วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2013, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


บทกวีบรรยายธรรมบทเดียว
ที่ทำให้ผู้ฟังได้รับความสงบ
ประเสริฐกว่าบทกวีที่ท่องจำได้ตั้งร้อยโศลก
แต่ไม่มีประโยชน์แม้แต่บทเดียว

เมื่อบาปยังไม่ส่งผล
คนชั่วก็เห็นว่าเป็นของดี
ต่อเมื่อมันเผล็ดผลเมื่อใด
เมื่อนั้นแหละเขาจึงรู้พิษสงของบาป


อานนท์ เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม
เหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อ ที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์ เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์ เราจักชี้โทษแล่ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้


อันความตาย ทุกเหล่าสัตว์ ต้องพบ ต้องมี ต้องเป็นไปตามสัจจะความเป็นจริง มิอาจหลบ มิอาจหลีก มิอาจหนี ได้ แม้โดยประการทั้งปวง ได้ อย่างเช่นวันนี้เป็นวัน อัฏฐมีบูชา เป็นวันที่ถวายพระเพลิงพระพุทธองค์ ( เผาซากพระพุทธองค์ พูดแบบบ้านๆ ) ม้กระทั่งกาย...( กายเนื้อ) ของผู้มีบุญบารมีหาประมาณมิได้ ยังต้องดับ แล้วประสาอะไรกับ เหล่าสัตว์อื่นเล่า เพราะอะไร ก็เพราะว่า สัจจะความเป็นจริง ของสัพพสิ่ง เป็นเช่นนั้นอง แล้วต้องย้อมมองตนเองจิตตนเองด้วยว่า เรามีความตายเป็นเบื้องหน้าเป็นสุด คือ มรณานุสสติ นั้นนั่นเอง

ความรักที่แท้ …. มีจุดเริ่มต้นจากความเมตตา
…ดำเนินไปด้วยความปรารถนาดี….
และลงท้ายด้วยการไม่คาดหวังอะไรกลับมา

….ลองสำรวจใจตัวเราเองสิว่า ….
เรากำลังมีรักแท้ ….
หรือเพียงแค่ใช้มันเป็นโซ่ตรวนล่ามเขาไว้
เพื่อให้ได้มา …ซึ่งความปรารถนาของเราเอง…

จงมีสติตื่นรู้อยู่เสมอว่า ในชีวิตเรามีทั้งเรื่องที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด แล้วก็มีเรื่องที่เป็นไปอย่างไม่คาดคิด เกิดขึ้นอยู่เสมอ

ถ้าพบนักปราชญ์ ที่คอยว่ากล่าวตักเตือนชี้ข้อบกพร่อง
เสมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้ ควรคบหาบัณฑิตเช่นนั้น
เพราะเมื่อคบหาคนเช่นนั้น จะมีแต่ความเจริญไม่มีความเสื่อม



ผู้ดื่มรสพระธรรม มีใจสงบ
ย่อมอยู่เป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรม
ที่พระอริยเจ้าแสดงไว้เสมอ



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2013, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" ขั้นตอนการพิจารณาตัวเอง "

ถาม : บางครั้งรู้สึกว่าหนูไม่สามารถพิจารณาตัวเองได้ค่ะ อยากรู้ขั้นตอนว่าหนูจะพิจารณาตัวเองอย่างไร ?

ตอบ: พยายามดูให้เห็นตลอดว่า ตั้งแต่เราลืมตาตื่นจนหลับตานอนนั้น มีอะไรที่เราไม่ต้องทนบ้าง ? ทุกอย่างที่เราต้องทนล้วนแต่เป็นทุกข์ทั้งนั้น

ไม่ล้างหน้าได้ไหม ? ไม่แปรงฟันไหวไหม ? ไม่อาบน้ำได้ไหม ? ไม่กินข้าวได้ไหม ? ไม่อึไม่ฉี่ได้ไหม ? ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราต้องทนและต้องทำอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งทำงานทำการเพื่อเลี้ยงร่างกายนี้..เหนื่อยไหม ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น

ตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งหลับมีความทุกข์อย่างไรดูให้เห็นให้หมด แม้กระทั่งกินข้าวก็ดูว่าเราทุกข์ไหม ? ลองเอามือยื่นเข้ายื่นออกสักหมื่นครั้งดูสิ..เมื่อยขนาดไหน ? แล้วกินมา ๑๐ กว่าปีนี่กี่ครั้งเข้าไปแล้ว ? สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานปริญญาบัตร..ใช่ไหม ? ถ้าเราลองไปยื่นแขนขนาดนั้นบ้างมีหวัง..ยกแขนไม่ขึ้นหรอก แบบนั้นเป็นทุกข์ขนาดไหน ? เราตักข้าวเข้าปากก็เหมือนกัน ก็ต้องทำแบบนี้

มีอะไรที่ไม่ทุกข์บ้าง ?..ไม่มีหรอก..ดูให้เห็นให้ได้ตลอดเวลา พอเห็นแล้วให้ถามตัวเองว่า "ในเมื่อร่างกายมีความทุกข์ขนาดนี้ โลกที่มีความทุกข์ขนาดนี้ เรายังอยากเกิดอีกไหม ?" ถ้ายังอยากเกิดก็ไปเกิดเพื่อทุกข์เสียให้พอ ถ้าไม่อยากเกิดหรือเข็ดแล้ว ถามตัวเองดูสิว่า
คนที่เรารักมีไหม ?

ตอบว่า “มี”

แต่ถึงเวลาแล้ว ต่างคนต่างเกิด ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างทุกข์ใช่ไหม ?

ตอบว่า “ใช่”

ของที่เรารักมีไหม ?

ตอบว่า “มี” แต่ถึงเวลาต้องพลัดพรากจากกันไป ไม่พังก่อน เราก็ตายก่อน

ทรัพย์สมบัติต่างๆ มีไหม ?

ตอบว่า “มี” แต่อาศัยใช้ในโลกหน้าได้ไหม ? ...ก็ใช้ได้เฉพาะตอนเรามีชีวิตอยู่เท่านั้น

ในเมื่อทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่มีแก่นสาร เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง ตายไปในที่สุด แม้กระทั่งร่างกายของเราก็เป็นดังนี้ เอาเถอะ..ในเมื่อเราต้องทุกข์กับร่างกายนี้ ก็ขอมาเพื่อทุกข์แบบนี้ในชาตินี้ชาติเดียว เราอยากโง่เกิดมาแล้ว ขึ้นชื่อว่าการเกิดจะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว

พอพิจารณาอย่างนี้เสร็จ ให้เอากำลังการพิจารณาเกาะพระนิพพานไว้ ตั้งใจว่าเราจะอยู่ตรงหน้าพระนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ถ้าถึงเวลาที่จะทำงานทำการ ก็ลุกไปทำงานทำการได้ ไม่ว่าจะกินข้าว จะอาบน้ำ จะไปทำงานท่าไหนก็ตาม ให้แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งเกาะพระนิพพานไว้อย่างนี้เสมอๆ ทุกวัน กำลังใจที่เราเห็นทุกข์เห็นโทษในร่างกาย เห็นทุกข์เห็นโทษในโลกนี้แล้ว ไปเกาะพระนิพพานก็จะมั่นคง ยิ่งทำไปจะยิ่งอยู่นาน ยิ่งมั่นคงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพระนิพพานก็เป็นของเราเองโดยอัตโนมัติ



วันนี้อารมณ์ดีก็รู้ว่าอารมณ์ดี วันนี้อารมณ์เสีย ก็รู้ว่าอารมณ์เสีย วันนี้สงบก็รู้ว่าสงบ ขณะนี้ไม่สงบก็รู้ว่าไม่สงบ รู้ทั้งๆที่มันไม่สงบ ถ้ารู้ไม่สงบ นั่นแหละคือ ตัวสงบ คนที่สงบไม่รู้ ไม่สงบไม่รู้ นั่นเรียกว่า รู้ไม่ทัน....การไม่รู้ทันคือ การเสียท่ามัน เสียท่าใจดวงนี้เสียแล้วว่า "เผลอตัวไป" เผลอตัวไปโกรธซะแล้ว เผลอตัวไปไม่พอใจเสียแล้ว ก็ต้องรู้ให้ทัน นี่แหละการสร้างสติตัวเอง



เมื่อหลวงปู่เจี๊ยะพิจารณาธรรมกับหลวงปู่ขาว

เมื่อเราออกจากท่านพระอาจารย์มั่นแล้วก็เพียรค้นหาท่านจนเจอ แล้วก็มาได้ศึกษาคุยสนทนาธรรมกับท่านในเรื่องการปฏิบัติได้ถามเรื่องต่างๆ นานา เพราะท่านเป็นผู้เฒ่าผู้แก่มีความชำนิชำนาญ เราสมัยยังเป็นเด็กอยู่ก็ต้องศึกษากับครูบาอาจารย์ สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก แล้วก็ได้เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นการค้นคว้าจึงเป็นหลักสำคัญมาก ค้นลงไป ค้นให้มาก ค้นเข้าไปพิจารณาไปเพื่อให้เห็นความจริง
เวลาไปเจอะปู่ขาว กี่ที ๆ ท่านก็ถามว่า “เจี๊ยะเป็นไงเอ๊ย ค้นบ่ ค้นบ่?”ท่านถามเราบ่อย ๆ
“ค้นครับ” เราก็ตอบท่านอย่างนั้น
“เออ! เอาอย่างนั้นสิ” ท่านพูดให้กำลังใจ ว่าที่ทำนั้นถูกต้องไม่ผิด
ตอนหลัง ๆ เมื่อเจอะคุยกันกับท่าน ท่านก็ถามอย่างเดิม เราก็ตอบท่านอย่างเดิมว่า
“ค้นครับครูบาจารย์ ค้นครับ ค้นแยะ”
“เอ้อ!...อย่างนั้นสิ มันถึงจะดี” ท่านว่าอย่างนั้น
ออกจากท่านแล้วก็เดินทางไปพักอยู่บริเวณป่าช้าบ้านนาสีนวล จำพรรษาที่บ้านนาสีนวล วนเวียนอยู่ในรัศมีของท่าน บ้านนาสีนวล ห่างจากบ้านนามนไม่มากนัก เดินทางไปมาได้สะดวก วันอุโบสถก็เดินทางมาร่วมทำอุโบสถกับท่าน รับโอวาทเทศนาธรรมที่ท่านแสดงไม่ว่าจะไปที่ไหน ประหนึ่งว่าท่านดูเราอยู่ตลอดเวลา
การภาวนาในระยะนี้เดินทางปัญญาโดยตลอดไม่หยุดยั้ง ออกพรรษาเที่ยวแสวงหาที่วิเวกเสมอมิได้ขาด ได้โอกาสเป็นภาวนาชำระจิตอย่างเดียว ไปง่าย อยู่ง่าย กินง่าย อย่างที่ท่านพระอาจารย์มั่นสอน เราก็ไม่ได้กังวลอะไร มีธรรมตุนไว้เป็นที่เพียงพอ พอเป็นพอไป พออยู่พอตาย ไม่เสียชาติที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา การศึกษาเล่าเรียนก็ไม่มีอะไร ศึกษาที่ใจเป็นสำคัญ จดจำคำสอนบ้างไม่ถึงกับห่างตำรา ถึงเวลาจำเป็นจะได้นำมาใช้
เราออกจากท่านพระอาจารย์มั่น โอ๊ย!...เที่ยวไปอยู่ตามป่า ลำบากอยู่กับท่าน อาศัยบารมีท่านสบาย ออกจากท่านลำบากหน่อย คิดถึงท่าน บางทีน้ำตาไหล ท่านโอบอุ้มใจเราได้หมด บางทีก็ไปหาท่านอาจารย์ฝั้น ท่านอาจารย์พรหม ท่านอาจารย์ขาว ท่านอาจารย์กว่า ท่านอาจารย์กู่ ท่านอาจารย์สิงห์ ท่านอาจารย์มหาปิ่น ท่านอาจารย์กงมา ที่วัดดอยฯ เหล่านี้เรารู้จัก เราเป็นเด็ก ท่านเป็นพระผู้ใหญ่กันแล้วแต่กับอาจารย์หลุยคุ้นกับท่านเป็นพิเศษ ท่านทำเสนาสนะถวายท่านพระอาจารย์มั่น เราไปช่วยท่านบ่อย ๆ ถึงจะไปเที่ยวกรรมฐานในที่ไกล ๆ แค่ไหนก็ตาม แต่เวลาใกล้เข้าพรรษาก็วนเวียนอยู่ในรัศมีท่านพระอาจารย์มั่น ไม่ให้ห่างไกลท่านนัก
บางคราวก็ขึ้นไปภาวนาที่ดอยธรรมเจดีย์ กลับไปทางหนองน้ำเค็ม อุดรฯ ที่หนองน้ำเค็มนี้ท่านพระอาจารย์มั่นเคยส่งให้เราไปอยู่ ท่านบอก
“เจี๊ยะเว้ย...ไปอยู่หนองน้ำเค็ม”
“ผมไม่ไปหรอก ผมจะอยู่ใกล้ ๆ กับครูบาจารย์”
“เฮ้ย...บอกยาก”
“ก็ผมมาเพื่อครูบาจารย์อย่างเดียว ผมไม่ไปอยู่ที่อื่นหรอก”
แต่เมื่อออกจากท่านมาแล้วก็ไปอยู่บ้างอย่างที่ท่านสั่ง ออกพรรษาก็เดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ ป่าเขาทางภาคอีสานไปเกือบหมด บางทีก็เที่ยววิเวกไปตามเทือกเขาภูพาน หรือบางครั้งก็ข้ามไปฝั่งลาว ชั่วระยะกาลที่สะดวกตามปกตินิสัยที่เป็นคนชอบอิสระ แต่จะไปที่ใดก็ตาม มักจะวนเวียนเข้ามากราบท่านพระอาจารย์มั่น เพราะระลึกเสมอว่า ท่านเป็นเจ้าชีวิตและเป็นผู้ให้ประทีปธรรมเสมอมา... ไปหลายที่จำไม่ได้หมด ไปหาธรรม ไม่ได้ไปหาจำฮิ...




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ท่านใดมีเกศาหรือก้นหอยสำหรับติดพระพุทธรูปขนาด4ศอก (สมเด็จองค์ปฐมฯ) โทร 088-7374574
ขอเชิญร่วมสร้าง พระพุทธชยธนบุรี ที่วัดบางพาน
086-6843660
ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างศาลาเอนกประสงค์ คณะ 4 วัดอรุณ
ใครสนใจติอต่อ... 0909698525
เชิญร่วมบุญหล่อพระประธานสมเด็จองค์ปฐมศาลาปฏิบัติธรรม
0874886055
วัดป่าพุทธบาทเขาน้อยจะมีการเทพื้นฐานพระใหญ่หน้าตัก 25 เมตร
โทร 084-5231964
ขอเชิญร่วมสร้าง พระสิงห์ 1 ขนาดหน้าตัก 20.09 เมตร สูง 30.09 เมตร
ติดต่อสอบถาม
053-711 735
กฐิน สร้างอุโบสถ
ในวันอาทิตย์ ที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ( แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ )
เริ่มเวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป
ร่วมบุญกับหลวงปู่เณรคำ0854469111
เรียนเชิญร่วมบุญทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างอาคารตำหนักสมเด็จพระสังฆราช
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 694&type=1
ร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมและก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ห้องน้ำ
0870804136
บริจาคเงินสมทบซื้อหน้าต่างบานเฟี้ยม ติดตั้งถวายกุฏิสงฆ์
0841768765
งานหล่อพระพุทธเมตตามหาโพธิญาณ 9 มิย 2556
084-0935817
ขอเรียนเชิญชาวพุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้าง “พระอุปคุต”
โทร.085-145-5942
แผ่นละ 12 บาท ร่วมกระเบื้องมุงหลังคาพระอุโบสถ วัดบางน้ำผึ้งนอก
085-361-4989
เชิญสร้างพระพุทธชินราช หน้าตัก ๔๐ นิ้ว ถวายวัดพระธาตุมอนจิ่ง เชียงดาว เชียงใหม่
โทร 081 834 1338
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ทอดถวาย ณ วัดถ้ำรัตนมงคล อ.เมือง จ.สกลนคร
0880-269344
ขอเชิญร่วมบุญสร้างศาลาปฏิบัติธรรม วัดอินทร์แแปลงแสงสว่าง
089 5788249
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหลวงพ่อพระพุทธสันติสุข ปางหลวงพ่อโสธร ใหญ่ที่สุดในโลก
โทร.๐๓๕-๔๔๑๐๑๙
ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน 15 รูป
ทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ.วานรนิวาส และ ไถ่ชีวิตโค-กระบือถวายพระราชกุศล
สร้างศูนย์ฟอกไต และเครื่องฟอกไตมอบให้ ร.พ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู
ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซ.จรัญฯ 57 แยก 3 -7 (ซ.วัดรวกบางบำหรุ) ถ.จรัญฯ บางพลัด กทม
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลา 7.30 น
ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำแม่สะงา ณ.วัดนามะอื้น แม่ฮ่องสอน
โทร.081-2921929
เชิญร่วมทำบุญซื้อที่ดินเพื่อการปฏิบัติธรรม เผยแพร่งานสมาธิ ร่วมกับพระธรรมมงคลญาณ
http://www.facebook.com/VRYMeditationCenter
เชิญร่วมทำบุญซ่อมแซมปฏิสังขรณ์อุโบสถวัดทิพยรัฐนิมิตร (บ้านจิก) จ.อุดรธานี
๐๔๒-๒๔๑-๗๘๖
ขอเชิญร่วมสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ หลวงปู่มี ปมุตโต พระสายกรรมฐานของหลวงปู่มั่น
โทร 089-577-4175
ขอเรียนเชิญร่วมสร้างเจดีย์กัลฺยาณคฺตฺโต ณ วัดป่าธรรมคุณวรจิตร จังหวัดอุดรธานี
087-8703762
ขอเชิญร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดศรีเมืองทอง จังหวัดอุดรธานี
089-617-4234
ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างถนนคอนกรีต ณ.สำนักสงฆ์พุทธบารมีโลกอุดร จ.แม่ฮ่องสอน
โทร.089-9557371
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างศาลาการเปรียญวัดป่าโนนนิเวศ อุดรธานี
083-3382441
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมบูรณะซ่อมแซมหลังคาวิหาร ณ วัดไม้ยาใหม่
085-4369094
สร้างไชยมงคลเจดีย์ศรีหริภุญชัย วัดวังมุยลำพูน
๐๘๕-๐๔๑๔๔๕๖

ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพในการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถวัดโพธิญาณรังสี
๐๘๑ ๗๑๑๐๓๑๑

ซื้อที่ดินขุดสระ เพื่อใช้เป็น พัทธสีมาน้ำ
โทร 084-7020194

ขอเชิญร่วมสร้างห้องสมุดเพื่อเด็กยากจน เเละด้อยโอกาส
0871139276

หาเจ้าภาพเสาเข็ม2ต้น/เสา4ต้น/บันได ศาลาพระพุทธมารดา"สิริมหามายา"
0868032001

สร้างหลังคาพระอุโบสถมหาอุตม์ วัดม่อนป่าสัก
เชิญทุกท่านร่วมบุญปลดหนี้สงฆ์ตามกำลังศรัทธาได้ที่
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาพะเยา
ชื่อบัญชี โครงการก่อสร้างพระอุโบสถวัดม่อนป่าสัก
เลขที่บัญชี 209-2-50616-1


ขอเชิญร่วมสร้าง สมเด็จองค์ปฐม เพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
โทร 02 711 4002

ขอเชิญสร้างพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพะเยา ขนาด กว้าง 9 ยาว 29 เมตร
สร้างโดยพระสุนทรกิตติคุณ รองเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ


ขอเชิญร่วมหล่อพระพุทธรูปปางสมุทร ในวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2556
089-219-6563

ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพปูน หิน ทราย เทฐานต่อหม้อ ก่อสร้างกุฏิสงฆ์ก่อน ๑๕ มิ.ย.นี้
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างอาคารวิริยะชัย วัดธรรมมงคล พระธรรมมงคลญาณ
ติดต่อ 02 311 1387

ขอเชิญร่วมบุญติดเพชรฐานสมเด็จองค์ปฐม และวิหารแก้ว วัดป่าซางงาม จ.ลำพูน
https://www.facebook.com/groups/466590676698691/

ทำบุญอายุวัฒนมงคลครูบาเสาร์คำ
0818831147

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพโลงเย็น ถวาย วัดวงษ์สวรรค์วรวราม จังหวัดขอนแก่นถวายวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2553 ถวายพระไตรปิฎก 91 เล่ม นำถวายที่พักสงฆ์วัดป่าอัมพวโนทยาราม (ตลาดสีดา) ต.โพนทอง อ.สีดา จ.นครราชสีมา
- วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2554 ร่วมทำบุญซื้อโลงศพ(โลงเย็น) พร้อมกระเบื้องปูพื้นถวายวัดผาประทุม บ้านดงต้อง ตำบลนางัว อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
โทร 080-202-8412


ร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างลวดลายหน้าบัน-ซุ้มประตู-หน้าต่างอุโบสถ
081-9979093

ขอเชิญร่วมทำบุญปิดยอด..สร้างโคมไฟระย้าหน้าประธานศาลาอุโบสถ ( ก่อนเข้าพรรษา )
วัดศรีสว่างมงคล ต.ลิ้นฟ้า อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด

ขอเชิญร่วมทอดกฐินสามัคคี ถวายแด่พระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล วันที่ 27 ตุลาคม 2556
โทรศัพท์ 081-815-3970

ร่วมบุญถวายนำ้้ปานะพระปริวาส94รูป
ตั้งแต่วันที่28 พ.คถึง5 มิ.ย ปิดรับวันที่ 4 มิ.ยนะครับ (บุญนี้เป็นความประสงค์ของผมเองครับ)ไม่ได้เกี่ยวกับทางวัด ด้วยคิดว่ามีพระเยอะจัดเป็นสังฆทานใหญ่ จึงบอกบุญมาครับ ร่วมบุญกันเล็กๆน้อยๆที่บัญชีนาย สากล ปาสิงห์ ธ ไทยพาณิชย์ 077 2465950

ขอเรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี มหากุศล
“โพธิธรรม”
เพื่อจัดสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
ณ สำนักป่าอรัญญวาสี
080-5550820


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ทอดถวาย ณ วัดถ้ำรัตนมงคล อ.เมือง จ.สกลนคร
0880-269344

ขอเชิญสาธุชนผู้ใจบุญร่วมบุญใหญ่สร้างศาลาปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่บุญเพ็ง ขันติโก
081-873-8561

เฟสบุ๊ค กลุ่ม:พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/groups/226951157350091


ขอเชิญท่านที่สนใจ ฝึกกสิณดินน้ำลมไฟ ระดับต้นเรียนฟรี
--------------------------------------------------------------------------
ขอเชิญท่านที่สนใจ ฝึกกสิณกรรมฐาน ดิน น้ำ ลม ไฟ
ระดับต้น เรียนฟรี ครั้งที่ 4
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2555
http://www.srisuwankhomkhum.com/

ขอรับบริจาคหนังสือธรรมะให้นักเรียน
083-5793815

ขอเชิญร่วมพิมพ์หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปลจัดพิมพ์ในนามวัดฟ้าห่วน จ.ยโสธร ครั้งที่ 3
082-3790832

เชิญร่วมบริจาคพระไตรปิฎกพร้อมตู้ ให้แก่วัดพระพุทธบาทภูควาย ประเทศลาว
087-9979992

เชิญร่วมซื้อหนังสือพระไตรปิฎกครึ่งราคา มอบให้ 3,000 ห้องสมุด ทั่วประเทศ
http://excel.office.live.com/x/ExcelVie ... le=Library

งานอุปสมบทนาคหมู่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ประจำปี 2556
081-9955-748

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบท
0822383297

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาอุปสมบท พระภิกษุสามเณร รุ่นจำพรรษา /๒๕๕๖
โทร ๐๘๔-๗๐๒๐๑๙๔

ร่วมทำบุญบวชพระวัดสระพัง นครปฐม
โทร.089-9196514

โครงการอุปสมบทพระสงฆ์จำพรรษาปี ๒๕๕๖ ยุวพุทธฯ ๑๔ ก.ค.- ๒๐ ต.ค. ผู้บวชไม่มีค่าใช้จ่าย
โทรศัพท์ ๐-๒๔๕๕-๒๕๒๕

ขอเชิญผู้สนใจอบรมกรรมฐานเบื้องต้น หลักสูตร 7 วัน (ไป-กลับ) ระหว่างวันที่ 25-31 พฤษภาคม 2556 ณ วัดโสมนัสวิหาร แขวงโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.

ผู้ที่สนใจโปรดติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักชี วัดโสมนัสวิหาร โทร.02-281-7944


เชิญร่วมสร้างหลวงปู่ทวด
087-011-2340

ขอเชิญร่วมนมัสการและรับฟังพระธรรมเทศนา
085-9144488


เชิญร่วมบริจาคชุดขาวสำหรับปฏิบัติธรรม ให้กับเยาวชนในศูนย์เยาวชนบ้านธรรมะ
โทร. 085-6503407

หล่อพระปูน จังหวัด อ่างทอง
โทร 084-5231964

ขอรับบริจาคพระบรมธาตุ และพระอรหันตธาตุ ร่วมถึงอัฐิครูบาอาจารย์ เพื่อทำพิพิธภัณฑ์
0847357904

ขอเชิญร่วมบริจาคซื้อเต้นท์ โต๊ะ เก้าอี้ถวายวัด
ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ 088-1562310

ช่วยเหลือผู้พิการที่มาพึ่งวัด...รับบริจาคสามล้อโยกคนพิการ
0892137759

ขอเชิญร่วมสร้าง สมเด็จองค์ปฐม เพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
โทร 02 711 4002

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพนาคทันต์หรือค้ำยัน ต้องการเจ้าภาพ ๘ท่าน ในโครงการสร้างมนฑปพระพุทธสิริรัตนโพธิญาณเจติยาปุญญะนิมิต ประสิทธพรสำเร็จทันใจ(พระเจ้าทันใจ)ณ วัดนาบุญ ต.หัวทุ่ง อ.ลอง จ.แพร่(๐๕๔-๕๔๕-๓๑๙)

เชิญชวนญาติธรรมทุกท่าน ร่วมทำบุญต่อน้ำขึ้นวัด และไฟฟ้าเข้าวัดป่าสันติสุขญาณสัมปันโน
โทร 081-374-3553

เรื่องเล่าเช้านี้เพื่อเครื่องมือแพทย์ในภูมิภาค
ธ. กรุงเทพ สาขาอาคารมาลีนนท์
ประเภทบัญชีออมทรัพย์
เลขบัญชี 014-3-00788-8
ชื่อบัญชี " เรื่องเล่าเช้านี้เพื่อเครื่องมือแพทย์ในภูมิภาค "


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี 84,000 กอง กองละ 999 บาท
โทร.02-256-4324

ร่วมบุญสงฆ์อาพาธมูลนิธิหออภิบาลสงฆ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โทร. 043-202-606


หากท่านผู้ใจบุญท่านใดมีความประสงค์จะร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อช่วยให้น้องกันต์ได้รับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม
โทร.088-643-8391

รับบริจาคเครื่องช่วยหูฟังให้กับพระ ด่วน...
.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑

ร่วมสมทบทุนสร้างสถานปฏิบัติแสงธรรมนำทาง
089-897-9166

ร่วมน้อมถวายเครื่องกรองน้ำหลายวัดที่นครพนม
086-1050222


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2013, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" มาลดทิฐิมานะของตัวเอง...กันเถอะ!!! "

ที่ยอดบนต้นไม้ มีใบเขียวชอุ่มเหลืองอ่อน
พลิกพลิ้วไหวไปตามแรงลม ไล่ลำต้นต่ำลงมามีสะเก็ดเปลือกไม้แข็งขรุขะ

คือ ความจริงว่า ของอ่อนอยู่ข้างบน ของแข็งอยู่ข้างล่าง ดุจเดียวกัน คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว แม้อยู่ในที่ต่ำแต่ใจก็สูง คนที่มีทิฐิมานะแข็งกระด้าง แม้อยู่ในที่สูงแต่ใจก็ต่ำ การแสดงอาการอันอ่อนน้อมค้อมเคราพ ไม่มีอะไรสูญเสียหรอก นอกจากทิฐิมานะ และทิฐิมานะก็ไม่เคยให้อะไร นอกจากความด้านกระด้าง ถ้าไม่บรรเทาถอนมันจะฝังติดตัวแน่นขวางกั้นทุกอย่าง แสงสว่างทางพระนิพพาน ก็อย่าหวังเลย คนถือดีดื้อรั้นดันทุรังด้วยทิฐิ จะรองรับอะไรได้ มีแต่จะล้นทะลักออกมา



" ขึ้นอยู่ที่สูงต้องหมั่นเหลียวมองหลังไว้เสมอ การจะไปนิพพานคือเราค่อยๆ ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม ต้องเหลียวมองหลังไว้เสมอ เพราะจะได้ทบทวนตัวเอง สิ่งที่ผ่านมามันผิดถูกอย่างไร เอามาเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขปัจจุบันให้ดี แล้วในปัจจุบันนี้เรายืนอยู่จุดไหน ห่างไกลจากเป้าหมายเท่าไหร่ เราต้องรีบเร่งขวนขวายอีกเท่าไหร่ หรือสบายใจนอนทอดหุ่ยได้แล้ว หลวงพ่อท่านบอกว่า ขนาดพระอรหันต์ท่านยังไม่คิดเลยว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านตั้งหน้าตั้งตาทำไปเรื่อยด้วยความไม่ประมาท "



ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง การเกิดเป็นมนุษย์มันเต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ จงอย่าอาลัยในชีวิต มันจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ช่างมัน เอาดีเข้าไว้ ดีนั่นคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้คิดว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นเพียง ธาตุ 4 เข้ามาประชุมกัน มีธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ มันก็ปั้นเป็นก้อนขึ้นมา เขาแยกเป็นอาการ 32 ในไม่ช้าก็ตาย อย่าลืมความตายเป็นสำคัญ



คำสอนหลวงปู่ปาน
" เวลาเผาศพอย่าตั้งหน้าตั้งตาเผาเขา เวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเราเสียด้วย กิเลสส่วนใดที่มันสิงอยู่ที่เรา คิดว่าเราจะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายน่ะ เผามันเสียให้หมดไป เราคิดว่าวันนี้เราเผาเขาไม่ช้าเขาก็เผาเรา "



" วิธีจะให้ผลบุญส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้ "
ถาม : เคยอ่านที่พระอาจารย์บอกว่า การทำบุญในปัจจุบัน เราจะไม่ได้ผลในชาตินี้ นอกจากทำบุญอย่างต่อเนื่องเป็นสิบปี แล้วทำไมการทำแท้งจึงให้ผลชาตินี้ครับ ?

ตอบ : โยมทำบุญแล้วเคยนึกถึงบุญที่ทำบ้างไหม ? แต่คนทำแท้งนั้นตอกย้ำตัวเองทุกวินาทีว่าเขาทำความชั่ว ในเมื่อเขามุ่งใจจดจ่ออยู่ตลอดเวลา ตรงดิ่งอย่างเดียวเลย ผลกรรมจึงเกิดเร็ว แต่เราเองทำบุญมากี่ครั้งต่อกี่ครั้...ง น้อยครั้งที่เราจะนึกว่าทำอะไรไปบ้าง

เพราะฉะนั้น.. ถ้าโยมต้องการที่จะให้ผลบุญนั้นส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้ เราก็ต้องจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับผลบุญนั้น ก่อนจะทำก็มีความปีติยินดีว่าเราจะได้ทำ กำลังทำก็มีความปีติยินดีว่าเราได้ทำ เมื่อทำได้แล้วนึกถึงเมื่อไรก็มีความปีติยินดีว่าเราได้ทำบุญนั้นแล้ว ถ้าสามารถรักษากำลังต่อเนื่องอย่างนี้ได้ตลอดเวลาผลก็จะเกิดเร็วเหมือนกัน

เมื่อวานมีพระมาทำบุญ ท่านบอกว่า "ทำบุญอุทิศให้ลูก ผมฆ่าลูก" อาตมาถามว่าไปฆ่าอีท่าไหน ? ท่านบอกว่า “ทำแท้งครับ” นั่นขนาดผู้ชายใจยังจดจ่ออยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ลองคิดดูว่าถ้าคนที่ทำเป็นผู้หญิงเขาจะรู้สึกอย่างไร ? เลือดในอกของตัวเองโดนคว้านทิ้งไปอย่างนั้น จะเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันรักษาหาย กระทบแล้วเจ็บอยู่ตลอดเวลา

ใจที่จดจ่ออยู่ตลอดเวลา มโนมยา ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ ในเมื่อคุณไปคิดอยู่ว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ดี ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอดแล้วผลจะไปดีได้อย่างไร ถึงเวลาสิ่งนั้นก็สนองเร็วมาก เพราะว่าเราไปตอกย้ำเพิ่มโทษให้อยู่ตลอดเวลา




" ผู้ที่ขอพระนิพพานชาตินี้ ต้องเร่งเรื่องการพิจารณาให้มาก "

ถาม : (มีโยมป่วยหนักนอนที่โรงพยาบาล)

ตอบ : บอกท่านว่าตัดใจให้ได้ พูดข้างหูก็ได้ น่าจะฟังได้ยิน เพราะว่าถ้าวางร่างกายไม่ได้ก็จะไม่ตาย คนที่อธิษฐานขอพระนิพพานไว้นี่ตายยาก ต้องตัดร่างกายได้จริงๆ เพราะคำอธิษฐานค้ำไว้

บอกข้างหูก็ได้ว่าไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ตัดใจไปอยู่กับหลวงพ่อที่พระนิพพานเลย ถ้าหากว่าตัดไม่ได้ก็ยังอยู่อย่างนั้น อาตมาเจอมาห...ลายรายแล้ว ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก ถาม หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจึงบอกว่า ถ้าหากว่าไม่ทรมานมากๆ ก็ตัดใจไม่ได้ จึงต้องทรมานกันหนักหน่อย บอกเขาให้รีบตัดใจเสีย พูดกรอกหูไปเลย

ถาม : หมายถึงว่าถ้าเขาวางร่างกายไม่ได้จะไม่ตายหรือครับ ?

ตอบ : ก็เขาไปขอพระนิพพานเอาไว้ คนตัดร่างกายไม่ได้ก็ไปพระนิพพานไม่ได้ กำลังบุญที่ตัวเองสร้างไว้ค้ำอยู่อย่างนั้น ก็ทรมานไปสิ

บุคคลที่อธิษฐานขอพระนิพพาน ทำบุญอะไรก็ขอพระนิพพานในชาตินี้ แต่ขาดการพิจารณาเพื่อที่จะละวางร่างกายนี้ เมื่อขาดการพิจารณา กำลังใจยังตัดไม่ได้ เจ็บป่วยขนาดไหนก็ทรมานอยู่นั่นแหละ เพราะไปขอพระนิพพาน กำลังบุญกับแรงอธิษฐานค้ำเอาไว้ ยังไม่ถึงพระนิพพานก็ทรมานอยู่นั้นแหละ เพราะฉะนั้น..ใครรู้ตัวก็รีบพิจารณาเยอะๆ จะได้ตัดใจได้ ถ้าละร่างกายได้ก็ไปเลย ไม่ต้องทรมาน

ท่านย่า เคยบอกไว้ว่า “พวกแกขอพระนิพพานชาตินี้ ถ้าขี้เกียจพิจารณา ก่อนตายปวดสาหัสทุกคน เพราะต้องบังคับให้เห็นว่าร่างกายนี้เป็นโทษ ถ้าไม่ปวดสาหัสขนาดนั้นก็ยังคิดว่าตัวกูของกูอยู่นั่นแหละ” ฉะนั้น..พิจารณาไว้เยอะๆ จะได้ไม่โดน



ในทางพระพุทธศาสนาแล้วไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมคือสิ่งที่เราทำไว้ "

พระอาจารย์ กล่าวว่า "ในทางพระพุทธศาสนาแล้วไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมคือสิ่งที่เราทำไว้ มเหสีของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้รับการยกย่องจาก พระเจ้าอโศกมหาราช มาก สนมกำนัลนางอื่นก็อิจฉา ผู้หญิงกระทบกระทั่งกันง่ายอยู่แล้ว ในเมื่ออิจฉาก็มีการเสียดสีกระแนะกระแหนเขาไปเรื่อย

พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงรำคาญ จะพิสูจน์...บุญญานุภาพให้ดู ก็เลยสั่งโรงครัวทำขนมมา ๑,๐๐๐ ชิ้น แสดงว่าพระองค์มีมเหสีรวมนางสนมทั้งหมด ๑,๐๐๐ คนพอดี แล้วถอดพระธำมรงค์ประจำพระองค์ บอกพ่อครัวให้ใส่พระธำมรงค์ไว้ในขนมชิ้นหนึ่ง พอถึงเวลานึ่งสุกเอามาให้บรรดาสนมและมเหสีทั้งหมดไปหยิบเอา ถ้าธำมรงค์อยู่ในขนมของใคร จะตั้งคนนั้นเป็นอัครมเหสี พวกสนมแย่งกันกระจายเลย ปรากฏว่ามเหสีตัวจริงท่านนั่งเฉยๆ รอเขาหยิบจนเหลือชิ้นสุดท้ายท่านจึงหยิบมา และธำมรงค์ก็อยู่ในนั้น

โบราณเขาถึงได้บอกว่า แข่งเรือแข่งแพพอจะแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้หรอก เขาทำของเขามาเขาต้องได้ ต่อให้เราทำมา ถ้าทำช้ากว่าเขาก็ต้องรอเขาได้ก่อน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เข้าใจตรงนี้ ถึงเวลาเห็นพระเจ้าอโศกมหาราชท่านเมตตาพระมเหสีมากเป็นพิเศษ โปรดเป็นพิเศษก็คอยอิจฉาอยู่เรื่อย พิสูจน์ขนาดนั้นแล้วก็ยังมีคนไม่เชื่ออยู่ดี"



"เนื้อสัตว์ กินหรือไม่กิน ไม่เกี่ยวกับมรรคผล"

ผู้ถาม : "กระผมเป็นฆราวาส กินอาหารมื้อเดียว ทำอย่างนี้โดยตลอด
ไม่ทราบว่าจะมีอานิสงส์เป็นไปข้างหน้าอย่างไรครับ...?"

หลวงพ่อ : "อานิสงส์ปัจจุบัน คือ

๑. เปลืองอาหารน้อย เพราะกินเวลาเดียว

๒. มีเวลาทำงานมากขึ้น ข้างหน้าต่อไปอานิสงส์ใหญ่ คือ ตาย
...
กินเวลาเดียวยังวัดฐานะอะไรไม่ได้เลย อย่าไปนึกว่ามันดีเด่นกับใครเขานะ
กินเวลาเดียว กิน ๒ เวลา กิน ๓ เวลา มีความหมายเสมอกัน สำคัญว่า "ใจตัดกิเลสได้หรือเปล่า" เขาเอากันตรงนั้น

ถ้าถือแค่กินนี่มันมานะทิฏฐิ เป็นกิเลสหยาบมาก
อีกอย่างหนึ่งตายเร็วมาก อย่าไปนึกว่าดีนะ และถ้านั่งคุยว่านี่ฉันกินเวลาเดียวเสร็จเลย โอ้อวด นี่เป็น มานะกิเลส พังเลย"

ผู้ถาม : "อย่างนี้แทนที่จะไปดี ก็เลยไป...."

หลวงพ่อ : "ก็ไปดี หมายความว่าก่อนจะไปก็เปลืองน้อย
เพราะฉะนั้นอย่าถือเป็นเรื่องสำคัญนะ ไอ้กินเวลาเดียว ๒ เวลา กินเนื้อสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ นี่อย่านะ
อย่าถือเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ต้องตอบอย่างหลวงปู่แหวน
เคยมีคนมาเล่าให้ฟัง มีคนหนึ่งแกบอกหลวงปู่แหวนว่า "เวลานี้ผมถือมังสวิรัติครับ ไม่กินเนื้อสัตว์"

หลวงปู่แหวนท่านบอก "ไอ้วัวควายกินหญ้าตั้งนานไม่เห็นเป็นพระอรหันต์ซักตัว" ตอบนำสมัย ไม่ใช่ทันสมัย
ถ้าเรื่องเป็นความจริงตามนั้น แต่การกินไม่มีความหมายในการปฏิบัติ แต่ปฏิบัติจริงๆ มันอยู่กับ

๑. เข้าถึงสะเก็ดพระศาสนาแล้วหรือยัง
๒. เข้าถีงเปลือก เข้าถึงกระพี้ เข้าถึงแก่นแล้วหรือยัง เข้าถึงแก่นนี่ยังใช้ไม่ได้นะยังเป็นเหยื่อของอบายภูมิ
จะต้องเข้าถึงพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ เขาวัดกันตรงนี้ อย่าไปวัดกันแค่กิน"




พระพุทธเจ้าบอกอย่าสนใจกายภายใน ในร่างกายเราเอง อย่าสนใจในร่างกายของคนอื่น อย่าสนใจวัตถุธาตุใดๆ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีสภาพไม่เที่ยงและเป็นอนัตตาในที่สุด



เรื่อง "วาสนา" .. (กุศลวาสนา อกุศลวาสนา อัพยากตวาสนา)

อัธยาศัยของสัตว์ เป็นมาแล้วต่าง ๆ คือ ดี เลว และกลาง ๆ วาสนาก็เป็นไปตามอัธยาศัย คือ วาสนายิ่งกว่าตัว
วาสนา เสมอตัว วาสนา ที่เลวทราม

บางคนเป็นผู้มีวาสนายิ่งในทางดีมาแล้ว
แต่คบกับพาล วาสนาก็อาจเหมือนคนพาลได้ บางคนวาสนายังอ่อนแต่คบกับบัณฑิต
วาสนาก็เลื่อนขึ้นไปเป็นบัณฑิต
บางคนคบมิตรเป็นกลาง ๆ ไม่ดี ไม่ร้าย ไม่หายนะ ไม่เสื่อมทราม วาสนาพอประมาณ ...สถานกลาง

ฉะนั้น บุคคลถึงพยายามคบบัณฑิต
เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตน ให้สูงขึ้นไปโดยลำดับ

มุตโตทัย
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต




"การช่วยให้คนชั่วเป็นคนดี" นั้น
ผู้ใดทำได้จักได้กุศลสูงยิ่ง ..

"การช่วยตนเองที่ประพฤติไม่ดีให้เป็นประพฤติดี" นั้น
ก็เป็น "การช่วยคนชั่วให้เป็นคนดี" เช่นกัน
และจะเป็นกุศลที่สูงที่สุดเสียด้วยซ้ำ
...
เพราะนอกจากตนเองจะช่วยตนเองแล้ว คนอื่นยากจักช่วยได้

นี่หมายความว่า ..
อย่างน้อยตนเองต้องยอมรับฟังการแนะนำช่วยเหลือของผู้อื่น
ยอมปฏิบัติตามผู้อื่นที่ปฏิบัติ เป็นแบบอย่างที่ดีให้ปรากฏอยู่

คือทำตนเองให้เป็นผู้ประพฤติธรรมของ "สัตบุรุษ"
ละการประพฤติปฏิบัติธรรมของ "อสัตบุรุษ" ให้หมดสิ้น

การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง







" ทาน ศีล ภาวนา "

เป็นรากเหง้าของความเป็นมนุษย์และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา ที่มนุษย์ต้องคอยสั่งสมให้มาอยู่ในนิสัย

- ทาน
เป็นเครื่องแสดงน้ำใจ เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

- ศีล
เป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของผู้มีกิเลส
...
-ภาวนา
อบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลและความถูกต้อง ผู้เป็นหัวหน้างาน หรือมีภารกิจมาก ควรหันมาฝึกใจเป็นอย่างยิ่ง

เพราะการภาวนาช่วยแก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภท ที่เป็นภาระหนักหากปล่อยใจ โดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง

หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ



" ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ให้ตกไปสู่โลกชั่วทุรกันดาร "



ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เป็นคำสัจธรรมที่ควรยึดเอาไว้เตือนใจตนมากที่สุด ในบรรดาสัจธรรมต่าง ๆ เพราะมันเป็นคำธรรมดา ไม่ได้คมหรือเลิศหรูให้วี้ดว้าย แต่กลับเป็นคำที่จะทำให้เรามีความสุขได้มากที่สุดอย่างแท้จริง เป็นคำที่ย้ำเตือนให้เราไม่ยึดติดกับอะไร ๆ มากไปได้ดีที่สุด และเมื่อไม่ยึดติดมาก เมื่อวันหนึ่งที่ต้องสูญเสีย ต้องจากไป เราก็จะไม่เจ็บปวดมาก หรือแม้จะเจ็บปวด เราก็กลับมาเป็นปกติได้ไวกว่าคนอื่น



หลวงปู่ดูลย์ อตโล
"นิพพานเป็นของว่าง ไม่มีตัวมีตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง"

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
"นิพพาน คือว่างจากกิเลส จิตวิญญาณของพระอรหันต์ไม่สูญ ที่วิญญาณสูญนั่นคือวิญญาณในขันธ์ ๕ เท่านั้น "



หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด)
"วิปัสสนาคือให้พิจารณาในทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นอนัตตา อนัตตาคือการเดินทางไปสู่โลกแห่งนิพพาน โลกเรานี้เป็นโลกแห่งอัตตา"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
"พระพุทธเจ้าท่านเพียงไม่มีร่างเหลืออยู่เท่านั้น พระบารมีและคุณธรรมยังอยู่ ทรงเสด็จไปสอนด้วยพระพุทธบารมีได้"



" ทำบุญด้วยเงินน้อยๆ "

ผู้ถาม:หลวงพ่อครับ การทำบุญวิหารทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคยร่วมกุศลไปกับวิหาร ๑oo เมตรชองวัดท่าซุง ที่กระผมสงสัยก็คือว่า ทำน้อยเกินไปไม่ถึงหมื่นบาท คนอื่นเขาทำเป็นแสนๆ แสดงว่าอานิงค์ที่ผมได้ก็คงจะน้อยกว่าเขามากไหมขอรับ ผมเสียใจอยากจะทำต่อไปอีก แต่การเงินไม่สะดวกเลยขอรับ...?

หลวงพ่อ:เอางี้ก็แล้วกัน ตายไปแล้วก็มีวิมานแก้วเหมือนกัน แต่หลังเล็กหน่อย

ผู้ถาม:มีวิมานเหมือนกัน แต่ว่...าเล็กไปหน่อย...?

หลวงพ่อ:ใช่ๆ มีวิมานเหมือนกัน ถ้าตายไปเกิดเป็นคนก็จะมีปราสาทแก้ว ๗ ประการอย่างเศรษฐี หลังนั้นสร้างแบบโชติกเศรษฐีเขาสร้าง

ผู้ถาม:รูปแปลนแผนผังนี่หลวงพ่อคิดเองหรือมาไงไปไงครับ...?

หลวงพ่อ:ก็คิดเอง แต่ไม่ได้ทำเองช่างเขาทำ คือว่าพระพุทธเจ้าท่านสั่งน่ะ ส่วนสัดต่างๆนี่สั่งหมด ฉันไม่ต้องคิดอะไรเลยจะเอาแบบไหนท่านสั่งแต่เพียวผู้เดียว

ผู้ถาม:เวลาสั่งมีภาพแสดงให้เห็น

หลวงพ่อ:ใช่ มีภาพให้ดู

ผู้ถาม:มิน่าเล่า ดีไซน์แบบออกมา พุทธแบบถึงได้สวยใหญ่

หลวงพ่อ:ใช่ ที่วัดท่าซุงนี่ส่วนมากจะเป็นแบบของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ปี ๒๑ พุทธแบบ เพราะตอนนั้นฉันจะเลิกสร้าง แต่ท่านให้สร้างต่อ บอกท่านว่าการเงินไม่มี ท่านบอกไม่เป็นไรฉันจะหาให้เอง ตั้งแต่ปี๒๑ เป็นต้นมาใครทำบุญถือว่าทำบุญตรงกับพระพุทธเจ้า

ผู้ถาม:เพราะว่าเป็นงานของพระองค์ท่าน

หลวงพ่อ:ใช่ ท่านหาสตังค์ด้วย จะโกงก็ไม่ได้นะ รู้ด้วย อย่างที่นี่(บ้านสายลม) จะได้เท่าไหร่บอกมาเสร็จ





ทำบุญทำไมต้องอธิฐาน ?

"หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

"เป็นไงคะ...?"

การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่า...ยังปรารถนาอยู่

"ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี

คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน

เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้ว ต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์

พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง

พระอานนท์จึงทูลถามว่า

"พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

พระพุทธเจ้าถามว่า

"อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี

แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี

เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี

เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน

แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทสน์จึงไม่มีผล

ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า

"ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

"ใช่ค่ะ"

คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ.



จงมองคนทุกคนในโลก จักเห็นว่าไม่มีทุกข์นั้นไม่มี ทุกข์ของร่างกาย ทุกข์ของการเบียดเบียนซึ่งกันและกันทุกข์ด้วยอารมณ์จิตที่เบียดเบียนตนเอง การมีชีวิตทรงอยู่ในโลก จึงเต็มไปด้วยความทุกข์



การบูชาพระ

ผู้ถาม หลวงพ่อคะ แล้วพระที่บูชาไว้ที่บ้านแต่มีครอบแก้วครอบไว้จะเป็นอะไรไหมคะ

หลวงพ่อ น่ากลัวจะตายไปแล้ว คุณกลับไปดูนะว่ามีลมหายใจหรือเปล่า...ถ้าไม่มีลมหายใจแสดงว่าตายแล้ว

ผู้ถาม (หัวเราะ)

หลวงพ่อ ไม่เป็นไรคุณ พระพุทธรูปหรือรูปพระสงฆ์เหมือนกัน ครอบไว้ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องเจาะช่องสำหรับให้ท่านออกมานะ มีหลายคนไปถาม เขาเอาพระหุ้มพลาสติกห้อยคอบอก "ต้องเจาะรูนะ ไม่งั้นพระออกไม่ได้" แหม...ซว...ยเลย ฉันก็แปลกใจเหมือนกันทำไมพยากรณ์กันแบบนั้น
คือว่าอำนาจบารมีพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดช่องให้เขา บารมี แปลว่า กำลังใจ กำลังใจนี่ไม่มีอะไรกั้นได้ คุณนั่งอยู่ตรงนี้ส่งกำลังใจไปที่บ้าน เขาใส่กุญแจไว้ที่บ้านเราก็เข้าห้องได้ใช่ไหม...อะไรอยู่ที่ไหนรู้หมดเพราะใจเข้าได้แบบ พระนาคเสน ถูก พระยามิลินทร์ ถามว่า"เด็กเวลาเข้าครรภ์มารดาเข้าทางไหน"นี่ปัญหาโลกแตก ถ้าเป็นอย่างเราๆ นี่ปากแตกโลกไม่แตกหรอก แล้วเขาถามอย่างคนมีความรู้ ไม่ใช่เลอะเทอะนะ พระนาคเสน ท่านก็ย้อนถาม เพราะปัญหานี้ยาก การตอบและการถามมันมี ๓ แบบ คือ
๑. ถามแล้วตอบตรง
๒. ถามแล้วตอบเลี่ยงนิดหนึ่ง...ซัก
๓. ถ้ายากเกินไปต้องย้อน เรียกว่า อนุโยค
ปัญหาของพระยามิลินทร์ทั้งหมด เป็นปัญหายากหมด พระนาคเสนก็ย้อนถามว่า
"เวลานี้พระองค์มีหีบหรือเซฟที่เก็บของมีค่าไหม..." พระยามิลินทร์ก็บอกว่า "มี" พระนาคเสนก็ถามต่ออีกว่า "เพชร นิล จินดา ของมีค่ามีหรือเปล่า" ท่านก็บอกว่ามี
"เวลานี้พระองค์บอกได้ไหมว่า เพชรชิ้นนั้นวางอยู่ตรงไหน สร้อยวางอยู่ตรงไหน..." ท่านก็บอกได้ พระนาคเสนก็ถามอีกว่า "ที่ท่านบอกน่ะ ของมันอยู่ในหีบใช่ไหม..." ท่านก็บอกว่า "ใช่"
ท่านถามว่า "เวลาที่จิตเข้าไปในหีบ เข้าทางไหน..." คราวนี้พระยามิลินทร์ยอม เพราะจิตเป็นนามธรรมใช่ไหม...ไม่มีสิ่งปิดบังสำหรับนามธรรม จิตนึกเข้าไปไม่ต้องหาทางเข้า พระก็เหมือนกัน ด้วยอำนาจบารมีของพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นจะต้องเปิดช่องให้เข้าหรือให้ออกนะ...


ความคิดเอาเอง” กับ “ความเห็นจริง”
เพราะมี สติพิจารณาด้วยปัญญา ไม่เหมือนกัน

“ความคิดเอาเอง” แม้บางทีอาจจะถูกต้องได้ แต่ “เป็นการบังเอิญ"
แต่ “ความเห็นจริงเพราะมีสติพิจารณาด้วยปัญญา” จะถูกต้องเสมอ “ไม่เป็นการบังเอิญ”

พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ใช้สติ ใช้ปัญญา
พิจารณาให้เห็นความจริงทุกอย่าง “ไม่ได้สอนให้คิดเอาเอง”
... พุทธศาสนิกผู้เคารพในพระพุทธองค์ จึงควรต้องเคารพปฏิบัติตามที่ทรงสอนนี้ด้วย

: สิ่งที่มีค่ากว่าเงินทอง
: พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก



อะไรจะหนักยิ่งกว่ากรรม
ผลกรรมของสัตว์ในโลกนี้ ต้นไม้ ภูเขา ดินฟ้าอากาศ ว่าหนักก็หนักเฉย ๆ แต่เราไม่ได้แบกได้หาม แต่กรรมดีกรรมชั่วของสัตว์โลกที่ทำลงไปนี้ เราเป็นผู้อยู่ใต้บังคับ

การทำดีก็ความดีนั่นแหละจะหมุนเราไป
ตั้งแต่พื้น ๆ จนกระทั่งถึงสวรรค์นิพพาน
ถ้าทำความชั่วแล้วก็จมลงไปเรื่อย ๆ
นี่ละอำนาจของกรรม น้ำหนักของกรรม
ไม่มีอะไรหนักมากยิงกว่าอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่ว ของสัตว์แต่ละราย ๆ ที่สร้างขึ้นมา

#พระเดชพระคุณหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน



คนเราหรือร่างกายจักทำเลวหรือดีได้ ก็อยู่ที่จิตเป็นผู้บงการ เพราะฉะนั้น จงดูอารมณ์จิตของตนเองเอาไว้ให้ดี อย่าให้กรรมอกุศลเข้ามาครอบงำจิต

อย่ามองหาความดี จงมองหาแต่ความเลว ไม่จำเป็นต้องหาความดี เพราะถ้าหากมองจนจิตหาความเลวไม่ได้แล้ว จิตก็จักมีความดีขึ้นมาเอง ดีในที่นี้หมายถึง จิตหมดกิเลส หลุดจากโมหะ-โทสะ-ราคะเข้าครอบงำจิต มิใช่ดีอย่างจิตชาวโลกียวิสัย ซึ่งอิงอยู่ในกามคุณ ๕ ได้รูปสวย-เสียงเพราะ-รสดี เป็นต้น อย่างนี้ดีในกามราคะก็ใช้ไม่ได้



เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง...เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน...ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน...
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา...






เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ขอแจ้งข่าวงานบุญ !!! วันที่พุธที่ ๕ มิถุนายน เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.- ๒๑.๐๐ น. ท่านเจ้าคุณพระภวานากิจวิมล (เจ้าอาวาสวัดท่าซุง) จะแสดงธรรมและรับถวายสังฆทาน ที่วัดเทพบุตร อ.บางละมุง จ. ชลบุรี สนใจสอบถามได้ที่ .....๐๘๕-๓๙๗๗๙๘๘

และในวันที่ ๖ มิถุ...นายน เวลา ๙.๑๙ น. ขอเชิญทุกท่านร่วมงานพิธีวางศิลาฤกษ์ ยกเสาเอกพระอุโบสถ งานพุทธาภิเษก และทอดผ้าป่าสามัคคี ณ ที่พักสงฆ์เทวานิมิต (วัดถาวรพัฒนาราม) สำหรับพระมหาเถระที่เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ มีหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เป็นองค์ประธาน หลวงพ่อมนัส หลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์ หลวงพ่อมหาสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่ หลวงตาวัชรชัย วัดเขาวง พระครูปิยกาญจนธรรม วัดหนองหญ้าปล้อง ขอเรียนเชิญลูกศิษย์หลวงพ่อ บริเวณใกล้เคียงร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" ท่านพระยายมราชได้มาบอกอาตมาเรื่องการอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย "
( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )

ท่านพระยายมราชได้มาบอกอาตมาเรื่องการอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย เมื่อวันปวารณาออกพรรษาปีพ.ศ. ๒๕๓๑ ว่า
“ที่สำนักท่านพระยายมราชจะหยุดทำงานเรียกว่า “หยุดนรกการ ๓ วัน...” คือ วันออกพรรษา วันปวารณา และวันรุ่งขึ้น รวมเป็น ๓ วัน วันมหาปวารณาเป็นวันสำคัญท่านไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวน ตามปกติเขามีอิสระอยู่แล้วจะไปไหนก็ได้ แต่ถึงเวลาสอบสวนก็จะมาเองเพราะกฏของกรรมบังคับ คนที่มาคอยอยู่ที่นี่จะมีโอกาสพ้นนรกหรือไม่ก็ยังไม่แน่ ถ้าบรรดาญาติฉลาด หมายถึงทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้ตรงเฉพาะคนเดียว โดยเอ่ยชื่อ นามสกุล อย่าให้คนอื่น เพราะเวลานั้นยังเป็นเวลาปลอดอยู่ มีสภาพคล้ายสัมภเวสี”

อาตมาจึงถามว่า “ทำบุญอะไร พวกนี้จึงจะไปสวรรค์ชั้นสูงและมีความสุขมาก”
ท่านตอบว่า “แดนใดที่ไม่มีบุญทำแล้วก็ไม่ได้รับเหมือนกัน หมายความว่าพระสงฆ์ที่เราไปทำบุญนั้น เป็นพระแค่ศีรษะกับห่มผ้าเหลือง ไม่ปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญาให้ครบถ้วนเรียกว่า “สมมติสงฆ์”
อย่างนี้ทำไปเท่าไรก็ไม่มีผล อุทิศส่วนกุศลให้คนตายเขาก็ไม่ได้รับ ถ้าทำบุญในเขตที่มีบุญน้อย ผู้รับก็มีอานิสงส์น้อยมีความสุขน้อย ทำบุญในเขตที่มีอานิสงส์ใหญ่ ผู้รับก็มีอานิสงส์มากได้รับผลบุญมากก็มีความสุขมาก และการสร้างบุญเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ขึ้นอยู่กับสร้างดีก็ได้บุญ ถ้าสร้างไม่ดีก็ได้บาป หมายถึงก่อนจะทำบุญก็กินเหล้าก่อน พอพระกลับก็กินเหล้ากันอีก แต่ถ้าหากตั้งใจทำบุญโดยมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีบาปมีแต่บุญ อย่างนี้ผู้สร้างบุญก็ได้บุญเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ คือบุญนี่จะต้องได้แก่ผู้สร้างบุญก่อน แล้วผู้สร้างจึงจะอุทิศส่วนกุศลให้คนอื่นได้”
ท่านจึงบอกว่า “สังฆทาน ดีที่สุด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ท่านจะช่วยได้จริงๆ ต้องเฉพาะคนที่ไปคอยการสอบสวนที่สำนักท่านเท่านั้น อย่างสัมภเวสี เปรต อสุรกาย ไม่ผ่านท่าน ท่านช่วยไม่ได้ และคนที่ตายแล้วลงนรกทันที ท่านก็ช่วยไม่ได้เพราะไม่ได้ผ่านสำนักท่าน
อาตมาจึงถามท่านว่า “ทำอย่างไรความแน่นอนจึงจะปรากฏ ท่านจึงจะช่วยได้”
ท่านก็เลยบอกว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ลูกหลานอาตมาคือลูกหลานของผม”
ให้บอกลูกหลานว่า “เวลาทำบุญเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย”
ถ้ายังไม่มั่นใจให้บอกท่านว่า
“ถ้าบุคคลนั้นยังไม่มีโอกาสโมทนาเพียงใด ขอท่านพระยายมราชเป็นพยานด้วย หากว่าพบเธอผู้นั้นเมื่อใด ขอให้บอกเธอโมทนาเมื่อนั้น“
เพราะ ไม่แน่นัก เนื่องจากขณะที่มีชีวิตอยู่คนเราทำทั้งบุญทั้งบาป เวลาตายไปแล้ว ถ้าไปอยู่ที่สำนักท่านพระยายามราช บางทีกรรมบางอย่างมันปิดปาก เวลาถามถึงเรื่องบุญทำให้นึกไม่ออกตอบไม่ได้ หากว่าท่านถามถึง ๓ ครั้งยังนึกไม่ออกอีก ก็ต้องปล่อยให้ลงนรกไป แต่ถ้าเวลาอุทิศส่วนกุศลขอให้ท่านเป็นพยาน เพียงแค่นี้
พอโผล่หน้าเข้าไปท่านก็จะประกาศว่า
ที่เคยขอให้ท่านเป็นสักขีพยาน และท่านก็จะประกาศกุศลนั้นบอกให้โมทนา ก็จะไปสวรรค์เลยโดยไม่ต้องมีการสอบสวน..”

อุเบกขา การวางเฉยอย่างถูกวิธี

ปุจฉา :-ถูกนินทาว่าร้าย ถูกเยาะเย้ยถากถาง ต่างๆ นาๆ ฯลฯ เราจะว่างเฉยอย่างไร?จึงจะเรียกว่า การวางเฉยอย่างถูกวิธี

วิสัชนา:-ก็อย่าเอาหู ไปรับรู้ หรือ รู้ก็ให้พิจารณาให้เห็นจริงว่า ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ไม่มีใครไม่เคยถูกเยาะเย้ย แม้พระศาสดา ประเสริฐไม่มีใครเทียม ยังถูกนินทาตำหนิ

ถามตัวเองว่า ต้องการอะไร ต้องการให้เขาชมอย่างเดียวหรือ แล้วตัวเราชมคนอย่างเดียวหรือเปล่า

เรา...ไม่เคยคิดร้าย คิดไม่ดีกับใครเลยหรือ ก็เปล่า แม้แต่พวกเดียวกันเอง คนไม่สงบก็นินทากันเอง

ธรรมชาติของคนไม่สงบ มันก็ปรุงไปต่างๆนาๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา แล้วเราจะไปใส่ใจทำไม

พิจารณาให้ใจเห็น เป็นเรื่องปกติ เหมือนเห็นว่า คนทั่วไปเขากินข้าว เราจะไปเอะใจอะไรกับคนกินข้าว

คนนินทา มันก็เหมือนคนกินข้าวนั่นแหละ มันทำกันทุกวัน ทั้งโลก

ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง เราควรเรียนรู้ที่จะยอมรับในความไม่ยั่งยืนอย่างผู้เข้าใจ
เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความไม่แน่นอน
ซึ่งจะทำให้เราได้เข้าถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง
ด้วยหัวใจที่พร้อมจะยอมรับ แม้ว่าสิ่งที่เคยชอบใจนั้น
จะกลายเป็นแค่เพียงผุยผงแห่งอดีตก็ตาม
"ทุกสิ่งทั้งหลายในโลก ไม่มีอะไรถาวร จะต้องเสื่อมโดยธรรมชาติ ธรรมดาทุกอย่าง ฉะนั้นจึงไม่ควรไปสนใจกับสิ่งที่ไม่ถาวรเหล่านี้ คนจะสวยจะงามก็ต้องแก่และตาย กุหลาบสวยก็ต้องโรย ดอกบัวงามก็ต้องร่วง มะม่วงสุกและหอมก็ต้องมีแมลงกิน สิ่งที่ถาวรและไม่ตายนั้นคือ "ดวงจิต" อย่างเดียว สิ่งนี้จึงควรสนใจและรักษาให้มาก"
(โอวาทธรรมของ หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
ผู้ที่ไม่เคยทำบุญไว้แต่ชาติก่อนความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี
ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ ทำนาข้าวตายค้าขายขาดทุนหาคนค้ำจุ...นไม่ค่อยได้ คนนั้นป่วยไข้ไปหาหมอก็ขัดข้อง รักษาไม่ได้ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุกเพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา.
คติธรรมจากหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
(ความตายนี่คือยอดกรรมฐาน)

“อัน “มรณกรรมฐาน” นี้ ต้องนึกให้มาก เจริญให้มาก นึกมากขนาดไหน มันมีจุดอยู่... นึกเจริญจนมันสลดสังเวช มองเห็นความตายในจิตในใจได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงแต่ว่าเขียนหนังสือเป็นความตาย พูดเป็นความตายเท่านั้น จิตใจมันเห็นมันแจ้ง ณ ภายในว่า มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ตัวเรา ตัวเขา ทั้งคน ทั้งสัตว์ มันต้องมีความตายอย่างนี้ เจ้าตัวจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่ความตายมันเป็นภัยอันใหญ่หลวง เมื่อจิตมันเห็นอย่างนั้น แจ้งอย่างนั้น จิตมันก็สงบระงับ ไม่ทำบาปในทางกาย ไม่กล่าวบาปในทางวาจา ไม่คิดบาปในทางจิตทางใจ จิตใจก็มีแต่มุ่งให้ตัวเราและคนอื่นมีความสุขความสบาย ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าทั้งทางตรงและทางอ้อม เรียกว่ามุ่งให้ผู้อื่นมีความสุขตลอดเวลาเพราะมองเห็นภัยอันตราย ที่จะมาถึงตัวอยู่ตลอดเวลา และก็ให้นึก ให้เจริญอยู่ ไม่ให้มันลวง ให้มันแจ่มแจ้งในจิตในใจของเราทุกคน”
เกิดเป็นคนทนอยู่ สู้ชีวิต

ฟ้าลิขิตให้เกิดมา น่าสงสาร

บางคนรวยบางคนจน ทนอีกนาน

สู้เท่านั้นชีวิตคน ทนต่อไป
อย่าทดท้อ..หากความหวัง..ยังยั้งอยู่
ต้องลองสู้..ปักหลัก..ดูสักหน
อาจมีบ้าง..ประสบ..ความทุกข์ทน
อย่าล้าจน..หมดเข้มแข็ง..หมดแรงใจ
"โกรธ" เป็นกิเลสอย่างหยาบ เห็นง่าย ซึ่งจะแสดงออกทางกาย วาจา ใคร ๆ ก็มองเห็น ยกเว้นคนโกรธ ..

"โกรธ" เกิดจากถูกนินทาว่าร้าย ความขัดข้อง ขุ่นเคือง ไม่ได้ดังใจ ความไม่พอใจ ฯลฯ

"โกรธ" ตั้งอยู่ เพราะคิดว่าเป็นของดีของวิเศษ คือ ไม่ยอมปล่อย ยังคิดวนเวียนให้เกิดความโกรธอยู่เสมอ โกรธมาก็โกรธไป
ใครโกรธมากโกรธนาน ถือว่าชนะ ..

"โกรธ" เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นเรื่องธรรมดา เพราะ "ทุกสิ่งมีเกิ...ดมีดับ"

แต่ "โกรธ" เกิดแล้วดับไปเพราะ "การให้อภัย" เป็นการบริหารจิต ฝึกจิต เป็นการยกระดับจิตให้ดีขึ้น สูงขึ้น มีค่าขึ้น ..

รู้จัก "ตัวเรา" แล้วก็ไม่ทุกข์เพราะ "ตัวเรา"
รู้จัก "ของ ๆ เรา" แล้วก็ไมทุกข์กับ "ของ ๆ เรา"

อันนี้เพราะเราทำกรรมฐาน ปัญญามันเกิดขึ้นอย่างนี้
มันจะเห็นไปตามสภาวะมันเองทุก ๆ อย่าง

อันนี้เป็น "โลกุตรปัญญา"
ปัญญา เกิดจากการภาวนา(ภาวนามยปัญญา)

มันพ้นจากโลกียวิสัย เมื่อจิตสงบรวมกำลังตรงที่นั้น
... เกิดรู้ เกิดเป็นญาณขึ้นมา เป็น "ความรู้โลกุตร" อันนั้น ..

ตามดูจิต
หลวงปู่ชา สุภัทโท
ความสงบ" นี้ มีสองประการ คือ

- ความสงบ อย่างหยาบอย่างหนึ่ง
- ความสงบ อย่างละเอียดอีกอย่างหนึ่ง

อย่างหยาบ นั่นคือ "ความสงบเกิดจากสมาธิ" ที่เมื่อสงบแล้วก็มีความสุข
แล้ว "ถือเอาความสุขเป็นความสงบ" ..

อย่างละเอียด คือ "ความสงบที่เกิดจากปัญญา" นี้ ไม่ได้ถือเอาความสุข
เป็นความสงบ แต่ "ถือเอาจิตที่รู้จักพิจารณาสุขทุกข์เป็นความสงบ" ..
...
เพราะว่าความสุขทุกข์นี้เป็นภพเป็นชาติเป็นอุปาทาน
จะไม่พ้นจากวัฏฏสงสารเพราะติดสุขติดทุกข์

ความสุขจึงไม่ใช่ความสงบ ความสงบจึงไม่ใช่ความสุข
ฉะนั้น "ความสงบที่เกิดจากปัญญานั้น จึงไม่ใช่ความสุข"

แต่เป็นความรู้เห็นตามความเป็นจริง ของความสุขความทุกข์
แล้วไม่มีอุปาทานมั่นหมาย ในสุขทุกข์ที่มันเกิดขึ้นมา
"ทำจิตให้เหนือสุขเหนือทุกข์นั้น" ..

ท่านจึงเรียกว่า เป็นเป้าหมายของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
"..ธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งมหัศจรรย์
เมื่อบุคคลใดได้ลิ้มรสเข้าไปแล้ว
มันติดคุณค่าราคาธรรม ..

เรื่องโลกมีเงินเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพัน
มันก็ไม่มีคุณค่าราคา เท่าธรรมของพระพุทธเจ้า .."




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2013, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" บุญใหญ่ที่สุดในพระศาสนา "

ถาม : บุญที่สามารถส่งเสริมให้ผู้ชายก็ดี ผู้หญิงก็ดี เข้าถึงธรรม คือผมไม่ทราบว่า ในชาติหน้าเราจะได้เกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องทำบุญอย่างไร ?

ตอบ : ทาน ศีล ภาวนา สามสิ่งนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระศาสนา
...
ท่านบอกว่าบุญกริยาวัตถุ คือ การกระทำที่เป็นบุญ มี ๑๐ ประการ
ทานมัย การให้ทาน
ศีลมัย การรักษาศีล
ภาวนามัย การปฏิบัติภาวนา สามอย่างนี้ใหญ่ที่สุด
ถัดจากนั้นก็เป็น อปจายนมัย คือ การนอบน้อมถ่อมตน
เวยยาวัจมัย คือ การช่วยเหลืองานบุญของคนอื่นให้สำเร็จลง
ปัตติทานมัย การทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เขา
ปัตตานุโมทนามัย เห็นเขาทำดีแล้ว โมทนากับเขา
ธัมมัสวนมัย ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติ
ธัมมเทสนามัย ปฏิบัติได้แล้วไปสอนคนอื่นต่อ
แล้วตัวสุดท้าย ทิฏฐุชุกัมม์ มีความเห็นถูกว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นถูก เราจะปฏิบัติตาม

" ทำบุญอะไรได้เป็นเบญจกัลยาณี "

ถาม: คนที่จะได้เป็นเบญจกัลยาณี ต้องทำบุญอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?

ตอบ: "เบญจกัลยาณี" บุญสำคัญที่สุดคือ การซ่อมแซมพระพุทธรูป โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่ปรักหักพัง
...
ถ้าเรามีเมตตาเป็นปกติ มีศีลเป็นปกติก็จะสวยอยู่แล้ว แต่ความสวยนี้จะเสื่อมไปตามวัย คนที่เป็นเบญจกัลยาณีจะพิเศษกว่าตรงที่ ถ้ามีลูกคนแรกเมื่ออายุเท่าไร ก็จะคงความสวยอยู่แค่นั้นตลอดไป

“ในงานศพ…ที่มาไหว้ศพนั้น เขามาไหว้สัจจธรรมของพระพุทธเจ้านะ
คือ ท่านตรัสว่าร่างกายของคนนั้นเป็นอนิจจัง…ไม่เที่ยง
เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ ในที่สุดก็อนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้
เวลากราบทีแรกเรานึกถึงพระพุทธเจ้าว่าทรงเทศน์ไว้ถูก เทศน์ไว้ตรง
ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมรับนับถือ เป็นมรณานุสติกรรมฐาน
...
กราบครั้งที่ ๒ เรานึกถึงพระธรรมคำสอนของพระองค์จากพระโอษฐ์
เหมือนดอกมะลิแก้วแพรวพราวไปด้วยความจริงอันประเสริฐ
ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามัน และทำให้เข้าถึงความสุข

กราบครั้งที่ ๓ นึกถึงพระสงฆ์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
ที่ท่านร้อยกรองพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว
ไม่ปล่อยให้อันตรธานสูญไป รวบรวมเข้าไว้…

นี่กราบความดีของพระ ๓ พระนะ เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ !”

“ถึงแม้เราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตาม เราก็ต้องตาย…
ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอา อย่างน้อยที่สุดเราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้…

ขอให้ทุกคน เวลาก่อนจะหลับ ให้นึกถึงความดีที่ตนเคยทำไว้
ทรัพย์สินที่เคยสละเป็นวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทานเลี้ยงพระ
นึกถึงศีลที่ตนเคยรักษา เทศน์ที่ตนเคยฟัง
แล้วหมั่นภาวนาถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
พระพุทธโธ ธัมโม สังโฆ แล้วจะรู้ว่าฉันหวังดีกับลูกหลานเพียงใด

คนไหนทำดีมากไม่ได้ก็ให้สร้างความดี ๒ อย่างที่ฉันต้องการ คือ
๑. อย่าดื่มสุราเมรัย
๒. อย่าลักขโมย อย่าเป็นโจร”

เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ ให้เป็นฌานสมาธิแน่วแน่
ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณ์วิปัสสนา
หรือภาวนาตามแบบสมถะ…

ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์..
จงไปพรหมโลก..
จงไปพระนิพพาน”




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกสิ่งหนา ใช่ของเรา ซะที่ไหน
ตถาคต เฝ้าตรัสบอก อยู่ร่ำไป
อย่าอยากใน สิ่งที่"ไม่ใช่ของเรา"



จะละอะไรมันต้องค่อย ๆ ไป ถ้าจะละทีเดียวแบบที่เขาเรียกว่า หักด้ามพร้าด้วยเข่า
กำลังใจมันต้องสูง ต้องตั้งสัจจะ จะตั้งสัจจะต้องดูกำลังบุญ กำลังกุศลด้วย


พูดมาก เสียมาก
พูดน้อย เสียน้อย
ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย โพธิสัตว์

“มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่งานส่วนตัว…
…มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีงานทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว
…มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่นอนมาก
... …มนุษย์ผู้นั้นจะไม่ได้นอนในไม่ช้า”

“นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา”

สมเด็จพระสังฆราชคุรูปาจารย์ หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) พระเถระสมัยกรุงศรีอยุธยา



การปฏิบัติต้องเอาให้มันจริงจัง เวลาหัวเราะก็หัวเราะไป เวลาสนุกก็สนุกไป แต่ไม่หลง
ไม่ใช่ไปนั่งทื่อ.. เพื่อนหัวเราะกัน แต่เรามัวคิดว่า "ไม่ได้ ๆ" อันนี้มันมีอารมณ์อวด
อยากให้เขารู้ว่า ฉันกำลังปฏิบัติ


วิธีคิดแบบรวบรัดเพื่อตัดตรงไปพระนิพพานได้ง่ายที่สุด
“เจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้ จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนไม่มี แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระคือร่างการพังแล้ว เราจะไปนิพพาน เมื่อความป่วยไข้ปรากฏจงดีใจว่าวาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชิน จะเห็นเหตุผล เมื่อจะตายอารมณ์จะสบายแล้วก็จะเข้านิพพานได้ทัน”





การถวายที่ดินไว้ในบวรพุทธศาสนานั้นนับว่าเป็นการทำบุญในฝ่ายวัตถุทานที่มี อานิสงส์มาก และผู้ที่ทำบุญถวายที่ดินนี้นับว่า เป็นผู้ที่โชคดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะผลทุกอย่างที่จะบังเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็น กุฏิ โบสถ์ วิหาร หรือแม้แต่พระพุทธรูปทุกๆองค์ในวัด ตลอดจนผลแห่งธรรมทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในศาสนสถานหลังจากที่ได้ซื้อที่ดิน ถวายนี้ ผู้นั้นจะได้รับผลแห่งกุศลดังกล่าวทั้งหมด เพราะทุกอย่างล้วนปลูกสร้างหรือบังเกิดมีขึ้นได้ก็ด้วยผืนแผ่นดินที่เราได้ เป็นผู้สร้างถวาย

โดยเฉพาะเมื่อสถานที่แห่งนั้นได้เป็นสถานที่เป็นเหตุปัจจัยแห่งการสร้าง สาธุชน และเป็นเหตุให้บังเกิดพระอริยะบุคคล อันมีพระโสดาบันเป็นต้น ตลอดจนถึงพระอรหันต์เป็นที่สุดแล้วนั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมในการซื้อที่ดินถวายในบวรพุทธศาสนาแห่งนั้นก็จักได้รับ อานิสงส์ดังกล่าวด้วย ยังจะเป็นบุญหนุนนำทำให้ผู้นั้นเจริญด้วยทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป หากจักปรารถนาพระนิพพานในปัจจุบันชาติ หากผู้นั้นสามารถทำกำลังใจเต็มบริบูรณ์ทั้ง 10 ประการแล้ว การหวังซึ่งพระนิพพานในปัจจุบันชาติก็มิใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ขอกล่าวอานิสงส์ส่วนหนึ่ง อันจะบังเกิดจากการได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรม ให้สาธุชนทั้งหลายได้มาทำความดี ทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน

1. จักได้เกิดในถิ่นที่สบาย เหมาะแก่การทำความดี สร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป

2. ทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ไม่มีตกต่ำ

3. มีความรื่นรมย์ทั้งในโลกมนุษย์และเทวโลก

4. ปรารถนาสิ่งใดที่เป็นบุญกุศล ย่อมสำเร็จได้โดยง่าย เป็นอัศจรรย์

5. ได้รูปกายที่สวยงาม เพียบพร้อมบริบูรณ์ด้วย
รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ
6. ได้เป็นเทวดาที่มีศักดิ์ยิ่งใหญ่ มีทิพยสมบัติที่รุ่งเรือง ตลอดจนมีทิพยวิมานอันใหญ่โต และมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล

7. มีความสง่างามเป็นที่เคารพนับถือศรัทธาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

8. มีพร้อมด้วยสุข 3 ประการเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้โดยง่ายและมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งโดยไม่เนิ่นช้า

9. จะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือผู้บริหารประเทศ เกิดในภายภาคหน้าจะมีที่ดินเป็นของตนเอง และเป็นที่ดินที่มีทำเลดี เป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย เราจะไม่ต้องเร่ร่อน ไม่อดอยาก

10. ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนแผ่นดินนั้นก็จะเจริญงอกงาม เหมาะแก่การประกอบสัมมาชีพตามปรารถนา เป็นทำเลดีค้าขายก้าวหน้า ปลูกพืชให้ดอกให้ผลงอกงามกว่าที่ใดๆ

11. เป็นกุศลหนุนนำทำให้เกิดการบรรเทากรรมให้กับในผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ต้องเช่าเขา ถูกเขาโกงที่ หรือเกิดมาชาตินี้ต้องมาอยู่ที่แออัดคับแคบ แย่งกันอยู่ แย่งกันใช้ กรรมเหล่านี้จะได้เบาเทาเบาบางลง หากมีกรรมนี้เพียงเล็กน้อยติดมาก็จะหมดกรรมได้โดยเร็ว









ถาม : โต๊ะหมู่บูชาที่บ้าน ควรหันไปด้านไหน?



ตอบ : ถ้าตามตำรา หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าโต๊ะหมู่บูชาหรือหิ้งพระควรหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือเท่านั้น ถ้าหันไปทิศอื่น ต่อให้ทำมาหากินเก่ง มีเงินคล่องตัวขนาดไหน ก็มีอันต้องใช้จนหมด



ถ้าต้องการในเรื่องของลาภผลก็หันไปทิศตะวันออก ถ้าต้องการในเรื่องของยศของตำแหน่ง ก็ให้หันไปทางทิศเหนือ



ถาม : ลำดับของพระที่เราจะเรียง ?



ตอบ : พระพุทธเจ้าไว้บนสุด ลำดับถัดลงมาก็เป็นพระสงฆ์ หลังจากนั้นก็เป็นบรรดาเทวรูปหรือเจ้าแม่กวนอิม



ถาม : เจ้าแม่กวนอิมเอาไว้ด้วยกันได้ไหม ?



ตอบ : ได้..แต่ให้ต่ำกว่าพระ
เพราะว่าคนที่ไม่เข้าใจจะหาว่าวางผู้หญิงไว้สูงกว่าพระ


ถาม : เจ้าแม่กวนอิมเป็นผู้หญิงหรือคะ มีคนบอกว่าเป็นผู้ชาย ?



ตอบ : รูปท่านเป็นผู้หญิง ในเมื่อรูปท่านเป็นผู้หญิง เราต้องยอมรับว่าคนทางโลกเขานิยมให้ผู้หญิงอยู่ต่ำกว่าพระ







อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ทุกสิ่งหนา ใช่ของเรา ซะที่ไหน

ตถาคต เฝ้าตรัสบอก อยู่ร่ำไป

อย่าอยากใน สิ่งที่"ไม่ใช่ของเรา"





" รากเหง้าของความโกรธ "



ถาม : รากเหง้าของความโกรธ มีอะไรบ้างคะ แล้วจะแก้ หรือจะขุดรากอย่างไร ?



ตอบ : ถ้าจะขุดนะ ก็ควักลูกตา แล้วก็อุดหู แค่นั้นก็โกรธยากแล้ว เพราะว่าความโกรธเข้าง่ายที่สุดก็ทางตากับทางหู



ตาเห็นเก็บเข้าไปสู่ใจ ไม่พอใจ หูได้ยิน เก็บเข้าไปสู่ใจ ไม่พอใจ ไม่พอใจกับถูกใจ แย่ทั้งคู่ ถูกใจแสดงว่าชอบใจ ไม่พอใจแสดงว่าไม่ชอบ ใช่ไหม ? โบราณเขาบัญญัติคำศัพท์ดีจังเลย ถูกใจ ถ้าถูกก็เจ๊งเลย



เราต้องสักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน รับรู้เอาไว้แล้วรักษาใจให้ดี อย่าให้เข้ามาในใจได้ ฟังแล้วก็ไม่ยากนะ ใช่ไหม ?



ถาม : แต่ทำยากจัง

ตอบ : ค่อย ๆ ทำ ถ้าสติตามทันแล้ว เรื่องอื่น ๆ ไม่ยาก



ตามลมหายใจเข้า-ออกให้ทัน ถ้าตามทัน ต่อไปก็จะค่อย ๆ ไล่กิเลสทัน



คราวนี้ของเราไล่หมายังไม่ค่อยจะทันเลย หมาวิ่งเร็วกว่า...



ถาม : ถูกใจกับไม่ถูกใจ อย่างไหนยากกว่าคะ ?

ตอบ : ถูกใจแกะยาก ไม่ถูกใจเดินหนีได้ง่ายกว่า ใช่ไหม ? แต่ก็เป็นอารมณ์ที่ใช้ไม่ได้ทั้งคู่











" กำลังใจที่เห็นได้จากตอนป่วย "



การเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าเป็นหนัก ๆ กำลังใจที่เราสร้างไว้ตั้งแต่ต้นมันจะรวมกันหมด ถ้าใครมีประสบการณ์ตรงนี้ ถึงเวลาป่วยก็น่าดีใจ มันเห็นต้นทุนของตัวเองว่ามีเท่าไหร่ แต่ถ้าหากกำลังใจไม่พอ ต้นทุนไม่พอ เจ็บป่วยขึ้นมาก็จะไปโอดโอยอยู่กับมัน แล้วถ้าตายตอนนั้นจิตเศร้าหมองก็อาจจะไปไม่ดีด้วย



ถ้าเป็นนักปฏิบัติจริง ๆ จะไม่ห่วงร่างกาย ถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ป่วยไปเถอะ ไม่ได้ว่าอะไร ถ้ารักษาหาย...ก็หาย ถ้าไม่หายก็เรื่องของมัน แต่ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยทีหนึ่ง คนรู้ทั่วประเทศไทยละก็ อันนั้นแสดงว่ายังรักตัวเองมาก ต้องรีบประกาศบอกให้ชาวบ้านเขารู้







" นอนไม่หลับเพราะถูกทดสอบ "



ถาม : ไปวัดท่าขนุน ...โดนทั้งคืน ทำให้ผมตื่นทุกชั่วโมงเลย ?



ตอบ : ยังดี..บางคนไม่ให้หลับเลย พอเคลิ้ม ๆ จะหลับก็มีคนกระตุกขาให้ตื่น



ถาม : กลับบ้านมานอนอีก ๓ วันก็ไม่ได้หลับเลย ?



ตอบ : แล้วตอนนี้หลับได้หรือยัง ?



ถาม : ตอนนี้ก็หลับแต่ไม่สนิทครับ ?



ตอบ : มา...เดี๋ยวจะช่วยตีให้สลบเลย ก้มหัวมา



ถาม : เป็นทุกข์จริง ๆ (เสียงตีหัว) ?



ตอบ : เอาให้แตกกระจายไปเลย



มีสาวบ้านอู่ล่องคนหนึ่งชื่อบัวเงิน ไม่ได้นอนมา ๔ เดือนกว่าแล้ว หน้าเหี่ยวมาเชียว มาบวชชี เขามาถึงก็.. "หลวงพ่อช่วยหนูด้วยค่ะ หนูโดนไสยศาสตร์มา"

อาตมาถามว่า "รู้ได้อย่างไรวะ ?" บัวเงินตอบว่า "มีคนเขาตั้งใจทำ"



อาตมาเองตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้าไม่มาดิ้นพราด ๆ อยู่ตรงหน้าก็ไม่ช่วยหรอก แต่ดันมาแล้วก็จำเป็น ก็ใช้วิธีนี้แหละ ตีหัวไปครั้งหนึ่ง นอนไป ๒ วันกับ ๒ คืนถึงตื่น คุ้มกับที่ไม่ได้นอนมา ๔ เดือน ตอนแรกใคร ๆ ก็นึกว่าตายไปแล้ว นอนได้นานขนาดนั้น...



ถาม : บุญที่สามารถส่งเสริมให้ผู้ชายก็ดี ผู้หญิงก็ดี เข้าถึงธรรม คือผมไม่ทราบว่า ในชาติหน้าเราจะได้เกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องทำบุญอย่างไร ?



ตอบ : ทาน ศีล ภาวนา สามสิ่งนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระศาสนา



ท่านบอกว่าบุญกริยาวัตถุ คือ การกระทำที่เป็นบุญ มี ๑๐ ประการ

ทานมัย การให้ทาน

ศีลมัย การรักษาศีล

ภาวนามัย การปฏิบัติภาวนา สามอย่างนี้ใหญ่ที่สุด

ถัดจากนั้นก็เป็น อปจายนมัย คือ การนอบน้อมถ่อมตน

เวยยาวัจมัย คือ การช่วยเหลืองานบุญของคนอื่นให้สำเร็จลง

ปัตติทานมัย การทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เขา

ปัตตานุโมทนามัย เห็นเขาทำดีแล้ว โมทนากับเขา

ธัมมัสวนมัย ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติ

ธัมมเทสนามัย ปฏิบัติได้แล้วไปสอนคนอื่นต่อ

แล้วตัวสุดท้าย ทิฏฐุชุกัมม์ มีความเห็นถูกว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นถูก เราจะปฏิบัติตาม



" อย่าไปดูถูกใครเขานะลูก "



อย่าไปดูถูกใครเขา ให้คิดเสียว่าดวงจิตทุกดวงจิตมีพระนิพพานเป็นที่ไปสุดท้าย

ทุกดวงจิตต่างลงมาบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นพระอรหันต์กันทั้งสิ้น

แต่ในระหว่างทางที่จะไปถึงพระนิพพานได้นั้น

ดวงจิตแต่ละดวงจิตก็ต้องเผชิญการทดสอบ

การบำเพ็ญเพียรที่แตกต่างออกไปตามกรรมของแต่ละดวงจิต



เวลาที่เราเห็นใครทำดี เราก็โมทนาในความดีของท่านทั้งหลายนั้น

หากเห็นเขาทำอะไรไม่ดี ก็ให้สงสารเขา แล้วถ้าพอจะช่วยเขาได้ ก็ช่วยตามกำลังของเรา

แต่หากช่วยไม่ได้ ก็ให้ถืออุเบกขา เพราะเราไม่สามารถจะช่วยเขาทั้งหลายได้ทั้งหมด



แล้วให้คิดเสียว่า ดวงจิตนั้นได้กระทำการที่เสี่ยงต่อการไปนรกให้เราได้เห็น ได้เรียนรู้

เขาได้เสียสละตนเอง แสดงเหตุที่เสี่ยงต่อการไปนรกให้เราได้เห็น และอย่าไปทำตามเขา



" หนี้ที่หลวงตาเต็มใจรับสภาพ "



ในชีวิตของหลวงตาเป็นหนี้มาโดยตลอด มีทั้งหนี้ที่ใช้ให้หมดสิ้นไปได้ คือ หนี้สิน และมีทั้งหนี้ที่ไม่มีวันจะใช้ได้หมด คือ "หนี้น้ำใจ" อย่างแรกน่ะ! พยายามชดใช้ ก็ค่อย ๆ หมดไป แต่หนี้อย่างหลังคือน้ำใจความดีของผู้คน มีแต่พอกพูนจนหัวใจหลวงตาเต็มล้น จนระเบิดกระจายออกมาเป็นตัวอักษรเต็มหน้าเต็มตาผู้อ่านอยู่ขณะนี้



ท่านผู้มีคุณทุกท่าน และลูกหลานทุกคนเอย ทุกคนคงเข้าใจ น้ำใจที่หลวงตารู้คุณความดีของทุกท่านซึ่งมากมายหลายหลาก และคงไม่น้อยใจที่หลวงตาจะไม่เขียนเจาะจงบ่งถึง และคงจะสะเทือนใจไปกับหลวงตาเมื่อได้อ่านในขณะนี้ว่า หลวงตากำลังเขียนถึงหนี้น้ำใจครั้งล่าสุด ที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ที่สุดจนหลวงตาขอเขียนสัญญายอมรับสภาพหนี้นี้โดยเฉพาะ...



วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) สร้างสรรค์พัฒนาขึ้นมาด้วยแรงงานของช่างรับเหมา พระภิกษุสงฆ์ และชาวเขาเผ่าม้ง ค่ารับเหมา ค่าแรงงานก็มาจากน้ำใจน้ำเงินจากศรัทธาบริสุทธิ์ของทุกท่าน แต่เมื่อวานนี้ (๘ ก.ย. ๔๕) เงินที่จ่ายค่าซ่อมรถที่ขนดินให้ม้งทำงานมันไม่มี พระดอกรักผู้มีหน้าที่คุมม้งก็บอกให้ม้งฟังว่าจะต้องหยุดทำงานก่อนเพราะไม่มีเงิน ๖,๐๐๐ บาท สำหรับซ่อมรถ



รุ่งขึ้น ม้งก็มาทำงานขนดินอย่างเดิม แต่ยื่นมือส่งเงินให้พระดอกรัก ๖,๐๐๐ บาท บอกว่าให้ยืมไปซ่อมรถ รวมมาได้ ๕ คน เขาเก็บกันไว้จากค่าแรงที่ได้จากวัดนี่แหละ



แม่คุณเอย... แม่เป็นคนที่ทางราชการไม่ยอมให้ความเป็นมนุษย์ คือไม่ยอมรับว่าเป็นคนไทย ไม่ออกบัตรประชาชนให้ ถูกรถชนตายก็ไม่มีการบันทึกทำคดี เหมือนชนหมาตัวหนึ่ง แม่มาทำงานหนักที่วัดนี้ไม่เคยบ่นพ้อต่อคำ มีแต่ยิ้มรับชะตากรรมตลอดมา จนวันนี้แม่ก็มาหยิบยื่นเงินจากหยาดเหงื่อให้พระยืมทำงาน ซ้ำคนที่เหนื่อย ลาหยุดงานก็ขอมายื่นเงินให้ด้วยตัวเอง หลวงตาขอรับน้ำใจแม่ไว้ ขอแจ้งให้แม่ทราบว่า จะใช้บำรุงจรรโลงพระพุทธศาสนา หลวงตาและคณะสงฆ์วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) เป็นหนี้แม่ ๖,๐๐๐ บาท (หกพันบาทถ้วน) และยินดีชดใช้คืนให้เร็วที่สุด แต่สิ่งหนึ่งซึ่งจะไม่ยอมคืน ไม่ยอมให้มันหายไปจากใจพระ ก็คือหนี้น้ำใจนี้ คือพระจะตั้งใจทำความดีให้สมกับที่แม่ส่งเสริม จะไม่ยอมโกงศรัทธาประสาคนป่าดอยของแม่ ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพาน







" ภาวนาเพื่อหนีความทุกข์ "



ถาม : มีอยู่วันหนึ่ง มีความรู้สึกว่าไม่สบาย เวียนหัว แล้วพอไปเข้าห้องน้ำ แล้วรู้สึกหน้ามืด พอหน้ามืดตอนนั้น จิตฉุกคิดขึ้นมาว่า ที่เราเป็นอย่างนี้ เพราะมีร่างกาย พอคิดอย่างนี้แล้วรู้สึกมืดไปหมดเลย ไม่รู้ตัว ?



ตอบ : อย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจของเราใช้ได้จ้ะ เวลาเกิดเวทนา เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยกับร่างกายขึ้นมา เราสามารถนึกถึงข้อธรรมคำสอนได้อะไรได้ ตอนนั้นถ้าตั้งใจหน่อยเดียวว่า ถ้าตายตอนนี้เราขอไปพระนิพพาน ก็สบายเลย



แบบนี้แสดงว่าลูกพ่อจริง ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ไปหน้ามืดอยู่ในห้องน้ำ แล้วท่านไม่ได้หน้ามืดเฉย ๆ แต่หล่นจากโถส้วมไปกองกับพื้นเลย เสร็จแล้วท่านก็อุตส่าห์พยายามทรงตัวถอดกลอนออกมา แล้วมาหมอบอยู่หน้าห้องน้ำ ท่านบอกว่า เดี๋ยวคนไปลือว่าข้าตายคาโถส้วม ลูกศิษย์จะขายหน้าเขา ก็เลยตะกายออกมาตายข้างนอก หมดลมอยู่พักหนึ่ง พระท่านไล่กลับมา ก็เลยต้องฟื้นใหม่



ถาม : แล้วตอนนั้นที่รู้สึกว่ามืดไปนั้นเป็นอย่างไรคะ ?



ตอบ : มีอยู่สองอย่างจ้ะ คือ สติขาดไป เพราะเวทนาที่เกิดขึ้นบีบคั้น อีกอย่างหนึ่งก็คือ พอเป็นฌานอยู่บ้าง แต่ว่าสติตามไม่ทัน ก็ตัดไปเฉย ๆ ลักษณะนั้นเหมือนกับวูบไป อาการใกล้เคียงกันมาก ต้องสังเกตดูให้ดี แต่ว่าถ้าทำในลักษณะนั้นได้ก็สบายใจได้เลยว่า อย่างน้อยกำลังใจของเราน่าจะเกาะความดีได้อยู่บ้าง แต่อย่าไปประมาทนะ หมั่นทำบ่อย ๆ



อาตมาตอนป่วยหนักคราวก่อนนี้ เกาะไม่ปล่อยเลย เขาจะหามไปเผาทิ้งเสียแล้ว ถึงเวลาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้นหนัก ๆ ถึงเวลาก็จับอารมณ์ภาวนาเพื่อหนีความทุกข์ของร่างกาย ปรากฏว่าจับแน่นไป เขาจะเอาไปเผาเสียแล้ว อย่าพยายามเลียนแบบจ้ะ คนไม่เข้าใจเขาเอาไปเผาแล้วจะยุ่ง



ถาม : แต่ก่อนที่จะวูบไป จิตรู้ตัวว่าเวียนหัว แต่ไม่มีความทุกข์ ?



ตอบ : จ้ะ เรารู้เท่าทัน แต่ขณะเดียวกัน จิตก็พร้อมที่จะรับ ตอนนั้นนึกถึงพระได้เลยจ้ะ ถ้าหากว่าเราตายตอนนี้ ขอไปอยู่กับพระที่พระนิพพานกับท่านแล้วกัน ทำอารมณ์ใจสบาย ๆ จะเป็นจะตายก็ปล่อยไป ถ้าลืมตาตื่นขึ้นมา เราก็ทุกข์ต่อไป ถ้าไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเราก็สบายไปเลย อาตมาพยายามทำหลายครั้งแล้ว ตื่นทุกครั้งเลย





การตรวจสอบไม่ใช่การลบหลู่ดูหมิ่น หรือเป็นเรื่องของการจับผิดการที่เราเห็นอะไรที่ผิดพลาดไม่สมควร เราชาวพุทธก็ กล่าวตักเตือนกันได้ด้วยความเมตตาสงสาร แต่ไม่ควรไปติฉินนินทาเพราะจะเป็นบาป ส่วนการตักเตือนครูบาอาจารย์ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ควรไปตักเตือนโดยตรง ควรใช้วิธีถามปัญหา พระทำอย่างนั้นๆผิดหรือเปล่า ถ้ามันตรงกับความประพฤติของท่าน ถ้าท่านหวังดีต่อพระธรรมวินัย ท่านรู้สึกเอง คือความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ นี่ไม่ว่ามนุษย์ปุถุชน พระอรหันต์ก็สามารถผิดพลาดได้ คงมีแต่พระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรอรหันต์เดินตามหลังพระพุทธเจ้าไป ทุกองค์เขาเดินลุยน้ำไป แต่ร่องน้ำมันพอกระโดดข้ามได้ พอถึงพระสารีบุตรกระโดดข้ามปั๊บ พระภิกษุกระโดดนี่เป็นอาบัติทุกกฎ ทีนี้พระพุทธเจ้าหันมาทัก สารีบุตรนี่เคยเป็นลิงมาแต่ชาติปางก่อน นิสัยยังติดอยู่ ท่านก็เทศน์ว่า นิสัยวาสนา พระสาวกละไม่ได้เด็ดขาด มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น



เราจะถอนตัวออกมาจากสิ่งทั้งหลายที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างไร.

คำตอบก็คือจะต้องศึกษาว่าอะไรเป็นเหตุให้เราอยากจนไปยึดติดแต่สิ่งนั้นเมื่อรู้ต้นเหตุก็อาจจะตัดการยึดติดเสียได้



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2013, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" เราสามารถไปพระนิพพานได้ทุกขณะจิตหรือไม่ "

ถาม : เราสามารถไปพระนิพพานได้ทุกขณะจิตหรือไม่ ?

ตอบ: ขึ้นอยู่ที่เราจะไปไหม ? ถ้าจะไป ก็ไปได้ทุกขณะจิตอยู่แล้ว ถ้ามีความคล่องตัวในมโนมยิทธิ หรืออภิญญา แค่นึกจะไปก็ไปได้แล้ว แบบนี้สามารถไปได้ทุกขณะจิตไหม ?

ถาม : มันไม่ชัด

ตอบ: ไม่ชัดจะเป็นไรไป ขอให้มั่นใจก็แล้วกัน

ถาม : อย่างเมื่อสักครู่ตอนให้พร ผมก็นึกเลยว่า ขึ้นไปข้างบน แล้วเอาตัวข้างล่างฟังให้พร

ตอบ: ฉลาดแล้วที่ทำอย่างนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า เรื่องของพระนิพพานพยายามไปให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน เอากำลังใจจดจ่ออยู่ตรงนั้น เพราะว่าการไปพระนิพพาน เป็นการตัดกิเลสด้วยวิธีที่รวบรัดที่สุด ขณะเดียวกันกำลังใจที่ส่งออกไปในลักษณะนั้น จะเป็นกำลังของฌานสมาบัติ เป็นการพักผ่อนวิธีหนึ่ง

ท่านบอกว่าบางทีเหนื่อย ๆ ขึ้นมา วินาทีสองวินาทีท่านก็เอา บางทีหลอกให้โยมพูดประโยคยาว ๆ หน่อย ตัวเองเผ่นไปแล้ว ง่ายดีไหม ?

มีนักปฏิบัติจำนวนไม่น้อยที่ไปเอาจริงเอาจังกับการพิจารณาเครื่องสำอางค์ คือพิจารณาอาการของจิตซึ่งเป็นของปลอมของไม่จริงของหลอกลวงของเหลวงไหลไร้สาระ มันเป็นของต่อเติมเสริมแต่ง จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ได้ เปลี่ยนแปลงกี่ร้อยกี่พันอาการมันก็เป็นของไม่จริง ดังนั้นการพิจารณาของไม่จริงจึงเสียเวลาเปล่า ไม่มีโอกาสเข้าถึงความจริงได้เลย ต้องล้างเครื่องสำอางค์ของจิตออกให้ได้ออกให้หมด แล้วจะพบจิตเดิมแท้ แล้วเพ่งพิจารณาลงตรงที่จิตเดิมแท้นั้น ทุกคนจึงจะประสบความสำเร็จ

"ความสุข" อยู่กับเราไม่นาน "อย่าประมาท"

"ความทุกข์" อยู่กับเราไม่นาน "ให้อดทน"

เราไม่อยากเป็น "กรรม" เป็น "เวร".. เราก็ต้องตัดที่ "อารมณ์" นั่นแหละ - หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


พ่อแม่รับใช้ลูก ทำให้เขาบาปมาก



(ทุติยขตสูตร)เล่ม 35 หน้า 8 บรรทัด 10



พระไตรปิฎก และอรรถกถาแปล ชุด91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย



ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฉบับ พ.ศ.2525



...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ปฏิบัติผิดในสถาน ๔ เป็นคนพาลฯลฯ และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย ในสถาน ๔ คืออะไร คือ ในมารดาในบิดา ให้พระตถาคต ในสาวกของพระตถาคต บุคคลปฏิบัติผิดในสถาน ๔ นี้แล เป็นคนพาล ฯลฯ และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วยภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ปฏิบัติชอบในสถาน ๔ เป็นบัณฑิต ฯลฯ และได้บุญมากด้วย ในสถาน คืออะไร คือ ในมารดา ในบิดา ในพระตถาคตในสาวกของพระตถาคต บุคคลปฏิบัติชอบในสถาน ๔ นี้แล เป็นบัณฑิต ฯลฯและได้บุญมากด้วย



..................(นิคมคาถา)



..............คนใดปฏิบัติผิด ในมารดา และใน



.......บิดา ในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า และใน



.......สาวกของพระตถาคต คนเช่นนั้น ย่อมได้



.......สิ่งอันไม่เป็นบุญมาก เพราะความ



.......ประพฤติไม่เป็นธรรมในมารดาบิดาเป็นต้น



.......นั้น ในโลกนี้ บัณฑิตทั้งหลายก็ติเตียนเขา



.......เขาตายไปแล้วยังไปอบายด้วย.



..............คนใดปฏิบัติชอบ ในมารดา ในบิดา



.......ในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า และในสาวก



.......ของพระตถาคต คนเช่นนั้นย่อมได้บุญ



.......มากแท้ เพราะความประพฤติเป็นธรรมใน



.......มารดาบิดาเป็นต้นนั้น ในโลกนี้ บัณฑิต



.......ทั้งหลายก็สรรเสริญเขา เขาละโลกนี้แล้ว



.......ยังบันเทิงในสวรรค์.



..............จบทุติยขตสูตรที่ ๔

พุทธวจน : ผู้ไม่กลืนเบ็ดของมาร

" ภิกษุ ทั้งหลาย ! รูป ที่เห็นด้วยตาก็ดี,



เสียง ที่ฟังด้วยหูก็ดี, กลิ่น ที่ดมด้วยจมูกก็ดี,



รส ที่ลิ้มด้วยลิ้นก็ดี, โผฏฐัพพะ ที่สัมผัสด้วยกายก็ดี,



และธรรมารมณ์ ที่รู้แจ้งด้วยใจก็ดี, อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่



น่าพอใจ เป็นที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่



และเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ มีอยู่.



ถ้าภิกษุใดไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำเพ้อถึง



ไม่เมาหมกติดอกติดใจอยู่ ซึ่งอารมณ์มีรูปเป็นต้นนั้นไซร้;



...ภิกษุ ทั้งหลาย ! ภิกษุอย่างนี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ไม่กลืนเบ็ดของมาร



ด้ทำลายเบ็ดหักเบ็ดแหลกละเอียดแล้ว



ไม่ถึงความวิบัติ ไม่ถึงความพินาศฉิบหาย



ไม่เป็นผู้ที่มารใจบาป จะทำอะไรให้ได้ตามชอบใจเลย; ดังนี้ แล."


สิ่งที่เป็นความเป็นจริงตามธัมมะ และสิ่งที่เป็นของไม่จริง(ของเท็จ) ย่อมอยู่ไม่ห่างกันเลยมันอยู่ติดกัน เพียงแต่จิตนั้นแยกธัมม์แท้กับของเท็จออกหรือเปล่าเท่านั้น บุคคลที่แยกธัมม์แท้ออกจากของเท็จได้ ย่อมเห็นทางสว่างได้ย่อมเดินไปสู่ทางออกได้ คือ เดินไปสู่ทางออกจากของเท็จทั้งหลายได้ ก็จะเห็นธัมม์แท้ตามความเป็นจริง แล

กิเลสนั้นมันกลัวอย่างหนึ่งจนมันไม่กล้้าหือเลย คือ สติปัญญา นั้นเอง เมื่อมีสติปัญญา อยู่แนบตัวตลอด กิเลสมัน กลัวมาก จนมันหายไปเลยก็มี ไม่กลับมาอีก เป็นอาวุธที่พกไว้ดีที่สุดไม่ผิดกฏหมายใดใดทั้งสิ้นไม่ผิดกฏธัมม์ด้วย มีแต่ความเจริญถ่ายเดียว


อันว่าสัตว์ที่ขึ้นชื่อ เป็นจ้าวป่า ย่อมเป็นใหญ่กว่า สัตว์ ทั้งหลายใน ตำแหน่ง แต่โดยความเป็นจริง ย่อมมีสัตว์ชนิดอื่นที่ยังเหนือกว่าก็มี แต่ ไม่มีตำแหน่งจ้าวป่า แต่ใหญ่กว่าจ้าวป่าก็มี ฉันใด



อันกิเลสที่ฝังลึกในจิต บุคคลที่ไม่เคยตรวจดูกิเลสในจิตเลย ย่อมคิดว่าตนเองอยู่เหนือกิเลส ตนเป็นคนควบคุมมันได้ แต่ความเป็นจริง โดนกิเลสอยู่เหนือตลอดโดยที่มันไม่แสดงตัวว่ามันคือกิเลส นั่นเห็นไม๊ มันย่อมเหนือจิตที่ไม่มีสติปัญญา โดนมันต้มซะแล้ว







กิเลสในจิตของตนของตน ต้องใช้สติปััญญาของตนของตน นั่นแหละที่จะ สำรอกออกมาเองด้วยจิตของตนของตนนั่นแหละ เป็นการที่สำรอกกิเลสได้แบบเบ็จเสร็จเด็ดขาด สะอาดมากน้อยแค่ไหน เท่าไร อย่างไร จิตของตนของตน ย่อมรู้ความเป็นไปภายในจิตของตนของตน. เป็นอย่างดีที่สุด. พร้อมทั้งสามารถเป็น พยานให้กับตนเอง อย่างดีที่สุด ตนเองเป็นพยานให้ตนเองนั่นเอง



สนิมเกิดแต่เหล็ก



กัดกินเหล็กฉันใด



กรรมที่ตนทำไว้



ย่อมนำเขาไปทุคติฉันนั้น



เมื่อมีความสุข ก้อย่าหลงระเริง



เมื่อมีความทุกข์ ก็อย่าเศร้าเสียใจ



เพราะมันไม่มีใคร ที่มีทุกข์หรือสุข



ได้ตลอดไป ต่างคนก็มีสุขและทุกข์



คลุกเคล่ากันไปตามกรรมของตน







...บางครั้งมันไม่สำคัญหรอกนะ...



"ว่า...จุดหมายปลายทางจะเป็นอย่างไร"



แต่มันสำคัญตรงที่ว่า....เรื่องราวที่เกิดขึ้นใร...ระหว่างทางมากกว่า...


เรื่องเก่าอย่ามารื้อฟื้น



เรื่องอื่นจะนไำมาคิดททททททำไม



คิดมาก...ทุกข์มาก



คิดน้อย...ทุกข์น้อย



ไม่คิด...ก็ไม่ทุกข์







"บุญ คือ ความสบายใจ



ก่อนทำก็สบายใจ



ขณะทำก็สบายใจ



ทำแล้วก็สบายใจ



คิดถึงทีไร สบายใจทุกที"




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


"เวลาความสุขมาถึงเข้า

เราจะไปเอาความสุขในความสรรเสริญ

เยินยอมั่งมีศรีสุขอย่างเดียว แต่เราหารู้ไม่ว่า

ความสุขมีที่ใหน ความทุกข์ก็มีที่นั้น"



หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่





ธรรมเมาธรรมโม...

อดีต อนาคต

เป็นธรรมเมา

ปัจจุบันเป็นธรรมโม

ระลึก ดับ ละ วาง

ในปัจจุบันจึงเป็น

ธรรมโม

เมื่อจิตอยู่ใน

ปัจจุบันธรรม

อดีต อนาคต

ถ้ามันเกิด

มันก็ต้องดับลงไป...



"เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด อย่าพึ่งตำหนิ

หรือต่อว่าเขา เพราะถ้าเราเป็นเขา

และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา

เราอาจตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้"





อีกประการหนึ่งที่น่าควรคิด เช่น นางธรรมทินนาภิกษุณีเข้านิโรธสมาบัติแล้ว วิสาขาคฤหบดี ไปทรงเรียนถามนางธรรมทินนา ในขณะที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่นั้น ได้สำคัญตัวว่าอยู่ที่ไหนหรือไม่ นางก็ตอบว่า มิได้สำคัญตัวว่าอยู่ในนิโรธสมาบัติ และไม่สำคัญว่า ตัวอยู่นอกนิโรธสมาบัติ หรืออาการใดๆทั้งสิ้น เหล่านี้เป้นต้น เมื่อเป็นดังนี้ ก็ตรงกับคำของหลวงปู่มั่นที่ว่า



"ไม่ว่าธรรมส่วนใด ถ้าสำคัญตนว่าเสวย เป็นสำคัญผิดทั้งนั้น"



นี่เป็นธรรมขั้นสูงของพระพุทธศาสนา ถ้าจะอาจเอื้อมแซงคำเทศน์ของหลวงปู่มั่น ในขณะนี้ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบดังกล่าวมาแล้วนั้น



หลวงปู่หล้า เขมปัตโต









มีปัญหาว่า พระอรหันต์เล่า จัดเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ได้หรือไม่ ตอบแบบติดไม่คาว่า จัดเป็นมหาวิมุตติศีล มหาวิมุตติสมาธิ มหาวิมุตติปัญญา แต่มิได้เรียงแบบ กลมกลืนอยู่ในขณะเดียวทุกอิริยาบทของจิต มิได้รักษาลำบากเหมือนผู้คุมคุมนักโทษ เพราะเจอของที่ไม่มีโทษเจือเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เตรียมระวังอยู่ กับผู้ยังมีโทษอยู่ ก็มีความหมายอันเดียวกัน ผู้มีใจที่ไม่มีโทษแล้วจะระวังใจทำไม แต่เมื่อยังไม่ถึงพระอรหันต์ก็ต้องระวังใจอยู่ ถ้าไม่ระวัง มันก็ผิดจริงๆ ไม่น้อยก็มาก



หลวงปู่หล้า เขมปัตโต







อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ

ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงฺครํฯ

ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน

กานนี้ปราศจากวิญญาณแล้ว จะถูกเขาทอดทิ้งเสีย ราวกับท่อนไม้ ที่ไร้ประโยชน์ฉะนั้นฯ

โอกายนี้ไม่นานวิญญาณจาก

ต้องทิ้งซากนอนทับกับดินหนอ

ดังท่อนไม้ไร้ค่าล้มคาตอ

ทิ้งท่อนรอปลวกไฟอยู่ในดงฯ







อย่าเอา "ความสุข" ของเรา..

ไปผูกไว้ที่ "ขา" ของใคร..

เวลาเขาเดินจากไป..

"ความสุข" จะหายไปพร้อมกับเขา..



เราเป็นเจ้าของชีวิตของเรา

ร้อน เย็น หนาว..รวมถึง เหงา

เหตุจากตัวเราเองทั้งนั้น..ไม่เกี่ยวกับใคร..







ในวันที่เรารู้สึกว่าตนเองเป็นคนไร้ค่า

วันนั้นจะเป็นวันที่เราเดินมา

ถึงทางแยกของชีวิต



มีเส้นทางสองสายอยู่ตรงหน้า

ทางหนึ่งทอดยาวไปสู่ความตกต่ำ

อันมืดมนตลอดกาล

อีกทางหนึ่งมีจุดหมายที่สดใสรอคอยเราอยู่



คนไร้ค่าที่หมดสิ้นแรงใจ

ไร้ความเชื่อมั่นในตนเอง

จะพลัดหลงก้าวไปในเส้นทางแรก



คนที่ยังมองเห็นความหวังรำไรที่ปลายฟ้า

จะกัดฟันและฝ่าไปสู่จุดหมายที่สดใส

อย่างอดทนและไม่ย่อท้อ





ลูกเอ๋ย กิเลสมันคอยหลอกให้เจ้ายึดติด

เมื่อมันจับแน่นในจิตก็ต้องค่อยๆ

ต้องค่อยๆลอกให้มันหลุด





ท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลายพึงพิจารณาดังนี้ คำว่า(วัด)เป็นเช่นใด

ควรไตร่ตรองพึงวัดได้ดังนี้ คือ วัดที่ธรรม(ทำ) วัดที่บุญ วัดที่ความดี

วัดที่กุศลธรรม วัดที่ศีลธรรม วัดที่คุณธรรมท่านผู้เจริญพึงเข้าใจดังนี้

ทุกสิ่งที่กล่าวมาจึงเรียกว่า วัด โดยแท้จริง





พระพุทธเจ้าตรัสว่า มงคลคือสิ่งที่ทำให้มีโชคดี ตามหลักพระพุทธศาสนา หมายถึง ธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ มี ๓๘ ประการ หรือเรียกเต็มว่าอุดมมงคล มงคลอันสูงสุด มงคลแห่งชีวิตจะสูงขึ้นไปตามลำดับ ประดุจขั้นบันไดแห่งความสำเร็จ ต้องปฏิบัติดังนี้



บันไดขั้นที่ ๑

ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา บูชาอย่างมีเหตุผล ไม่ทำตามๆ กันไปอย่างไร้ปัญญา



บันไดขั้นที่ ๒

อยู่ในถิ่นที่มีสิ่งแวดล้อมดี ได้ทำความดีให้ถึงพร้อม หรือทำความดีเตรียมพร้อมไว้แต่ต้น ตั้งตนไว้ชอบ ไม่ทำร้ายตนเองด้วยการทำชั่ว



บันไดขั้นที่ ๓

เล่าเรียนศึกษาให้มาก ใส่ใจสดับตรับฟัง ค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ มีศิลปวิทยา ชำนาญในวิชาชีพของตน มีระเบียบวินัย ฝึกอบรมตนไว้ดี ไม่ดำรงชีวิตด้วยความมักง่าย รู้จักใช้วาจาพูดให้เป็นผลดี เช่นพูดคำจริง มีประโยชน์ ถูกกาละ เทศะ และประกอบด้วยเมตตา



บันไดขั้นที่ ๔

อุปถัมภ์บำรุงมารดาบิดา สงเคราะห์บุตร ธิดา ในทางที่ถูกควร ไม่ตามใจจนเสียคน สงเคราะห์ภรรยา และภรรยาก็ทำหน้าที่ต่อสามีอย่างถูกต้อง การงานไม่คั่งค้างอากูล



บันไดขั้นที่ ๕

รู้จักให้ เผื่อแผ่แบ่งปัน บริจาคสงเคราะห์ และมีจิตอาสา ประพฤติธรรม ดำรงอยู่ในศีลธรรม สงเคราะห์ญาติพี่น้อง การงานที่ไม่มีโทษ ทำกิจกรรมที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ไม่เป็นไปในทางเสียหาย



บันไดขั้นที่ ๖

เว้นจากความชั่วทุกชนิด เว้นจากการดื่มน้ำเมารวมถึงสิ่งเสพติด ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย คือไม่ดูถูกคุณความดี สนใจศึกษาธรรม



บันไดขั้นที่ ๗

แสดงความเคารพ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นผู้รู้คุณค่าของบุคคล สิ่งของและกิจกรรมนั้นๆ มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน สันโดษ หรือความพอใจในผลสำเร็จที่ได้สร้างขึ้น หรือในสิ่งที่หามาได้ด้วยกำลังและความเพียรของตนเองโดยชอบธรรม มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และหาโอกาสทดแทนคุณ กตเวที ฟังธรรมตามกาล แสวงหาความจริงของชีวิต



บันไดขั้นที่ ๘

มีความอดทน เพื่อฝึกฝนพัฒนาตนเอง เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย พบเห็นสมณะ เยี่ยมเยือนเข้าหาท่านผู้สงบอันเป็นเหตุให้ได้ฝึกจิต สนทนาธรรมตามกาล หรือหาโอกาสสนทนาเกี่ยวกับหลักความจริงและความถูกต้องดีงาม



บันไดขั้นที่ ๙

มีความเพียรเผากิเลส รู้จักบังคับควบคุมตนเอง ไม่บำรุงบำเรอตามใจอยาก ประพฤติพรหมจรรย์ ดำเนินตามอริยมรรค หรือการรู้จักควบคุมตนในทางเพศบ้าง เห็นอริยสัจ เข้าใจความจริงของชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้งหรือบรรลุนิพพาน



บันไดขั้นที่ ๑๐

เมื่อถูกโลกธรรม คือการได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ กระทบแล้ว จิตไม่หวั่นไหว จิตไร้เศร้าโศก จิตปราศจากธุลี จิตเกษม



จะเห็นได้ว่าบันไดทั้ง ๑๐ ขั้น หรือมงคล ๓๘ ประการนั้น ไม่มีข้อไหนที่ตรัสว่า วัตถุเป็นมงคลเลย และเมื่อพิจารณาด้วยเหตุผลแล้ว จะเห็นว่าหากปฏิบัติตามหลักอุดมมงคลทั้ง ๓๘ ประการเหล่านี้ ชีวิตรุ่งเรืองแน่นอน





หลวงพ่อเคยจำพรรษาอยู่ในสำนักของหลวงปู่กินรี ๑ พรรษา

แต่ในระหว่างธุดงค์ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นั้น เมื่อมีโอกาสผ่านไปถิ่นเดิม

ท่านก็มักแวะเวียนไปกราบนมัสการหลวงปู่ เพื่อรับฟังโอวาทสั้นๆ

หรือข้อคิดเตือนจิตสะกิดใจเล็กๆ น้อยๆ จากหลวงปู่เสมอ

หลวงปู่ท่านไม่เทศน์ยาว

“พุทโธ พุทโธ เด้อ! พุทธอ้อยสามวา ดึงเข่ามาให่เหลือวาเดียวหั่น

ดึงเข่ามายังแขนเดียวหั่น ดึงเข่ามายังศอกเดียวหั่น ดึงเข่ามายังคืบเดียวหั่น

ดึงเข่ามาอีก ใส่ใจนี่...ปั๊ด! นี่! หลวงปู่เทศน์ซำนี่ จั๊กเพินว่าอีหยัง บ่จั๊ก

ดึงเข่ามาปานควายบักตู้เวัย”

(พุทโธ พุทโธ นะ พุทธอ้อยสามวา ดึงเข้ามาให้เหลือวาเดียวนั่น

ดึงเข้ามาเหลือแขนเดียวนั่น ดึงเข้ามาเหลือศอกเดียวนั่น ดึงเข้ามาอีก

ใส่ใจนี่ ปั๊ด! หลวงปู่เทศน์แค่นี้ ไม่รู้ท่านว่าอะไร ไม่รู้ดึงเข้ามาอย่างกับควายเวัย)



หลวงพ่อเล่าถึงการสอนภาวนาของหลวงปู่พลางหัวเราะตัวเอง เพราะสมัยนั้น

หลวงพ่อก็ยังใหม่ต่อการภาวนา ยังไม่เข้าใจในความหมายในปริศนาธรรม

ที่หลวงปู่แสดง และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหลวงปู่สอนเรื่องการวางใจให้พอดี

หรือทางสายกลางด้วยปริศนาสั้นๆ ซึ่งกว่าหลวงพ่อจะแจ่มแจ้งก็ใช้เวลานานพอดู

“นางมะที (มัทรี) บ่สูงบ่ต่ำ บ่ก่ำ บ่ขาว บ่อ้วน บ่พี ก้ำพอดี พองาม”

(นางมัทรี ไม่สูงไม่ต่ำ ไม่ดำไม่ขาว ไม่อ้วนไม่พี พอดีพองาม)



“การทำงานคือการปฏิบัติ” คือปฏิปทาที่เด่นชัดอีกประการหนึ่งของหลวงปู่

หลวงพ่อเล่าว่า ตัวท่านเองทำความเพียรเท่าไร ส่วนมากหลวงปู่กลับทำงาน

อย่างอื่นเสีย จนหลวงพ่อนึกประมาทว่า หลวงปู่คงไม่ค่อยรู้อะไร หารู้ไม่ว่า

หลวงปู่ท่านสบายแล้ว มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อกำลังเย็บผ้า ร้อนแค่ไหนก็ไม่ยอมพัก

รีบเร่งจะให้เสร็จเร็วๆ อยากไปทำความเพียรต่อ หลวงปู่เดินมาให้ธรรมะเตือนสติว่า

“การปฏิบัตินั้นคือการมีสติอยู่ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะทำอะไร

การปฏิบัติด้วยความอยากนั้นผิดตั้งแต่เริ่มแล้ว”



แม้ข้อวัตรการกราบเพื่อฝึกสมาธิของวัดหนองป่าพงนั้น

หลวงพ่อก็ได้แบบอย่างไปจากสำนักของหลวงปู่กินรีนี่เอง

ด้วยความรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ หลวงพ่อได้จัดส่งลูกศิษย์ของท่าน

จากวัดหนองป่าพงไปอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ที่วัดของท่านเป็นประจำ

และจัดส่งบริขารเครื่องใช้ เช่น เภสัชที่จำเป็นไปถวายหลวงปู่อยู่เสมอ

กระทั่งวาระสุดท้ายเมื่อหลวงปู่มรณภาพ หลวงพ่อก็ได้เป็นธุระ

จัดงานฌาปนกิจศพหลวงปู่อย่างเต็มสติกำลัง



พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์ทรงห้ามเอาไว้ชัดเจน แต่ก็ยังพากันละเมิด แค่เห็นเศษเงินไม่เท่าไหร่ ก็กล้าละเมิดพระธรรมวินัยชั่วชิบหาย ดึงคนที่เขาศรัทธาศาสนาให้เสียหลัก หาสิ่งสกปรกมัดเขาให้ติดในสิ่งอันไม่เจริญ พวกนี้บวชเพื่อสร้างนรกแก่ตน แท้ ๆ หากไม่เชื่อว่ามีห้ามตรงไหน ก็อ่านดูสิ มีหลักฐานตามพระไตรปิฏกฯ

พระไตรปิฏกฯ(ปกสีน้ำเงิน) เล่ม ๑๑ หน้า ๓๑๕-๓๑๖


มหาศีล

(๑๑๔ ) ๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเล...ี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายฟ้าผ่าเป็นต้น ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนย
บูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองูเป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกัน
ลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง

มนุษย์มีกัมม์เป็นแดนเกิด มนุษย์มีกัมม์เป็นทายาท มนุษย์มีกัมม์เป็นที่พึ่ง มนุษย์มีกัมม์เผ่าพันธ์ มนุษย์มีกัมม์เป็นของของตน
การประพฤติปฏิบัติที่จะทำให้เราหลีกหนีจากพฤติกรรมในทางไม่ดี ต้องมีกลวิธีเฉพาะเหมาะแก่ตัว คือ ๑.ดี-ทำให้ติดอกติดใจในการกระทำแต่ความดีในกลุ่มคนดี เพราะเราจะได้เห็นผลดีตามลำดับ ดีทำแล้วติดอกติดใจ ติดตา ติดจิตและมั่นคิดถึง ๆ แล้วท่านทั้งหลายจ...ะไม่ถอยห่างความดี ๒.ชั่ว-ให้ตัดทิ้งทันที อย่าให้มีค้างคาอยู่ในกมลสันดาน ค่อย ๆ ตัดใจ และอะไรที่ชั่วในตัวเอง อย่าไปทำโดยไม่จำเป็น ๓.วิบัติ-ให้ร่วมกันต้าน อันความวิบัติจากยาเสพติด จากการโกงกิน จากพฤติกรรมทั้งหมดของคนทั้งหลายที่จะก่อให้วิบัติต้องช่วยกันต้านแม้กระทั่งความวิบัติอันเกิดจากการที่มนุษย์เรากำลังทำลายธรรมชาติด้วย
ธัมมะ เวลาฟังของพระอริยะเจ้า มันซาบซึ้งใจจริงๆนะ มันถึงใจจริงๆนะ เพราะท่านเปิดจากความเป็นจริงของท่าน ท่านจะไม่อ้อมค้อม ท่านจะไม่เหลาะๆ แหละๆ มันเป็นธัมม์ที่ ออกมาจากความจริงของท่าน ธัมม์ที่ออกมา ตรงไปตรงมา ตรงตามความเป็นจริงของธัมม์ ท่านจ...ะไม่จ๊ะจ๊ะไม่จ๋าจ๋า ไม่หวานๆ ไม่หว่านล้อม อะไรทั้งนั้น ที่เป็นไปในทางเสื่อม ธัมม์ที่ท่านแสดงออกมาเป็นไปเพื่อความเจริญถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่เหมือกับธัมม์ที่ออกมาจากความจำ ความซาบซึ้ง ความถึงใจ มันต่างกันมากๆ ธัมม์ที่ออกมาจากความจริงมันไม่ต้องกลัวว่าจะผิดเพี้ยนจากสัจจะ แต่ธัมม์ที่ออกมาจากความจำนั้น ต้องคอยระวัง ระแวง ระมัด กลัวว่าจะผิดจากตำรา มันจึงแตกต่างกัน
สัตว์ทั้งหลายแม้พญาราชสีห์
หากติดบ่วงนายพราน ก็ย่อมสิ้นกำลังและอำนาจ ได้รับแต่ความทุกข์ทรมานฉันใด
คนทั้งหลายแม้มีฤทธิ์อำนาจมากเพียงใด
หากติดบ่วงเสน่ห์หา ก็ย่อมสิ้นฤทธิ์หมดอำนาจ มีจิตโศก เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานฉันนั้น
ผู้ใดไม่มีสิ่งอันเป็นที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีความทุกข์
เพราะนึกถึงความตายและทำให้ใจคล้ายออกจากรัก ซึ่งเป็นต้นทางของความโศก พอคิดว่าเราเองก็ต้องตาย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เท่านี้ก็เริ่มจะได้คิด ความโศกความรักเริ่มหมดไปจากใจมีสติมา
พิจารณาตนเอง ไม่ประมาท ขวนขวายในการ...สร้างความดี

หญ้าแม้เป็นพืชต้นเล็กๆแต่เพราะมีความทน
ทรหดจึงสามารถแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วโลกฉันใด
คนเราแม้กำลังทรัพย์กำลังความรู้ความ
สามารถจะยังน้อยแต่ถ้ามีความอดทนแล้ว
ย่อมสามารถฝึกฝนตนเอง ให้ประสบสุขความ
สำเร็จในชีวิตได้ฉันนั้น

ถ้าดีใจก็จงยิ้มเพียงมุมปากเดียว เมื่อถึงคราว
เสียใจจะได้ไม่ถึงกับร้องไห้
ยิ่งมืดเท่าไหร่ ก็แสดงว่ายิ่งดึก
ยิ่งดึกเท่าไหร่ ก็แสดงว่ายิ่งใกล้สว่าง
เพราะฉะนั้นจะเจอความทุกข์ขนาดใหน
ความเสื่อมลาภเสื่อมยศ ถูกนินทาปานใด
สู้ทนทำความดีไปเถิด ยิ่งเจอหนักมากขึ้นก็
แสดงว่ามันใกล้ จะพ้นแล้ว
เหมือนยิ่งดึกก็ยิ่งใกล้สว่าง.........
"อย่าไปกลัวในความทุกข์"
"จงทำทุกข์ให้ชัดในใจตน"
"จึงค้นพบทางสว่างซึ่งปัญญา"
"จึงนำพาใจตนไม่พาเวียน
ดวงชะตามิใช่ฟ้าดินเป็นผู้กำหนดหรือ
เทพพรหมมาลิขิต กรรมที่ทำในอดีต
จะเป็นผู้กำหนดชะตาในปัจจุบัน
ดวงที่ดีเพราะผลแห่งกรรมดีเสริมส่ง
ดวงที่ร้ายเพราะผลแห่งกรรมชั่วมาตัดรอน
อำนาจที่มีผลต่อชะตาชีวิตมากที่สุด
... คือกรรมปัจจุบัน ถ้าเราสร้างกรรมดีในปัจจุบันให้มากพอ
ก็สามารถจะเปลี่ยนดวงชะตาที่ร้ายให้กลาย
เป็นดีได้อย่างอัศจรรย์
คำสอนหลวงปู่เปิ่น
1.ทำจิตใจให้สว่างก่อนที่จะสอนผู้อื่น
2.จงมีความเพียร
3.จงขยันทำงานไม่เกียจคร้าน
4.รู้จักอดออม
5.คบคนดีเป็นเพื่อน
6.จงทำมากกว่าพูด
7.เลี้ยงชีพให้สมฐานะของตนเอง
8.จงอย่าเป็นคนลักขโมย
... 9.เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
10.อย่ากล่าวคำหยาบอันเป็นการก้าวร้าวผู้อื่น
11.รู้จักบริจาคทรัพย์
12.สร้างบุญกุศลทั้งกลางวันและกลางคืน
13.ระลึกถึงสังขารไม่เที่ยงเสมอ
14.มีความกตัญญูต่อบิดามารดา
15.จงทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
16.ทำความดีตาย ดีกว่าทำความชั่วตาย
17.ไม่เบียดบังทรัพย์สินผู้อื่น
18.ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอยู่เพราะกรรมเก่าตั้งแต่โบราณ
19.การทำความดีไม่ต้องโอ้อวด
20.จงเป็นผู้ให้
21.จงมีความเที่ยงธรรม
22.มีความซื่อสัตย์สุจริต
23.ทำงานใหญ่ต้องอดทน
24.จงยิ้มสู้ จงอยู่อย่างยิ้มสู้กับสิ่งที่ลำบาก
คำสอนเหล่านี้ถ้าทุกคนได้ยึดถือปฏิบัติไม่มากก็น้อยจะช่วยให้อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข
มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและในการงาน
ที่ปฏิบัติอยู่ และเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
*ศิษย์น้อมกราบน้อมรับคำสอนทุกข้อที่หลวง
ปู่เมตตาสอน
" พระเมตตาบารมี ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
ความเมตตาปรารถนาให้สรรพสัตว์เป็นสุขถ้วนหน้า พระองค์คิดว่าจะมีประโยชน์อันใดเล่า
ที่เรารู้แล้วจะรู้เพียงคนเดียว เราพ้นแล้วจะพ้นเพียงคนเดียว เรารู้แล้วจะให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย และทรงมีพระเมตตาต่อคนที่ดีกับพระองค์ และคนที่ไม่ดีต่อพระองค์เสมอกัน
(เมตตาพระอานนท์กับพระเทวทัตเสมอกัน)
มันเกิดขึ้นมาแล้ว
เกิดดีเกิดชั่ว เกิดผิดเกิดถูก
มันก็ดับไป ถ้ารู้เท่าทันมัน

ก่อนจะนอนย้อนคิดชีวิตหนึ่ง
ทำไมถึงทุกข์เศร้าเพราะเหงาหลาย
เพราะยลยินกลิ่นหอมที่ล้อมกาย
รูปมากมายมากรสสลดใจ
..............
เป็นบางครั้งบางทีธรรมที่ได้
ความในใจคิดกลุ้มมารุมล้อม
ต้องบังคับจิตตนมาวนซ่อม
เหมือนกรรมบอมตามประกบให้พบเจอ
... ...........
ถึงที่สุดจุดหนึ่งคนึงคิด
ด้วยหลงผิดติดบ่วงความห่วงหา
รู้ปล่อยวางทางสุขทุกนิทรา
ลืมคำว่าของเราเขาและคุณ......
ความวุ่นวายนั้นอยู่ที่จิตคนเราเองต่างหาก
ถ้าคนเรา มีศีล มีธรรม ความวุ่นวายความร้อนรน ก็จะลดน้อยลง....



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร