อ่านแล้วยอมรับว่า พิจารณาตามยากมากครับ สมมุติว่าอุณหภูมิของคนเราอยู่มี่30กว่าองศา ถ้าทุกข์ ก็คือความถือกำเนิดขึ้นเป็นทุกข์เป็นเหตุ คือ เพราะการถือกำเนิดของคนเป็นทุกข์ จึงมีการประชุมกันของธาตุ ในที่นี้คือธาตุไฟ แล้วความไม่เที่ยงก็คือความเปลี่ยนไปของธาตุ เพราะสภาวะธรรมเป็นเหตุ แล้วอนัตตานี่แหละคืออะไร ผมเองมองว่า ตัวเราคงสภาพอยู่ได้ด้วยอุณหภูมิที่30กว่าองศา แล้วคนอื่นก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันคือที่ 30กว่าองศา (ต้องขออภัยที่ไม่ได้บอกอุณหภูมิที่ชัดเจน เพราะไม่ได้เข้าgoogle) จะมีใครบ้างไหมที่มีชีวิตอยู่ได้ที่อุณหภูมิ 45 องศา หรือ มีใครบ้างไหมที่มีชีวิตอยู่ที่อุณหภูมิ 24องศา เป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้ นี่คือหลักอนัตตาที่ผมพิจารณา หรือ ธาตุไฟเกิดกับคนใดคนหนึ่ง กับอีกคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่มีธาตุไฟ อันนี้ก็เป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้ นี่คือหลัอนัตตาที่ผมพิจารณา แล้วคำว่าสุญญตานี่คืออะไร เป็นอนัตตาอย่างไร ในเมื่อความว่างที่คุณกล่าวถึงเกิดกับพระอริยะตลอดไป แต่เกิดกับปุถุชนเป็นบางครั้ง 2 3 ชั่วโมงบ้าง งั้นก็แสดงว่า ต่อแต่นี้ไป พระอรหันต์มีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีธาตุไฟ อย่างนั้นเหรอ? หรือวัดอุณหภูมิร่างกายของพระอรหันต์ ไม่ปรากฎค่าความร้อนออกมาอย่างนั้นเหรอ? หรือ คนที่เป็นปุถุชน ที่อุณหภูมิร่างกายอยู่ที่30 กว่าองศา พอ เข้าสู่ภาวะสุญญตา ปรากฎว่า ไม่ปรากฎค่าความร้อนของร่างกายขึ้นมาเหรอ? แล้วความว่างหรือสุญญตาที่ว่าคืออะไร? หรือจิตเข้าสู่ความว่างไม่มีกิเลสจึงเรียกว่า สุญญตางั้นเหรอ? งั้นก็แสดงว่า ว่างไม่จริง เพราะร่างกายยังประชุมกันด้วยธาตุทั้ง4 อยู่ แล้วจะบอกว่า ว่างหรือ สุญญตาได้อย่างไร?

ขอบคุณ คุณnongkongมากครับ ที่ยกขึ้นมาพิจารณงในปฎิจจสมุปบาท เป็นการพิจารณาลงเหตุและผลดีครับ

บอกแล้วว่าเอาตัวธรรมดาๆก็ได้ มองเห็นอยู่แล้วก็อ่านเข้าใจ จับประเด็นได้ ตีความแตก

ก็อยากรู้ว่าปฏิบัติด้วยวิธีไหน (มรรควิธี) พุทโธ พอง-ยุบ สัมมาอะรหัง เพ่งลูกแก้ว (หยุดในหยุด ใสในใส่) นะมะพะทะ (มโนมยิทธิ) หรืออื่นๆ

ที่ถามนี่แหละเท่ากับถามสุญญตาภาคปฏิบัติเลยแหละ


มีตัวอย่างหนึ่ง สุญญตาไหม

ท่านเอาสองสิ่งนี้มาเขียนคู่กัน

และเขียนความเห็นประกอบไว้อย่างนี้....

ท่านเห็นอะไร...ก็ว่ามา...เถอะ

เอกอนอยากอ่าน...

พุทโธ่! พื่โฮ พูดให้รู้ บอกให้เข้าใจ ....แล้วฟังที่ไหนล่ะ
แบบนี้ไงที่จขกทเขาถึงบอกว่า..."จะสอนอะไรก็สอนมา ไม่ต้องคอยหยอด"
ประโยคที่จขกทพูดนี้ มีความหมายว่า ตามเซ้าซี้ไม่เลิกลา



ไปเซ้าซี้เพื่อลองภูมิจขกท เขาก็บอกแล้ว อยากสอนอะไร อยากจะพูดอะไร ก็บอกมา
จขกทก็ออกตัวแล้วว่าโง่เขลา

กรัชกายก็ยังไม่เลิก ยังแถอีกว่า....."ไม่ทันพูดอย่างที่จขกทคิด"
กรัชกายพูดไปน้ำขุ่นๆ ...อย่างกรัชกายอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว

จขกทเขาตั้งหัวข้อกระทู้ที่เกี่ยวกับสุญญตา พี่โฮแนะนำกรัชกายไปแล้วว่า
ให้ตั้งสติมีสมาธิแล้วถามเขาในสิ่งที่เข้าต้องการสื่อ นั้นก็คือ.....สุญญตา

พี่โฮบอกว่าจะถามจะปุจฉาก็ให้ถาม สุญญตาหมายถึงอะไร เป็นอย่างไร
เมื่อรู้และเข้าใจในตัวความหมายที่จขกทตั้งแล้ว จะได้หาเหตุปัจจัยที่มาของมันถูก

มันอะไรกัน ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่่จขกทพูดหมายถึงอะไร ดันไปปุจฉานอกเรื่องนอกราว

สาเหตุที่กรัชกาย เป็นอย่างนี้ก็เพราะ ใช้วิธีการอ่านตัวบัญญัติแล้วก็อาศัยการแปลคำ
แบบนี้ใช้ไม่ได้ บอกหลายครั้งแล้วว่า บัญญัติหรือคำศัพท์มันเหมือนกัน
แต่ถ้าเหตุปัจจัยมันต่างกัน บัญญัติที่เหมือนด้วยตัวหนังสือ แต่มันแตกต่างกันด้วยสภาวะ

สรุปให้ฟังว่า สุญญตาไม่ได้มีความหมายเดียว
สุญญตา มีเหตุให้เกิดมากกว่าหนึ่ง ดังนั้นสุญญตาจึงมีสภาวะมากกว่าหนึ่ง
จึงจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า สุญญตาที่จขกทกล่าวมีสภาวะเป็นอย่างไร
เป็นแบบนี้จึงจะปุจฉา-วิสัชนาต่อได้

ได้ๆ ตามคำเรียกร้อง

สุญญตา มีกี่อย่างอะไรบ้าง ? จงอธิบายสุญญตาแต่ละอย่างๆมาด้วย ?

จขกท.อย่าว่ากรัชกายนะ ทำตามที่โฮฮับว่ามานั่น ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้โฮฮับรับไป

ก็บอกวิธี ตั้งสติ วิธีทำให้มีสมาธิด้วยสิขอรับ จะได้ทำตามถูก ว่าตั้งสติยังงี้ๆแบบนี้ๆ ตั้งสติ วิธีทำให้มีสมาธิทำยังงี้ๆ แบบนี้ๆ มีสมาธิ บอกมา มีคนอยากตั้งอยากมีกันเยอะเลย แต่เขาไม่รู้วิธีแบบที่โฮฮับพูด นั่นมันพูดไม่ใช่ทำ อย่านำสิ่งที่ต้องทำมาพูด พอเข้าใจไหมขอรับ

"สุญญตา ความว่าง"

หมายถึง "จิตที่เป็นกลาง ไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นอุเบกขา
ไม่ถูกกิเลสครอบงำ" ..

เกิดเป็นมนุษย์ ไม่รู้จักสติ ไม่รู้จักสมาธิ มันก็เหมือนพวกบ้าใบ้
ชาตินี้อย่าหวังว่าจะได้บรรลุธรรม เป็นแบบนั้พี่โฮขอแนะนำกรัชกาย
อย่าเสียเวลามาปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาเลย

โน้นเลย ลัทธิวูดูหรือลัทธิบูชายันต์

แล้วโฮรู้จักหรอ รู้จักบอกหน่อยดิ สติเป็นไง สมาธิเป็นไง ไหนบอกหน่อยดิ ยินดีรับฟัง อ่าวว่าปาย

เนี่ยสุญญตาป่ะเนี่ย

พี่บอกเขาไปสิว่า นั่งจนรู้สึกไม่มีร่างกายแล้วมันรู้สึกยังไง รู้สึกแขนขาหายก็ลองลืมตาขึ้นดูก็ได้นะว่าร่างกายมันหายไปจริงๆหรือแค่รู้สึกว่าร่างกายมันหาย ถ้ารู้สึกแค่ว่าร่างกายมันหายแล้วก็ตกอกตกใจ คุณน้องว่า ไม่ต้องนั่งต่อหรอก เพราะสติตามความรู้สึกนึกคิดไม่ทัน มันเลยเป็นแบบนั้นแหละ

แบบนี้ไมีเรียกสุญญตาแล้วนะคะ เขาเรียกฟุ้งซ่าน