฆี่ยนตี เป็นต้น และเีราก็คิดว่าพระเวสสันดรก็น่าจะมีสติปัญญาพอที่จะคิดตรงนี้ได้แน่นอน(รึเปล่า) ถ้าการกระทำของพระเวสสันดรเป็นสิ่งถูกต้อง เราจะตีความได้ไหมว่า เราควรปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามยถากรรมโดยที่ไม่ต้องช่วยเหลือใครทั้งสิ้น ถ้าเช่นนั้น ความเมตตากรุณาตามพรหมวิหาร4 คืออะไรคะ

และถ้าเกิดกรณีสถานการณ์เลวร้ายที่สุด เช่น มีแม่เล้าผู้ค้าประเวณีมาขอลูกเมียพระเวสสันดรไปทำงานอย่างว่า หรือมีมนุษย์กินคน คือโรคจิตชอบกินเนื้อคน มาขอลูกเมียพระเวสสันดรไปชำแหละกิน พระเวสสันดรก็ต้องยกให้ เพราะได้ตั้งปณิธานไปแล้ว ส่วนลูกเมียจะเป็นยังไง คนที่มาขอจะสร้างเคราะห์กรรมต่อแค่ไหน ก็เป็นไปตามกรรมของคนเหล่านั้น พระเวสสันดรละกิเลสได้แล้ว (เพราะท่านมีปัญญารู้ได้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของตัวท่านเองจริงๆ)ที่เหลือไม่เกี่ยวกับท่านอีกต่อไป ถ้าลูกเมียท่านมีบุญพอ ก็คงคิดเองได้ว่าตัวเองนั้นไม่ใช่สมบัติของพระเวสสันดรจริงๆ เป็นเพียงมายาคติของที่สังคมสร้างขึ้นมา เพราะแท้จริงแล้วไม่มีอะไรของใครเป็นสมบัติของใครทั้งนั้น แล้วก็คงประกาศเสรีภาพความเป็นไทของตัวเองได้ ซึ่งถ้าลูกเมียพระเวสสันดรประกาศอิสรภาพให้ตนเองแล้ว พระเวสสันดรก็จะละกิเลสได้เหมือนกัน เพราะลูกเมียท่านไม่ใช่สมบัติของท่านอีกต่อไป ไม่ต่างจากการทำทานยกให้ผู้อื่น แต่ที่เกิดเหตุที่ท่านยกให้คนอื่น เพราะลูกเมียท่านมีบุญไม่พอ จึงไม่รู้จักการประกาศอิสรภาพให้แก่ตนเอง และถ้าท่านได้ครองเมืองต่อไป แล้วมีผู้มาขอเมืองที่ท่านครองอยู่ แล้วจับเอาคนในเมืองทั้งหลายไปเป็นทาส ก็ไม่เกี่ยวกับท่านแล้วเช่นกันเป็นกรรมของคนเหล่านั้นเองที่มาเกิดในเมืองที่ท่านปกครองและไม่มีบุญพอที่จะเกิดปัญญารู้จักล้มล้างการปกครองแล้วประกาศอิสรภาพใ้ห้ตนเอง แบบนี้ไม่เท่ากับว่า ท่านวางอุเบกขาก่อนที่จะได้เมตตากรุณาหรอคะ

จากการตีความแบบนี้ ถ้าชาดกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงเล่าเองจริงๆ ทำให้เราเกิดความสงสัยเพราะการกระทำของพระเวสสันดรนั้นขัดกับการกระทำของพระพุทธเจ้ามาก กล่าวคือ พระพุทธเจ้านั้นพอตรัสรู้แล้วก็ยังมีเมตตากรุณาเผยแพร่หลักธรรมให้ผู้อื่น หรือตอนญาติจะตีกัน ก็เข้าไปห้าม และการละกิเลสของพระพุทธเจ้านั้น ก็ไม่ได้ยกลูกเมียตัวเองให้ใคร แต่จากมาเฉยๆ ละจากทุกสิ่งมาให้ทุกสิ่งกลับสู่ธรรมชาติที่ควรจะเป็นโดยไม่ได้มีส่วนตัดสินใจใดๆทั้งนั้นในทิศทางที่จะต้องเป็นไปของสิ่งเหล่านั้น

หรือเราจะตีความได้อีกอย่างหนึ่งไหมว่า พระพุทธเจ้าจะบอกว่า ในชาติหนึ่งๆเรายึดหลักเพียงอย่างเดียวก็พอ พอไปถึงชาติอื่นๆก็ค่อยยึดหลักอื่นๆ เพราะเวลาในชีวิตเรายังมีอีกหลายชาติ

สิ่งที่เราคิดนี้ ถูกต้องหรือไม่คะ หรือจริงๆแล้วชาดกเรื่องนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้เล่าเองแต่มีคนอื่นแต่งขึ้นเพียงเพื่อจะสั่งสอนในเชิงสัญลักษณ์(คือคน ไม่ได้หมายถึงคน จริงๆ เหมือนเรื่อง เจ้าชายน้อย เป็นต้น) หรือพระพุทธเจ้าเล่านิทานในเชิงสัญลักษณ์เฉยๆแล้วคนอื่นเอามาตีความว่าท่านเอาชาติภพก่อนของท่านมาเล่าให้ฟังเอง หรือตรรกะของเรามันผิดเพี้ยนตรงไหน รบกวรชี้ข้อบกพร่องหน่อยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 19:58
โพสต์: 294

โฮมเพจ: https://www.facebook.com/McDoorEdgeRubber
แนวปฏิบัติ: ตามหาพุทโธ
งานอดิเรก: ถ่ายภาพ สะสมพระเครื่องพระบูชา เลี้ยงปลา เลี้ยงแมว
ชื่อเล่น: Mc
อายุ: 0
ที่อยู่: สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

 ข้อมูลส่วนตัว www


กระผมยังไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านเขียนมาครับ
คือต้องการตำอธิบายพรหมวิหาร๔ ใช่ไหมครับ??
หรืออยากรู้จุดประสงค์ของพระชินวรเจ้า??
หรือสับสนคำสอนของพระชินสีห์เจ้า??
หรือไม่เข้าใจคำว่าการทำทาน??
หรือไม่เข้าใจในการบำเพ็ญครั้งอดีตกาลของพระผู้พิชิตมารครับ??
จะได้อธิบายถูกครับ tongue

.....................................................
ถ้าจะตาย จะเสียดายทำไมเล่าชีวี
ต้องรู้เท่าทันธาตุขันธ์นี้ ล้วนแต่มีอนิจจังทั้งหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


conan123 เขียน:
สวัสดีค่ะ เราพึ่งเป็นสมาชิกมาใหม่ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ :b16:

เรื่องพระเวสสันดรชาดก มีผู้ออกมาพูดสงสัยถึงการกระทำของพระเวสสันดรมากมายอยู่แล้ว ว่าถือเป็นการทำดี หรือชั่ว หวังว่าคงไม่เบื่อที่จะอ่านกันซะก่อนนะคะ

..............................................................................................................


สิ่งที่เราคิดนี้ ถูกต้องหรือไม่คะ หรือจริงๆแล้วชาดกเรื่องนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้เล่าเองแต่มีคนอื่นแต่งขึ้นเพียงเพื่อจะสั่งสอนในเชิงสัญลักษณ์(คือคน ไม่ได้หมายถึงคน จริงๆ เหมือนเรื่อง เจ้าชายน้อย เป็นต้น) หรือพระพุทธเจ้าเล่านิทานในเชิงสัญลักษณ์เฉยๆแล้วคนอื่นเอามาตีความว่าท่านเอาชาติภพก่อนของท่านมาเล่าให้ฟังเอง หรือตรรกะของเรามันผิดเพี้ยนตรงไหน รบกวรชี้ข้อบกพร่องหน่อยนะคะ



พลาดตั้งแต่เริ่มคิดแล้วหล่ะครับ

การเอาตรรกะและเหตุผลไปจับในนิทานนิยายหรือวรรณคดี ที่ถูกสร้างเล่าและประพันธ์ ต่อกันมา

ไม่สมควร เพราะสาระความจริงของเรื่องย่อมตกหล่น ฟั่นเฝือ ไม่จริง

การเอาตรรกะเหตุผลไปคิด วิเคราะห์ ย่อมได้รับเพียงความงุนงงสงสัยมากขึ้นไม่คุ้มเวลา


ในพระไตรปิฎกนั้นเรื่องพระเวสสันดรปรากฏหลักฐานเพียงไม่กี่หน้า เราก็ทราบดีว่ามีการประพันธ์เพิ่มเติม

มาหลายยุคหลายสมัย มีการเพิ่มบทพูด เพิ่มเนื้อเรื่องมากมาย ต่างจากของจริง

จึงเป็นเรื่องแต่งเอาทีหลังของคนเรา ที่ใส่ความคิดรู้สึกส่วนตัวเข้าไป ที่เน้นการทำทานเสียสละเป็นหลัก

เพื่อให้คนมีจุดมุ่งหมายทำทานเท่านั้น


ที่ควรสนใจคือกายใจนี้ ที่เป็นของจริง เป็นตัวสุข ทุกข์

วิธีดับสุข ทุกข์ที่เกิดที่กายใจนี้ นี่คือต้นตอ นี่มีคำตอบ มากกว่า :b30:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.palapanyo.com/Pimpa/index.html

http://angkarn.siamtapco.com/book/book02-00.htm

:b44: :b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rotala เมื่อ 20 ธ.ค. 2012, 13:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่จะเป็นคู่บุญ คู่บารมี เป็นพระโอรส พระธิดา หรือพระอัครสาวก
เอตทัคคะ พุทธบิดา พุทธมารดา ฯลฯ ล้วนต้องตั้งความปรารถนา
ต้องบำเพ็ญบารมีร่วมกันมาแล้วทั้งสิ้น ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็มาเป็นพระบิดา
พระมารดา พระชายา พระโอรสได้ ...

ความรักของสายเลือด สายใยรัก ความรัก ความเมตตาในพระโอรส
พระธิดาใช่ว่าไม่มี แต่เพราะพระโพธิญาณอันประเสริฐ จึงต้องเสียสะ
เรื่องเล่านั้น ..


อีกอย่างผู้ที่ปรารถนาเป็นพระชายา พระโอรส พระธิดา ย่อมทราบอยู่แก่ใจว่า
ในอนาคตเบื้องหน้าย่อมพลัดพรากจากกัน แต่เพื่อให้พระพระองค์ได้บรรลุ
พระโพธิญาณ จึงยินดีตั้งความปรารถนาและพร้อมที่จะเสียสละ ..


เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว โอกาสตกต่ำ ทำชั่ว เป็นไปได้น้อย อาจจะมีบ้าง
ก็เพราะกรรมที่เคยทำไว้ในกาลก่อนตามมาทัน ...

การทานพระโอรส ธิดา ทานพระชายานี้ ไม่ใช่ทำชาตินี้ชาติเดียว
พระองค์ทำมาเป็นอเนกชาติ นับไม่ถ้วน

บางพระองค์ ทรงดูพระโอรสธิดาที่ให้ทานไป ถูกกินต่อหน้าต่อตา ก็มี ..

:b1:


http://www.84000.org/anakot/index.html

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 16:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2012, 01:58
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณ McArowana เอาเรื่องพรหมวิหาร4 กับการทำทานก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนอื่นๆที่คุณถามเรายอมรับว่าไม่รู้ว่าคืออะไรค่ะ เพราะพึ่งมาสนใจศึกษา ก่อนหน้านี้ก็รู้แค่เท่าที่เรียนในหลักสูตรตอนมัธยมเท่านั้นแหละค่ะ

ตอบคุณ ขณะจิต จริงๆเราก็แอบคิดแบบนี้ค่ะ แต่เห็นหลายคนบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงและยังได้มีการบรรจุในหลักสูตรการศึกษาอีกด้วย เลยพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆเพื่อมารองรับสมมุติฐานที่ว่านี้เท่านั้นเองค่ะ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งคิดมันยิ่งไม่สมเหตุสมผล กะว่าถ้ายังหาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองยอมรับไม่ได้ ถึงจุดนึงก็คงเลิกคิดล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้แล้วค่ะ

ขอบคุณคุณ Rotala สำหรับเวบนะคะ

ตอบคุณ วิริยะ คือเราคิดว่าในเมื่อพระเวสสันดรยังไม่สามารถระลึกชาติได้ แล้วอดีตชาติบาปบุญที่เคยทำมาจะเอามาวัดหลักการตัดสินใจได้อย่างไรคะ และของที่ในชาดกเรื่องนี้นับเป็นของๆพระเวสสันดรก็ไม่ได้มีแค่สิ่งของหรือลูกเมีย(ที่คุณอธิบายว่าได้ทำบุญร่วมกันมา) แต่รวมถึงสัตว์ในครอบครอง หรือแม้แต่คนในเมืองด้วย เช่น สมมุติว่าพระเวสสันดรไม่ใช่แค่จะได้ครองเมือง แต่เป็นทายาทราชาผู้ครอบครองโลก แล้วพระเวสสันดรก็จะได้ครองโลกต่อไป แล้วถ้ามีมนุษย์ต่างดาวหรืออะไรซักอย่างจากภพภูมิอื่นอะไรก็ตามมาขอโลกนี้ เพื่อเอามนุษย์ไปเป็นหนูทดลอง เอาไปทรมานต่างๆนาๆ พระเวสสันดรก็จะให้เพราะได้ปณิธานเอาไว้แล้ว อย่างนี้หรอคะ และถือเป็นการทำบุญอีกต่างหาก จากนั้นก็จะมีคำอธิบายว่าในอดีตชาติคนทั้งโลกเคยทำบุญมาร่วมกับพระองค์ อะไรประมาณนี้รึเปล่าคะ (ไม่มีเจตนาลบหลู่ หรือกวนนะคะ เขียนตามความคิดออกมาเลยค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์ท่านย่อมทราบว่า ท่านกำลังทำอะไร เพื่อประโยชน์อะไร
สิ่งที่คุณสมมุติยิ่งเป็นไปไม่ได้ ..
:b51:

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


conan123 เขียน:
ตอบคุณ McArowana เอาเรื่องพรหมวิหาร4 กับการทำทานก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนอื่นๆที่คุณถามเรายอมรับว่าไม่รู้ว่าคืออะไรค่ะ เพราะพึ่งมาสนใจศึกษา ก่อนหน้านี้ก็รู้แค่เท่าที่เรียนในหลักสูตรตอนมัธยมเท่านั้นแหละค่ะ

ตอบคุณ ขณะจิต จริงๆเราก็แอบคิดแบบนี้ค่ะ แต่เห็นหลายคนบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงและยังได้มีการบรรจุในหลักสูตรการศึกษาอีกด้วย เลยพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆเพื่อมารองรับสมมุติฐานที่ว่านี้เท่านั้นเองค่ะ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งคิดมันยิ่งไม่สมเหตุสมผล กะว่าถ้ายังหาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองยอมรับไม่ได้ ถึงจุดนึงก็คงเลิกคิดล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้แล้วค่ะ

ขอบคุณคุณ Rotala สำหรับเวบนะคะ

ตอบคุณ วิริยะ คือเราคิดว่าในเมื่อพระเวสสันดรยังไม่สามารถระลึกชาติได้ แล้วอดีตชาติบาปบุญที่เคยทำมาจะเอามาวัดหลักการตัดสินใจได้อย่างไรคะ และของที่ในชาดกเรื่องนี้นับเป็นของๆพระเวสสันดรก็ไม่ได้มีแค่สิ่งของหรือลูกเมีย(ที่คุณอธิบายว่าได้ทำบุญร่วมกันมา) แต่รวมถึงสัตว์ในครอบครอง หรือแม้แต่คนในเมืองด้วย เช่น สมมุติว่าพระเวสสันดรไม่ใช่แค่จะได้ครองเมือง แต่เป็นทายาทราชาผู้ครอบครองโลก แล้วพระเวสสันดรก็จะได้ครองโลกต่อไป แล้วถ้ามีมนุษย์ต่างดาวหรืออะไรซักอย่างจากภพภูมิอื่นอะไรก็ตามมาขอโลกนี้ เพื่อเอามนุษย์ไปเป็นหนูทดลอง เอาไปทรมานต่างๆนาๆ พระเวสสันดรก็จะให้เพราะได้ปณิธานเอาไว้แล้ว อย่างนี้หรอคะ และถือเป็นการทำบุญอีกต่างหาก จากนั้นก็จะมีคำอธิบายว่าในอดีตชาติคนทั้งโลกเคยทำบุญมาร่วมกับพระองค์ อะไรประมาณนี้รึเปล่าคะ (ไม่มีเจตนาลบหลู่ หรือกวนนะคะ เขียนตามความคิดออกมาเลยค่ะ)



พระเวสสันดรที่เราเรียน ถูกแต่งเพิ่มเติมขึ้นในเมืองไทย (สามารถสืบค้นข้อมูลจากห้องสมุดหรือเว็บ)

คงเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในการทำทานของพุทธศาสนิกชนให้แน่นแฟ้นซึ่งผมมองว่าเป็นจุดมุ่งหมายที่ดี


ส่วนที่คุณคิดเลยไปถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาวฯลฯ เป็นกระบวนการหาเหตุผลของความคิด

อย่าคิดเลยครับจิตฟุ้งซ่านปล่าวๆ มีประโยชน์น้อย


อย่างที่ผมบอก

พระเวสสันดรเป็นเรื่องที่พระพุทธองค์กล่าวเพียงครั้งเดียว เพื่อยกตัวอย่างเรื่องการทำทาน

แต่ที่น่าสนใจกว่าคือสิ่งที่พระพุทธองค์ย้ำเสมอ

คือเรื่อง ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับสนิทแห่งทุกข์ วิธีดับทุกข์ อันนี้แหละน่าสนใจ น่าทำให้แจ้ง

ละความสงสัยได้ เป็นประโยชน์สิ้นกาลนานครับ :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อหาที่ให้ใจลง ลองแยกออกเป็น บุคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน ดู

บุคลาธิษฐาน คำสอนซึ่งมีบุคคลเป็นที่ตั้ง ธรรมาธิษฐาน คำสอนที่มีธรรมเป็นที่ตั้ง (คือมีธรรมะหรือสภาวธรรมล้วนๆ)

ชาดกที่นำมานั่นเป็นบุคลาธิษฐาน มองในแง่ธรรมาธิษฐานก็คือจิตใจของพระอรหันต์จะรู้สึกต่อ...เสมอกัน ตัวอย่าง เช่น

“พระผู้มีพระภาคนั้น ทรงมีพระทัยเสมอกัน ทั้งต่อนายขมังธนู ต่อพระเทวทัต ต่อโจรองคุลิมาล ต่อช้างธนบาลและต่อพระราหุล ทั่วทุกคน”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องราวที่เป็นชาดก (บุคลาธิษฐาน) เหมือนเข้าใจง่ายกว่าธรรมาธิษฐาน ที่เป็นธรรมะล้วนๆ ให้ดูอีกตัวอย่างหนึ่งที่อ้างอิงกันบ่อยๆ

"ผู้ใด เห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา.." ตรัสกับพระวักกลิ (เรานำมาสั้นๆ) เราอ่านแล้วเหมือนกินใจกว่ามีบุคคลเทียบให้เห็นง่ายดี แต่เราก็คิดกันต่อว่า "ธรรม" ได้แก่อะไร ไม่ใช่อะไรอยากจะเห็นพระพุทธเจ้า :b32: แต่มาติดว่าต้องเห็นธรรมเสียก่อน

แต่พอไปดูปฏิจจสมุปบาท "ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้น เห็นปฏิจจสมุปบาท" ทีนี้จะเฉยๆไม่ตื่นเต้นเท่าข้อแรก :b12:


......

เรื่องเป็นงี้

เมื่อพระวักกลิป่วยหนัก อยากเฝ้าพระพุทธเจ้า ส่งคนไปกราบทูล พระพุทธเจ้าก็เสด็จมาและมีพระดำรัสเพื่อให้เกิดอิสรภาพทางปัญญาแก่พระวักกลิตอนหนึ่งว่า


พระวักกลิ: ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นเวลานานนักแล้ว ข้าพระองค์ปรารถนาจะไปเฝ้าเพื่อจะเห็นพระผู้มีพระภาค แต่ร่างกายของข้าแต่พระองค์ ไม่มีกำลังพอที่จะไปเฝ้าเห็นองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าได้


พระพุทธเจ้า: อย่าเลย วักกลิ ร่างกายอันจะเน่าเปื่อยนี้ เธอเห็นไป จะมีประโยชน์อะไร ดูกรวักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมนั้นแหละ วักกลิ จึงจะชื่อว่าเห็นเรา เมื่อเห็นเรา (ก็คือ) เห็นธรรม”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2012, 02:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2012, 01:58
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ เลิกสงสัยเรื่องนี้แล้วค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2012, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตที่ว่างจากการดึงรั้งของความคิด ความลังเลสงสัย

ย่อมอิสระมีกำลัง มีสุขอยู่ :b30:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2012, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฆ่าตัวตายทำไมถึงลงนรก ตัดเศียรตนเองถวายพระพุทธเจ้าทำไมถึงยังอานิสงส์ให้ได้ดี

สังเกตสักนิด เหตุใดบารมีทานนี้ต้องทำหลังจากบารมีอื่นครบแล้วเพราะว่าอะไร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร