วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 20:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 04:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสารครับ ทำไมหนอเราเจอคนที่ชอบประนามหยามเหยียดตัวเอง
ปานประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเชื้อโรค เป็นกิเลสที่สังคมรังเกียจ
อยู่ดีๆก็ไปซ้ำเติมตัวเองซะงั้น ช่างไม่รู้เลยว่า...หัวจิตหัวใจตัวเอง
กำลังถูกกลุ้มรุ้มทำร้ายจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก

ดูๆแล้วมันก็เหมือนหนังดร่าม่าที่พระเอกมีแฟนแล้ว แฟนไปถูกพวกจิ๊กกะโล่ทำมิดีมิร้าย
พอเรารู้เขาแทนที่จะไปเอาเรื่องกับพวกจิ๊กกะโล่นั้น กลับมาด่าว่ากล่าว
แฟนตัวเองว่า ใจง่าย อ่อยเหยื่อให้ท่าผู้ชาย

ท่าใครอยากเป็นแบบนี้ก็พูดไปเถอะว่า.....กิเลสตัณหาคือ โทสะ โมหะ โลภะ

จริงๆแล้วจิตตัวเอง....ประภัสสร ที่เศร้าหมองก็เพราะกิเลสมันจรมา
ไอ้โทสะ โมหะ โลภะ มันก็เป็นจิตเป็นอาการของจิตตัวเอง ที่ถูกกิเลสภายนอก
ที่จรมา แล้วเล่นงานจิตตัวเอง

มันก็เหมือนคนร่างกายแข็งแรง ที่ถูกเชื้อโรคเข้ามาในร่างกายจนเจ็บป่วย
การรักษาต้องไปหาทางฆ่าเชื้อโรค ไม่ใช่มาด่าว่าร่างกายว่าไม่ดี เป็นเชื้อโรค
ติดต่อ มันคนล่ะเรื่องรู้ไว้ซะมั้ง :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ออกแนวเพ้อๆ เข้าห้องน้ำถ่ายหนักหรือยัง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 06:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
สงสารครับ ทำไมหนอเราเจอคนที่ชอบประนามหยามเหยียดตัวเอง
ปานประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเชื้อโรค เป็นกิเลสที่สังคมรังเกียจ
อยู่ดีๆก็ไปซ้ำเติมตัวเองซะงั้น ช่างไม่รู้เลยว่า...หัวจิตหัวใจตัวเอง
กำลังถูกกลุ้มรุ้มทำร้ายจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก

ดูๆแล้วมันก็เหมือนหนังดร่าม่าที่พระเอกมีแฟนแล้ว แฟนไปถูกพวกจิ๊กกะโล่ทำมิดีมิร้าย
พอเรารู้เขาแทนที่จะไปเอาเรื่องกับพวกจิ๊กกะโล่นั้น กลับมาด่าว่ากล่าว
แฟนตัวเองว่า ใจง่าย อ่อยเหยื่อให้ท่าผู้ชาย

ท่าใครอยากเป็นแบบนี้ก็พูดไปเถอะว่า.....กิเลสตัณหาคือ โทสะ โมหะ โลภะ

จริงๆแล้วจิตตัวเอง....ประภัสสร ที่เศร้าหมองก็เพราะกิเลสมันจรมา
ไอ้โทสะ โมหะ โลภะ มันก็เป็นจิตเป็นอาการของจิตตัวเอง ที่ถูกกิเลสภายนอก
ที่จรมา แล้วเล่นงานจิตตัวเอง

มันก็เหมือนคนร่างกายแข็งแรง ที่ถูกเชื้อโรคเข้ามาในร่างกายจนเจ็บป่วย
การรักษาต้องไปหาทางฆ่าเชื้อโรค ไม่ใช่มาด่าว่าร่างกายว่าไม่ดี เป็นเชื้อโรค
ติดต่อ มันคนล่ะเรื่องรู้ไว้ซะมั้ง :b13:



:b12: พ้นตัวโฮฮับมั้ยนั่น ที่โพสท์มาทั้งหมดนี้

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเราดูในวงจรปฏิจจ์สมุบาท กิเลสจะแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นอวิชา
และส่วนที่เป็น ตัณหา

ในส่วนที่เป็นอวิชานั้นก็คือ สังโยชน์สิบ กิเลสในส่วนของสังโยชน์
ทำให้บุคคลเกิดความไม่รู้ในสังขาร ไม่รู้การเป็นไตรลักษณ์ของจิต
เมื่อเกิดผัสสะหรือการรับเอาสิ่งภายนอกที่มากระทบ ทำให้จิตเป็นอวิชา
ปรุงแต่งเป็นขันธ์ห้า เมื่อขันธ์ห้าเกิดอาการของจิตขึ้นจนเป็นอกุศล
แทนที่จิตจะหยุด กลับไปปรุงแต่งต่อด้วยการไปรับอายตนะภายนอก
ในลักษณะของธัมมารมณ์เข้าในใจอีก คราวนี้ตัณหาก็จะเข้ามาพร้อมกับธัมมารมณ์
จนเกิดเป็นอุปาทานขันธ์ขึ้น บทสรุปก็จะเป็นหนึ่งในกองทุกข์

ดังนั้นจิตหรืออาการของจิต มันไม่ใช่กิเลส เพียงแต่มันถือโอกาสเข้ามาในจิต
แล้วก็บ่งการให้จิตไปรับกิเลสซ้ำเข้ามาอีก

สิ่งที่พอพิสูจน์ได้ว่า กิเลสไม่ใช่จิตหรืออาการของจิต นั้นก็คือภวังคจิต
ภวังคจิตเป็นสภาวะท่เกิดจากการปิดทวารทั้งหก หรือการไม่ทำงานของ
ทวารทั้งหก ภวังคจิตมีลักษณะเหมือนกับจิตที่เรียกว่า จิตประภัสสร
นั้นคือจิตที่ยังไม่มีกิเลสมาเกาะกุม
นี่แสดงว่า กิเลสมาจากสิ่งนอกกายใจเรา มันเข้ามาแล้วทำให้ใจเราเศร้าหมอง
มันก็เหมือนกับ คนที่ปวดหัวตัวร้อน การปวดหัวตัวร้อนเรียกว่า อาการ

สิ่งที่ทำให้เกิดอาการก็คือ เชื้อโรค ซึ่งเชื้อโรคเราย่อมรู้ดีว่า มันมาจากภายนอก
การรักษาต้องกินยา เช่นเดียวกันจะรักษาอาการของจิตที่เป็นอกุศล ก็ต้องกินยา
ยาที่ว่านี้เรียกว่า......สติ เมื่อมีสติอาการของจิตก็จะหายไป

อย่าลืมว่า สติที่เกิดภายหลังเป็นเพียงการบรรเทาอาการ
การจะรักษาที่แท้ต้องฆ่าเชื้อโรค หรือไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาในร่างกายหรือจิตใจ
นั้นคือการทำ.....สติปัฏฐาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ออกแนวเพ้อๆ เข้าห้องน้ำถ่ายหนักหรือยัง :b32:

ตลกฝืด มุกแป็ก ขำ :b9:

ที่ขำไม่ใช่มุกกรัชกายน่ะ แต่ขำมุกพี่โฮเองอ่ะ :b32:
SOAMUSA เขียน:
:b12: พ้นตัวโฮฮับมั้ยนั่น ที่โพสท์มาทั้งหมดนี้

แม่หนูเจี๊ยบ ซัวมุซ่า คนรู้จริงมันก็ต้องเคยผ่านเคยเป็นมามันถึงจะเรียกว่ารู้จริง
พี่โฮไม่เหมือนหนูนี่ วันๆอยู่แต่ในบ้าน เช้าก็แต่งตัวไปเรียนธรรมะ จดคำสอนยิกๆ
ตกเย็นปีนขึ้นธรรมาสน์ เอาสมุดโน๊ตออกมากาง บอกชาวบ้านว่า เป็นพุทธพจน์
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่อง จนชาวบ้านเขาสัปหงกกันเป็นแถว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อันที่จริงกระทู้นี้พี่โฮเค้าต้องการจะแนะนำน้องคิงคอง ว่าให้หมั่นฝึกสติปัฏฐาน แต่แกไม่ยอมบอกตรงๆเลยมาตั้งกระทู้บอกทางอ้อม :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
อันที่จริงกระทู้นี้พี่โฮเค้าต้องการจะแนะนำน้องคิงคอง ว่าให้หมั่นฝึกสติปัฏฐาน แต่แกไม่ยอมบอกตรงๆเลยมาตั้งกระทู้บอกทางอ้อม :b12:



จริงมั้ยนิครนถ์โฮ ไหนลองแนะนำวิธีฝึกสติปัฏฐานให้คุณ nong ตรงๆหน่อยดิเอ้า อยากเห็นมานานแระ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
อันที่จริงกระทู้นี้พี่โฮเค้าต้องการจะแนะนำน้องคิงคอง ว่าให้หมั่นฝึกสติปัฏฐาน แต่แกไม่ยอมบอกตรงๆเลยมาตั้งกระทู้บอกทางอ้อม :b12:



จริงมั้ยนิครนถ์โฮ ไหนลองแนะนำวิธีฝึกสติปัฏฐานให้คุณ nong ตรงๆหน่อยดิเอ้า อยากเห็นมานานแระ :b9:

นั่นสิ :b10: สอนวิธีทำสติปัฏฐานแบบง่ายๆหน่อย Kiss คือตอนนี้คุนน้องใกล้จะเป็น โสริยา ในเรื่องจำเลยรัก แล้วง่ะ cry cry มีmvให้ดูด้วย เหมือนพี่โฮกับน้องคิงคองเลย 555
http://www.youtube.com/watch?v=G6PsvKTRZrI :b12:
ปล.คุนน้องล้อเล่น อันที่จริงอยากให้พี่โฮเป็นแบบนี้น่ะ Kiss
http://www.youtube.com/watch?v=6TnhhAkCbIs พี่ชายที่แสนดี :b15: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2013, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ถ้าเราดูในวงจรปฏิจจ์สมุบาท กิเลสจะแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นอวิชา
และส่วนที่เป็น ตัณหา

ในส่วนที่เป็นอวิชานั้นก็คือ สังโยชน์สิบ กิเลสในส่วนของสังโยชน์
ทำให้บุคคลเกิดความไม่รู้ในสังขาร ไม่รู้การเป็นไตรลักษณ์ของจิต
เมื่อเกิดผัสสะหรือการรับเอาสิ่งภายนอกที่มากระทบ ทำให้จิตเป็นอวิชา
ปรุงแต่งเป็นขันธ์ห้า เมื่อขันธ์ห้าเกิดอาการของจิตขึ้นจนเป็นอกุศล
แทนที่จิตจะหยุด กลับไปปรุงแต่งต่อด้วยการไปรับอายตนะภายนอก
ในลักษณะของธัมมารมณ์เข้าในใจอีก คราวนี้ตัณหาก็จะเข้ามาพร้อมกับธัมมารมณ์
จนเกิดเป็นอุปาทานขันธ์ขึ้น บทสรุปก็จะเป็นหนึ่งในกองทุกข์

ดังนั้นจิตหรืออาการของจิต มันไม่ใช่กิเลส เพียงแต่มันถือโอกาสเข้ามาในจิต
แล้วก็บ่งการให้จิตไปรับกิเลสซ้ำเข้ามาอีก

สิ่งที่พอพิสูจน์ได้ว่า กิเลสไม่ใช่จิตหรืออาการของจิต นั้นก็คือภวังคจิต
ภวังคจิตเป็นสภาวะท่เกิดจากการปิดทวารทั้งหก หรือการไม่ทำงานของ
ทวารทั้งหก ภวังคจิตมีลักษณะเหมือนกับจิตที่เรียกว่า จิตประภัสสร
นั้นคือจิตที่ยังไม่มีกิเลสมาเกาะกุม
นี่แสดงว่า กิเลสมาจากสิ่งนอกกายใจเรา มันเข้ามาแล้วทำให้ใจเราเศร้าหมอง
มันก็เหมือนกับ คนที่ปวดหัวตัวร้อน การปวดหัวตัวร้อนเรียกว่า อาการ

สิ่งที่ทำให้เกิดอาการก็คือ เชื้อโรค ซึ่งเชื้อโรคเราย่อมรู้ดีว่า มันมาจากภายนอก
การรักษาต้องกินยา เช่นเดียวกันจะรักษาอาการของจิตที่เป็นอกุศล ก็ต้องกินยา
ยาที่ว่านี้เรียกว่า......สติ เมื่อมีสติอาการของจิตก็จะหายไป

อย่าลืมว่า สติที่เกิดภายหลังเป็นเพียงการบรรเทาอาการ
การจะรักษาที่แท้ต้องฆ่าเชื้อโรค หรือไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาในร่างกายหรือจิตใจ
นั้นคือการทำ.....สติปัฏฐาน

:b29:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 03:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
อันที่จริงกระทู้นี้พี่โฮเค้าต้องการจะแนะนำน้องคิงคอง ว่าให้หมั่นฝึกสติปัฏฐาน แต่แกไม่ยอมบอกตรงๆเลยมาตั้งกระทู้บอกทางอ้อม :b12:



จริงมั้ยนิครนถ์โฮ ไหนลองแนะนำวิธีฝึกสติปัฏฐานให้คุณ nong ตรงๆหน่อยดิเอ้า อยากเห็นมานานแระ :b9:

ไม่จริง! พูดกันตามจริงเลย คนอย่างยัยคุณน้องน่ะ
มันมีแววทางธรรมมากกว่า อิตากรัชกายเสียอีก

เพียงแต่ยัยคุณน้องยังไม่รู้จักตั้งสติ ชอบเสียสมาธิไปกับเสียงเจื่อยแจ้ว
ยัยคุณน้องกำลังมีสมาธิ พอได้ยินเสียงอิตากรัชกาย ปั่นซาเล้งมาโฆษณาขายของ สติก็แตก
สรุปก็คือ แค่อย่าไปเป็นหางเครื่องให้นายกรัชกาย เป็นตัวของตัวเองแค่นั้น
ไม่จำเป็นต้องสอน ยัยคุณน้องมันเรียนรู้เองได้

ยัยน้องคิงคองนี่มันก็อีกคน มีบารมีทางปัญญามากกว่าเขา ดันไปยอมเดินตามเขา
แบบนี้พี่ใหญ่โฮจะไม่โมโหได้ไง ไม่รู้จักแยกแยะเทพบุตรกับจอมมาร :b32:

ที่ตั้งกระทู้ไม่ใช่จะสอนเด็กแก่นเป็นม้าดีดกระโหลกอย่างยัยคุณน้อง
แต่จะสอนพวกไม้แก่ที่ชอบดันทุรัง กับเด็กที่หยิ่งผยองที่คิดว่า ชุดนักเรียนคอซองที่ตัวใส่
เป็นชุดครุยบัณฑิต
โบราณเขาว่าไม้แก่ดัดยาก แต่ไม่เป็นไร
ถ้าเราเอาค้อนทุบไปด้วยดัดไปด้วย มันก็คงพอดัดได้
ส่วนเด็กคอซอง ต้องให้ยัยน้องคิงคองจัดการ เพราะชอบตบนักเรียน
ชอบเตะนักศึกษาอยู่แล้ว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 05:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
อันที่จริงกระทู้นี้พี่โฮเค้าต้องการจะแนะนำน้องคิงคอง ว่าให้หมั่นฝึกสติปัฏฐาน แต่แกไม่ยอมบอกตรงๆเลยมาตั้งกระทู้บอกทางอ้อม :b12:



จริงมั้ยนิครนถ์โฮ ไหนลองแนะนำวิธีฝึกสติปัฏฐานให้คุณ nong ตรงๆหน่อยดิเอ้า อยากเห็นมานานแระ :b9:

ไม่จริง! พูดกันตามจริงเลย คนอย่างยัยคุณน้องน่ะ
มันมีแววทางธรรมมากกว่า อิตากรัชกายเสียอีก

เพียงแต่ยัยคุณน้องยังไม่รู้จักตั้งสติ ชอบเสียสมาธิไปกับเสียงเจื่อยแจ้ว
ยัยคุณน้องกำลังมีสมาธิ พอได้ยินเสียงอิตากรัชกาย ปั่นซาเล้งมาโฆษณาขายของ สติก็แตก
สรุปก็คือ แค่อย่าไปเป็นหางเครื่องให้นายกรัชกาย เป็นตัวของตัวเองแค่นั้น
ไม่จำเป็นต้องสอน ยัยคุณน้องมันเรียนรู้เองได้

ยัยน้องคิงคองนี่มันก็อีกคน มีบารมีทางปัญญามากกว่าเขา ดันไปยอมเดินตามเขา
แบบนี้พี่ใหญ่โฮจะไม่โมโหได้ไง ไม่รู้จักแยกแยะเทพบุตรกับจอมมาร :b32:

ที่ตั้งกระทู้ไม่ใช่จะสอนเด็กแก่นเป็นม้าดีดกระโหลกอย่างยัยคุณน้อง
แต่จะสอนพวกไม้แก่ที่ชอบดันทุรัง กับเด็กที่หยิ่งผยองที่คิดว่า ชุดนักเรียนคอซองที่ตัวใส่
เป็นชุดครุยบัณฑิต
โบราณเขาว่าไม้แก่ดัดยาก แต่ไม่เป็นไร
ถ้าเราเอาค้อนทุบไปด้วยดัดไปด้วย มันก็คงพอดัดได้
ส่วนเด็กคอซอง ต้องให้ยัยน้องคิงคองจัดการ เพราะชอบตบนักเรียน
ชอบเตะนักศึกษาอยู่แล้ว


ส่วนใหญ่ยังเพ้อเจ้ออยู่ แต่เอาเถอะปล่อยไป

เอา คำว่า สติ ดีกว่า
พูดถึงสตินะ ถามนะ สติที่โฮเด้งพูดถึง กับ สติ ที่ในสติปัฏฐาน เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร? บอกที :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

พูดกันตามจริงเลย คนอย่างยัยคุณน้องน่ะ
มันมีแววทางธรรมมากกว่า อิตากรัชกายเสียอีก

เพียงแต่ยัยคุณน้องยังไม่รู้จักตั้งสติ ชอบเสียสมาธิไปกับเสียงเจื่อยแจ้ว
ยัยคุณน้องกำลังมีสมาธิ พอได้ยินเสียงอิตากรัชกาย ปั่นซาเล้งมาโฆษณาขายของ สติก็แตก




ดูจากตรงไหนว่า คุณน้องมีแววทางธรรมมากกว่ากรัชกาย :b10: กรัชกายมีแววน้อยกว่า

แล้วสมาธิที่โฮเด้งอ้างถึง กับสัมมาสมาธิ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ยังไง บอกด้วยจะได้จำไว้ :b10: เอาชัดๆนะ นกแก้วนกขุนทองปล่อยเข้าป่าไปก่อน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ออกแนวเพ้อๆ เข้าห้องน้ำถ่ายหนักหรือยัง :b32:

ตลกฝืด มุกแป็ก ขำ :b9:

ที่ขำไม่ใช่มุกกรัชกายน่ะ แต่ขำมุกพี่โฮเองอ่ะ :b32:
SOAMUSA เขียน:
:b12: พ้นตัวโฮฮับมั้ยนั่น ที่โพสท์มาทั้งหมดนี้

แม่หนูเจี๊ยบ ซัวมุซ่า คนรู้จริงมันก็ต้องเคยผ่านเคยเป็นมามันถึงจะเรียกว่ารู้จริง
พี่โฮไม่เหมือนหนูนี่ วันๆอยู่แต่ในบ้าน เช้าก็แต่งตัวไปเรียนธรรมะ จดคำสอนยิกๆ
ตกเย็นปีนขึ้นธรรมาสน์ เอาสมุดโน๊ตออกมากาง บอกชาวบ้านว่า เป็นพุทธพจน์
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่อง จนชาวบ้านเขาสัปหงกกันเป็นแถว :b32:


เท่าที่เห็นๆ กัน โฮก็น่าจะคิดได้แค่นี้นะ :b16:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ถ้าเราดูในวงจรปฏิจจ์สมุบาท กิเลสจะแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นอวิชา
และส่วนที่เป็น ตัณหา

ในส่วนที่เป็นอวิชานั้นก็คือ สังโยชน์สิบ กิเลสในส่วนของสังโยชน์
ทำให้บุคคลเกิดความไม่รู้ในสังขาร ไม่รู้การเป็นไตรลักษณ์ของจิต
เมื่อเกิดผัสสะหรือการรับเอาสิ่งภายนอกที่มากระทบ ทำให้จิตเป็นอวิชา
ปรุงแต่งเป็นขันธ์ห้า เมื่อขันธ์ห้าเกิดอาการของจิตขึ้นจนเป็นอกุศล
แทนที่จิตจะหยุด กลับไปปรุงแต่งต่อด้วยการไปรับอายตนะภายนอก
ในลักษณะของธัมมารมณ์เข้าในใจอีก คราวนี้ตัณหาก็จะเข้ามาพร้อมกับธัมมารมณ์
จนเกิดเป็นอุปาทานขันธ์ขึ้น บทสรุปก็จะเป็นหนึ่งในกองทุกข์

ดังนั้นจิตหรืออาการของจิต มันไม่ใช่กิเลส เพียงแต่มันถือโอกาสเข้ามาในจิต
แล้วก็บ่งการให้จิตไปรับกิเลสซ้ำเข้ามาอีก

สิ่งที่พอพิสูจน์ได้ว่า กิเลสไม่ใช่จิตหรืออาการของจิต นั้นก็คือภวังคจิต
ภวังคจิตเป็นสภาวะท่เกิดจากการปิดทวารทั้งหก หรือการไม่ทำงานของ
ทวารทั้งหก ภวังคจิตมีลักษณะเหมือนกับจิตที่เรียกว่า จิตประภัสสร
นั้นคือจิตที่ยังไม่มีกิเลสมาเกาะกุม
นี่แสดงว่า กิเลสมาจากสิ่งนอกกายใจเรา มันเข้ามาแล้วทำให้ใจเราเศร้าหมอง
มันก็เหมือนกับ คนที่ปวดหัวตัวร้อน การปวดหัวตัวร้อนเรียกว่า อาการ

สิ่งที่ทำให้เกิดอาการก็คือ เชื้อโรค ซึ่งเชื้อโรคเราย่อมรู้ดีว่า มันมาจากภายนอก
การรักษาต้องกินยา เช่นเดียวกันจะรักษาอาการของจิตที่เป็นอกุศล ก็ต้องกินยา
ยาที่ว่านี้เรียกว่า......สติ เมื่อมีสติอาการของจิตก็จะหายไป

อย่าลืมว่า สติที่เกิดภายหลังเป็นเพียงการบรรเทาอาการ
การจะรักษาที่แท้ต้องฆ่าเชื้อโรค หรือไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาในร่างกายหรือจิตใจ
นั้นคือการทำ.....สติปัฏฐาน



Onion_R แน่ใจนะว่า อธิบายได้ถูกต้อง

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:

พูดกันตามจริงเลย คนอย่างยัยคุณน้องน่ะ
มันมีแววทางธรรมมากกว่า อิตากรัชกายเสียอีก

เพียงแต่ยัยคุณน้องยังไม่รู้จักตั้งสติ ชอบเสียสมาธิไปกับเสียงเจื่อยแจ้ว
ยัยคุณน้องกำลังมีสมาธิ พอได้ยินเสียงอิตากรัชกาย ปั่นซาเล้งมาโฆษณาขายของ สติก็แตก


ดูจากตรงไหนว่า คุณน้องมีแววทางธรรมมากกว่ากรัชกาย :b10: กรัชกายมีแววน้อยกว่า

ก็ดูจากความเห็นที่โพสมาน่ะซิ จะดูจากไหน
ถ้าพี่โฮเป็นซินแซหมอดูทายโหงวเฮ้งล่ะก็
ขอทายโหงวเฮ้งกรัชกายว่า ลักษณะ ปากห้อยน้ำลายยืด หูหนาตาเล่อ
จมูกบานเป็นจานเชิง ขนจมูกยาวหหยื่นออกมาจากโพร่งจมูก ฟันธงเลยว่า
ต่อให้กรัชกายใกล้วัด อย่าหวังเลยว่าจะได้ดี มรรคทายกก็เป็นไม่ได้ อย่างดีก็แค่
สัปเหร่อ คอยจิ๊กเงินปากผีไปวันๆ

ส่วนยัยน้องคิงคอง ถ้าไม่มาเสียเวลาที่ต้องมาเป็นลูกคู่หางเครื่องให้กรัชกาย
รับรองได้ ชาตินี้ได้ดวงตาเห็นธรรมแหง่ๆ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร