วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 11:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2012, 04:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


conan123 เขียน:
คุณขณะจิต--อ่านเวบที่ส่งมาให้แล้วค่ะ เราสงสัยเพิ่มอีกว่า
1.ในของจริงแท้ดั้งเดิมจากพระไตรปิฎก ความเป็นอนัตตานี้คือ เราไม่มีตัวตนจริงๆ(แบบ ทฤษฎีของศาสตร์จารย์อะไรซักอย่างของ Oxford ที่บอกว่าเราอาจจะอยู่ใน computer simulation) หรือให้เราคิดว่า ไม่มีตัวตน(คือมีตัวตนชั่วคราวเฉยๆเลยให้คิดว่าไม่มีตัวตนไปเลย) เพื่อจะได้พ้นทุกข์คะ

คุณน้อง"โคนันทวิศาล"ครับ ก่อนอื่นคุณน้องต้องทำความเข้าใจกับสมมุติบัญญัติให้ดีก่อน
ไม่งั้นคุณน้องจะสับสนและเบื่อหน่ายในพระธรรม

เรื่องอัตตาหรืออนัตตา มันไม่ใช่มาตีความหมายว่า ตัวตนของคน ของสิ่งมีชีวิต
ในความเป็นโคนันทวิศาล มันก็เป็นของมันอย่างนั้น ผมจะอธิบายให้ฟังอย่างง่ายๆ

อย่างเช่นน้องโคนัน ได้อ่านนิทานเรื่องโคนันทวิศาล อ่านไปอ่านมาคุณน้อง
ไปคิดว่า คุณน้องชื่อ....โคนัน วัวในนิทานชื่อ..นันทวิศาล คุณน้องหลงไปเชื่อว่า
โคนันทวิศาลกลับชาติมาเกิดเป็นคุณน้องโคนันในชาตินี้
อาการหลงเชื่อไปตามความคิดว่าเป็นจริงแบบนี้เขาเรียก.......อัตตา
ส่วนอนัตตาก็คือ เมื่อมันเกิดความคิดอย่างนี้ขึ้น ก็รู้ตัวว่า ตัวเราคิดไปเองความคิดนี้
มันเกิดจากการที่เราไปอ่านเรื่อง โคนันทวิศาลแล้วสมองเอามาสร้างเรื่องเอาเอง
มันไม่ได้ป็นความจริง

conan123 เขียน:
2.การที่คิดได้ว่า เราไม่มีตัวตน ในอีกแง่หนึ่ง มันไม่ทำให้เราเพี้ยนหรอคะ ถ้าเราคิดว่าไม่มีตัวตน เราจะไม่อยากอะไรซักอย่าง ถ้าไม่ได้ไปบวช คนในสังคมก็ดูถูกว่าเราไม่มีความพยายาม(ที่จะรวย จะได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นต้น)

ความไม่มีตัวตัวตน ไม่ได้หมายถึง ร่างกายของเรา แต่มันหมายถึง จิตของเราไม่ยอมให้สิ่ง
ที่เป็นอดีตจบไป พยายามเอาอดีตมาเป็นปัจจุบัน ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้
อดีตและอนาคตมันไม่มีตัวตน ไม่ใช่ร่างกายไม่มีตัวตน
conan123 เขียน:
คุณ din คะ จิตว่างนี่ ทำตอนนั่งสมาธิอย่างเดียวรึเปล่าคะ หรือให้ทำตลอดเวลา ตามความเข้าใจของเรา เราทำจิตว่างตลอดเวลาไม่ได้ เพราะถ้าเราไม่คิดปรุงแต่งเลย เราจะทำงานไม่ได้ เช่น จะคุยกับลูกค้าก็ต้องดูท่าทีว่าเค้าคิดอย่างไร จะต่อรองราคา อะไรประมาณนี้ค่ะ อย่างนี้ถูกต้องไหมคะ

ความหมายของจิตว่าง เราต้องพิจารณาให้ดี จิตว่างในความหมายของพระพุทธเจ้า
มันไม่ใช่จิตว่างแบบโยคี จิตว่างแบบโยคืมันหมายถึงการไม่ให้จิตเกิดดับตามความเป็นจริง
แบบให้เข้าใจง่ายๆก็คือไปบังคับไม่ให้สมองคิดอะไร เมื่อสมองไม่คิดความว่างมันก็เกิด

แต่จิตว่างแบบของพระพุทธเจ้าคือ คิดแต่ในสิ่งที่อยู่ในกรอบของความเป็นจริง
อย่างเช่นเรากำหนดราคาสินค้าไว้แล้ว มีลูกค้ามาต่อราคา เราย่อมรู้อยู่แล้วว่า
เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติของการซื้อขาย เมื่อคิดได้อย่างนี้
จิตเราก็จะไม่เกิด โทสะหรือจิตที่เป็นอกุศล..........แบบนี้จึงเป็นจิตว่างในทางพุทธศาสนา
conan123 เขียน:
คุณ govit2552 ขอบคุณสำหรับนิทานนะคะ คือกรรมที่จะได้รับในชาตินี้ เราเข้าใจค่ะ แต่ในชาติต่อไป ที่ไม่มีความทรงจำของเราอยู่ ตัวเราในชาติหน้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกลงโทษหรือรับกรรมเพราะเหตุใด ประมาณนี้น่ะค่ะ แต่ตรงนี้เข้าใจแล้วว่าคิดไปก็ไม่มีประโชน์ค่ะ

สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงเน้นในความเป็นแก่นธรรม กรรมที่ส่งผลให้เกิดเป็นวิบาก
นั้นก็คือ การต้องไปเกิดใหม่ในชาติหน้าครับ

conan123 เขียน:
คุณ student วิปัสสนาแล้วหรอคะ เราพึ่งรู้ว่าวิปัสสนาแปลว่าเห็นความจริง หมายความว่าไม่ต้องศึกษาอะไรทั้งนั้น นั่งวิปัสสนาก็จะได้พบคำตอบของความเป็นจริงทุกอย่างเลยหรอคะ ไม่ทราบคุณ student มีประสบการณ์ที่พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมคะ

ความหมายของวิปัสสนา มันกว้างแท้จริงแล้วมันหมายถึงการปฏิบัติ
การปฏิบัติมันก็เป็นระดับขั้นของเหตุและผล
นั้นคือการเอาเหตุอย่างหนื่งมาให้ให้เกิดผลอีกอย่างหนื่ง
เอาสติสร้างปัญญาขั้นต้นและเอาปัญญาขั้นต้นไปสร้างปัญญาในขั้นต่อไป

เอาแค่ในวันหนี่งๆคุณโคนันทวิศาล หูได้ยินเสียงก็รู้ว่า ได้ยินเสียง
ตามองเห็นก็รู้ว่าตามองเห็น สมองกำลังคิดก็รู้ว่ากำลังคิด แบบนี้ก็เรียกว่า...
เป็นการปฏิบัติหรือวิปัสนาแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2012, 11:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


conan123 เขียน:
ตัวเราขณะนี้กับตัวเราเมื่อวินาทีก่อน เป็นคนละคนกัน เนื่องจากจิตเกิดดับตลอดเวลา

ไม่ทราบหลักการนี้ เป็นพุทธศาสนาจริงๆรึเปล่าคะ

ถ้าเป็นจริงเราจะสงสัยมากว่า ทำไมเราต้องห่วงว่าชาติหน้าจะตกนรกหรือลำบาก ก็มันไม่ใช่ตัวเราแล้ว แถมไม่มีความทรงจำของเราอีกต่างหาก แค่มีข้อมูลร่วมกันเฉยๆ

คือมันเป็นสัจจธรรมที่มีความเป็นไปอยู่ ไม่เพียงเฉพาะจิตหรอก แม้แต่รุปกายเรานี้ก้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะคนเรานี้น่ะสิ ไม่เห็นตามเป็นจริงของจิตใจและกาย มีอุปาทานจึงไม่พ้นจากทุกข์ที่เป็นผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2012, 12:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


conan123 เขียน:
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

คุณขณะจิต--อ่านเวบที่ส่งมาให้แล้วค่ะ เราสงสัยเพิ่มอีกว่า
1.ในของจริงแท้ดั้งเดิมจากพระไตรปิฎก ความเป็นอนัตตานี้คือ เราไม่มีตัวตนจริงๆ(แบบ ทฤษฎีของศาสตร์จารย์อะไรซักอย่างของ Oxford ที่บอกว่าเราอาจจะอยู่ใน computer simulation) หรือให้เราคิดว่า ไม่มีตัวตน(คือมีตัวตนชั่วคราวเฉยๆเลยให้คิดว่าไม่มีตัวตนไปเลย) เพื่อจะได้พ้นทุกข์คะ

2.การที่คิดได้ว่า เราไม่มีตัวตน ในอีกแง่หนึ่ง มันไม่ทำให้เราเพี้ยนหรอคะ ถ้าเราคิดว่าไม่มีตัวตน เราจะไม่อยากอะไรซักอย่าง ถ้าไม่ได้ไปบวช คนในสังคมก็ดูถูกว่าเราไม่มีความพยายาม(ที่จะรวย จะได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นต้น)

คุณ din คะ จิตว่างนี่ ทำตอนนั่งสมาธิอย่างเดียวรึเปล่าคะ หรือให้ทำตลอดเวลา ตามความเข้าใจของเรา เราทำจิตว่างตลอดเวลาไม่ได้ เพราะถ้าเราไม่คิดปรุงแต่งเลย เราจะทำงานไม่ได้ เช่น จะคุยกับลูกค้าก็ต้องดูท่าทีว่าเค้าคิดอย่างไร จะต่อรองราคา อะไรประมาณนี้ค่ะ อย่างนี้ถูกต้องไหมคะ

คุณ govit2552 ขอบคุณสำหรับนิทานนะคะ คือกรรมที่จะได้รับในชาตินี้ เราเข้าใจค่ะ แต่ในชาติต่อไป ที่ไม่มีความทรงจำของเราอยู่ ตัวเราในชาติหน้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกลงโทษหรือรับกรรมเพราะเหตุใด ประมาณนี้น่ะค่ะ แต่ตรงนี้เข้าใจแล้วว่าคิดไปก็ไม่มีประโชน์ค่ะ

คุณ student วิปัสสนาแล้วหรอคะ เราพึ่งรู้ว่าวิปัสสนาแปลว่าเห็นความจริง หมายความว่าไม่ต้องศึกษาอะไรทั้งนั้น นั่งวิปัสสนาก็จะได้พบคำตอบของความเป็นจริงทุกอย่างเลยหรอคะ ไม่ทราบคุณ student มีประสบการณ์ที่พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมคะ

:b41: :b43: :b38: :b37: :b53: :b45: :b47:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2012, 20:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
อ้างคำพูด:
คุณโสกะเละตั้งแต่อ้าปากแล้วล่ะครับ มันมีเยี่ยงอย่างที่ไหน ดันบอกว่าชีวิตตายแล้ว
เกิดใหม่ทุกวินาที เลอเทอะครับ ความจริงมันคือ....สังขารหรือนามกายครับ ที่เกิดดับ

:b6:
น่าสงสารคุณโฮฮับที่คงจะอีกนานที่จะเข้าใจสิ่งที่ละ เอียดอ่อนมากเช่นนี้ :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2012, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
ไม่มีอะไรไม่เกิดแต่เหตุ....

เหตุ...เราทำมาเองทั้งน้าน....

อิอิ... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2012, 03:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
อ้างคำพูด:
คุณโสกะเละตั้งแต่อ้าปากแล้วล่ะครับ มันมีเยี่ยงอย่างที่ไหน ดันบอกว่าชีวิตตายแล้ว
เกิดใหม่ทุกวินาที เลอเทอะครับ ความจริงมันคือ....สังขารหรือนามกายครับ ที่เกิดดับ

น่าสงสารคุณโฮฮับที่คงจะอีกนานที่จะเข้าใจสิ่งที่ละ เอียดอ่อนมากเช่นนี้ :b34:

สงสารตัวเองดีกว่าครับ การพูดแก้เกี่ยวเพราะอาย มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
แทมที่จะประชดประชันเหมือนเด็กผู้หญิง ผมว่าคุณโสกะน่าจะซักไชร์ไล่เรียงผู้แย้ง
มันน่าจะดีกว่าที่ทำอยู่นะครับ หรือว่างงแต่เริ่มแล้ว เลยไปต่อไม่ถูก :b32:

มันตลกดีมั้ยล่ะ มาว่าผม "อีกนานกว่าจะเข้าใจสิ่งที่ละเอียดอ่อน"
พุทโธ่เอ้ย! ผมยกพระสูตรมากำกับความเห็น ถ้าคุณโสกะอ่านพระสุตรเป็น
คงไม่ต้องมาประชดประชันแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้แบบนี้หรอก

โสกะดูซะ ถ้าดูไม่รู้เรื่องก็เอาคำพูดของตัวเองไปตรอง แล้วพิจารณาดูว่า สมควรว่าตัวเอง
หรือว่าชาวบ้านเขา

โฮฮับ เขียน:
[๒๓๑] "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเข้าไปยึดถือเอา
ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูต ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า แต่จะ
เข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตนหาชอบไม่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะร่างกาย
อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปี
บ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปี
บ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ย่อมปรากฏ แต่ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็น
ที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้น
ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ฯ"


http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php ... 519&Z=2566


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2012, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
สังเกตตรงท่อนนี้ให้ดีนะครับคุณโฮฮับ
:b11: :b11:
ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็น
ที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้น
ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ฯ"
onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2012, 04:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
สังเกตตรงท่อนนี้ให้ดีนะครับคุณโฮฮับ
:b11: :b11:
ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็น
ที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้น
ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ฯ"
onion onion

กับความเห็นไม่ได้ความแบบนี้ คิดนานมั้ยครับ
พูโถ่! ครูบาอาจารย์บัญญัติคำว่า"ชีวิต"ขึ้นมา ก็ได้ให้ความหมายไว้ว่า
ชีวิตคือรูปกับนาม รูปก็คือธาตุสี่ นามก็คือจิตหรือมโน...ฯลฯ
และครูบาอาจารย์ยังได้อธิบายในรายละเอียดว่า...
จิตที่ว่ามีลักษณะเกิดดับตลอดเวลาเป็นสันตติ
ความหมายของชีวิตก็คือ รูปนามนี่ มีธาตุสี่ที่มีจิตให้ธาตุสี่ประชุมกันไม่ให้แตกสลาย

ในเมื่อธาตุสี่ยังไม่แตกสลาย ดันมาบอกว่า ชึวิตตายแล้วเกิดใหม่ทุกวินาที
ตัวเองมั่วซะจนคิดว่ามันเป็นความละเอียดอ่อน :b32:


แล้วที่ผมเอาพระไตรปิฏกมาให้ดู ก็เพื่อจะบอกจะสอนว่า คุณกำลังเข้าใจผิด
กำลังไปยึดเอา จิตเป็นตัวเป็นตน จิตเกิดดับของมันตลอดเวลา แต่คุณหลงไป
ยืดมันเข้า เพียงแต่อ่านตำรามารู้ว่าจิตมันเกิดดับ เข้าใจผิดว่า ชีวิตคือจิตอย่างเดียว
เลยบอกว่า ชืวิตมันตายแล้วเกิดใหม่ทุกวินาที

พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าจะยึดจิตเป็นตัวเป็นตน
ให้ยึดกายซะยังดีกว่า อาการหลงขนาดโสกะเนี่ย
ผมว่า อีกไกลครับกว่าจะเจอ เอาแค่หลุดจากถังขยะของคุณโสกะเองให้ได้ก่อน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2012, 08:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อ้างคำพูด:
กับความเห็นไม่ได้ความแบบนี้ คิดนานมั้ยครับ
พูโถ่! ครูบาอาจารย์บัญญัติคำว่า"ชีวิต"ขึ้นมา ก็ได้ให้ความหมายไว้ว่า
ชีวิตคือรูปกับนาม รูปก็คือธาตุสี่ นามก็คือจิตหรือมโน...ฯลฯ
และครูบาอาจารย์ยังได้อธิบายในรายละเอียดว่า...
จิตที่ว่ามีลักษณะเกิดดับตลอดเวลาเป็นสันตติ

:b16:
ดูตรงคำว่า "เกิดดับตลอดเวลา" ให้ดีๆนะครับลุงโฮ กับคำว่า "ตายแล้วเกิดใหม่ทุกวินาฑี"
สองคำนี้มีความหมายเป็นอันเดียวกัน
:b16: :b16:
แล้วคุณโฮก็รู้แต่จะไปอ้างพระสูตรโดยไม่เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งในพระสูตร ไม่เคยรู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในกายใจทุกวินาฑี เพราะย่อหย่อนการปฏิบัติจริงไม่สัมผัสของจริงแล้วคุณโฮจะไปรู้ซึ้งในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้อย่างไร
:b13: :b13:
เก่งเรื่องทฤษฎีอย่างนี้ลองไปค้นหลักฐานในอภิธรรมมาเล่าสู่กันฟัง ในเรื่องของการเกิดดับของจิตดูบ้างอาจได้พบอะไรดีๆที่คุณโฮยังไม่รู้บ้างนะครับ
Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2012, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ดูตรงคำว่า "เกิดดับตลอดเวลา" ให้ดีๆนะครับลุงโฮ กับคำว่า "ตายแล้วเกิดใหม่ทุกวินาฑี"
สองคำนี้มีความหมายเป็นอันเดียวกัน

โสกะนี่น้า เน่าชนิดฟอร์มาลีนก็เอาไม่อยู่ จะสอนพระธรรมเบื้องต้นให้ฟัง
รู้จักคำว่า........วัฎสงสารมั้ย เกิด แก่ เจ็บ ตายแบบนี้เขาถึงเรียกว่า ความตาย
ความตายก็คือ จิตละทิ้งรูปกายเดิมนั้น ส่วนเกิดดับหมายถึง..........
จิตเกิดดับตลอดเวลา มันเป็นธรรมชาติของจิต ตรงข้ามถ้าในรูปกายนั้นไม่มีจิตที่เกิดดับ
นั้นหมายความว่า........ไม่มีชีวิตหรือตาย

โสกะเป็นซะอย่างงี้ไง ชอบเอาคำมาเล่น แต่งเติมให้มันเพราะเสนาะโสต
ที่ไหนได้เรื่องธรรมเละตุ้มเป๊ะ แหม่! พูดมาได้"ถังขยะใจ" "ปกติช่างลึกซึ้ง"
ผมหัวข้อกระทู้แล้วมีอาการมวนในท้องจริงๆ :b32:
asoka เขียน:

แล้วคุณโฮก็รู้แต่จะไปอ้างพระสูตรโดยไม่เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งในพระสูตร ไม่เคยรู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในกายใจทุกวินาฑี เพราะย่อหย่อนการปฏิบัติจริงไม่สัมผัสของจริงแล้วคุณโฮจะไปรู้ซึ้งในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้อย่างไร

มาอีกแล่ะ ยังมาแถเป็นเด็กซ้ำซาก พูดเป็นต่อยหอยว่าคนอื่นไม่ปฏิบัติ
ถามหน่อยโสกะปฏิบัติภาษาอะไร ถึงพูดธรรมไม่ได้ความแบบนี้
พูดเหมือนคนท่องกลอนท่องอาขยาน หนังสือศาลาคนเศร้าไม่ใช่พระไตรปิฎกนะจะบอกให้ :b32:

ความหมายของพระสูตรก็อธิบายให้ฟังแล้ว จะเอาลึกซี้งแค่ไหน
ปุดโด่เอ้ย! เห็นพระสูตรเป็นบทลครเช็คเปียร์ไปได้ :b9:
asoka เขียน:

เก่งเรื่องทฤษฎีอย่างนี้ลองไปค้นหลักฐานในอภิธรรมมาเล่าสู่กันฟัง ในเรื่องของการเกิดดับของจิตดูบ้างอาจได้พบอะไรดีๆที่คุณโฮยังไม่รู้บ้างนะครับ

แล้วโสกะรู้อะไรบ้าง ลองกลับไปกว้านหาในถังขยะใจของโสกะดู
อาจจะเจอสิ่งที่ลึกซึ้งจากถังขยะก็เป็นได้ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร