วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2013, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:



ผมขอแสดงความเห็นอย่างนี้นะครับ อะไรที่คุณกรัชกายเสนอมาเรื่องท่องอะไรในส่วนของอานาปานสติมานั้นผมขอวางไว้ก่อนเพราะองค์องค์ไม่ได้บอกไว้ท่อง และสิ่งที่ประจักษย์กับผมบนเส้นทางนี้ที่ทำให้ผมเหลือเส้นทางเดินเพียงเส้นทางเดียวไม่ไดเกิดมาจากการท่องอะไรแต่อย่างใด มันเกิดจากความเพียรที่ไม่ย่อหย่อนอย่างสูงของผม คงไม่ว่ากันนะครับ แต่ถ้าจะบริกรรมใดๆก็น่าจะไม่ใช่ก่รปฎิบัติอานาปานสตินะครับซึ่มีให้เห็นพระสูตรอยู่บางที่บริกรรมดอกบัว หรือระโชหะระนัง ฯนั้นผมไม่มีความรู้ และที่ผมเลือกอานาปานนั้นเพราะพระองค์สรรเสริญไว้มากและก็บอกว่าสามารถทำใหถึงวิมุติได้ ชีวิตคนเรามันสั้นมากผมเลือกอานาปานแบบไม่มีคำบริกรรมครับ และพระองค์กกล่าวว่าแม้ธรรมเพียงบทเดียวก็เพียงพอต่อเธอเป็นไปเพื่อความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน และผมเองก็ไม่ใช่คนชอบทำอะไรมากๆซะด้วย และผมก็เชื่อตามนั้น เพราะผมหยั่งลงมั่นในตถาคตครับ



หยั่งลงมั่นในตถาคต ไม่ค่อยเข้าใจ ขอคำอธิบายหน่อยครับ :b10:

อานาปาน ดังว่าหมายถึงอะไรครับ



หยั่งลงมั่นในตถาคต ที่จริงแแล้วผู้ที่หยั่งลงมั่นในตถาคตแล้วนั้นก็คือผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัยนั้นเอง ซึ่งทำลายความสงสัยในเส้นทางอริยมรรคได้แล้ว มีความมั่นคงบนเส้นทาง ได้พบกระแสพระนิพพาน ธรรมสูงสุดที่พระองค์ได้แสดงไว้


หยั่งลงมั่นในตถาคต ก็คือ ได้พบกระแสพระนิพพาน แปลว่า อย่างน้อย ก็พระโสดาบันใช่ไหมครับ

แล้ว อานาปาน แบบไม่มีคำบริกรรม ทำยังไงครับบอกเป็นธรรมทานหน่อยครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2013, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
ผมขอแสดงความเห็นอย่างนี้นะครับ อะไรที่คุณกรัชกายเสนอมาเรื่องท่องอะไรในส่วนของอานาปานสติมานั้นผมขอวางไว้ก่อนเพราะองค์องค์ไม่ได้บอกไว้ท่อง และสิ่งที่ประจักษย์กับผมบนเส้นทางนี้ที่ทำให้ผมเหลือเส้นทางเดินเพียงเส้นทางเดียวไม่ไดเกิดมาจากการท่องอะไรแต่อย่างใด มันเกิดจากความเพียรที่ไม่ย่อหย่อนอย่างสูงของผม คงไม่ว่ากันนะครับ แต่ถ้าจะบริกรรมใดๆก็น่าจะไม่ใช่ก่รปฎิบัติอานาปานสตินะครับซึ่มีให้เห็นพระสูตรอยู่บางที่บริกรรมดอกบัว หรือระโชหะระนัง ฯนั้นผมไม่มีความรู้ และที่ผมเลือกอานาปานนั้นเพราะพระองค์สรรเสริญไว้มากและก็บอกว่าสามารถทำใหถึงวิมุติได้ ชีวิตคนเรามันสั้นมากผมเลือกอานาปานแบบไม่มีคำบริกรรมครับ และพระองค์กกล่าวว่าแม้ธรรมเพียงบทเดียวก็เพียงพอต่อเธอเป็นไปเพื่อความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน และผมเองก็ไม่ใช่คนชอบทำอะไรมากๆซะด้วย และผมก็เชื่อตามนั้น เพราะผมหยั่งลงมั่นในตถาคตครับ


อเมชิ่ง ถามหน่อยและฝากไปถามอาจารย์คุณด้วยว่า.....
รู้จักนิวรณ์ห้ามั้ย ที่บอกว่า พระพุทธองค์ไม่ได้บอกให้บริกรรม
อาจารย์คุณเข้าใจคำว่าบริกรรมไปในทางไหน

และถ้าไม่ให้บริกรรม อย่างเราถ้ากำลังปฏิบัติอยู่เกิดนิวรณ์ขึ้นจะต้องทำอย่างไร
การเพ่งเรียกบริกรรมมั้ย การมีเครื่องอยู่(วิหารธรรม)เรียกบริกรรมมั้ย

การสวดมนต์ ท่องยุบหนอพองหนอในใจเรียกบริกรรมมั้ย


สรุปว่าอาจารย์คุณเข้าใจ...บริกรรมว่าอย่างไร :b6:
ว่างๆคุณโฮฮับลองไปทำบุญที่วัดดูซิ ไปสนทนาดูเลยผมก็อยากรู้ว่าสิ่งที่คุณรู้มานั้นจะหักลางสิ่งที่คุณว่าผิดได้หรือเปล่า ไปแล้วได้ผลอย่างไรบอกดยนะครับ

ผมไม่ทำบุญกับพระ จะมีก็แค่ใส่บาตรในวันธรรมดา จะเลือกพระที่มีแต่บาตรไม่ถือย่าม
และของที่ใส่ก็แค่ข้าวถุงแกงถุงแค่นั้น ไม่เคยเอาเงินทองถวายพระ

แล้วมันเรื่องอะไรต้องให้ผมไปที่วัด ก็ในเมื่อพระชอบที่จะออกสื่อ
ก็ให้พระมาตอบในเว็บบอร์ดมันถึงจะถูก

ถ้าพระชอบแสดงความเห็นสอนธรรมออกสื่อ
แล้วผมถึงกลับต้องเดินทางไปวัดที่พระรูปนั้นสอน.......แบบนี้มิเท่ากับว่า
ผมขาดสติไม่ได้พิจารณาธรรมให้ดีน่ะซิ การกระทำแบบนั้นเข้าเรียกงมงาย

ทางวัดมีเว็บของตัวเองไม่ใช่หรือ ก็เปิดให้คนแสดงความเห็น
อย่างอิสระซิ จะได้รู้ว่าอรรถกถาจะสู้คนที่อ้างพุทธวจนได้มั้ย

เอางี้ ถ้าคุณไปวัดฝากนิมนต์อาจารย์คุณมาสนทนาธรรมในเว็บลานธรรมจักรก็ได้
มันจะได้ยุติธรรมกันทั้งสองฝ่าย :b13:
แสดงในสื่อมันไม่จบหรอก เจอกันเลยก้มลงกราบด้วยความเป็นสรณะ ท่านสงสัยอะไรจะได้ถามเลยครับจะได้คำตอบที่ชัดเจน ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยยอมรับพระสงฆ์นัก แต่ยอมรับในอถกถา แต่ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับอรรถกถานะแต่ไม่ยอมรับการเสริมเติมต่อเพราะจะทำใหพระสัทธรรมเปลี่ยนแปลง จึงยึดเอาแต่พุทธวจนเท่านั้นปลอดภัยสำหรับตัวเอง และถามหน่อยทำไมเลือกแต่พระที่ถือบาตรไม่เลือพระที่ถือย่ามพระถือย่ามไม่ดีตรงไหนหรอ คุณโฮฮับมีเงื่อนไขเยอะเนาะ


มีปัญญาสูงแล้วระดับไหนค่ะ ถึงได้คัดว่าโน้นใช่ นี่ไม่ใช่
การยอมรับไม่อันตรายนะคะ
แต่การคัดออก นี่อันตรายมากที่สุด เพราะถ้าท่านเหล่านั้นอธิบายไว้ถูกต้องดีแล้ว
แล้วคุณคัดออก บอกว่าไม่ใช่ จบข่าวเลยนะคะ

ถ้าจะให้เชื่อคนในยุคนี้นะคะ ดิฉันขอเชื่อโบราณจารย์ขอนับถือท่านอย่างสนิทใจ
ที่ท่านได้เมตตาอธิบายพระบาลี ถ่ายทอดไว้ให้คนรุ่นหลังที่ปัญญาน้อย
ได้เข้าใจธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเคยตรัสสอนไว้ค่ะ

เราไม่มีสิทธิไปปฏิเสธสาวกภาษิต เพราะท่านเหล่านั้นก็นำธรรมะพระพุทธองค์มาขยาย
อย่างผู้ที่เห็นสภาวะธรรมมาแล้ว ครบแล้วทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ถ้าปฏิเสธคำอธิบายก็อันตรายเท่ากับปฏิเสธ 1 ในพระรัตนตรัย
อันตรายระดับขั้นนั้นทีเดียว คือ ปฏิเสธพระสงฆ์สาวก ซึ่งคือ 1 ในพระรัตนตรัยค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2013, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
แสดงในสื่อมันไม่จบหรอก เจอกันเลยก้มลงกราบด้วยความเป็นสรณะ

ใครจะไปเอาอาจารย์คุณเป็นสรณะ คุณอย่ามาเพ้อเจ้อ
ผมชักจะรำคาญคุณแล้วน่ะ ไอ้เรื่องพูดจาหลักลอยไร้แก่นสารนี่น่ะ
จะพูดจากับใครตั้งสติ หาจุดยืนให้ดีก่อนไม่ดีกว่าหรือ
amazing เขียน:
ท่านสงสัยอะไรจะได้ถามเลยครับจะได้คำตอบที่ชัดเจน

เรื่องธรรมผมไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยกับอาจารย์คุณเท่านั้น
อาจารย์คุณอยากจะตั้งสำนักสอนธรรมใครมันก็เป็นเรื่องของอาจารย์คุณ แต่ไอ้ประเภท
อวดอ้างโหนพระศาสดา แล้วก็มาปรามาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์ แบบนี้ชาวพุทธเขาก็อยู่เฉยไม่ได้

ว่าคนอื่นเขาพูดนอกพุทธวจน แต่ตัวเองแค่อาศัยอ้างพุทธวจน
แล้วก็แสดงความเห็นตัวเองลงไป ทั้งๆที่ผิดๆถูกๆ

ผมเห็นอาจารย์คุณแสดงธรรมแล้ว ก็รู้ได้เลยว่า มันก็เป็นเพียงความเห็นที่ตัวเอง
เข้าใจไปเองว่าถูกต้อง แบบนี้ผมถึงกล้าท้าฝากคุณไปไง

อันที่จริงผมไม่อยากยุ่งกับพระนักหรอก แต่ด้วยลูกศิษย์ไม่ได้ความ
พูดธรรมเพ้อเจ้อ ฟุ้งบัญญัติ หลักลอย เลยจำเป็นต้องคุยกับอาจารย์แทนไง

amazing เขียน:
ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยยอมรับพระสงฆ์นัก แต่ยอมรับในอถกถา

เพ้อเจ้ออีกแล้ว ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับพระสงฆ์ แตผมไม่ยอมรับอาจารย์คุณ
ไอ้เรื่องยอมรับไม่ยอมรับ ต้องไปถามอาจารย์คุณโน้น .....
อ้างพุทธวจนไม่มองหน้าอินทร์หน้าพรหมณ์เลย
amazing เขียน:
แต่ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับอรรถกถานะแต่ไม่ยอมรับการเสริมเติมต่อเพราะจะทำใหพระสัทธรรมเปลี่ยนแปลง จึงยึดเอาแต่พุทธวจนเท่านั้นปลอดภัยสำหรับตัวเอง และถามหน่อยทำไมเลือกแต่พระที่ถือบาตรไม่เลือพระที่ถือย่ามพระถือย่ามไม่ดีตรงไหนหรอ คุณโฮฮับมีเงื่อนไขเยอะเนาะ

พูดอยู่นั้นแหล่ะ อ้างมันตะพึดตะพือ เห็นดีแต่พูดจาหลักลอยเลื่อนเปื้อน
อ้างพุทธวจน แต่ไม่เห็นเอาพุทธวจนมาประกอบความเห็นเลย เตือนหลายหนแล้วก็ยังไม่สำเหนียก

อเมชิ่ง ถามจริงคุณไม่เข้าใจที่ผมพูดหรือครับว่า การยึดเอาพุทธวจน
การพูดหรือแสดงความเห็นจะต้องมีพุทธวจนมาประกอบทุกครั้ง
เพื่อให้รู้ธรรมที่คุณพูดว่ามาจากพุทธวจนจริงๆ ถามซ้ำอีกครั้งว่าคุณเข้าใจมั้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 07:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:



ผมขอแสดงความเห็นอย่างนี้นะครับ อะไรที่คุณกรัชกายเสนอมาเรื่องท่องอะไรในส่วนของอานาปานสติมานั้นผมขอวางไว้ก่อนเพราะองค์องค์ไม่ได้บอกไว้ท่อง และสิ่งที่ประจักษย์กับผมบนเส้นทางนี้ที่ทำให้ผมเหลือเส้นทางเดินเพียงเส้นทางเดียวไม่ไดเกิดมาจากการท่องอะไรแต่อย่างใด มันเกิดจากความเพียรที่ไม่ย่อหย่อนอย่างสูงของผม คงไม่ว่ากันนะครับ แต่ถ้าจะบริกรรมใดๆก็น่าจะไม่ใช่ก่รปฎิบัติอานาปานสตินะครับซึ่มีให้เห็นพระสูตรอยู่บางที่บริกรรมดอกบัว หรือระโชหะระนัง ฯนั้นผมไม่มีความรู้ และที่ผมเลือกอานาปานนั้นเพราะพระองค์สรรเสริญไว้มากและก็บอกว่าสามารถทำใหถึงวิมุติได้ ชีวิตคนเรามันสั้นมากผมเลือกอานาปานแบบไม่มีคำบริกรรมครับ และพระองค์กกล่าวว่าแม้ธรรมเพียงบทเดียวก็เพียงพอต่อเธอเป็นไปเพื่อความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน และผมเองก็ไม่ใช่คนชอบทำอะไรมากๆซะด้วย และผมก็เชื่อตามนั้น เพราะผมหยั่งลงมั่นในตถาคตครับ



หยั่งลงมั่นในตถาคต ไม่ค่อยเข้าใจ ขอคำอธิบายหน่อยครับ :b10:

อานาปาน ดังว่าหมายถึงอะไรครับ



หยั่งลงมั่นในตถาคต ที่จริงแแล้วผู้ที่หยั่งลงมั่นในตถาคตแล้วนั้นก็คือผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัยนั้นเอง ซึ่งทำลายความสงสัยในเส้นทางอริยมรรคได้แล้ว มีความมั่นคงบนเส้นทาง ได้พบกระแสพระนิพพาน ธรรมสูงสุดที่พระองค์ได้แสดงไว้


หยั่งลงมั่นในตถาคต ก็คือ ได้พบกระแสพระนิพพาน แปลว่า อย่างน้อย ก็พระโสดาบันใช่ไหมครับ

แล้ว อานาปาน แบบไม่มีคำบริกรรม ทำยังไงครับบอกเป็นธรรมทานหน่อยครับ :b10:
อานาปานสติย่อมไม่มีคำบริกรรมแน่นอนครับ การที่เรากำหนดสติอยู่กับลมหายใจนั้นก็คือการให้จิตมีที่อยู่โดยใช้กายเป็นเสาเขื่อนเสาหลัก เป็นการฝึกละนั้นทิให้จิตมีเครื่องอยู่ และลมซึ่งคือกายหนึ่งกายทั้งปวงหรือจะเรียกว่ากายในกายก็ได้นั้น และกายสังขารนั้นก็ยังสงบระงับดับไปได้ด้วยการมีสติอยู่กับลมหายใจ การปฎิบัติอานาปานสตินั้นการปฎิบัติไม่มีอะไรมากเลยเพียงกำหนดลมหายใจออกเข้าธรรมดา ให้รู้ชัดในกองลมออกเข้าอย่างไร เกิดอะไรก็ให้ดูมันตามอาการที่มันเกิดขึ้นมาในกายเรานี่แหล่ะ

และพิจารณาให้ทั่วร่างกายเมื่อสติมีพลังมากขึ้นจากการจิตมีสมาธิมากขึ้นเราก้จะเริ่มเข้าถึงสภาวะะรรมโดยความเป็นปรมัตถ์เข้าถึงควา่มเป็นธาตุร่างกายทั้งร่างกายจะมีแต่ความสั่นสะเทือนเป็นความถี่เบาๆเิกิดดับๆๆๆแบบนี้ไม่รูปร่างให้หลงเหลืออยู่ว่าเป็นแขนเป็นขาเป็นตัวเป็นตน นี้เรียกว่าเข้าสู่ปัญญาที่เราจะรู้ได้ว่าทั้งหมดคือความเกิดขึ้นตังอยู่ดับไป และในความสั่นสะเทือนนี้เมื่อจิตเข้าถึงสภาวะนี้นั้น จิตจะมีความปิติ มีความสุขเป้นเวทนา และเวทนาเหล่านี้เกิดขึ้นสักระยะกับดับลงไปได้ื

เมื่อจิตเห็นลักษณะ ทั้งกายและเวทนานั้นมีอาการแค่เกิดดับ ตรงกับสุตตะมยปัญญาที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาพิจารณามาแล้วจิตเรายอมรับความจริงจิตเริ่มคลายความสงสัยในธรรมที่เคยได้ยินได้ฟังมา แต่จิตยังคลายความสงสัยไม่ได้หมดเพราะอานาปานสตินั้นยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่สามารถดับกายสังขารและจิตสังขารได้หมดจึงยังไม่สู่ธรรมในธรรมที่แท้จริงคือความไม่กิดไม่ดับ จิตหรือวิญญานจะคลายสงสัยหรือเรียกว่าก้าวเข้าสู่ความเป็นอริยจริงๆนั้นสังขารทั้งหลายต้องดับไป และจิตจะพบกับธรรมในธรรมคือความไม่เกิดไม่ดับ เป็นการดับสังขารทั้งหมด ทั้งหมดจบลงตรงนี้คือลมหายใจจะดับเป็นสิ่งที่เราจะรับรู้ได้ด้วยจิต(วิญญานธาตุที่เปนธาตุรู้เท่านั้น)ตราบใดกายสังขารใครยังดับไม่ได้ยังเข้าไม่ถึงสัจจะธรรมแท้จริงเปนเพียง สุตตะและจินตาเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 08:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
ผมขอแสดงความเห็นอย่างนี้นะครับ อะไรที่คุณกรัชกายเสนอมาเรื่องท่องอะไรในส่วนของอานาปานสติมานั้นผมขอวางไว้ก่อนเพราะองค์องค์ไม่ได้บอกไว้ท่อง และสิ่งที่ประจักษย์กับผมบนเส้นทางนี้ที่ทำให้ผมเหลือเส้นทางเดินเพียงเส้นทางเดียวไม่ไดเกิดมาจากการท่องอะไรแต่อย่างใด มันเกิดจากความเพียรที่ไม่ย่อหย่อนอย่างสูงของผม คงไม่ว่ากันนะครับ แต่ถ้าจะบริกรรมใดๆก็น่าจะไม่ใช่ก่รปฎิบัติอานาปานสตินะครับซึ่มีให้เห็นพระสูตรอยู่บางที่บริกรรมดอกบัว หรือระโชหะระนัง ฯนั้นผมไม่มีความรู้ และที่ผมเลือกอานาปานนั้นเพราะพระองค์สรรเสริญไว้มากและก็บอกว่าสามารถทำใหถึงวิมุติได้ ชีวิตคนเรามันสั้นมากผมเลือกอานาปานแบบไม่มีคำบริกรรมครับ และพระองค์กกล่าวว่าแม้ธรรมเพียงบทเดียวก็เพียงพอต่อเธอเป็นไปเพื่อความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน และผมเองก็ไม่ใช่คนชอบทำอะไรมากๆซะด้วย และผมก็เชื่อตามนั้น เพราะผมหยั่งลงมั่นในตถาคตครับ


อเมชิ่ง ถามหน่อยและฝากไปถามอาจารย์คุณด้วยว่า.....
รู้จักนิวรณ์ห้ามั้ย ที่บอกว่า พระพุทธองค์ไม่ได้บอกให้บริกรรม
อาจารย์คุณเข้าใจคำว่าบริกรรมไปในทางไหน

และถ้าไม่ให้บริกรรม อย่างเราถ้ากำลังปฏิบัติอยู่เกิดนิวรณ์ขึ้นจะต้องทำอย่างไร
การเพ่งเรียกบริกรรมมั้ย การมีเครื่องอยู่(วิหารธรรม)เรียกบริกรรมมั้ย

การสวดมนต์ ท่องยุบหนอพองหนอในใจเรียกบริกรรมมั้ย


สรุปว่าอาจารย์คุณเข้าใจ...บริกรรมว่าอย่างไร :b6:
ว่างๆคุณโฮฮับลองไปทำบุญที่วัดดูซิ ไปสนทนาดูเลยผมก็อยากรู้ว่าสิ่งที่คุณรู้มานั้นจะหักลางสิ่งที่คุณว่าผิดได้หรือเปล่า ไปแล้วได้ผลอย่างไรบอกดยนะครับ

ผมไม่ทำบุญกับพระ จะมีก็แค่ใส่บาตรในวันธรรมดา จะเลือกพระที่มีแต่บาตรไม่ถือย่าม
และของที่ใส่ก็แค่ข้าวถุงแกงถุงแค่นั้น ไม่เคยเอาเงินทองถวายพระ

แล้วมันเรื่องอะไรต้องให้ผมไปที่วัด ก็ในเมื่อพระชอบที่จะออกสื่อ
ก็ให้พระมาตอบในเว็บบอร์ดมันถึงจะถูก

ถ้าพระชอบแสดงความเห็นสอนธรรมออกสื่อ
แล้วผมถึงกลับต้องเดินทางไปวัดที่พระรูปนั้นสอน.......แบบนี้มิเท่ากับว่า
ผมขาดสติไม่ได้พิจารณาธรรมให้ดีน่ะซิ การกระทำแบบนั้นเข้าเรียกงมงาย

ทางวัดมีเว็บของตัวเองไม่ใช่หรือ ก็เปิดให้คนแสดงความเห็น
อย่างอิสระซิ จะได้รู้ว่าอรรถกถาจะสู้คนที่อ้างพุทธวจนได้มั้ย

เอางี้ ถ้าคุณไปวัดฝากนิมนต์อาจารย์คุณมาสนทนาธรรมในเว็บลานธรรมจักรก็ได้
มันจะได้ยุติธรรมกันทั้งสองฝ่าย :b13:
แสดงในสื่อมันไม่จบหรอก เจอกันเลยก้มลงกราบด้วยความเป็นสรณะ ท่านสงสัยอะไรจะได้ถามเลยครับจะได้คำตอบที่ชัดเจน ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยยอมรับพระสงฆ์นัก แต่ยอมรับในอถกถา แต่ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับอรรถกถานะแต่ไม่ยอมรับการเสริมเติมต่อเพราะจะทำใหพระสัทธรรมเปลี่ยนแปลง จึงยึดเอาแต่พุทธวจนเท่านั้นปลอดภัยสำหรับตัวเอง และถามหน่อยทำไมเลือกแต่พระที่ถือบาตรไม่เลือพระที่ถือย่ามพระถือย่ามไม่ดีตรงไหนหรอ คุณโฮฮับมีเงื่อนไขเยอะเนาะ


มีปัญญาสูงแล้วระดับไหนค่ะ ถึงได้คัดว่าโน้นใช่ นี่ไม่ใช่
การยอมรับไม่อันตรายนะคะ
แต่การคัดออก นี่อันตรายมากที่สุด เพราะถ้าท่านเหล่านั้นอธิบายไว้ถูกต้องดีแล้ว
แล้วคุณคัดออก บอกว่าไม่ใช่ จบข่าวเลยนะคะ

ถ้าจะให้เชื่อคนในยุคนี้นะคะ ดิฉันขอเชื่อโบราณจารย์ขอนับถือท่านอย่างสนิทใจ
ที่ท่านได้เมตตาอธิบายพระบาลี ถ่ายทอดไว้ให้คนรุ่นหลังที่ปัญญาน้อย
ได้เข้าใจธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเคยตรัสสอนไว้ค่ะ

เราไม่มีสิทธิไปปฏิเสธสาวกภาษิต เพราะท่านเหล่านั้นก็นำธรรมะพระพุทธองค์มาขยาย
อย่างผู้ที่เห็นสภาวะธรรมมาแล้ว ครบแล้วทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ถ้าปฏิเสธคำอธิบายก็อันตรายเท่ากับปฏิเสธ 1 ในพระรัตนตรัย
อันตรายระดับขั้นนั้นทีเดียว คือ ปฏิเสธพระสงฆ์สาวก ซึ่งคือ 1 ในพระรัตนตรัยค่ะ
ปัญญาสูงแค่ไหนเอาเป้นว่าเห็นคำกล่าวของพระองค์สำคัญที่สุด จึงคัดกรองเอาแต่สิ่งที่พระองค์กล่าวล้วนๆไว้คงไว้แต่พระสัทธรรมที่พระองค์กล่าวไว้เท่าที่หลักฐานตำราเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เราจะมีได้ไว้ให้ลูกหลานศึกษาต่อก็น่าจะเป็นสิ่งดีนัะครับ ส่วนตำราที่มีอยู่ที่ทำใหม่ขึ้นมานั้นใครจะไปศึกษาก้ตามสบายเลยไม่มีใครห้ามใครได้หรอกครับมันขึ้นอยู่กับอินทรีย์ของแต่ละคน

และขอให้เข้าใจอย่างนี้นะครับ เราไม่ใส่ใจในตัวบุคคลเราใส่ใจความเป็นสรณะในความเลื่อมใสเรารู้ว่าสงฆ์คือผู้ปฎิบัติและเข้าถึงธรรมเป็นผู้ควรนับถือสัการะเป็นที่พึ่งมี แต่ที่เราถกเถียงเป็นประเด็นเรื่องราวทั้งหมดลงตรงที่บทพยัญชนะที่มันมีเสริมเติมใหม่ขึ้นมา และอธิบายให้เห็นโทษในสิ่งที่แต่งใหม่ว่ามีโทษอย่างไรและจะนำไปสู่เหตุการอย่างไรในอนาคตซึ่งเรายกตัวอย่างไว้แล้วก็คือความเสื่อมแห่งพระสัทธรรม แน่นอนเราคงจะห้ามความเสื่อมของพระสัทธรรมที่เป้นบนคำสอนนั้นไม่ได้ แต่เราขาวพุทธเมื่อทราบถึงคำสั่งของพระบิดาของเรา พวกเราทุกคนไม่ว่าท่านไม่ว่าเราคงทำในสิ่งเดียวกันคือพยายามธำรงค์พระสัทธรรมแท้ของพระองค์เท่าที่จะมีเหลือตามหลักฐานคือเก่าที่สุดนั้นก็คือบาลีสยามรัฐตรงนี้น่าจะตรงกันใช่มัยครับ

ส่วนเรื่องสิ่งอื่นการเข้าใจอาจคลาดเคลื่อนได้เพราะการสื่อสารอะไร เพราะผู้ที่สืออาจสื่อไม่สมบูรณ์ และผู้ที่ฟังอาจเข้าใจผิดเพราะเหตุปัจจัยอะไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งแก้ตัวให้ดูดี ไม่มีใครหรอกครับที่เป็นผู้ปรพฤติธรรมแล้วจะดูถูกครูอาจารย์ตนเอง เพียงแต่ถ้าครูอาจารย์กล่าวไม่ตรงกับพุทธวจนเราก็สามารถเอามาถกเถียงให้ทราบว่าสิ่งใดตรงหรือผิดไปจากพุทธวจนเท่านั้นเรื่องของเรื่องมันมีอยู่เท่านั้น และเมื่อตรวจสอบตามหลักมหาปเทสแล้ว ทุกคนจะยอมรับอย่างไรมันก้ต่างกันอีกเพราะอินทรีย์แต่ละคนไม่เท่ากัน อันนี้ก็ตองปล่อยไปแล้วล่ะเพราะทุกคนมีเวลาเป็นของตนเอง


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 23 ก.ค. 2013, 12:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 09:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
แสดงในสื่อมันไม่จบหรอก เจอกันเลยก้มลงกราบด้วยความเป็นสรณะ

ใครจะไปเอาอาจารย์คุณเป็นสรณะ คุณอย่ามาเพ้อเจ้อ
ผมชักจะรำคาญคุณแล้วน่ะ ไอ้เรื่องพูดจาหลักลอยไร้แก่นสารนี่น่ะ
จะพูดจากับใครตั้งสติ หาจุดยืนให้ดีก่อนไม่ดีกว่าหรือ
amazing เขียน:
ท่านสงสัยอะไรจะได้ถามเลยครับจะได้คำตอบที่ชัดเจน

เรื่องธรรมผมไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยกับอาจารย์คุณเท่านั้น
อาจารย์คุณอยากจะตั้งสำนักสอนธรรมใครมันก็เป็นเรื่องของอาจารย์คุณ แต่ไอ้ประเภท
อวดอ้างโหนพระศาสดา แล้วก็มาปรามาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์ แบบนี้ชาวพุทธเขาก็อยู่เฉยไม่ได้

ว่าคนอื่นเขาพูดนอกพุทธวจน แต่ตัวเองแค่อาศัยอ้างพุทธวจน
แล้วก็แสดงความเห็นตัวเองลงไป ทั้งๆที่ผิดๆถูกๆ

ผมเห็นอาจารย์คุณแสดงธรรมแล้ว ก็รู้ได้เลยว่า มันก็เป็นเพียงความเห็นที่ตัวเอง
เข้าใจไปเองว่าถูกต้อง แบบนี้ผมถึงกล้าท้าฝากคุณไปไง

อันที่จริงผมไม่อยากยุ่งกับพระนักหรอก แต่ด้วยลูกศิษย์ไม่ได้ความ
พูดธรรมเพ้อเจ้อ ฟุ้งบัญญัติ หลักลอย เลยจำเป็นต้องคุยกับอาจารย์แทนไง

amazing เขียน:
ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยยอมรับพระสงฆ์นัก แต่ยอมรับในอถกถา

เพ้อเจ้ออีกแล้ว ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับพระสงฆ์ แตผมไม่ยอมรับอาจารย์คุณ
ไอ้เรื่องยอมรับไม่ยอมรับ ต้องไปถามอาจารย์คุณโน้น .....
อ้างพุทธวจนไม่มองหน้าอินทร์หน้าพรหมณ์เลย
amazing เขียน:
แต่ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับอรรถกถานะแต่ไม่ยอมรับการเสริมเติมต่อเพราะจะทำใหพระสัทธรรมเปลี่ยนแปลง จึงยึดเอาแต่พุทธวจนเท่านั้นปลอดภัยสำหรับตัวเอง และถามหน่อยทำไมเลือกแต่พระที่ถือบาตรไม่เลือพระที่ถือย่ามพระถือย่ามไม่ดีตรงไหนหรอ คุณโฮฮับมีเงื่อนไขเยอะเนาะ

พูดอยู่นั้นแหล่ะ อ้างมันตะพึดตะพือ เห็นดีแต่พูดจาหลักลอยเลื่อนเปื้อน
อ้างพุทธวจน แต่ไม่เห็นเอาพุทธวจนมาประกอบความเห็นเลย เตือนหลายหนแล้วก็ยังไม่สำเหนียก

อเมชิ่ง ถามจริงคุณไม่เข้าใจที่ผมพูดหรือครับว่า การยึดเอาพุทธวจน
การพูดหรือแสดงความเห็นจะต้องมีพุทธวจนมาประกอบทุกครั้ง
เพื่อให้รู้ธรรมที่คุณพูดว่ามาจากพุทธวจนจริงๆ ถามซ้ำอีกครั้งว่าคุณเข้าใจมั้ย
ผมไม่ได้ให้เอาจาจารย์คึกฤทฺธิ์เป็นสรณะให้เอาพระสงฆ์เป็นสรณะ

ถ้าคุณไม่สงสัยก็ดีแล้วก้มกราบเลย ถ้าไม่ก้มก็ยังสงสัยใจความเป็นสรณะอยู่ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีใครปรามาสใครหรอก เมื่อยืนยันตั้งใจจะนำเสนอพุทธวจนก็ต้องเอาคำกล่าวหรือบทพยัญชนะมาตรวจสอบกันว่าตรงตรามหลักมหาปเทศมั้ย ที่บอกว่าไม่เอาหน้าอินทร์หน้าพรมเลยไม่จริงหรอกครับคุณโฮฮับ มีหลายครั้งมีพระที่มีพรรษามากกว่ามีที่วัดมาขอความรู้เกี่ยวกับพุทธวจนท่านอาจารย์ก็ก้มกราบ อย่่งนี้จะเรียกว่าไม่เอาหน้าอินหน้าพรหมเลยได้อย่างไร เพียงแต่การสนทนาในบทพยัญชนะที่พระองค์กล่าวเป็นอย่างนันจริงๆคือให้สนใจแต่คำตถาคตเท่านั้น

เพราะสาวกเป็นเพียงผู้กล่าวตามคำตถาคตที่กว่าไว้เท่านั้น และที่พระอาจารย์เน้นที่สุดก็คือพวกที่ชอบทำมิจฉาอาชีวะ และผูที่ยังมีมิจฉาทิฎฐิเบาเสกน้ำมนต์ เครื่องรางของขลังต่างๆ เพราะมีหลักฐานว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นทั้งมิจฉิทิฎฐิ และมิจฉาอาชีวะ และกับพวกที่กระทำการพระสัทธรรมปฎิรูปคิดแต่งคำให้ดูวิจิตรสวยหรู แต่พระองค์กทรงบอกแล้วนี่ครับมันเปนหนทางแห่งคตวามเสื่อม พระอาจารย์กนำยกมาแสดงให้ทราบเรื่องของเรื่องก้มีอยู่เท่านั้น จุดหมายกมีอยู่เท่านี้

ยกตัวอย่างเช่นหลวงปู่หลวงน้าหลวงตาเราชอบบอกว่าอย่าสนใจเลยปริยัติให้ปฎิบัติอย่างเดียว ตรงนี้นั้นเราต้องยกหลวงปู่หลวงน้าหลวงตาออกก่อนเพราะหลายท่านชอบยึดติดตัวบุคคลจนมองข้ามพระสัทธรรมที่แท้ไป ซึ่งพุทธวจนบอกว่าให้สะสมสุดตะให้มากๆซึ่งตรงนี้ก็ไม่ตรงกันแล้วอาจารย์ก็ได้เอามากล่าวเพื่อให้พวกเรารับรู้รับทราบ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปตำหนิว่าท่านแต่อย่างไรเพียงแต่บอกให้เห็นความต่างกันและคนฟังเมื่อฟังแล้วก็เลือกเอาจะทำอย่างไรกับตนเอง และก็ยังมีพระสูตรที่ว่าแม้ธรรมบทเดียวก็เพียงพอที่จะให้ความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน เห็นมั้ยครับว่ามันมีแง่มุมแบบนี้ เราจึงนำมาสนทนาเพื่อความเข้าใจ ที่นี้เราก็จะได้รูว่าความจริงส่วนไหนมันเหมาะแก่ใครอย่างไีรแล้วแต่อินทรีย์ของแต่ละคน คุณพอเข้าใจนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 10:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
แสดงในสื่อมันไม่จบหรอก เจอกันเลยก้มลงกราบด้วยความเป็นสรณะ

ใครจะไปเอาอาจารย์คุณเป็นสรณะ คุณอย่ามาเพ้อเจ้อ
ผมชักจะรำคาญคุณแล้วน่ะ ไอ้เรื่องพูดจาหลักลอยไร้แก่นสารนี่น่ะ
จะพูดจากับใครตั้งสติ หาจุดยืนให้ดีก่อนไม่ดีกว่าหรือ
amazing เขียน:
ท่านสงสัยอะไรจะได้ถามเลยครับจะได้คำตอบที่ชัดเจน

เรื่องธรรมผมไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยกับอาจารย์คุณเท่านั้น
อาจารย์คุณอยากจะตั้งสำนักสอนธรรมใครมันก็เป็นเรื่องของอาจารย์คุณ แต่ไอ้ประเภท
อวดอ้างโหนพระศาสดา แล้วก็มาปรามาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์ แบบนี้ชาวพุทธเขาก็อยู่เฉยไม่ได้

ว่าคนอื่นเขาพูดนอกพุทธวจน แต่ตัวเองแค่อาศัยอ้างพุทธวจน
แล้วก็แสดงความเห็นตัวเองลงไป ทั้งๆที่ผิดๆถูกๆ

ผมเห็นอาจารย์คุณแสดงธรรมแล้ว ก็รู้ได้เลยว่า มันก็เป็นเพียงความเห็นที่ตัวเอง
เข้าใจไปเองว่าถูกต้อง แบบนี้ผมถึงกล้าท้าฝากคุณไปไง

อันที่จริงผมไม่อยากยุ่งกับพระนักหรอก แต่ด้วยลูกศิษย์ไม่ได้ความ
พูดธรรมเพ้อเจ้อ ฟุ้งบัญญัติ หลักลอย เลยจำเป็นต้องคุยกับอาจารย์แทนไง

amazing เขียน:
ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยยอมรับพระสงฆ์นัก แต่ยอมรับในอถกถา

เพ้อเจ้ออีกแล้ว ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับพระสงฆ์ แตผมไม่ยอมรับอาจารย์คุณ
ไอ้เรื่องยอมรับไม่ยอมรับ ต้องไปถามอาจารย์คุณโน้น .....
อ้างพุทธวจนไม่มองหน้าอินทร์หน้าพรหมณ์เลย
amazing เขียน:
แต่ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับอรรถกถานะแต่ไม่ยอมรับการเสริมเติมต่อเพราะจะทำใหพระสัทธรรมเปลี่ยนแปลง จึงยึดเอาแต่พุทธวจนเท่านั้นปลอดภัยสำหรับตัวเอง และถามหน่อยทำไมเลือกแต่พระที่ถือบาตรไม่เลือพระที่ถือย่ามพระถือย่ามไม่ดีตรงไหนหรอ คุณโฮฮับมีเงื่อนไขเยอะเนาะ

พูดอยู่นั้นแหล่ะ อ้างมันตะพึดตะพือ เห็นดีแต่พูดจาหลักลอยเลื่อนเปื้อน
อ้างพุทธวจน แต่ไม่เห็นเอาพุทธวจนมาประกอบความเห็นเลย เตือนหลายหนแล้วก็ยังไม่สำเหนียก

อเมชิ่ง ถามจริงคุณไม่เข้าใจที่ผมพูดหรือครับว่า การยึดเอาพุทธวจน
การพูดหรือแสดงความเห็นจะต้องมีพุทธวจนมาประกอบทุกครั้ง
เพื่อให้รู้ธรรมที่คุณพูดว่ามาจากพุทธวจนจริงๆ ถามซ้ำอีกครั้งว่าคุณเข้าใจมั้ย
อ้อ! ที่คุณโฮฮับบอกว่าพูดแต่พุทธวจนแต่ไม่เอาพุทธวจนมาลงเลย ก็ผมเห็นคุณโฮฮับบอกว่าอรรถกถาสำคัญ ผมก็เลยใช้แต่อรรกถาของผมไงล่ะ แล้วทำไมตอนนีถึงวิ่งหาพุทธวจนซะล่ะ เข้าใจหรือยังว่าพุทธวจนสำคัญที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

อานาปานสติย่อมไม่มีคำบริกรรมแน่นอนครับ การที่เรากำหนดสติอยู่กับลมหายใจนั้นก็คือการให้จิตมีที่อยู่โดยใช้กายเป็นเสาเขื่อนเสาหลัก เป็นการฝึกละนั้นทิให้จิตมีเครื่องอยู่ และลมซึ่งคือกายหนึ่งกายทั้งปวงหรือจะเรียกว่ากายในกายก็ได้นั้น และกายสังขารนั้นก็ยังสงบระงับดับไปได้ด้วยการมีสติอยู่กับลมหายใจ การปฎิบัติอานาปานสตินั้นการปฎิบัติไม่มีอะไรมากเลยเพียงกำหนดลมหายใจออกเข้าธรรมดา ให้รู้ชัดในกองลมออกเข้าอย่างไร เกิดอะไรก็ให้ดูมันตามอาการที่มันเกิดขึ้นมาในกายเรานี่แหล่ะ

และพิจารณาให้ทั่วร่างกายเมื่อสติมีพลังมากขึ้นจากการจิตมีสมาธิมากขึ้นเราก้จะเริ่มเข้าถึงสภาวะะรรมโดยความเป็นปรมัตถ์เข้าถึงควา่มเป็นธาตุร่างกายทั้งร่างกายจะมีแต่ความสั่นสะเทือนเป็นความถี่เบาๆเิกิดดับๆๆๆแบบนี้ไม่รูปร่างให้หลงเหลืออยู่ว่าเป็นแขนเป็นขาเป็นตัวเป็นตน นี้เรียกว่าเข้าสู่ปัญญาที่เราจะรู้ได้ว่าทั้งหมดคือความเกิดขึ้นตังอยู่ดับไป และในความสั่นสะเทือนนี้เมื่อจิตเข้าถึงสภาวะนี้นั้น จิตจะมีความปิติ มีความสุขเป้นเวทนา และเวทนาเหล่านี้เกิดขึ้นสักระยะกับดับลงไปได้ื

เมื่อจิตเห็นลักษณะ ทั้งกายและเวทนานั้นมีอาการแค่เกิดดับ ตรงกับสุตตะมยปัญญาที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาพิจารณามาแล้วจิตเรายอมรับความจริงจิตเริ่มคลายความสงสัยในธรรมที่เคยได้ยินได้ฟังมา แต่จิตยังคลายความสงสัยไม่ได้หมดเพราะอานาปานสตินั้นยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่สามารถดับกายสังขารและจิตสังขารได้หมดจึงยังไม่สู่ธรรมในธรรมที่แท้จริงคือความไม่กิดไม่ดับ จิตหรือวิญญานจะคลายสงสัยหรือเรียกว่าก้าวเข้าสู่ความเป็นอริยจริงๆนั้นสังขารทั้งหลายต้องดับไป และจิตจะพบกับธรรมในธรรมคือความไม่เกิดไม่ดับ เป็นการดับสังขารทั้งหมด ทั้งหมดจบลงตรงนี้คือลมหายใจจะดับเป็นสิ่งที่เราจะรับรู้ได้ด้วยจิต (วิญญานธาตุที่เปนธาตุรู้เท่านั้น) ตราบใดกายสังขารใครยังดับไม่ได้ยังเข้าไม่ถึงสัจจะธรรมแท้จริงเปนเพียง สุตตะและจินตาเท่านั้น



นี่เขาเป็นอะไรและควรจะทำยังไงต่อครับเนี่ย


คือ งี้ค่ะ ช่วงนึงของการทำสมาธิไปได้ซักครู่ คือยู่ดีๆ รู้สึกเหมือนมันหวิวๆ ที่ท้อง แล้วเราก็จะเห็นว่า เราลอยขึ้นเหมือนลูกโป่ง จากพื้นดินขึ้นไปในอากาศ มองลงมาเห็นทุ่งนาเหมือนพรม หลังคาบ้านเล็กๆ (เปรียบเทียบเหมือนเครื่องบินกำลัง เทคออฟ) ตอนก่อนที่เราจะลอย อาการในสมาธิจะเหมือนเวียนหัว มันหมุนๆ แล้วจะเหมือนความรู้สึกแบบ ใจหาย (ก่อนหน้านี้เคยเป็นครั้งนึง แต่ตอนนั้นตกใจ ตอนตัวกำลังจะลอย แล้วรีบลืมตาออกจากสมาธิทันที) แต่คราวนี้ลองอดทนพยายามไม่ตกใจแล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรต่อไป... ความรู้สึกตอนที่ลอยอยู่ รู้สึกกลัวความสูง ลอยแบบสูงขึ้นๆ ไร้การควบคุม (แต่ตอนอยู่ในเครื่องบิน กลับชอบดูวิวข้างล่างซะงั้น)

ทีนี้ พอซักพักนึง เราก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาอยู่เหนือแนวเมฆ คือ มองลงไปข้างล่าง เห็นกลุ่มปุยเมฆเป็นพื้นแทนพื้นดิน มองขึ้นไปรอบๆ ท้องฟ้าเป็นสีขาว แต่จะมีอยู่บริเวณนึง เป็นสีออกม่วงอ่อนผสมแดงอ่อนๆ คล้ายเวลาที่อาทิตย์จะตกดิน แต่ไม่เห็นดวงอาทิตย์นะคะ แล้วก็ลอยเคว้งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ

เราอยากพิสูจน์ว่า นี่เราตัวลอยจริงหรือลอง เราแอบขยับก้นดู ก็ปรากฏว่า ตัวเราก็ยังนั่งอยู่นี่นา แต่ในใจมันหวิวๆท้องอ่ะค่ะ (เปรียบเทียบกับเวลาเรานั่งรถลงจากสะพาน หรือ ถนนที่ลาดชันลงมา มันจะรู้สึกวูบๆ หวิวตรงท้อง อย่างงั้นเลยค่ะ)

คำถามค่ะ...

- อาการแบบนี้ในสมาธิ เรียกว่าอะไรคะ?

- อาการนี้ใช่ จิตหลุด ไหมคะ?

- ถ้ามีอาการอย่างนี้อีก เราควรทำอย่างไร ต้องกำหนดอะไรไหมคะ? (ตั้งแต่นั่งสมาธิมาประมาณเดือนนึง มีอาการลอยแบบนี้สองสามครั้ง)

- มีใครเป็นแบบเราบ้างไหมคะ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาเป็นอะไรและควรทำยังไงต่อครับ



อ้างคำพูด:
พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทัน ใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆเลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่

2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน
ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
อ้อ! ที่คุณโฮฮับบอกว่าพูดแต่พุทธวจนแต่ไม่เอาพุทธวจนมาลงเลย ก็ผมเห็นคุณโฮฮับบอกว่าอรรถกถาสำคัญ ผมก็เลยใช้แต่อรรกถาของผมไงล่ะ แล้วทำไมตอนนีถึงวิ่งหาพุทธวจนซะล่ะ เข้าใจหรือยังว่าพุทธวจนสำคัญที่สุด

หลักลอยไม่เลิก ที่ให้เอาพุทธวจนมาโชว์ ก็เพื่อให้ชาวบ้านเขารู้ว่า
ดีแต่พูด แต่มันไม่รู้เรื่องพุทธวจนสักตัว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 11:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
SOAMUSA เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
ผมขอแสดงความเห็นอย่างนี้นะครับ อะไรที่คุณกรัชกายเสนอมาเรื่องท่องอะไรในส่วนของอานาปานสติมานั้นผมขอวางไว้ก่อนเพราะองค์องค์ไม่ได้บอกไว้ท่อง และสิ่งที่ประจักษย์กับผมบนเส้นทางนี้ที่ทำให้ผมเหลือเส้นทางเดินเพียงเส้นทางเดียวไม่ไดเกิดมาจากการท่องอะไรแต่อย่างใด มันเกิดจากความเพียรที่ไม่ย่อหย่อนอย่างสูงของผม คงไม่ว่ากันนะครับ แต่ถ้าจะบริกรรมใดๆก็น่าจะไม่ใช่ก่รปฎิบัติอานาปานสตินะครับซึ่มีให้เห็นพระสูตรอยู่บางที่บริกรรมดอกบัว หรือระโชหะระนัง ฯนั้นผมไม่มีความรู้ และที่ผมเลือกอานาปานนั้นเพราะพระองค์สรรเสริญไว้มากและก็บอกว่าสามารถทำใหถึงวิมุติได้ ชีวิตคนเรามันสั้นมากผมเลือกอานาปานแบบไม่มีคำบริกรรมครับ และพระองค์กกล่าวว่าแม้ธรรมเพียงบทเดียวก็เพียงพอต่อเธอเป็นไปเพื่อความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน และผมเองก็ไม่ใช่คนชอบทำอะไรมากๆซะด้วย และผมก็เชื่อตามนั้น เพราะผมหยั่งลงมั่นในตถาคตครับ


อเมชิ่ง ถามหน่อยและฝากไปถามอาจารย์คุณด้วยว่า.....
รู้จักนิวรณ์ห้ามั้ย ที่บอกว่า พระพุทธองค์ไม่ได้บอกให้บริกรรม
อาจารย์คุณเข้าใจคำว่าบริกรรมไปในทางไหน

และถ้าไม่ให้บริกรรม อย่างเราถ้ากำลังปฏิบัติอยู่เกิดนิวรณ์ขึ้นจะต้องทำอย่างไร
การเพ่งเรียกบริกรรมมั้ย การมีเครื่องอยู่(วิหารธรรม)เรียกบริกรรมมั้ย

การสวดมนต์ ท่องยุบหนอพองหนอในใจเรียกบริกรรมมั้ย


สรุปว่าอาจารย์คุณเข้าใจ...บริกรรมว่าอย่างไร :b6:
ว่างๆคุณโฮฮับลองไปทำบุญที่วัดดูซิ ไปสนทนาดูเลยผมก็อยากรู้ว่าสิ่งที่คุณรู้มานั้นจะหักลางสิ่งที่คุณว่าผิดได้หรือเปล่า ไปแล้วได้ผลอย่างไรบอกดยนะครับ

ผมไม่ทำบุญกับพระ จะมีก็แค่ใส่บาตรในวันธรรมดา จะเลือกพระที่มีแต่บาตรไม่ถือย่าม
และของที่ใส่ก็แค่ข้าวถุงแกงถุงแค่นั้น ไม่เคยเอาเงินทองถวายพระ

แล้วมันเรื่องอะไรต้องให้ผมไปที่วัด ก็ในเมื่อพระชอบที่จะออกสื่อ
ก็ให้พระมาตอบในเว็บบอร์ดมันถึงจะถูก

ถ้าพระชอบแสดงความเห็นสอนธรรมออกสื่อ
แล้วผมถึงกลับต้องเดินทางไปวัดที่พระรูปนั้นสอน.......แบบนี้มิเท่ากับว่า
ผมขาดสติไม่ได้พิจารณาธรรมให้ดีน่ะซิ การกระทำแบบนั้นเข้าเรียกงมงาย

ทางวัดมีเว็บของตัวเองไม่ใช่หรือ ก็เปิดให้คนแสดงความเห็น
อย่างอิสระซิ จะได้รู้ว่าอรรถกถาจะสู้คนที่อ้างพุทธวจนได้มั้ย

เอางี้ ถ้าคุณไปวัดฝากนิมนต์อาจารย์คุณมาสนทนาธรรมในเว็บลานธรรมจักรก็ได้
มันจะได้ยุติธรรมกันทั้งสองฝ่าย :b13:
แสดงในสื่อมันไม่จบหรอก เจอกันเลยก้มลงกราบด้วยความเป็นสรณะ ท่านสงสัยอะไรจะได้ถามเลยครับจะได้คำตอบที่ชัดเจน ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยยอมรับพระสงฆ์นัก แต่ยอมรับในอถกถา แต่ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับอรรถกถานะแต่ไม่ยอมรับการเสริมเติมต่อเพราะจะทำใหพระสัทธรรมเปลี่ยนแปลง จึงยึดเอาแต่พุทธวจนเท่านั้นปลอดภัยสำหรับตัวเอง และถามหน่อยทำไมเลือกแต่พระที่ถือบาตรไม่เลือพระที่ถือย่ามพระถือย่ามไม่ดีตรงไหนหรอ คุณโฮฮับมีเงื่อนไขเยอะเนาะ


มีปัญญาสูงแล้วระดับไหนค่ะ ถึงได้คัดว่าโน้นใช่ นี่ไม่ใช่
การยอมรับไม่อันตรายนะคะ
แต่การคัดออก นี่อันตรายมากที่สุด เพราะถ้าท่านเหล่านั้นอธิบายไว้ถูกต้องดีแล้ว
แล้วคุณคัดออก บอกว่าไม่ใช่ จบข่าวเลยนะคะ

ถ้าจะให้เชื่อคนในยุคนี้นะคะ ดิฉันขอเชื่อโบราณจารย์ขอนับถือท่านอย่างสนิทใจ
ที่ท่านได้เมตตาอธิบายพระบาลี ถ่ายทอดไว้ให้คนรุ่นหลังที่ปัญญาน้อย
ได้เข้าใจธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเคยตรัสสอนไว้ค่ะ

เราไม่มีสิทธิไปปฏิเสธสาวกภาษิต เพราะท่านเหล่านั้นก็นำธรรมะพระพุทธองค์มาขยาย
อย่างผู้ที่เห็นสภาวะธรรมมาแล้ว ครบแล้วทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ถ้าปฏิเสธคำอธิบายก็อันตรายเท่ากับปฏิเสธ 1 ในพระรัตนตรัย
อันตรายระดับขั้นนั้นทีเดียว คือ ปฏิเสธพระสงฆ์สาวก ซึ่งคือ 1 ในพระรัตนตรัยค่ะ
ปัญญาสูงแค่ไหนเอาเป้นว่าเห็นคำกล่าวของพระองค์สำคัญที่สุด จึงคดกรองเอาแต่สิ่งที่พระองค์กล่าวล้วนๆไว้คงไว้แต่พระสัทธรรมที่พระองค์กล่าวไว้เท่าที่หลักฐานตำราเก่าอก่ที่สุดเท่าที่เราจะมีได้ไว้ให้ลูกหลานศึกษาต่อก็น่าจะเปนสิ่งดีนัะครับ ส่วนตำราที่มีอยู่ที่ทำใหม่ขึ้นมานั้นใครจะไปศึกษาก้ตามสบายเลยไม่มีใครห้ามใครได้หรอกครับมันขึ้นอยู่กับอินทรีย์ของแต่ละคน

และขอให้เข้าใจอย่างนี้นะครับ เราไม่ใส่ใจในตัวบุคคลเราใส่ใจความเป็นสรณะในความเลื่อมใสเรารู้ว่าสงฆ์คือผู้ปฎิบัติและเข้าถึงธรรมเปนผู้ควรนับถือสัการะเปรที่พึ่งมี แต่ที่เราถกเถียงเป็นประเด็นเรื่องราวทั้งหมดลงตรงที่บมพยัญชนะที่มันมีเสริมเติมใหม่ขึ้นมา และอธิบายให้เห็นโทษในสิ่งที่แต่งใหม่ว่ามีโทษอย่างไรและจะนำไปสู่เหตุการอย่างไรในอนาคตซึ่งเรายกตัวอย่างไว้แล้วกคือความเสื่อมแห่งพระสัทธรรม แน่นอนเราคงจะห้ามความเสื่อมของพระสัทะรรมที่เป้นบนคำอนนั้นไม่ได้ แต่เราขาวพุทธเมื่อทราบถึงคำสั่งของพระบิดาของเรา พวกเราทุกคนไม่ว่าท่านไม่ว่าเราคงทำในสิ่งเดียวกันคือพยายามธำรงค์พระสัทธรรมแท้ของพระองค์เท่าที่จะมีเหลือตามหลักฐานคือเก่าที่สุดนั้นก็คือบาลีสบามรัฐตรงนี้น่าจะตรงกันใช่มัยครับ

ส่วนเรื่องสิ่งอื่นการเข้าใจอาจคลาดเคลื่อนได้เพราะการสื่อสารอะไร เพราะผู้ที่สืออาจสื่อไม่สมบูรณ์ และผู้ที่ฟังอาจเข้าใจผิดเพราะเหตุปัจจัยอะไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งแก้ตัวให้ดูดี ไม่มีใครหรอกครับที่เปนผูปรพฤติธรรมแล้วจะดูถูกครูอาจารย์ตนเอง เพียงแต่ถ้าครูอาจารย์กล่าวไม่ตรงกับพุทธวจนเรากสามารถเอามาถกเถียงให้ทราบว่าสิ่งใดตรงหรือผิดไปจากพุทธวจนเท่านั้นเรื่องของเรื่องมันมีอยู่เท่านั้น และเมื่อตรวจสอบตามหลักมหาปเทสแล้ว ทุกคนจะยอมรับอย่างไรมันก้ต่างกันอีกเพราะอินทรีย์แต่ละคนไม่เท่ากัน อันนี้ก็ตองปล่อยไปแล้วล่ะเพราะทุกคนมีเวลาเป็นของตนเอง



ก็อยู่ที่อินทรีย์ของคนจริงๆ เป็นเรื่องของ ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา
จะฟังคำอธิบายจากคนโม้มั่วเก่ง หรือจะฟังปรมัตถ์จากคนที่เข้าใจมาจริงๆ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
ผมไม่ได้ให้เอาจาจารย์คึกฯเป็นสรณะให้เอาพระสงฆ์เป็นสรณะ

แล้วที่บอกให้ไปหาที่วัดให้ไปหาใคร ไม่ใช่ไปหาท่านคึกฯหรอกหรือ
พูดจาลอยไปลอยมา
amazing เขียน:
ถ้าคุณไม่สงสัยก็ดีแล้วก้มกราบเลย ถ้าไม่ก้มก็ยังสงสัยใจความเป็นสรณะอยู่ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีใครปรามาสใครหรอก เมื่อยืนยันตั้งใจจะนำเสนอพุทธวจนก็ต้องเอาคำกล่าวหรือบทพยัญชนะมาตรวจสอบกันว่าตรงตรามหลักมหาปเทศมั้ย ที่บอกว่าไม่เอาหน้าอินทร์หน้าพรมเลยไม่จริงหรอกครับคุณโฮฮับ มีหลายครั้งมีพระที่มีพรรษามากกว่ามีที่วัดมาขอความรู้เกี่ยวกับพุทธวจนท่านอาจารย์ก็ก้มกราบ อย่่งนี้จะเรียกว่าไม่เอาหน้าอินหน้าพรหมเลยได้อย่างไร เพียงแต่การสนทนาในบทพยัญชนะที่พระองค์กล่าวเป็นอย่างนันจริงๆคือให้สนใจแต่คำตถาคตเท่านั้น

แล้วใครว่าผมไม่สงสัย ผมสงสัยท่านคึกฯอาจารย์คุณ ผมสงสัยว่าท่านแอบอ้างพระศาสดา เข้าใจมั้ย
แล้วที่ท่านจะก้มกราบใคร จะกราบชีกราบพระมันก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ท่านคึกฯ
เที่ยวปรามาสพ่อแม่ครูอาจารย์ สอนในสิ่งที่ไม่ใช่พุทธวจน

พุทธวจนเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ....แต่ท่านคึกฯอ้างพุทธวจน แล้วก็เอาความเห็นตัวเองมาสอน
สรุปเอาเองว่า ความเห็นหรือคำสอนตัวเองเป็นพุทธวจน ...
แบบนี้เขาเรียก กล่าวตู่พุทธพจน์

amazing เขียน:
เพราะสาวกเป็นเพียงผู้กล่าวตามคำตถาคตที่กว่าไว้เท่านั้น และที่พระอาจารย์เน้นที่สุดก็คือพวกที่ชอบทำมิจฉาอาชีวะ และผูที่ยังมีมิจฉาทิฎฐิเบาเสกน้ำมนต์ เครื่องรางของขลังต่างๆ เพราะมีหลักฐานว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นทั้งมิจฉิทิฎฐิ และมิจฉาอาชีวะ และกับพวกที่กระทำการพระสัทธรรมปฎิรูปคิดแต่งคำให้ดูวิจิตรสวยหรู แต่พระองค์กทรงบอกแล้วนี่ครับมันเปนหนทางแห่งคตวามเสื่อม พระอาจารย์กนำยกมาแสดงให้ทราบเรื่องของเรื่องก้มีอยู่เท่านั้น จุดหมายกมีอยู่เท่านี้

แน่ะ! เปลี่ยนอีกแล้ว หลักลอยไม่เลิก ที่ชาวบ้านชาวช่องเขามีปฏิกิริยา มันมีสาเหตุมาจาก
อาจารย์คุณ ไปกล่าวโจมตีอรรถกถา หาว่า สาวกแต่งขึ้นเอง ไม่ใช่พุทธวจน

นี่มาแถไถลไปเรื่องอะไรอีกหา
amazing เขียน:
ยกตัวอย่างเช่นหลวงปู่หลวงน้าหลวงตาเราชอบบอกว่าอย่าสนใจเลยปริยัติให้ปฎิบัติอย่างเดียว ตรงนี้นั้นเราต้องยกหลวงปู่หลวงน้าหลวงตาออกก่อนเพราะหลายท่านชอบยึดติดตัวบุคคลจนมองข้ามพระสัทธรรมที่แท้ไป ซึ่งพุทธวจนบอกว่าให้สะสมสุดตะให้มากๆซึ่งตรงนี้ก็ไม่ตรงกันแล้วอาจารย์ก็ได้เอามากล่าวเพื่อให้พวกเรารับรู้รับทราบ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปตำหนิว่าท่านแต่อย่างไรเพียงแต่บอกให้เห็นความต่างกันและคนฟังเมื่อฟังแล้วก็เลือกเอาจะทำอย่างไรกับตนเอง และก็ยังมีพระสูตรที่ว่าแม้ธรรมบทเดียวก็เพียงพอที่จะให้ความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน เห็นมั้ยครับว่ามันมีแง่มุมแบบนี้ เราจึงนำมาสนทนาเพื่อความเข้าใจ ที่นี้เราก็จะได้รูว่าความจริงส่วนไหนมันเหมาะแก่ใครอย่างไีรแล้วแต่อินทรีย์ของแต่ละคน คุณพอเข้าใจนะครับ

อันนี้ก็เลอะเทอะ ไปเอาเรื่องอะไรมาแก้ตัว ผมว่าคุณหยุดเถอะยิ่งพูดก็ยิ่งเสีย
แล้วมันจะเสียไปถึงอาจารย์คุณด้วย อะไรพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 13:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
ผมไม่ได้ให้เอาจาจารย์คึกฯเป็นสรณะให้เอาพระสงฆ์เป็นสรณะ

แล้วที่บอกให้ไปหาที่วัดให้ไปหาใคร ไม่ใช่ไปหาท่านคึกฯหรอกหรือ
พูดจาลอยไปลอยมา
amazing เขียน:
ถ้าคุณไม่สงสัยก็ดีแล้วก้มกราบเลย ถ้าไม่ก้มก็ยังสงสัยใจความเป็นสรณะอยู่ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีใครปรามาสใครหรอก เมื่อยืนยันตั้งใจจะนำเสนอพุทธวจนก็ต้องเอาคำกล่าวหรือบทพยัญชนะมาตรวจสอบกันว่าตรงตรามหลักมหาปเทศมั้ย ที่บอกว่าไม่เอาหน้าอินทร์หน้าพรมเลยไม่จริงหรอกครับคุณโฮฮับ มีหลายครั้งมีพระที่มีพรรษามากกว่ามีที่วัดมาขอความรู้เกี่ยวกับพุทธวจนท่านอาจารย์ก็ก้มกราบ อย่่งนี้จะเรียกว่าไม่เอาหน้าอินหน้าพรหมเลยได้อย่างไร เพียงแต่การสนทนาในบทพยัญชนะที่พระองค์กล่าวเป็นอย่างนันจริงๆคือให้สนใจแต่คำตถาคตเท่านั้น

แล้วใครว่าผมไม่สงสัย ผมสงสัยท่านคึกฯอาจารย์คุณ ผมสงสัยว่าท่านแอบอ้างพระศาสดา เข้าใจมั้ย
แล้วที่ท่านจะก้มกราบใคร จะกราบชีกราบพระมันก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ท่านคึกฯ
เที่ยวปรามาสพ่อแม่ครูอาจารย์ สอนในสิ่งที่ไม่ใช่พุทธวจน

พุทธวจนเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ....แต่ท่านคึกฯอ้างพุทธวจน แล้วก็เอาความเห็นตัวเองมาสอน
สรุปเอาเองว่า ความเห็นหรือคำสอนตัวเองเป็นพุทธวจน ...
แบบนี้เขาเรียก กล่าวตู่พุทธพจน์

amazing เขียน:
เพราะสาวกเป็นเพียงผู้กล่าวตามคำตถาคตที่กว่าไว้เท่านั้น และที่พระอาจารย์เน้นที่สุดก็คือพวกที่ชอบทำมิจฉาอาชีวะ และผูที่ยังมีมิจฉาทิฎฐิเบาเสกน้ำมนต์ เครื่องรางของขลังต่างๆ เพราะมีหลักฐานว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นทั้งมิจฉิทิฎฐิ และมิจฉาอาชีวะ และกับพวกที่กระทำการพระสัทธรรมปฎิรูปคิดแต่งคำให้ดูวิจิตรสวยหรู แต่พระองค์กทรงบอกแล้วนี่ครับมันเปนหนทางแห่งคตวามเสื่อม พระอาจารย์กนำยกมาแสดงให้ทราบเรื่องของเรื่องก้มีอยู่เท่านั้น จุดหมายกมีอยู่เท่านี้

แน่ะ! เปลี่ยนอีกแล้ว หลักลอยไม่เลิก ที่ชาวบ้านชาวช่องเขามีปฏิกิริยา มันมีสาเหตุมาจาก
อาจารย์คุณ ไปกล่าวโจมตีอรรถกถา หาว่า สาวกแต่งขึ้นเอง ไม่ใช่พุทธวจน

นี่มาแถไถลไปเรื่องอะไรอีกหา
amazing เขียน:
ยกตัวอย่างเช่นหลวงปู่หลวงน้าหลวงตาเราชอบบอกว่าอย่าสนใจเลยปริยัติให้ปฎิบัติอย่างเดียว ตรงนี้นั้นเราต้องยกหลวงปู่หลวงน้าหลวงตาออกก่อนเพราะหลายท่านชอบยึดติดตัวบุคคลจนมองข้ามพระสัทธรรมที่แท้ไป ซึ่งพุทธวจนบอกว่าให้สะสมสุดตะให้มากๆซึ่งตรงนี้ก็ไม่ตรงกันแล้วอาจารย์ก็ได้เอามากล่าวเพื่อให้พวกเรารับรู้รับทราบ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปตำหนิว่าท่านแต่อย่างไรเพียงแต่บอกให้เห็นความต่างกันและคนฟังเมื่อฟังแล้วก็เลือกเอาจะทำอย่างไรกับตนเอง และก็ยังมีพระสูตรที่ว่าแม้ธรรมบทเดียวก็เพียงพอที่จะให้ความสุขแก่เธอชั่วกาลนาน เห็นมั้ยครับว่ามันมีแง่มุมแบบนี้ เราจึงนำมาสนทนาเพื่อความเข้าใจ ที่นี้เราก็จะได้รูว่าความจริงส่วนไหนมันเหมาะแก่ใครอย่างไีรแล้วแต่อินทรีย์ของแต่ละคน คุณพอเข้าใจนะครับ

อันนี้ก็เลอะเทอะ ไปเอาเรื่องอะไรมาแก้ตัว ผมว่าคุณหยุดเถอะยิ่งพูดก็ยิ่งเสีย
แล้วมันจะเสียไปถึงอาจารย์คุณด้วย อะไรพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย
เห็นว่าคุณโฮฮับเลือกพระที่มีแต่บาตรจึงใส่บาตรไงถ้ามีย่ามไม่ใส่ผมก็เลยสงสัยว่าคุณเข้าใจคำว่ามีพระสงฆ์เป็นสรณะ ไม่ใช่ว่ามีพระสงฆ์ที่ถือแต่บาตรเป็นสรณะ คงอาจจะต้องคอยนานหน่อยนะกว่าจะได้ใส่บาตร ผมใส่เสร็จไปแล้ว กลับบ้านนอนฟังพุทธวจนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องวัดนนาปาพง คนที่นับถืออาจารย์มากมายทั่วโลกคงเป็นคนโง่เนาะฟังในสิ่งเดียวกับคุณกับคิดต่างคุณ ผมก็ฟังในสิ่งนี้เหมือนกัน ไม่มีสักวันเลยที่ผมไม่ได้ทำทาน มือผมชุ่มไปด้วยการให้ ไม่เลือกด้วยพระต้องไม่มีย่ามถึงจะใส่บาตร


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 23 ก.ค. 2013, 14:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบของกรัชกายบ้างสิครับน่ะๆ มีสองคนสองแบบ ไม่มีคำศัพท์ใดๆเลย สภาวะล้วนๆ น่ะๆ เขาเปิดประตูเข้าห้องไปแล้วน่ะ :b13: :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 13:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ตอบของกรัชกายบ้างสิครับน่ะๆ มีสองคนสองแบบ ไม่มีคำศัพท์ใดๆเลย สภาวะล้วนๆ น่ะๆ เขาเปิดประตูเข้าห้องไปแล้วน่ะ :b13: :b1:
ผมตอบร่วมๆกันเลยนะครับอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ปฎิบัติทั้งสองท่านเป็นอาการของสังขารเก่าที่ปรากฎไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่พ้นจากการปรุ่งแต่งของรูปนามซึ่งผู้ปฎิบัตินั้นยังไม่เข้าใจเรื่องราวเท่านั้นเอง ขอแนะนำให้ฟังพุทธวจนให้มากๆและปฎิบัติต่อไป(อานาปานสติสูตร)เพราะการฟังจะสรางความเข้าใจเป็นปัญญาขั้นสุตตะเพื่อจะพัฒนาสู่ปัญญาที่แท้จริงครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร