วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 20:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 06:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
ทิ้งขันต์3ขันต์สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณรู้อยู่กับลมหายใจตลอดซึ่งเ็ป็นกายหนึ่งเมื่อที่สุดแล้ววิญญาณแยกจากลม ลมอัสสาสะ และปัสสาสะจะดับไป เพราะวิญญาณไม่มีที่เกาะในขันต์ ความจริงคือความเป็นอนัตตาซึ่งว่าด้วยความหมายสูญญตาก็จะปรากฎ วิชชาและวิมุติญาณทัศนะก็ปรากฎ ทำให้สัตตานัง(สัตว์ผู้มีอวิชา)คลายการยึดมั่นถือมั่นได้ตามลำดับ


ประสบการณ์ท่านหรือครับ หรือว่าท่านเอามาจากอาจารย์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 09:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
amazing เขียน:
ทิ้งขันต์3ขันต์สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณรู้อยู่กับลมหายใจตลอดซึ่งเ็ป็นกายหนึ่งเมื่อที่สุดแล้ววิญญาณแยกจากลม ลมอัสสาสะ และปัสสาสะจะดับไป เพราะวิญญาณไม่มีที่เกาะในขันต์ ความจริงคือความเป็นอนัตตาซึ่งว่าด้วยความหมายสูญญตาก็จะปรากฎ วิชชาและวิมุติญาณทัศนะก็ปรากฎ ทำให้สัตตานัง(สัตว์ผู้มีอวิชา)คลายการยึดมั่นถือมั่นได้ตามลำดับ


ประสบการณ์ท่านหรือครับ หรือว่าท่านเอามาจากอาจารย์
ของงผมเองครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
student เขียน:
amazing เขียน:
ทิ้งขันต์3ขันต์สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณรู้อยู่กับลมหายใจตลอดซึ่งเ็ป็นกายหนึ่งเมื่อที่สุดแล้ววิญญาณแยกจากลม ลมอัสสาสะ และปัสสาสะจะดับไป เพราะวิญญาณไม่มีที่เกาะในขันต์ ความจริงคือความเป็นอนัตตาซึ่งว่าด้วยความหมายสูญญตาก็จะปรากฎ วิชชาและวิมุติญาณทัศนะก็ปรากฎ ทำให้สัตตานัง(สัตว์ผู้มีอวิชา)คลายการยึดมั่นถือมั่นได้ตามลำดับ


ประสบการณ์ท่านหรือครับ หรือว่าท่านเอามาจากอาจารย์
ของงผมเองครับ



:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
student เขียน:
amazing เขียน:
ทิ้งขันต์3ขันต์สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณรู้อยู่กับลมหายใจตลอดซึ่งเ็ป็นกายหนึ่งเมื่อที่สุดแล้ววิญญาณแยกจากลม ลมอัสสาสะ และปัสสาสะจะดับไป เพราะวิญญาณไม่มีที่เกาะในขันต์ ความจริงคือความเป็นอนัตตาซึ่งว่าด้วยความหมายสูญญตาก็จะปรากฎ วิชชาและวิมุติญาณทัศนะก็ปรากฎ ทำให้สัตตานัง(สัตว์ผู้มีอวิชา)คลายการยึดมั่นถือมั่นได้ตามลำดับ


ประสบการณ์ท่านหรือครับ หรือว่าท่านเอามาจากอาจารย์
ของงผมเองครับ


:b20: โอ สาธุ ขอทราบ หลักคิดหรือวิธิปฏิบัตืเพื่อเข้าถึง smiley

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
amazing เขียน:
student เขียน:
amazing เขียน:
ทิ้งขันต์3ขันต์สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณรู้อยู่กับลมหายใจตลอดซึ่งเ็ป็นกายหนึ่งเมื่อที่สุดแล้ววิญญาณแยกจากลม ลมอัสสาสะ และปัสสาสะจะดับไป เพราะวิญญาณไม่มีที่เกาะในขันต์ ความจริงคือความเป็นอนัตตาซึ่งว่าด้วยความหมายสูญญตาก็จะปรากฎ วิชชาและวิมุติญาณทัศนะก็ปรากฎ ทำให้สัตตานัง(สัตว์ผู้มีอวิชา)คลายการยึดมั่นถือมั่นได้ตามลำดับ


ประสบการณ์ท่านหรือครับ หรือว่าท่านเอามาจากอาจารย์
ของงผมเองครับ


:b20: โอ สาธุ ขอทราบ หลักคิดหรือวิธิปฏิบัตืเพื่อเข้าถึง smiley



ถ้ากล่าวตามระดับของฌาน นั้น ลมดับ เป็นแค่ฌาน 4 ครับ

(๑) เมื่อเข้าถึงปฐมฌาน อามิสส (กาม) สัญญา ย่อมดับ ;
(๒) เมื่อเข้าถึงทุติยฌาน วิตกและวิจาร ย่อมดับ ;
(๓) เมื่อเข้าถึงตติยฌาน ปีติ ย่อมดับ ;
(๔) เมื่อเข้าถึงจตุตถฌาน อัสสาสะและปัสสาสะ ย่อมดับ ;
(๕) เมื่อเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ รูปสัญญา ย่อมดับ ;
(๖) เมื่อเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ อากาสานัญจายตนสัญญาย่อมดับ ;
(๗) เมื่อเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ วิญญาณัญจายตนสัญญาย่อมดับ ;
(๘) เมื่อเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ อากิญจัญญายตนสัญญาย่อมดับ ;
(๙) เมื่อเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนา ย่อมดับ.

ฌาน1 - ความทรงจำ กำหนัด ในรูปรสกลิ่นเสียง ดับ -มีวิตกวิจารณ์อยู่กับลมสั้นยาว หนักเบา
ฌาน2 - วิตกวิจารณ์ดับ -มีความปิติสุข อยู่กับลมหายใจ (อันนี้ต้องฝึกพิจารณาหาความสุขอันไม่มีอะไรมาฟุ้งซ้าน)
ฌาน3 - ปิติดับ -มีแต่รู้สึกลมเข้าออก
ฌาน4 - รู้สึกลมดับ - มีรูปร่างแสงสว่าง
ฌาน5 - รูปร่างแสงสว่างดับ - สว่างไปทั่วไม่มีสิ้นสุด
ฌาน6 - ไม่สนใจในความสว่าง แต่รู้สึกที่ตัวเองเหาะไปทั่วแสงสว่างนั้น
ฌาน7 - ทำความรู้สึกว่า มันไม่มีอะไรเลย
ฌาน 8 - 9 ยังไม่ทราบ

ฌาน - เมื่ออยู่ในฌานแล้วขยับฌานขึ้นเรื่อยในแต่ละขั้น ตั้งแต่ ฌาน1-9 เอาไว้พิจารณาอารมณ์ความสุขอันละเอียดปราณีต ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า อารมณ์อันน้อมไปนิพพาน
ส่วนเมื่อไหร่ที่ เดียวหลุดเดียวเข้าได้ ก็ให้พิจารณาความไม่เที่ยง บังคับบัญชาไม่ได้ของจิต
ตอนที่ท่านอยู่ในฌาน ท่านไม่สามารถพิจารณาความไม่เที่ยง บังคับบัญชาไม่ได้ของจิต เพราะตอนนั้นท่านตั้่งมั่นอยู่กับสัญญาที่ท่านปรุงแต่งอยู่ แต่เมื่อท่านหลุดจากฌาน ท่านก็จะตกไปที่วิตกวิจารณ์เองอัติโนมัติ ช่วงนั้นใช้สติเห็น(จักษุฌาน)ความไม่เทียงบัญชาไม่ได้ เสีย

ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนวนี้ไม่ค่อยได้ทำมา :b9:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 22:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาสติ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
ฯลฯ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ พิจารณา เห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกเสียได้ อันนี้เรียกว่า สัมมาสติ ฯ
สัมมาสมาธิ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม
บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความ
ผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมี อุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยกาย เพราะ
ปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา
มีสติอยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส
โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้เรียกว่า สัมมา สมาธิ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรียกว่า ทุกขนิโรธคามิมีปฏิปทาอริยสัจ ฯ
ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณาเห็นธรรม
ในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ
ความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ เสื่อมในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความ
เกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียง
สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และ
ไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็น ธรรมในธรรมอยู่ ฯ


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 22:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาวกะ....เขาทำแค่พอตัวเองกิน...ซึ่งก็อิ่มได้เหมือนกัน
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 22:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


น้อมไปหา ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไม่มีที่ตั้ง ........ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2013, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
น้อมไปหา ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไม่มีที่ตั้ง ........ :b8:

ตอนแรกโพสพระสุตรก็น่าอ่านดีอยู่หรอก แต่พอเป็นบทสรุปของตัวเองนี่
พูดได้คำเดียวว่า.......ตลกดีครับ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2013, 04:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
น้อมไปหา ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไม่มีที่ตั้ง ........ :b8:




ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับ
นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ
อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอาตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2013, 04:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
น้อมไปหา ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไม่มีที่ตั้ง ........ :b8:




ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับ
นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ
อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอาตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
:b8: :b8: :b8:

เห็นพูดถึง...ฌาณอยู่แหม่บๆ แต่คำตอบซิ
ทำไมกลับกลาย ตัวหนังสือเป็นอักษรไปได้ ฝึกจิตนี่ น่าไปตั้งคณะตลกน่ะ

รู้เรื่องฌาณดี ทำไมไม่เอาสภาวะในกายใจมาตอบ
สงสัยใจเป็นเครื่องซีร็อก :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2013, 04:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
น้อมไปหา ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไม่มีที่ตั้ง ........ :b8:




ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับ
นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ
อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอาตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
:b8: :b8: :b8:

เห็นพูดถึง...ฌาณอยู่แหม่บๆ แต่คำตอบซิ
ทำไมกลับกลาย ตัวหนังสือเป็นอักษรไปได้ ฝึกจิตนี่ น่าไปตั้งคณะตลกน่ะ

รู้เรื่องฌาณดี ทำไมไม่เอาสภาวะในกายใจมาตอบ
สงสัยใจเป็นเครื่องซีร็อก :b32:



อกุศลธรรม หรือ กุศลธรรม เรียนรู้ธรรมที่เกิดขึ้นในใจนั้นเสีย หากมีปัญญาพอ จะรู้ว่าควรกระทำเช่นไร

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2013, 04:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
น้อมไปหา ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไม่มีที่ตั้ง ........ :b8:




ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับ
นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ
อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอาตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
:b8: :b8: :b8:

เห็นพูดถึง...ฌาณอยู่แหม่บๆ แต่คำตอบซิ
ทำไมกลับกลาย ตัวหนังสือเป็นอักษรไปได้ ฝึกจิตนี่ น่าไปตั้งคณะตลกน่ะ

รู้เรื่องฌาณดี ทำไมไม่เอาสภาวะในกายใจมาตอบ
สงสัยใจเป็นเครื่องซีร็อก :b32:



อกุศลธรรม หรือ กุศลธรรม เรียนรู้ธรรมที่เกิดขึ้นในใจนั้นเสีย หากมีปัญญาพอ จะรู้ว่าควรกระทำเช่นไร

:b8:

นั้นไงผมว่าแล้ว ใจคุณเป็นเครื่องซีร็อกซ์ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2013, 08:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
amazing เขียน:
student เขียน:
amazing เขียน:
ทิ้งขันต์3ขันต์สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณรู้อยู่กับลมหายใจตลอดซึ่งเ็ป็นกายหนึ่งเมื่อที่สุดแล้ววิญญาณแยกจากลม ลมอัสสาสะ และปัสสาสะจะดับไป เพราะวิญญาณไม่มีที่เกาะในขันต์ ความจริงคือความเป็นอนัตตาซึ่งว่าด้วยความหมายสูญญตาก็จะปรากฎ วิชชาและวิมุติญาณทัศนะก็ปรากฎ ทำให้สัตตานัง(สัตว์ผู้มีอวิชา)คลายการยึดมั่นถือมั่นได้ตามลำดับ


ประสบการณ์ท่านหรือครับ หรือว่าท่านเอามาจากอาจารย์
ของงผมเองครับ


:b20: โอ สาธุ ขอทราบ หลักคิดหรือวิธิปฏิบัตืเพื่อเข้าถึง smiley
หลักคิดไม่มีอะไรมาก เพียงเฝ้าดูกาย(ลมหายใจ)แค่นั้นจะเกิดอะไรขึ้นุไม่สนใจมีสติไม่หลงลมรู้ว่าหายใจเข้าหายใจออกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้มีสติอยู่กับลมหายใจ ถ้าจิตไปคิดเรื่องอื่นดึงกลับมาอยู่ที่กาย(ลมหายใจ)ให้ไวเท่าที่จะทำได้ เมื่อถึงที่สุดของความบริบูรณ์ความจริงก็จะปรากฎ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร