ว่าไปกรัชกายตามดูอย่างไร

ถ้างั้น เรามาทำความเห็นคำว่า "กาย" ให้ตรงกันก่อน เรื่องตามดูรู้ทันกายยกไว้ก่อน หลังจากทำความเห็นเรื่อง กาย จบแล้ว จึงค่อยว่าด้วยตามดูรู้ทันกาย
อ้อยังมี กาย อีกตัวหนึ่งที่ ตา หู จมูก ลิ้น "กาย" เอาเสียด้วยเลย amazing ว่า กายตัวนี้ กับ กาย (ลึก) ตามคำนิยามของ amazing ไปด้วยกันได้ไหม

สรุป ชัดๆอีกที กาย ในสติปัฏฐาน (กายานุปัสสนา) 1 ตัว กาย ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย อีก 1 ตัว กับ กายลึก ของ amazing อีก 1 ตัว รวมเป็น 3 ตัว 3 กาย ว่าไปขอรับ

ลมหายใจล่ะกรัชกายใช่กายหรือเปล่า

ว่าไปให้จบกระบวนเลยครับ คิดยังไงว่าไป จบแล้วถึงตากรัชกายบ้าง

พระองค์บอกว่าลมหายใจเป็นหนึ่งในกายทั้งหลาย พระอค์ใช้อานาปานสติบรรยายขายความสติปัฎฐาน4จนถึงวิมุติ ทรงสรรเสิรญอานาปานสติมากแสดงไว้ถึง30กว่าพระสูตร แสคงว่าเป็นสิ่งที่ดีกรัชกายทำไมจึงไม่สน.

สนซี่สน แต่ตอนนี้สนความรู้ความเข้าใจหลักธรรมปฏิบัติของ amazing ก่อนว่า เข้าใจหลักธรรมยังไง

ตอบคำถามเรื่อง กาย ตามที่ถามก่อนซี่ครับ

พูดยังงี้ เข้าตำรา ไปไหนมาครับ คุณ amazing รูปหล่อ แน่ะๆๆ ตอบ 3 วา 2 ศอกครับ มันคนละเรืองนะน่า

กรัชกายรูปนามมันก็มีอยู่แค่2ส่วนคือรูป 1 นาม 4 คุณจะแยกย่อยไปขนาดไหนก็เอาเลยรูปก็เยอะแยะนามก็มากมาย. ไม่ต้องพิศดารมากหรอก นั้นโคนไม้ นั้นเรือนว่าง นั่งตัวตรงดำรงสติให้มั่นมีสติเฉพาะหน้ามีสติหายใจออกรู้หายใจเข้ารู้.ฯลฯ. วิมุติเลย

กายที่ใน กายานุปัสสนาก็ดี ที่ใน (ตา หู จมูก ลิ้น) กายก็ีดี ก็กาย หรือ ร่างกาย ที่เดินแกว่งไปแกว่งมานี่แหละ อเมสซิ่ง ส่วนกายลึกลงไป...(ลึกลงไปไหนก็ไม่รู้) ที่คุณว่านั่นเป็น กายลวง กายในจินตนาการ คือกายในความคิดซึ่งตัวเองสร้างขึ้นเพื่อหลอกตัวเอง

รูปกับนามกายกับใจ. ถามนี้นั้นเป็นสิ่งเดียวกันมั้ย

เหมือนกันโดยอรรถ ต่างแต่พยัญชนะ
รูป = กาย
นาม = ใจ

ที่คุณถามผมลึกลงไปนั้น.อย่างเช่นหัวใจเต้นนี้ปรกติมันเต้นอยู่ใช่ป่าวแต่เราไม่เคยสัมผัสรู้ได้ต้องเอามือจับใช่ป่าว. แต่คนที่ฝึกจิตดีแล้ววสามารถรับรู้การเต้นของหัวใจได้. และสามารับควารุ้สึกทั่ตัวกรชกายพอเข้าใจความต่างมั้ยว่ามันต่างกันอย่างไร

แล้วคุณตั้งชื่อการได้ยินหัวใจเต้นว่าไง แล้วนั่นการบรรลุธรรมของ amazing แล้วใช่ไหม

สุดฤทธิ์สุดเดชแล้วใช่ไหม การได้ยินการเต้นของหัวใจ

ตอบด้วยนะครับ

มันไม่ต้องตั้งชื่อหรอกคับ เพราะนั้นเป็นเพียงก้าวแรกของการเดินบนเส้นทางแห่งอานาปานสติ คือการรับรุ้ถึงกายทั้งปวงบนขอบเขตของร่างกายเราเราจะต้องรับทั่วทุกส่วนของร่างกายเราให้ได้ก่อน. เมื่อเราสามรถทำไค้แล้วเท่ากับเราเชือมโยงกับจิตใต้สำนึกได้. เท่ากับเราเข้าถึงการนอนเนื่องของอนุสัยกิเลส. เมื่อเราถึงตรงนี้เรามีสติพิจารณาธรรมรุปนามที่เราสัมผัสได้นั้นละเอียดอ่อนกว่าการรับรุ้ของอายตนะตามปรกติ. ซึ่งความรุ้ไม่ต่างกันแต่ต่างกันตรงสิ่งสัมผัสนั้นละเอียดกว่า. จิตที่สัมผัสสิ่งที่ละเอียดกว่านั้นเป็นจิตที่มีพลังมากกว่าปรกติ เราสามารถฝึกสติให้ไวและแหลมคมด้วยการนึกถึงจุคไหนของร่างกายเราสามารถรับรู้ความรุ้สึกได้ทันทีไม่ว่าจุดนั้นจะเล็กสักเท่าไร นี่คือก้าวแรกของการปฎิบัติเราจะต้องเดินบนเส้นทางให้ถึงฌานจิตให้ได้เพราะจะสามารถดับนิวรณ์ธรรได้ เพ่งลมหายใจใหจุดเล็กที่สุดหายใจให้ยาวที่สุดจิตจับลงตรงทีละเอียดที่สุดมันจะเบาๆ ทำแค่นี้ด้วยควาามอดทนไม่ย่อท้อ คุณจะประสบความสำเร็จฌาน เมื่อได้ฌานก็วิปัสนาองค์ฌานจิต ที่ืได้ฌานจะทรงพลังมากต่างกันแล้วแต่ผุ้ปฎิบัติ

อาการอย่างที่ amazing เล่ามาเนี่ย ตามบอร์ดทั่วๆไป เช่นที่พันทิพ พลังจิต ฯลฯ ตั้งกระทู้ถามกันเยอะแยะมากมาย กรัชกายเก็บรวบรวมไว้ที่บอร์ดลิงค์นั่น เป็นต้นว่า ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ได้ยินชีพจรเต้น ร่างกายหาย ลมเข้าออกหาย เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลัง เห็นโลกสว่างไสว จารไนไม่หวาดไหวขอรับ เรียกว่า เป็นขยะซึ่งตกค้างในใจบ้าง เป็นสภาวะของสังขารบ้าง ธรรมดาๆ