วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 21:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2013, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
.......ใคร่ขอเรียนเชิญท่านผู้รู้ กัลยาณมิตรทั้งหลายในลานธรรม มาช่วยกันวิตก วิจารณ์ วิจัย สู่กันฟัง...
เพื่อให้ผู้ที่กำลังเดินทางสู่พระนิพพานด้วยการเจริญสติปัฏฐาน 4 ได้ทฤษฎีหรือความรู้ที่ถูกต้อง


ผมเข้าใจว่า การเจริญสติปัฏฐาน 4อย่างเดียว คงจะ เดินทางสู่พระนิพพาน ไม่สมบูรณ์นะครับ
ผมเห็นว่าเมื่อพิจารณาเห็น กาย...เวทนา....จิต...หรือ...ธรรม แล้วควรแยกแยะ ธัมมวิจยะ ความเฟ้นธรรม
ด้วย สัมมัปปธาน ๔ คือ
(เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น) (เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว) (เพียรสรรสร้างให้กุศลเกิดขึ้น) (เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมลง)
และ อิธิบาท ๔ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เพื่อให้เกิด อินทรีย์ ๕ พละ ๕

และเดินโพชฌงค์ ไปตามทางมรรค ต่อไป

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2013, 17:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
เชิญชวนร่วมปฏิบัติธรรมชำระใจในโอกาสปีใหม่ไทยสงกรานต์ 2556
12 – 16 เมษายน 2556
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่าจัดอบรมวิปัสสนากรรมฐานรุ่นพิเศษ 3 วัน สำหรับท่านที่อยากจะใช้วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์หลบน้ำไปชำระใจด้วยการเจริญวิปัสสนาภาวนา
ตารางอบรมวิปัสสนาภาวนาหลักสูตร 3 วัน
วันที่ 12 เมษายน
13.00 – 16.30 น. รายงานตัว ลงทะเบียนเข้ารับการอบรม เข้าที่พัก
18.00 – 21.00 น. ปฐมนิเทศ ความรู้เรื่องการภาวนา ฝึกวิธีภาวนาใน 4 อิริยาบท
21.00 น. พักผ่อน
วันที่ 13 ถึงวันที่ 15 เมษายน
04.00 น ตื่นนอน ทำกิจวัตรส่วนตัว (ระฆังปลุก)
ปฏิบัติภาวนา
06.00 น. เดินจงกรมหมู่
06.30 น. ร่วมกันทำความสะอาดศาลาปฏิบัติธรรม หอฉัน บริเวณ และอาคารที่พัก
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(ระฆัง)
08.00 ฟังธรรมเทศนา (ระฆัง)
09.00 ปฏิบัติภาวนา
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ทำกิจส่วนตัวแล้วเดินจงกรมเดี่ยว
12.30 น. ฟังบรรยายสรุปธรรม (ระฆัง)
14.00 น. ปฏิบัติภาวนา
16.00 น. น้ำปานะ พักผ่อน อาบน้ำ ทำกิจส่วนตัว (สอบอารมณ์)
18.00 น. ปฏิบัติภาวนา (สอบอารมณ์ต่อ) (ระฆัง)
ฟังสรุปและคำแนะนำเพิ่มเติมประจำวัน
21.00 น. พักผ่อน
วันที่ 16 เมษายน (วันปิดอบรม)
04.00 น. ตื่นนอน ทำกิจวัตรส่วนตัว ปฏิบัติภาวนา ฟังปัจฉิมนิเทศ
06.00 น. พิธีปิดการอบรม
คุณสมบัติและข้อปฏิบัติสำหรับผู้เข้ารับการอบรม
1.อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ไม่จำกัดเพศ ชาย หญิง หรือนักบวช ไม่จำกัดศาสนา
2.ไม่อยู่ในระหว่างการเจ็บป่วย หรือเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
3.ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคี้ยวหมาก ไม่เสพย์สิ่งเสพย์ติด หรือสามารถงดบุหรี่และการเคี้ยวหมากได้ตลอด ระยะเวลาการอบรม
4.ไม่นำเครื่องประดับหรือสิ่งของมีค่ามากติดตัวมาด้วย
5.งดการฟังวิทยุหรือเครื่องเสียงต่างๆ โทรศัพท์มือถือให้ฝากไว้กับกรรมการจัดการอบรมโดยจะคืนให้หลังปิดการอบรม
6.เครื่องแต่งกายระหว่างการอบรม ให้เป็นชุดที่สุภาพ หลวมๆ นุ่งห่มสบาย สีไม่ฉูดฉาด โดยไม่จำเป็นต้องเป็นชุดขาวก็ได้
7.ยินดีและยอมรับปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของการอบรม
8.สำรวมอินทรีย์ สำรวม กาย วาจา ใจ ปิดวาจา ตลอดระยะเวลาการอบรม จะสนทนาแต่เฉพาะกับอาจารย์ผู้สอนในเรื่องข้อธรรมหรือกับ ธรรมบริกรในความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น
9.งดการจุดธูปเทียน งดการสวดมนต์ไหว้พระในช่วงเวลาระหว่างการอบรม ให้ทำปฏิบัติบูชาแทน
10.รักษาศีล 8 อาหาร จะจัดอาหารมังสะวิรัติให้วันละ 2 มื้อ เช้า กลางวัน ตอนบ่ายมีน้ำปานะ

ติดต่อขอทราบรายละเอียด..สมัครเข้ารับการอบรม..
โทร 08-9838-6213 อีเมล์ suriwong44@gmail.com.... Weera2556@hotmail.com
เชิญร่วมบริจาคเงินสนับสนุนเป็นค่าเลี้ยงอาหารและค่าจัดการอบรมได้โดยโอนเงินเข้าบัญชี “กองทุนพระธาตุห้วยบอนเก่า” บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยสาขา อ.ฝาง
จ.เชียงใหม่ ในนาม นายบุญตาน ธรรมเรือง หมายเลขบัญชี 238-2-37228-2
แล้วโทรแจ้งที่ 08-9838-6213
ขออำนาจกุศลผลบุญที่สนับสนุนการอบรมปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา จงมาดลให้ทุกๆท่านประสบแต่ความสุขความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมเทอญ
:b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2013, 21:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โมทนาสาธุ...กับทุกท่านที่ไปด้วยนะครับ..สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


โทมนัส แปลว่า ความยินร้าย

โทสะ + มนัส คือ ใจมีโทสะ

แล้วถ้า โทมนัสเวทนา คือ ใจเป็นทุกข์ ทุกข์ใจ


ใจมีโทสะ กับทุกข์ใจ ใจยินร้าย สามคำนี้เหมือนกันหรือไม่ ใช้แทนกันได้หรือไม่

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2013, 07:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
โทมนัส แปลว่า ความยินร้าย

โทสะ + มนัส คือ ใจมีโทสะ

แล้วถ้า โทมนัสเวทนา คือ ใจเป็นทุกข์ ทุกข์ใจ


ใจมีโทสะ กับทุกข์ใจ ใจยินร้าย สามคำนี้เหมือนกันหรือไม่ ใช้แทนกันได้หรือไม่

:b8:
ไม่เหมือนกันครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยเจตสิกคนละดวง.....ไม่ควรใช้แทนกัน เพราะรายละเอียดของสภาวธรรมที่ลึกซึ้งลงไปแล้ว ต่างกันครับ

โทสะ......โกรธ

ทุกข์ใจ........ทนไม่ได้ต่ออารมณ์ปัจจุบันนั้นๆ

ยินร้าย........ไม่พอใจ....เป็นความขุ่นมัว(ปฏิฆะ)ในใจ...ถัดจากนี้จะเกิด วิภวตัณหาแล้วจิตจะแล่นแร่ไปหาภวตัณหาคืออารมณ์ที่น่าชอบใจ....ถ้าตัณหาทั้ง 2 ไม่ได้รับการสนองจะเกิดเป็น...ทุกข์ใจและโทสะตามมา ครับ
สาธุ
:b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2013, 15:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20130415_081127_resize.jpg
IMG_20130415_081127_resize.jpg [ 84.59 KiB | เปิดดู 4437 ครั้ง ]
:b27:
ฝรั่งชื่อคุณ Calos เป็นคนบราซิล อยู่ในเยอรมัน เป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์โกเอ็นก้ามา 20 ปี รักเมืองไทย
ใจเป็นพุทธ.....มาสะดุดและประทับใจสำนักวิปัสสนากรรมฐานเล็กๆทางเมืองเหนือ คือพระธาตุห้วยบอนเก่า
:b27: :b20: :b48:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2013, 15:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


smiley
เชิญ ปฏิบัติธรรมเป็นพุทธบูชาและรับการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน
เนื่องในโอกาสวันวิสาขะบูชา
23 – 31 พฤษภาคม 2556
ณ ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า
บ้านห้วยบอน ม.13 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ติดต่อขอทราบรายละเอียดและสมัครเข้ารับการอบรมได้ที่ โทร 08-9838-6213
:b37:
มีรายละเอียดอี่นๆที่ลิงค์นี้ครับ

http://www.dhammathai.org/meditationgui ... php?No=347

:b38:
เหตุผลประการสำคัญอย่างหนึ่งที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันวิสาขะบูชาคือ........อุตุสัปปายะ........อันหมายถึงอุณหภูมิของอากาศ บรรยากาศ แวดล้อมที่เหมาะสม......ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น?

ที่กล่าวเช่นนั้นก็เ พราะว่า ช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนถึงปลายเดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงของเวลาต้นฤดูฝน ฝนได้ตกลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้แก่แผ่นดินบนผิวโลก เหล่าตฤนชาติ พฤกษาชาติ ต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ กำลังผลิดอกออกใบใหม่ เขียวขจี ป่ากลับมาสู่ความชุ่มชื้น ร่มเย็น อากาศสดชื่่น รื่นรมย์ ทั่วแผ่นดินและผืนป่าเต็มไปด้วยผลาหาร มังสาหารต่างๆ ให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายได้บริโภคอย่างอิ่มหนำสำราญหลังจากความอดหยากแห้งแล้งของฤดูแล้งในหน้าหนาวและหน้าร้อนผ่านพ้นไป

เป็นโอกาสอันดียิ่งสำหรับการบำเพ็ญเพียรทางจิตเพื่อบรรลุอมตะธรรม

ที่พระธาตุห้วยบอนก็เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นสำนักปฏิบัติธรรมเล็กๆ แต่บรรยากาศแวดล้อมในช่วงเดือนพฤษภาคมก็สดชื่น รื่นรมมย์ เย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนายิ่งนัก...ที่นั่นนอกจาก อุตุ จะสัปปายะแล้ว....บุคคล...ธัมมะ...
อาหาร...และสัปปาายะอื่นๆก็พร้อมมูล ผู้คนที่จะมาร่วมปฏิบัติก็ไม่มากจนเกินไป อาจารย์ผู้สอนสามารถสอบอารมณ์ ติดตามดูแลการปฏิบัติของโยคีผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง โยคีผู้ปฏิบัติธรรมมีปัญหาข้อสงสัยในการปฏิบัติภาวนา ก็สามารถถามปัญหา สนทนาธรรมและรับฟังคำตอบคำชี้แนะได้อย่างเต็มที่ .......

โอกาสที่จะได้ทำความลึกซึ้งเข้าถึงธรรม เกิดดวงตาเห็นธรรมก็มีค่อนข้างสูง....จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับทุกๆท่านที่ปารถนาความก้าวหน้าและความหลุดพ้นให้ทันในปัจจุบันชาตินี้ ที่จะไปลองสัมผัสรับการฝึกหัดอบรมวิปัสสนาภาวนา และปฏิบัติธรรมเป็นพุทธบูชาโดยอาศัยช่วงเวลาวันวิสาขะบูชาปุณมีดิถีอันวิเศษ และมีวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน บวกกับ เวลาลาพักร้อน หรือจะใช้เทคนิคสับเปลี่ยนแลกเวรกัน เพื่อทำให้สามารถเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมได้จนครบ 7 วันก็ยิ่งจะมีผลมาก มีอานิสงมาก เพื่อจะมาพัฒนาชีวิตจิตใจของตนให้เข้าถึงธรรมะที่แท้จริงตามคำสอนอันฤูกต้องของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการลงมือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาด้วยตนเองจริงๆ จังๆ ต่อเนื่องกันนนานจนพอที่จะได้สัมผัสธรรมสัมผัสความจริง พิสูจน์ธรรมที่เคยเรียนรู้มาแต่ภาคทฤษฎี
:b46:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2013, 15:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ...

ผมอยู่ไกล...คงหาแถว ๆ..ที๋สามารถไปได้ไม่เกิน 200-300 กิโลเมตร...นะครับ

สอนอะไรบ้างละครับ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2013, 17:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


การเอาออกซึ่งความยินดียินร้ายนั้นจำเป็นต้องอาศัยอุเบกขาธรรม แต่อุเบกขาธรรมนั้นจะต้องเกิดจากปัญญาที่จะต้องรู้เรื่องอริยสัจ หรือจะต้องเข้าใจถึงคำว่าอนิจัง ทุกขัง อนัตตา และทำสภาวะนั้นให้เกิดขึ้นทั้งความสุขและความทุกข์(ในการปฎิบัติกายคตาสติโดยใช้อานาปานสติเป็นหลักจะดีที่สุดเพราะพระองค์ทรงสรรเสริญไว้มากและสามารถทำวิมุติให้สมบูรณ์ได้เลย) เพราะในการใชอานาปานสตินั้นสามารถเข้าถึงความทุกข์และเมื่อเราอุเบกขากับความทุกข์ได้ความสุขที่สุดก็ปรากฎได้เมื่อเราวางอุเบกขากับทั้งสองอย่างเท่ากับเราไม่ยินดีและยินร้ายใดๆในโลกได้จริงโดยปัญญาที่เข้าใจว่าทุกอย่างมันไม่เที่ยงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นทังสุขและทุกข์ เมื่อเราวางความยินดียินร้ายได้จริงเท่ากับจิตเราหลุดพ้นได้จริงทั้งยินดียินร้าย วิมุติก็ปรากฎ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2013, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดร. วรภัทธ์...กล่าวใว้ในงานอบรมพนักงานบริษัทหนึ่ง...มีใจความที่น่าสนใจตอนหนึ่งทำนองว่า

เมื่อผัสสะ...ความคิดเกิด....กายจะแสดงอาการบางอย่างออกมา...แรกสุดสำหรับมือใหม่หัดขับ...ต้องเอาสติมาดูกายก่อน
เพราะมันง่ายต่อการสังเกต...เมื่อเห็นผิดปกติ....ก็ตบความคิดลง

สติตัวที่สอง....ก็เอามาจับอาการเวทนาของกายกับของจิต....เมื่อเห็นเวทนาเกิด...ก็ตบความคิดลง
สติตัวที่สาม....ก็เอามาจับอาการความคิดกับจิต...โดยตัดสังโยชน์ซึ่งเป็นตัวยึดความคิดกับจิตให้ไปด้วยกัน...เมื่อจิตไม่แล่นตามความคิด...จิตก็ว่าง....ให้เอาจิตที่ว่างนั้นแหละไปดูความไม่ว่าง...นี้แหละจิตในจิต

เมื่อทำอย่างนี้บ่อย ๆ เจ้าสติตัวที่สี่...จะเกิด...สติตัวนี้จะเร็ว...เมื่อธรรมใดเกิด...เขาจะเห็นมันทั้งหมด...คือเห็น..กาย..เวทนา...จิต..ใจเวลาเดียวกัน...นี้เรียกว่าเห็นธรรมในธรรม

ที่ผมปิ้ง...คือ...เอาความว่างไปเห็นความไม่ว่าง...หากมันไม่เคยว่างมาก่อนแล้ว...มันไม่มีทางรู้ได้เลยว่า..อะไรว่าง..อะไรไม่ว่าง...นี้คือข้ออันตราย...หาไม่แล้ว...มันจะกลายเอาความคิดไปดูความคิด...แล้วมันก็ว่าตัวเองว่างแล้ว...คือถูกความคิดหลอกเอาอีกทอดหนึ่ง..เพราะตัณหามันแอบแฝงมา..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2013, 12:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สาธุ...

ผมอยู่ไกล...คงหาแถว ๆ..ที๋สามารถไปได้ไม่เกิน 200-300 กิโลเมตร...นะครับ

สอนอะไรบ้างละครับ?

:b8:
สอนอริยสัจ 4 สติปัฏฐาน 4 มรรค 8 อนัตตา........ปัจจุบันอารมณ์ ครับ
tongue
ไม่มีที่ไหนไกลแล้วครับในเมืองไทย เพราะเพียงแต่นั่งหลับไปบนรถทัวร์ รุ่งเช้าก็ถึงแล้วครับ
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2013, 12:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b23:
เมื่อเราวางความยินดียินร้ายได้จริงเท่ากับจิตเราหลุดพ้นได้จริงทั้งยินดียินร้าย วิมุติก็ปรากฎ
:b16:
เจริญธรรมนะครับคุณ Amazing ประโยคนี้ซิครับสำคัญเพราะตัวการที่ทำให้เกิดยินดียินร้าย คือตัวที่หมายสีแดงไว้.....การเห็นหรือรู้ถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้น ก็เพื่อไปถอนความเห็นผิดว่าเป็นเรา..จริงๆคือ...กู...เมื่อกูหายไปยินดียินร้ายก็ดับ เพราะไม่รู้จะไปตั้งอยู่กับอะไร.....ภาคปฏิบัติสำคัญตรงนี้ครับ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2013, 13:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
อ้างคำพูด:
ที่ผมปิ้ง...คือ...เอาความว่างไปเห็นความไม่ว่าง

:b16:
คำพูดนี้น่า วิเคราะห์ และคิด พิจารณานะครับคุณกบ

เมื่อความว่างที่ว่าไปทำงานเห็นความไม่ว่าง......ความว่างที่ว่าก็เป็นความว่างปลอม เพราะจริงๆมันไปทำงานรู้ความไม่ว่าง
:b41:
อีกประการหนึ่ง....การเอาสติไปหยุดยั้งหรือเปลี่ยนแปลงการทำงานของกายและจิตนั้น....เป็นลักษณะของสมถะภาวนา คือไปพยายามควบคุมบังคับธรรมชาติ
:b45:
ถ้าเป็นทางวิปัสสนาภาวนาแล้ว....สติกับปัญญาต้องทำงานควบคู่กันไป...สติไประลึกรู้ทันปัจจุบันอารมณ์...แล้วปัญญาสัมมาทิฏฐิก็มา ดู เห็น.....ปัญญาสัมมาสังกัปปะมา สังเกต พิจารณา...แล้วเกิดสัมมาทิฏฐิ รู้โดยสมบูรณ์....ว่าธรรมนั้นเป็น บวกหรือลบ...สติอาจมากั้นลบปล่อยบวกตรงนี้ได้อีกตอนหนึ่ง....แต่ถ้ายังสังเกต พิจารณาปล่อยให้ธรรมนั้นดำเนินต่อไปกฎแห่ง..อนิจจัง...ทุกขัง....อนัตตา..จะเกิดขึ้นมาสลายธรรมนั้นให้กลายเป็นอดีต...จิตก็หมดความยึดถือต่อต้าน ดูดดึง ผลักรั้งธรรมนั้นไป กลายเป็นสูญเองโดยธรรม....ไม่มีใครไปทำอะไรต่อสิ่งใด....นี่ว่างจริงๆครับ
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2013, 14:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ใช่ครับ....ทีแรก..มันเป็นสมถะนั้นแหละ...แต่ถ้าหากเป็นนักปฏิบัติ..จะต้องรู้ว่าอะไรเป็นลำดับต่อไปครับ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2013, 14:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20130419_181203_resize_resize_resize.jpg
IMG_20130419_181203_resize_resize_resize.jpg [ 81.41 KiB | เปิดดู 4246 ครั้ง ]
onion
ปฏิบัติธรรมเป็นพุทธบูชาและอบรมวิปัสสนากรรมฐาน
เนื่องในโอกาสวันวิสาขะบูชา
23 – 31 พฤษภาคม 2556
ณ ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า
บ้านห้วยบอน ม.13 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ติดต่อขอทราบรายละเอียดและสมัครเข้ารับการอบรมได้ที่ โทร 08-9838-6213

:b8:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร