วันเวลาปัจจุบัน 23 มิ.ย. 2025, 20:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

สรุปความหมายของสัจจะก็คือ สภาพธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ล้วนแล้วแต่เป็น......สัจจะ

สมมติว่า
โฮฮับ ไปข่มขืนเมียเพื่อนบ้าน
ตำรวจจับโฮฮับ
โฮฮับปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน
การปฏิเสธของโฮฮับ เป็นสัจจะ ใช่หรือไม่

สมมติว่า โฮฮับ แอบชอบสาวคนหนึ่ง
ไม่ว่าสาวคนนั้นจะพูดอะไร แอ๊บแบ๊ว สร้างภาพ
โฮฮับ ก็ยังคงหลับหูหลับตา สรรเสริญ ชื่นชมต่อสิ่งที่ สาวผู้นั้นกระทำสร้างภาพแอ๊บแบ๊ว
การกล่าวสัจจะของโฮฮับ จะจริง หรือไม่จริง ต่อสิ่งใด

สมมติว่า
โฮฮับ...ได้ยินมาว่า
ชีวิตนี้กรรมกำหนดแล้ว ต้องเป็นไปตามกรรม ชีวิตจะลำบากยากเย็นสุขสบายอย่างไร ก็เพราะกรรมลิขิต
คำกล่าวนี้ โฮฮับจะลงความเห็นเลยว่าเป็น สัจจะใช่ไหม.....

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 09:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่า....จริง...มีอันเดียว...คือนิพพาน

นอกนั้น...มี...แต่ไม่ได้มีอยู่จริง....มีเกิด...ก็มีดับ...ทั้งนั้นเลย

แม้วัฏฏสงสาร...มี..ก็แต่กับสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิด...เมื่อสัตว์นั้นหมดเชื้อเกิด...วัฏฏสงสารก็ไม่มีแก่สัตว์ตนนั้นอีก

วัฏฏสงสารมี....ก็มีแบบมีเงื่อนไข

ไร้เงื่อนไขเมื่อไร....ความเกิดขึ้น...ตั้งอยู่....แล้วก็ดับไป...ก็ไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:

สรุปความหมายของสัจจะก็คือ สภาพธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ล้วนแล้วแต่เป็น......สัจจะ

สมมติว่า
โฮฮับ ไปข่มขืนเมียเพื่อนบ้าน
ตำรวจจับโฮฮับ
โฮฮับปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน
การปฏิเสธของโฮฮับ เป็นสัจจะ ใช่หรือไม่

สมมติว่า โฮฮับ แอบชอบสาวคนหนึ่ง
ไม่ว่าสาวคนนั้นจะพูดอะไร แอ๊บแบ๊ว สร้างภาพ
โฮฮับ ก็ยังคงหลับหูหลับตา สรรเสริญ ชื่นชมต่อสิ่งที่ สาวผู้นั้นกระทำสร้างภาพแอ๊บแบ๊ว
การกล่าวสัจจะของโฮฮับ จะจริง หรือไม่จริง ต่อสิ่งใด

สมมติว่า
โฮฮับ...ได้ยินมาว่า
ชีวิตนี้กรรมกำหนดแล้ว ต้องเป็นไปตามกรรม ชีวิตจะลำบากยากเย็นสุขสบายอย่างไร ก็เพราะกรรมลิขิต
คำกล่าวนี้ โฮฮับจะลงความเห็นเลยว่าเป็น สัจจะใช่ไหม.....

ที่คุณแสดงความเห็นมาแบบนี้ เป็นเพราะคุณเข้าใจคำว่าสัจจะผิดจากความหมายของธรรมครับ
เป็นเพราะคุณไปแปล สัจจะคือ ความจริงแท้

ความจริงแท้ที่คุณพูด คุณไม่เข้าใจว่า มันเป็นอะไร คุณไม่รู้ว่า จริงแท้ของอะไร
มันต้องมีเหตุปัจจัยของความจริงแท้ครับ

ด้วยเหตุที่ไม่รู้ทีมา คุณก็เลยโมเมตีความหมายมันว่า
คือการ การกระทำและคำพูด แบบนี้มันผิดตั้งแต่ต้นแล้ว

นี่ผมรู้เลย ชื่อที่คุณใช้แทนตัวเองเพื่อเขาล็อกอิน คุณก็ไม่เข้าใจที่มาของมัน
คำว่า "เช่นนั้น"หรือมันเป็น...มันเป็นเช่นนั้นเอง(ตถตา)

คำว่า ตถตานี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในสัจจะของธรรม ธรรมชาติทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง
มันไม่เกี่ยวกับความจริงหรือไม่จริง

ความจริงแท้เอามาใช้กับสัจจะไม่ได้ ความจริงแท้คือสัมมาทิฐิ
นั้นก็คือการมองสภาพธรรมไปตามความจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า
โฮฮับ ไปข่มขืนเมียเพื่อนบ้าน
ตำรวจจับโฮฮับ
โฮฮับปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน
การปฏิเสธของโฮฮับ เป็นสัจจะ ใช่หรือไม่.....

เป็นซิครับทำไมไม่เป็น การโกหกของผมเขาเรียก วจีสังขาร
มันเกิดจากการปรุงแต่งจิต

ดูสัจจะมันต้องดูที่จิต(ปรมัตถ์) ไม่ใช่มาดูว่า คำพูดนั้นโกหกหรือเปล่า
ภาษามันเป็นสมมุติบัญญัติ มันไม่สามารถดูปรมัตถ์สัจจะได้ เข้าใจมั้ย
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า โฮฮับ แอบชอบสาวคนหนึ่ง
ไม่ว่าสาวคนนั้นจะพูดอะไร แอ๊บแบ๊ว สร้างภาพ
โฮฮับ ก็ยังคงหลับหูหลับตา สรรเสริญ ชื่นชมต่อสิ่งที่ สาวผู้นั้นกระทำสร้างภาพแอ๊บแบ๊ว
การกล่าวสัจจะของโฮฮับ จะจริง หรือไม่จริง ต่อสิ่งใด

การดูสัจจะของเรื่องนี้ ต้องดูที่อารมณ์ของผม อารมณ์หรือจิตสังขารที่ทำให้ผมสรรเสริญ
สาวนั้นแหล่ะเรียกว่า สัจจะ
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า
โฮฮับ...ได้ยินมาว่า
ชีวิตนี้กรรมกำหนดแล้ว ต้องเป็นไปตามกรรม ชีวิตจะลำบากยากเย็นสุขสบายอย่างไร ก็เพราะกรรมลิขิต
คำกล่าวนี้ โฮฮับจะลงความเห็นเลยว่าเป็น สัจจะใช่ไหม.....

อันนี้ไม่ใช่เป็นสัจจะครับ เพราะสิ่งที่คุณพูด ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
สัจจะที่เกี่ยวกับกรรมในพุทธพจน์ เป็นของปฏิจจ์สมุบาท
กรรมลิขิตในความหมายของพระพุทธเจ้าคือ วัฏฏสงสาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 10:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จริง...ต้องรู้ด้วยว่า..จริง..บนพื้นฐานอะไร

คือ..ต้องอยู่กับปัจจุบันด้วย

ปัจจุบัน..มีร่างกาย....ก็อยู่กับร่างกาย..พร้อมรู้เท่าทัน

ร่างกายอยู่กับสังคมไหน...ก็อยู่กับสังคมนั้น...อยู่กับกฎของสังคมนั้นด้วย...พร้อมกับรู้เท่าทันกัยการมีชีวิตในสังคมนั้น ๆ

ยังงัยเรียกว่ารู้เท่าทัน?

อยู่กับร่างกาย....ก็รู้เท่าทันร่างกาย..ว่า..ร่างกายนี้เป็นสิ่งสร้างขึ้นมา...ไม่ช้าก็ต้องสลาย...ก่อนจะสลาย...ความเจ็บ..ความแก่...ความไม่สมปราถณา...มีได้เป็นธรรมดา

อยู่กับสังคม...ก็ให้รู้ทัน..ว่า...สังคมนี้...เป็นสิ่งสร้าง..เป็นสิ่งที่ถูกรวมขึ้นมา...สุดท้ายก็ไม่พ้นความเสื่อมสลาย...

อยู่ก็เพียงทำตามเหตุปัจจัย...เพื่อให้จิตนี้สงบ...ร่มเย็น...เพื่ออาศัยทำเหตุปัจจัยให้ถึงพร้อม...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า
โฮฮับ ไปข่มขืนเมียเพื่อนบ้าน
ตำรวจจับโฮฮับ
โฮฮับปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน
การปฏิเสธของโฮฮับ เป็นสัจจะ ใช่หรือไม่.....

เป็นซิครับทำไมไม่เป็น การโกหกของผมเขาเรียก วจีสังขาร
มันเกิดจากการปรุงแต่งจิต

ดูสัจจะมันต้องดูที่จิต(ปรมัตถ์) ไม่ใช่มาดูว่า คำพูดนั้นโกหกหรือเปล่า
ภาษามันเป็นสมมุติบัญญัติ มันไม่สามารถดูปรมัตถ์สัจจะได้ เข้าใจมั้ย
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า โฮฮับ แอบชอบสาวคนหนึ่ง
ไม่ว่าสาวคนนั้นจะพูดอะไร แอ๊บแบ๊ว สร้างภาพ
โฮฮับ ก็ยังคงหลับหูหลับตา สรรเสริญ ชื่นชมต่อสิ่งที่ สาวผู้นั้นกระทำสร้างภาพแอ๊บแบ๊ว
การกล่าวสัจจะของโฮฮับ จะจริง หรือไม่จริง ต่อสิ่งใด

การดูสัจจะของเรื่องนี้ ต้องดูที่อารมณ์ของผม อารมณ์หรือจิตสังขารที่ทำให้ผมสรรเสริญ
สาวนั้นแหล่ะเรียกว่า สัจจะ
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า
โฮฮับ...ได้ยินมาว่า
ชีวิตนี้กรรมกำหนดแล้ว ต้องเป็นไปตามกรรม ชีวิตจะลำบากยากเย็นสุขสบายอย่างไร ก็เพราะกรรมลิขิต
คำกล่าวนี้ โฮฮับจะลงความเห็นเลยว่าเป็น สัจจะใช่ไหม.....

อันนี้ไม่ใช่เป็นสัจจะครับ เพราะสิ่งที่คุณพูด ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
สัจจะที่เกี่ยวกับกรรมในพุทธพจน์ เป็นของปฏิจจ์สมุบาท
กรรมลิขิตในความหมายของพระพุทธเจ้าคือ วัฏฏสงสาร


คำสมมติ แรก เกี่ยวกับความจริง
จริง หรือเท็จ
คำสมมติ สอง เกี่ยวกับสภาพธรรม การเห็นสภาวธรรม
ว่า สภาพจริง หรือ สภาพมายา
คำสมมติ สาม เกี่ยวกับ สัจจะธรรม
ว่า เป็นสัจจะ หรือ เป็นความเปล่า

ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า
โฮฮับ ไปข่มขืนเมียเพื่อนบ้าน
ตำรวจจับโฮฮับ
โฮฮับปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน
การปฏิเสธของโฮฮับ เป็นสัจจะ ใช่หรือไม่.....

เป็นซิครับทำไมไม่เป็น การโกหกของผมเขาเรียก วจีสังขาร
มันเกิดจากการปรุงแต่งจิต

ดูสัจจะมันต้องดูที่จิต(ปรมัตถ์) ไม่ใช่มาดูว่า คำพูดนั้นโกหกหรือเปล่า
ภาษามันเป็นสมมุติบัญญัติ มันไม่สามารถดูปรมัตถ์สัจจะได้ เข้าใจมั้ย
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า โฮฮับ แอบชอบสาวคนหนึ่ง
ไม่ว่าสาวคนนั้นจะพูดอะไร แอ๊บแบ๊ว สร้างภาพ
โฮฮับ ก็ยังคงหลับหูหลับตา สรรเสริญ ชื่นชมต่อสิ่งที่ สาวผู้นั้นกระทำสร้างภาพแอ๊บแบ๊ว
การกล่าวสัจจะของโฮฮับ จะจริง หรือไม่จริง ต่อสิ่งใด

การดูสัจจะของเรื่องนี้ ต้องดูที่อารมณ์ของผม อารมณ์หรือจิตสังขารที่ทำให้ผมสรรเสริญ
สาวนั้นแหล่ะเรียกว่า สัจจะ
เช่นนั้น เขียน:
สมมติว่า
โฮฮับ...ได้ยินมาว่า
ชีวิตนี้กรรมกำหนดแล้ว ต้องเป็นไปตามกรรม ชีวิตจะลำบากยากเย็นสุขสบายอย่างไร ก็เพราะกรรมลิขิต
คำกล่าวนี้ โฮฮับจะลงความเห็นเลยว่าเป็น สัจจะใช่ไหม.....

อันนี้ไม่ใช่เป็นสัจจะครับ เพราะสิ่งที่คุณพูด ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
สัจจะที่เกี่ยวกับกรรมในพุทธพจน์ เป็นของปฏิจจ์สมุบาท
กรรมลิขิตในความหมายของพระพุทธเจ้าคือ วัฏฏสงสาร


คำสมมติ แรก เกี่ยวกับความจริง
จริง หรือเท็จ
คำสมมติ สอง เกี่ยวกับสภาพธรรม การเห็นสภาวธรรม
ว่า สภาพจริง หรือ สภาพมายา
คำสมมติ สาม เกี่ยวกับ สัจจะธรรม
ว่า เป็นสัจจะ หรือ เป็นความเปล่า

ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา

ธรรมของพระพุทธไม่มีในแง่ที่คุณพูด พระพุทธอค์ไม่ได้สอนเรื่องความจริง ความเท็จ
ธรรมที่พระพุทะองค์ทรงสอนมีแต่ในแง่ของ สังขตธรรมและอสังขตธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา

โฮฮับ เขียน:
ธรรมของพระพุทธไม่มีในแง่ที่คุณพูด พระพุทธอค์ไม่ได้สอนเรื่องความจริง ความเท็จ

มั่นใจหรือ ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่เคยแสดงในแง่มุมนี้จริง โฮฮับ ....

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา

โฮฮับ เขียน:
ธรรมของพระพุทธไม่มีในแง่ที่คุณพูด พระพุทธอค์ไม่ได้สอนเรื่องความจริง ความเท็จ

มั่นใจหรือ ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่เคยแสดงในแง่มุมนี้จริง โฮฮับ ....

จริงเท็จที่เกี่ยวกับสัจจะไม่มี เพราะสัจจะไม่หมายถึงความจริงหรือความเท็จ
สัจจะมันหมายถึง ความเป็นไปของธรรมชาติ หรือตถตาธรรม(มันเป็นเช่นนั้นเอง)

เรื่องความเท็จที่เช่นนั้นพูดมา มันเป็นเรื่องของศีลธรรมข้อห้าม
มันไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค๋ตรัสรู้ มันมีอยู่ก่อนแล้ว
ศีลที่พระพุทธองค์ทรงสอนเป็นเรื่องของสัมมาศีล ไม่ใช่ศีลข้อห้าม

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสัจจะ คือ อริยสัจจ์สี่
อริยสัจจ์สี่ไม่มีจริงไม่มีเท็จ มีแต่วิชชาและอวิชา รู้หรือไม่รู้แค่นั้น


"แน่ใจใช่มั้ยว่ามีในสิ่งที่เช่นนั้นพูด ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย อย่าตีเนียน
เอาที่เป็นพุทธพจน์ที่คุณชอบอ้างนั้นแหล่ะ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
จริงเท็จที่เกี่ยวกับสัจจะไม่มี เพราะสัจจะไม่หมายถึงความจริงหรือความเท็จ
สัจจะมันหมายถึง ความเป็นไปของธรรมชาติ หรือตถตาธรรม(มันเป็นเช่นนั้นเอง)

เรื่องความเท็จที่เช่นนั้นพูดมา มันเป็นเรื่องของศีลธรรมข้อห้าม
มันไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค๋ตรัสรู้ มันมีอยู่ก่อนแล้ว
ศีลที่พระพุทธองค์ทรงสอนเป็นเรื่องของสัมมาศีล ไม่ใช่ศีลข้อห้าม

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสัจจะ คือ อริยสัจจ์สี่
อริยสัจจ์สี่ไม่มีจริงไม่มีเท็จ มีแต่วิชชาและอวิชา รู้หรือไม่รู้แค่นั้น


"แน่ใจใช่มั้ยว่ามีในสิ่งที่เช่นนั้นพูด ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย อย่าตีเนียน
เอาที่เป็นพุทธพจน์ที่คุณชอบอ้างนั้นแหล่ะ"

ถามโฮฮับ "มั่นใจหรือ ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่เคยแสดงในแง่มุมนี้จริง โฮฮับ ...."
แต่คำอธิบาย โฮฮับ ลิ้นพันกัน
พระพุทธองค์ ไม่เคยแสดง แต่ พระพุทธองค์ทรงสอน ต่างกันตรงไหน โฮฮับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จริง...ต้องรู้ด้วยว่า..จริง..บนพื้นฐานอะไร


เห็นด้วย ที่ว่า จริง ต้องจริงบนพื้นฐานอะไร

สุเมธดาบส เมื่อพิจารณาว่าบารมีอะไรที่สนับสนุนต่อ การบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
หนึ่งในนั้น คือ สัจจะบารมี
การบำเพ็ญสัจจะบารมี ต้องบำเพ็ญด้วยการพูดแต่คำจริง มีเหตุมีมูล
และประพฤติ รักษาตามความจริง แม้ด้วยชีวิต
เช่นสมัยที่เสวยพระชาติ เป็น พระเจ้าสุตมโสมชาติหนึ่ง เป็นวิธูรบัณฑิตชาติหนึ่ง

การบำเพ็ญสัจจะบารมี นี้จึงมีอุปการะในการรู้แจ้งซึ่งสัจจะธรรม บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ

ดังนั้น ความจริง ความเท็จ ต้องรู้จักแยกแยะ ความจริงนั้นก็เป็นสัจจะ

สัจจะธรรม เมื่อพระองค์ประกาศพรหมจรรย์ หรือพระศาสนา ด้วยสัจจะธรรม
สัจจะธรรมนั้น จะถูกต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ต่างก็ค้นพบสัจจะธรรมนี้เช่นกัน

สภาพธรรม ที่ปรากฏ จะเป็นสภาพจริงแท้อย่างไร ก็ต้องผ่านการพินิจพิจารณาด้วยปัญญา โดยปราศจากอคติ หรือความวิปลาสใดๆ

หากปฏิบัติด้วยอริยมรรคมีองค์ 8
ก็จะเว้นจาก การแสดงความเท็จ แม้ด้วยทางวาจา ทางกาย มีกายสุจริต วจีสุจริต
เห็นสภาพธรรมที่ปรากฏตามเป็นจริง ด้วยสัมมาทิฏฐิ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
และบรรลุสัจจธรรม ตามที่พระองค์ประกาศ คือนิพพาน อันเป็นบรมธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 15 เม.ย. 2013, 12:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
จริงเท็จที่เกี่ยวกับสัจจะไม่มี เพราะสัจจะไม่หมายถึงความจริงหรือความเท็จ
สัจจะมันหมายถึง ความเป็นไปของธรรมชาติ หรือตถตาธรรม(มันเป็นเช่นนั้นเอง)

เรื่องความเท็จที่เช่นนั้นพูดมา มันเป็นเรื่องของศีลธรรมข้อห้าม
มันไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค๋ตรัสรู้ มันมีอยู่ก่อนแล้ว
ศีลที่พระพุทธองค์ทรงสอนเป็นเรื่องของสัมมาศีล ไม่ใช่ศีลข้อห้าม

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสัจจะ คือ อริยสัจจ์สี่
อริยสัจจ์สี่ไม่มีจริงไม่มีเท็จ มีแต่วิชชาและอวิชา รู้หรือไม่รู้แค่นั้น


"แน่ใจใช่มั้ยว่ามีในสิ่งที่เช่นนั้นพูด ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย อย่าตีเนียน
เอาที่เป็นพุทธพจน์ที่คุณชอบอ้างนั้นแหล่ะ"

ถามโฮฮับ "มั่นใจหรือ ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่เคยแสดงในแง่มุมนี้จริง โฮฮับ ...."
แต่คำอธิบาย โฮฮับ ลิ้นพันกัน
พระพุทธองค์ ไม่เคยแสดง แต่ พระพุทธองค์ทรงสอน ต่างกันตรงไหน โฮฮับ

เริ่มเละแล้วเช่นนั้น ถ้าเป็นภาษามวยเข้าเรียกโดนตอนเข้ามุม
ที่เห็นยังยืนอยู๋ได้ก็เพราะโดนอัดจนหลังพิงเชือก อีกฝ่ายไม่ยอมให้ล้ม :b9:

อย่าว่าเซ้าซี้เลย เอาพุทธพจน์มาอ้างอิงสิ่งที่ตัวเองพูดหน่อย
ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่เซ้าซี้เรื่องพุทธพจน์หรอก แต่เห็นว่าชอบอวดอ้างพุทธพจน์
นี่แหล่ะโบราณท่านว่า ปลาหมอตายเพราะปาก....หมองูตายเพราะงู :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา

โฮฮับ เขียน:
ธรรมของพระพุทธไม่มีในแง่ที่คุณพูด พระพุทธอค์ไม่ได้สอนเรื่องความจริง ความเท็จ

มั่นใจหรือ ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่เคยแสดงในแง่มุมนี้จริง โฮฮับ ....

โฮฮับ ยืนยัน ต่อคำถามมา อย่าแถ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา

โฮฮับ เขียน:
ธรรมของพระพุทธไม่มีในแง่ที่คุณพูด พระพุทธอค์ไม่ได้สอนเรื่องความจริง ความเท็จ

มั่นใจหรือ ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่เคยแสดงในแง่มุมนี้จริง โฮฮับ ....

โฮฮับ ยืนยัน ต่อคำถามมา อย่าแถ

ผมยืนยันว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดง ธรรมสัจจะ หมายถึง ความจริงความเท็จที่คุณบอก

เอาอย่างนี้ผมว่าคุณไปเอาพุทธพจน์ ประโยคที่คุณอ้างอิงมา แล้วผมจะบอกให้ว่า
มันหมายถึงอะไร จะได้ไม่เสียเวลา

"ความจริงหรือเท็จ ก็ดูที่เหตุที่มูล
สภาพหรือสภาวะธรรม ที่ปรากฏ เห็นตามจริง หรือปรุงแต่งขึ้น ก็ต้องทนต่อการพินิจพิจารณา
ด้วยความปราศจากโมหะ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ
สัจจะธรรม จะเป็นความจริงแท้ หรือ เป็นความเปล่า ก็ต้องทนต่อเพ่งพินิจ ด้วยปัญญา"

ประโยคข้างบนที่คุณอ้างเอามาทั้งหมดเลยน่ะ อย่าเอามาเป็นท่อน เข้าใจมั้ยพ่อพหูสูตรพุทธพจน์ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=10194&Z=10534

อ่านเอาเองนะโฮฮับ

แล้วไม่ต้องอธิบายอะไรออกมา นะโฮฮับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร