วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 04:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 129 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ถ้าเราเข้าถึงการตัดขาดหรือการเชื่มต่อของรุปกับนาม(อายตะภายใน กับอาตนะภายนอกได้. ดุเหมือนเราจะอยุ่ได้ด้วยความคงทนถาวรแถบไม่รุ้ถึงเรื่องราวของความเป็นจริงเลยว่า มันเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไป. เราอาจจะเคยเรียนรุ้มาบ้างว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไปและเราก็ไตร่ตรองดูเอ้อ! มันก็น่าจะยอมรับความเป็นจริงตามนั้นได้ ความจริงที่รับรุ้มานั้นมันก็เป้นความจริงอยุ่แต่มัน็เป้นความจริงแค่ขอบเขตของการรับฟัง(สุตตะ)และความจริงขั้นไตร่ตรองหาเหตุผลมารองรับ(จินตะ)ความจริงนั้นยังไม่ได้เกิดเป็นรุปธรรมจนเข้าใจในความจริงอย่างถุกต้องตามความจริงที่มันเป้นอยุ่. ความจริงนี้เรียกว่าภาวนามยปัญญา. ส่วนที่ท่านบรรยายมานั้นมันเป็นการแยกแยะตามเหตุผลของความจริงของความหมายแห่งบัญญัติที่ใช้เรียกสิ่งนั้นๆเป็นสุตตะและจินตะยังไม่ใช่การภาวนา. เป้นสิ่งที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจขาดมิได้ แตบนเส้นทางของการดับกิเลสเราจะหยุดอยุ่เพียงแค่นั้นไม่ได้. เราต้องปฎิบัติเจาะลึกลงไปภายใต้รุปนามโดยอานาปานสตินี้แหล่ะ


ธรรมชาติ มีสภาพอย่างนั้นของมันอยู่เองแล้ว ปัญหาอยู่แค่ว่า เรารู้ความเป็นอย่างนั้นของมันหรือไม่หรือยัง ถ้ายังก็คงต้องเจาะต้องไชต้องปฏิบัติต่อไป ถ้ารู้ตามที่เป็นแล้วจบเลย พอเข้าใจที่พูดมั้ย

คือถ้ายังเทียวเจาะตรงนั้น ไชตรงนี้ ดับตรงนั่น จุดตรงนี่ พล่านไป แสดงว่ากำลังปรุงแต่งความคิด เพื่อต้องการจะให้ธรรมชาติมันเป็นไปตามความต้องการของเราแล. :b32:
กรัชกายตราบใดท่านยังไม่เข้าถึงความละเอียดที่สุดท่านก็รุ้แบบเท่าที่รุ้นั้นแหล่ะ. อยุ่ช่วยพระองค์โปรดสัตว์อีกหลากัปล์เถอะ

ไม่เป็นไรเด่วคุณน้องอยู่ช่วยพี่กรัชกายอีกแรง :b32: 555 :b13:
http://www.youtube.com/watch?v=4-gLdIO5G-Q :b13:
คุณน้องฟังเพลงอมตะที่สุดเท่าที่จะเคยมี
เป็นเพลงที่ดังมากที่สุด นักร้องระดับโลกทุกคนจะต้องร้องเพลงนี้ เบซาเม มูโช (สเปน: Bésame Mucho แปลว่า "จูบฉันซิ") เป็นเพลงรักภาษาสเปน แต่งโดยคอนซูเอโล เวลาซเควซ นักแต่งเพลงชาวเม็กซิโก เมื่อปี ค.ศ. 1940 เป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ และถูกขับร้องเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษา
เวลาซเควซแต่งเพลงนี้เมื่ออายุ 24 ปี เนื่องจากเธอเกิด ค.ศ. 1916 แต่เธอมักระบุว่าเกิดในปี ค.ศ. 1924 และมีอายุเพียง 15 ปีในขณะแต่งเพลงนี้ [1] และแต่งคำร้องเพลงนี้ทั้งที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา ไม่เคยจูบชายใดมาก่อน [2]
เบซาเม มูโช ฉบับภาษาอังกฤษ แต่งคำร้องโดย ซันนี สกายลาร์ ในปี ค.ศ. 1944 [3] ถูกขับร้องโดยนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น เดอะบีตเทิลส์ แนท คิง โคล ดีน มาร์ติน แฟรงก์ ซินาตรา เอลวิส เพรสลีย์ อานเดรอา โบเชลลี

เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

ขับร้องโดย อานเดรอา โบเชลลี (Andrea Bocelli) เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 1958 เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องอิตาลี เขาเป็นทั้งนักร้องเสียงสูงโอเปร่า และแนวเพลงคลาสสิก เขามีผลงานเพลง 6 เพลงโอเปร่า ได้แก่ La Bohème, Il Trovatore, Werther, Pagliacci, Cavalleria Rusticana และ Tosca นอกจากนี้ยังมีผลงานอัลบั้มเพลงคลาสสิกและป๊อปอีกด้วย มียอดขายกว่า 55 ล้านอัลบั้มทั่วโลก อานเดรอามีปัญหาทางสายตาตั้งแต่อายุ 12 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเล่นฟุตบอล

Andrea Bocelli - Besame Mucho (2006) http://m.youtube.com/watch?v=gPRESlT4Cc ... PRESlT4Ccg

แล้วงัย
น้องkongไม่สงสัยเหรอว่าเนื้อเพลงแค่นั้นทำไมมีคนสนใจนำเพลงของเขาไปร้องกันทั่วโลก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




image.jpg
image.jpg [ 74.06 KiB | เปิดดู 2828 ครั้ง ]
เรียงลำดับชีวิต หรือสังขาร (-ในปฏิจจสมุปบาท) หรือสังขตธรรม

กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ที่มีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมทีปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


”ภิกษุทั้งหลาย เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ ประการ จึงมีการตั้งครรภ์ เมื่อมารดาบิดาร่วมกัน มารดาคราวฤดู ทั้งสัตว์ที่จะเกิดก็ปรากฏ เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ ประการอย่างนี้ จึงมีการตั้งครรภ์ มารดาอุ้มท้องประคับประคองครรภ์นั้น ตลอดเวลา ๙ เดือนบ้าง ๑๐ เดือนบ้าง ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก ทั้งเป็นภาวะอันหนัก ครั้นล่วงเวลา ๙ เดือน หรือ ๑๐ เดือนแล้ว มารดาก็คลอดทารกในครรภ์ ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอันมาก อย่างเป็นภาระอันหนัก แล้วเลี้ยงทารกที่เกิดนั้น ด้วยโลหิตของตน ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมเนียมของอริยชน ถือน้ำนมของมารดานี้ว่า คือ โลหิต”

“เด็กอ่อนไร้เดียงสา นอนหงายแบเบาะ ย่อมเล่นแต่แม้อุจจาระปัสสาวะของตนเอง เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ เป็นความสนุกของเด็กอ่อนอย่างเต็มที่สิ้นเชิง ใช่ หรือ ไม่ ?

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”

“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น ย่อมเล่นเครื่องเล่นทั้งหลาย สำหรับเด็ก คือ เล่นไถน้อยๆ เล่นตีไม้หึ่ง เล่นหกคะเมน เล่นกังหันน้อยๆ เล่นตวงทราย เล่นรถน้อยๆ เล่นธนูน้อยๆ เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ ดีกว่า และประณีตกว่าความสุขอย่างก่อน ใช่หรือไม่?”

“เป็นอย่างนั้นพระเจ้าข้า”

“สมัยต่อมา เด็กนั้นอาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณทั้ง ๕ พรั่งพร้อม บริบูรณ์ ย่อมบำเรอตนด้วยรูปทั้งหลาย...ด้วยเสียง...กลิ่น...รส...โผฏฐัพพะทั้งหลาย ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้อยาก เย้ายวน ชวนติดใจ เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ ดีกว่า และประณีตกว่าความสุขอย่างก่อนๆ ใช่ หรือ ไม่?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ภิกษุทั้งหลาย สำหรับบุคคลสองท่าน เราไม่กล่าวว่า จะกระทำการตอบแทนคุณได้ง่ายเลย สองท่านคือใคร คือมารดาและบิดา หากบุตรจะเอามารดาไว้บนบ่าข้างหนึ่ง เอาบิดาไว้บนบ่าข้างหนึ่ง ปรนนิบัติ ถึงเขาจะมีอายุยืนร้อยปี อยู่ได้ตลอดศตวรรษ และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสองด้วยการขัดสี นวดฟั้น อาบน้ำให้ และแม้ว่า ท่านทั้งสองนั้น จะพึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่น ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นอันได้กระทำคุณหรือตอบแทนแก่มารดาบิดา ถึงบุตรจะพึงสถาปนามารดาบิดาไว้ในราชสมบัติ ทรงอิสราธิปัตย์บนมหาปฐพี อันมีสัตตรัตนะมากหลายนี้ ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นอันได้ทำคุณ หรือได้ตอบแทน แก่มารดาบิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะมารดาบิดามีอุปการมาก เป็นผู้บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้ แก่บุตรทั้งหลาย


“ส่วนว่า บุคคลใด ชักจูง ปลูกฝัง ประดิษฐาน ซึ่งมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ไว้ในศรัทธาสัมปทา...ซึ่งมารดาบิดา ผู้ทุศีลไว้ในศีลสัมปทา.....ผู้มีมัจฉริยะไว้ในจาคสัมปทา....ผู้ทรามปัญญา ไว้ในปัญญาสัมปทา ด้วยการทำเพียงเท่านี้ จึงชื่อว่า เป็นอันได้ทำคุณ ได้ตอบแทนแก่มารดาบิดา”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดา ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย

๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้วเลี้ยงท่านตอบ

๒) ช่วยทำกิจธุรการงานของท่าน

๓) ดำรงวงศ์สกุล

๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท

๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศให้ท่าน


มารดาบิดา อนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้

๑) ห้ามกันจากความชั่ว

๒) ฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี

๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา

๔) เป็นธุระในการมีคู่ครองที่สมควร

๕) มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาส

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล....การงานไม่คั่งค้างอากูลนี่เป็นอุดมมงคล ...กิจกรรมที่ไร้โทษนี้เป็นอุดมมงคล”

“คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก”

“จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา”

“อะไรควรศึกษาก็พึงศึกษาเถิด”

“ขึ้นชื่อว่าศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น”

“อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ ว่าสูงหรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่ง จะถึงเวลาที่ความรู้นั้น นำมาซึ่งประโยชน์”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธศาสนา มีคำสอนเรื่องอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เชน

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่ของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ว่าตัวเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลยให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่ง ในระดับสมมติว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมี ก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ก็ต้องตีให้แตกด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ถ้าเราเข้าถึงการตัดขาดหรือการเชื่มต่อของรุปกับนาม(อายตะภายใน กับอาตนะภายนอกได้. ดุเหมือนเราจะอยุ่ได้ด้วยความคงทนถาวรแถบไม่รุ้ถึงเรื่องราวของความเป็นจริงเลยว่า มันเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไป. เราอาจจะเคยเรียนรุ้มาบ้างว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไปและเราก็ไตร่ตรองดูเอ้อ! มันก็น่าจะยอมรับความเป็นจริงตามนั้นได้ ความจริงที่รับรุ้มานั้นมันก็เป้นความจริงอยุ่แต่มัน็เป้นความจริงแค่ขอบเขตของการรับฟัง(สุตตะ)และความจริงขั้นไตร่ตรองหาเหตุผลมารองรับ(จินตะ)ความจริงนั้นยังไม่ได้เกิดเป็นรุปธรรมจนเข้าใจในความจริงอย่างถุกต้องตามความจริงที่มันเป้นอยุ่. ความจริงนี้เรียกว่าภาวนามยปัญญา. ส่วนที่ท่านบรรยายมานั้นมันเป็นการแยกแยะตามเหตุผลของความจริงของความหมายแห่งบัญญัติที่ใช้เรียกสิ่งนั้นๆเป็นสุตตะและจินตะยังไม่ใช่การภาวนา. เป้นสิ่งที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจขาดมิได้ แตบนเส้นทางของการดับกิเลสเราจะหยุดอยุ่เพียงแค่นั้นไม่ได้. เราต้องปฎิบัติเจาะลึกลงไปภายใต้รุปนามโดยอานาปานสตินี้แหล่ะ


ธรรมชาติ มีสภาพอย่างนั้นของมันอยู่เองแล้ว ปัญหาอยู่แค่ว่า เรารู้ความเป็นอย่างนั้นของมันหรือไม่หรือยัง ถ้ายังก็คงต้องเจาะต้องไชต้องปฏิบัติต่อไป ถ้ารู้ตามที่เป็นแล้วจบเลย พอเข้าใจที่พูดมั้ย

คือถ้ายังเทียวเจาะตรงนั้น ไชตรงนี้ ดับตรงนั่น จุดตรงนี่ พล่านไป แสดงว่ากำลังปรุงแต่งความคิด เพื่อต้องการจะให้ธรรมชาติมันเป็นไปตามความต้องการของเราแล. :b32:
กรัชกายตราบใดท่านยังไม่เข้าถึงความละเอียดที่สุดท่านก็รุ้แบบเท่าที่รุ้นั้นแหล่ะ. อยุ่ช่วยพระองค์โปรดสัตว์อีกหลากัปล์เถอะ

ไม่เป็นไรเด่วคุณน้องอยู่ช่วยพี่กรัชกายอีกแรง :b32: 555 :b13:
http://www.youtube.com/watch?v=4-gLdIO5G-Q :b13:
คุณน้องฟังเพลงอมตะที่สุดเท่าที่จะเคยมี
เป็นเพลงที่ดังมากที่สุด นักร้องระดับโลกทุกคนจะต้องร้องเพลงนี้ เบซาเม มูโช (สเปน: Bésame Mucho แปลว่า "จูบฉันซิ") เป็นเพลงรักภาษาสเปน แต่งโดยคอนซูเอโล เวลาซเควซ นักแต่งเพลงชาวเม็กซิโก เมื่อปี ค.ศ. 1940 เป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ และถูกขับร้องเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษา
เวลาซเควซแต่งเพลงนี้เมื่ออายุ 24 ปี เนื่องจากเธอเกิด ค.ศ. 1916 แต่เธอมักระบุว่าเกิดในปี ค.ศ. 1924 และมีอายุเพียง 15 ปีในขณะแต่งเพลงนี้ [1] และแต่งคำร้องเพลงนี้ทั้งที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา ไม่เคยจูบชายใดมาก่อน [2]
เบซาเม มูโช ฉบับภาษาอังกฤษ แต่งคำร้องโดย ซันนี สกายลาร์ ในปี ค.ศ. 1944 [3] ถูกขับร้องโดยนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น เดอะบีตเทิลส์ แนท คิง โคล ดีน มาร์ติน แฟรงก์ ซินาตรา เอลวิส เพรสลีย์ อานเดรอา โบเชลลี

เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

ขับร้องโดย อานเดรอา โบเชลลี (Andrea Bocelli) เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 1958 เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องอิตาลี เขาเป็นทั้งนักร้องเสียงสูงโอเปร่า และแนวเพลงคลาสสิก เขามีผลงานเพลง 6 เพลงโอเปร่า ได้แก่ La Bohème, Il Trovatore, Werther, Pagliacci, Cavalleria Rusticana และ Tosca นอกจากนี้ยังมีผลงานอัลบั้มเพลงคลาสสิกและป๊อปอีกด้วย มียอดขายกว่า 55 ล้านอัลบั้มทั่วโลก อานเดรอามีปัญหาทางสายตาตั้งแต่อายุ 12 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเล่นฟุตบอล

Andrea Bocelli - Besame Mucho (2006) http://m.youtube.com/watch?v=gPRESlT4Cc ... PRESlT4Ccg

แล้วงัย
น้องkongไม่สงสัยเหรอว่าเนื้อเพลงแค่นั้นทำไมมีคนสนใจนำเพลงของเขาไปร้องกันทั่วโลก

ก็คนอื่นสนใจก็เรื่องของเขา มะใช่เรื่องของคุณน้อง เพราะคุณน้องมีขวัญใจอยู่แล้วคือคนนี้
http://www.youtube.com/watch?v=wunnBJv2WIY 555+
ความหมายมันก็ประมาณว่า* ฉันจะต้องได้เทอมาขณะที่ฉันมองเทออยู่ ฉันต้องได้เทอมาแม้ต้องใช้เวลาทั้งคืน(พนันได้เลย555+)พนันได้เลย เมื่อฉันชวนเทอ..ไป..เทอจะไม่มีทางตอบว่า"ไม่" :b13:
ฉันจะต้องได้เทอมา ต้องได้เทอมาแน่ๆมันคือความจริง ฉันจะต้องได้เทอมาชัวร์ๆไม่ต้องห่วงหรอก(พนันเลย) เอาเงินดอลล่าพนันหมดตัวเลยก็ได้(555+)เทอจะต้องเป็นของฉันเหมือนอย่างที่ฉันควรจะได้ ฉันจะคว้าเทอมาเป็นของฉัน :b32:
แล้วเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงของอเมซิ่ง
เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

คุณน้องว่าเพลงคุณน้องน่าจะเร้าใจกว่าอีก :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 12 ต.ค. 2013, 13:59, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มองชีวิตต้องมองให้ครบทั้งสองด้าน

ด้านพื้นฐานของชีวิตวางไว้คร่าวๆแล้ว ต่อไปพิณาแง่ชีวิตตามสภาพของมัน (ปรมัตถ์) :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“สังขตธรรมทั้งปวง ไม่เที่ยง สังขตธรรมทั้งปวง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา....”


ชีวิตตามสภาพของมันเอง :b1:


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ (จำแนกโดยความเป็นขันธ์ หรือกอง จำแนกแจกแจงได้หลายแนว โดยความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา) เท่านั้น ไ่ม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่า่งหากจากขันธ์ ๕ ที่ีจะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมให้ขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่า่งๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลและคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดบเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของคนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งทั้งหลายเกิดจากองค์ประกอบต่างๆ มาประชุมกันเข้า สัมพันธ์กัน เป็นไปตามเหตุปัจจัย ว่างเปล่าจากตัวตนที่เป็นแกนอันยืนยงคงตัว ปราศจากตัวการที่สร้างสรรค์บันดาล เช่น พระบาลีว่า


“อาศัยเครื่องไม้ เถาเชือก ดินฉาบ และหญ้ามุง มีช่องว่างแวดล้อม ย่อมเรียกกันว่า เป็น เรือน ฉันใด อาศัยกระดูก เส้นเอ็น เนื้อ หนัง มีช่องว่างแวดล้อม ย่อมเรียกกันว่า รูป (เป็นตัวคน) ฉันนั้น”

มารถามพระวชิราภิกษุณีว่า

“สัตว์นี้ (ตัวบุคคลนี้) ใครสร้าง ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน สัตว์เกิดที่ไหน สัตว์ดับที่ไหน?”

พระวชิราภิกษุณีตอบว่า

“นี่แน่ะมาร ท่านเชื่อหรือว่าเป็นสัตว์ (เป็นตัวบุคคล) ท่านมีความเห็นอย่างนั้นหรือ ? นี่คือกองแห่งสังขารล้วนๆ จะหาตัวสัตว์ในนี้ไม่ได้เลยเพราะประชุมส่วนประกอบเข้าด้วยกัน ย่อมมีศัพท์ เรียกว่า รถ ฉันใด เมื่อขันธ์ (กองแห่งรูปธรรม และนามธรรม) ทั้งหลาย มีอยู่ก็มีสมมติเรียกว่า สัตว์ ฉันนั้น แท้จริงทุกข์ (สภาพไม่คงตัว) เท่านั้น เกิดมี และทุกข์ ก็ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไป นอจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ”

พระเสลาภิกษุณีตอบว่า

“ร่างนี้ ไม่มีใครสร้าง ตัวนี้ไม่มีใครบันดาล อาศัยเหตุมันก็เกิดมี เพราะเหตุสลายมันก็ดับ เม็ดพืชอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เขาหว่านในนา อาศัยรสในแผ่นดิน และยางในเม็ดพืชทั้งสองอย่างนี้ ก็ย่อมงอกงามขึ้นได้ ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ประดาขันธ์ธาตุทั้งหลาย และอายตนะทั้ง ๖เหล่านี้ อาศัยเหตุย่อมเกิดมี เพราะเหตุสลาย ก็ย่อมดับไป”



พระสูตรมากมาย แสดงแต่เรื่องนามรูป หรือนามธรรมและรูปธรรม ไม่กล่าวถึงสัตว์หรือบุคคลเลย

(ดู วิสุทธิ.3/214-5)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พี่โฮว่าไง จ้องตาเขม็งเขียร์ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครก็ตามคิดมองธรรมะพ้นไปจากสังขารหรือชีวิตนี้ ก็โบ๋เบ๋ๆๆๆ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 14:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ถ้าเราเข้าถึงการตัดขาดหรือการเชื่มต่อของรุปกับนาม(อายตะภายใน กับอาตนะภายนอกได้. ดุเหมือนเราจะอยุ่ได้ด้วยความคงทนถาวรแถบไม่รุ้ถึงเรื่องราวของความเป็นจริงเลยว่า มันเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไป. เราอาจจะเคยเรียนรุ้มาบ้างว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไปและเราก็ไตร่ตรองดูเอ้อ! มันก็น่าจะยอมรับความเป็นจริงตามนั้นได้ ความจริงที่รับรุ้มานั้นมันก็เป้นความจริงอยุ่แต่มัน็เป้นความจริงแค่ขอบเขตของการรับฟัง(สุตตะ)และความจริงขั้นไตร่ตรองหาเหตุผลมารองรับ(จินตะ)ความจริงนั้นยังไม่ได้เกิดเป็นรุปธรรมจนเข้าใจในความจริงอย่างถุกต้องตามความจริงที่มันเป้นอยุ่. ความจริงนี้เรียกว่าภาวนามยปัญญา. ส่วนที่ท่านบรรยายมานั้นมันเป็นการแยกแยะตามเหตุผลของความจริงของความหมายแห่งบัญญัติที่ใช้เรียกสิ่งนั้นๆเป็นสุตตะและจินตะยังไม่ใช่การภาวนา. เป้นสิ่งที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจขาดมิได้ แตบนเส้นทางของการดับกิเลสเราจะหยุดอยุ่เพียงแค่นั้นไม่ได้. เราต้องปฎิบัติเจาะลึกลงไปภายใต้รุปนามโดยอานาปานสตินี้แหล่ะ


ธรรมชาติ มีสภาพอย่างนั้นของมันอยู่เองแล้ว ปัญหาอยู่แค่ว่า เรารู้ความเป็นอย่างนั้นของมันหรือไม่หรือยัง ถ้ายังก็คงต้องเจาะต้องไชต้องปฏิบัติต่อไป ถ้ารู้ตามที่เป็นแล้วจบเลย พอเข้าใจที่พูดมั้ย

คือถ้ายังเทียวเจาะตรงนั้น ไชตรงนี้ ดับตรงนั่น จุดตรงนี่ พล่านไป แสดงว่ากำลังปรุงแต่งความคิด เพื่อต้องการจะให้ธรรมชาติมันเป็นไปตามความต้องการของเราแล. :b32:
กรัชกายตราบใดท่านยังไม่เข้าถึงความละเอียดที่สุดท่านก็รุ้แบบเท่าที่รุ้นั้นแหล่ะ. อยุ่ช่วยพระองค์โปรดสัตว์อีกหลากัปล์เถอะ

ไม่เป็นไรเด่วคุณน้องอยู่ช่วยพี่กรัชกายอีกแรง :b32: 555 :b13:
http://www.youtube.com/watch?v=4-gLdIO5G-Q :b13:
คุณน้องฟังเพลงอมตะที่สุดเท่าที่จะเคยมี
เป็นเพลงที่ดังมากที่สุด นักร้องระดับโลกทุกคนจะต้องร้องเพลงนี้ เบซาเม มูโช (สเปน: Bésame Mucho แปลว่า "จูบฉันซิ") เป็นเพลงรักภาษาสเปน แต่งโดยคอนซูเอโล เวลาซเควซ นักแต่งเพลงชาวเม็กซิโก เมื่อปี ค.ศ. 1940 เป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ และถูกขับร้องเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษา
เวลาซเควซแต่งเพลงนี้เมื่ออายุ 24 ปี เนื่องจากเธอเกิด ค.ศ. 1916 แต่เธอมักระบุว่าเกิดในปี ค.ศ. 1924 และมีอายุเพียง 15 ปีในขณะแต่งเพลงนี้ [1] และแต่งคำร้องเพลงนี้ทั้งที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา ไม่เคยจูบชายใดมาก่อน [2]
เบซาเม มูโช ฉบับภาษาอังกฤษ แต่งคำร้องโดย ซันนี สกายลาร์ ในปี ค.ศ. 1944 [3] ถูกขับร้องโดยนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น เดอะบีตเทิลส์ แนท คิง โคล ดีน มาร์ติน แฟรงก์ ซินาตรา เอลวิส เพรสลีย์ อานเดรอา โบเชลลี

เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

ขับร้องโดย อานเดรอา โบเชลลี (Andrea Bocelli) เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 1958 เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องอิตาลี เขาเป็นทั้งนักร้องเสียงสูงโอเปร่า และแนวเพลงคลาสสิก เขามีผลงานเพลง 6 เพลงโอเปร่า ได้แก่ La Bohème, Il Trovatore, Werther, Pagliacci, Cavalleria Rusticana และ Tosca นอกจากนี้ยังมีผลงานอัลบั้มเพลงคลาสสิกและป๊อปอีกด้วย มียอดขายกว่า 55 ล้านอัลบั้มทั่วโลก อานเดรอามีปัญหาทางสายตาตั้งแต่อายุ 12 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเล่นฟุตบอล

Andrea Bocelli - Besame Mucho (2006) http://m.youtube.com/watch?v=gPRESlT4Cc ... PRESlT4Ccg

แล้วงัย
น้องkongไม่สงสัยเหรอว่าเนื้อเพลงแค่นั้นทำไมมีคนสนใจนำเพลงของเขาไปร้องกันทั่วโลก

ก็คนอื่นสนใจก็เรื่องของเขา มะใช่เรื่องของคุณน้อง เพราะคุณน้องมีขวัญใจอยู่แล้วคือคนนี้
http://www.youtube.com/watch?v=wunnBJv2WIY 555+
ความหมายมันก็ประมาณว่า* ฉันจะต้องได้เทอมาขณะที่ฉันมองเทออยู่ ฉันต้องได้เทอมาแม้ต้องใช้เวลาทั้งคืน(พนันได้เลย555+)พนันได้เลย เมื่อฉันชวนเทอ..ไป..เทอจะไม่มีทางตอบว่า"ไม่" :b13:
ฉันจะต้องได้เทอมา ต้องได้เทอมาแน่ๆมันคือความจริง ฉันจะต้องได้เทอมาชัวร์ๆไม่ต้องห่วงหรอก(พนันเลย) เอาเงินดอลล่าพนันหมดตัวเลยก็ได้(555+)เทอจะต้องเป็นของฉันเหมือนอย่างที่ฉันควรจะได้ ฉันจะคว้าเทอมาเป็นของฉัน :b32:
แล้วเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงของอเมซิ่ง
เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

คุณน้องว่าเพลงคุณน้องน่าจะเร้าใจกว่าอีก :b32: :b32:

ความเร้าร้อนนั้นแมสซิ่งยอมแพ้ครับ. แต่ความโรแมนติกนั้นแมสซิ่งไมยอมแน่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ถ้าเราเข้าถึงการตัดขาดหรือการเชื่มต่อของรุปกับนาม(อายตะภายใน กับอาตนะภายนอกได้. ดุเหมือนเราจะอยุ่ได้ด้วยความคงทนถาวรแถบไม่รุ้ถึงเรื่องราวของความเป็นจริงเลยว่า มันเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไป. เราอาจจะเคยเรียนรุ้มาบ้างว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไปและเราก็ไตร่ตรองดูเอ้อ! มันก็น่าจะยอมรับความเป็นจริงตามนั้นได้ ความจริงที่รับรุ้มานั้นมันก็เป้นความจริงอยุ่แต่มัน็เป้นความจริงแค่ขอบเขตของการรับฟัง(สุตตะ)และความจริงขั้นไตร่ตรองหาเหตุผลมารองรับ(จินตะ)ความจริงนั้นยังไม่ได้เกิดเป็นรุปธรรมจนเข้าใจในความจริงอย่างถุกต้องตามความจริงที่มันเป้นอยุ่. ความจริงนี้เรียกว่าภาวนามยปัญญา. ส่วนที่ท่านบรรยายมานั้นมันเป็นการแยกแยะตามเหตุผลของความจริงของความหมายแห่งบัญญัติที่ใช้เรียกสิ่งนั้นๆเป็นสุตตะและจินตะยังไม่ใช่การภาวนา. เป้นสิ่งที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจขาดมิได้ แตบนเส้นทางของการดับกิเลสเราจะหยุดอยุ่เพียงแค่นั้นไม่ได้. เราต้องปฎิบัติเจาะลึกลงไปภายใต้รุปนามโดยอานาปานสตินี้แหล่ะ


ธรรมชาติ มีสภาพอย่างนั้นของมันอยู่เองแล้ว ปัญหาอยู่แค่ว่า เรารู้ความเป็นอย่างนั้นของมันหรือไม่หรือยัง ถ้ายังก็คงต้องเจาะต้องไชต้องปฏิบัติต่อไป ถ้ารู้ตามที่เป็นแล้วจบเลย พอเข้าใจที่พูดมั้ย

คือถ้ายังเทียวเจาะตรงนั้น ไชตรงนี้ ดับตรงนั่น จุดตรงนี่ พล่านไป แสดงว่ากำลังปรุงแต่งความคิด เพื่อต้องการจะให้ธรรมชาติมันเป็นไปตามความต้องการของเราแล. :b32:
กรัชกายตราบใดท่านยังไม่เข้าถึงความละเอียดที่สุดท่านก็รุ้แบบเท่าที่รุ้นั้นแหล่ะ. อยุ่ช่วยพระองค์โปรดสัตว์อีกหลากัปล์เถอะ

ไม่เป็นไรเด่วคุณน้องอยู่ช่วยพี่กรัชกายอีกแรง :b32: 555 :b13:
http://www.youtube.com/watch?v=4-gLdIO5G-Q :b13:
คุณน้องฟังเพลงอมตะที่สุดเท่าที่จะเคยมี
เป็นเพลงที่ดังมากที่สุด นักร้องระดับโลกทุกคนจะต้องร้องเพลงนี้ เบซาเม มูโช (สเปน: Bésame Mucho แปลว่า "จูบฉันซิ") เป็นเพลงรักภาษาสเปน แต่งโดยคอนซูเอโล เวลาซเควซ นักแต่งเพลงชาวเม็กซิโก เมื่อปี ค.ศ. 1940 เป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ และถูกขับร้องเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษา
เวลาซเควซแต่งเพลงนี้เมื่ออายุ 24 ปี เนื่องจากเธอเกิด ค.ศ. 1916 แต่เธอมักระบุว่าเกิดในปี ค.ศ. 1924 และมีอายุเพียง 15 ปีในขณะแต่งเพลงนี้ [1] และแต่งคำร้องเพลงนี้ทั้งที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา ไม่เคยจูบชายใดมาก่อน [2]
เบซาเม มูโช ฉบับภาษาอังกฤษ แต่งคำร้องโดย ซันนี สกายลาร์ ในปี ค.ศ. 1944 [3] ถูกขับร้องโดยนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น เดอะบีตเทิลส์ แนท คิง โคล ดีน มาร์ติน แฟรงก์ ซินาตรา เอลวิส เพรสลีย์ อานเดรอา โบเชลลี

เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

ขับร้องโดย อานเดรอา โบเชลลี (Andrea Bocelli) เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 1958 เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องอิตาลี เขาเป็นทั้งนักร้องเสียงสูงโอเปร่า และแนวเพลงคลาสสิก เขามีผลงานเพลง 6 เพลงโอเปร่า ได้แก่ La Bohème, Il Trovatore, Werther, Pagliacci, Cavalleria Rusticana และ Tosca นอกจากนี้ยังมีผลงานอัลบั้มเพลงคลาสสิกและป๊อปอีกด้วย มียอดขายกว่า 55 ล้านอัลบั้มทั่วโลก อานเดรอามีปัญหาทางสายตาตั้งแต่อายุ 12 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเล่นฟุตบอล

Andrea Bocelli - Besame Mucho (2006) http://m.youtube.com/watch?v=gPRESlT4Cc ... PRESlT4Ccg

แล้วงัย
น้องkongไม่สงสัยเหรอว่าเนื้อเพลงแค่นั้นทำไมมีคนสนใจนำเพลงของเขาไปร้องกันทั่วโลก

ก็คนอื่นสนใจก็เรื่องของเขา มะใช่เรื่องของคุณน้อง เพราะคุณน้องมีขวัญใจอยู่แล้วคือคนนี้
http://www.youtube.com/watch?v=wunnBJv2WIY 555+
ความหมายมันก็ประมาณว่า* ฉันจะต้องได้เทอมาขณะที่ฉันมองเทออยู่ ฉันต้องได้เทอมาแม้ต้องใช้เวลาทั้งคืน(พนันได้เลย555+)พนันได้เลย เมื่อฉันชวนเทอ..ไป..เทอจะไม่มีทางตอบว่า"ไม่" :b13:
ฉันจะต้องได้เทอมา ต้องได้เทอมาแน่ๆมันคือความจริง ฉันจะต้องได้เทอมาชัวร์ๆไม่ต้องห่วงหรอก(พนันเลย) เอาเงินดอลล่าพนันหมดตัวเลยก็ได้(555+)เทอจะต้องเป็นของฉันเหมือนอย่างที่ฉันควรจะได้ ฉันจะคว้าเทอมาเป็นของฉัน :b32:
แล้วเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงของอเมซิ่ง
เถิดบรรจงจุมพิตอีกนิดหน่อย
ก่อนค่ำคืนเคลื่อนคล้อยค่อยเลือนหาย
จุมพิตเธอที่รักฝากทักทาย
หวั่นเสียเธอแทบตายวุ่นวายใจ
ตามองตาแล้วกอดออดอ้อนซึ้ง
ความคิดถึงผูกพันให้หวั่นไหว
หากวันพรุ่งพลัดพรากจากเธอไกล
ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น

คุณน้องว่าเพลงคุณน้องน่าจะเร้าใจกว่าอีก :b32: :b32:

ความเร้าร้อนนั้นแมสซิ่งยอมแพ้ครับ. แต่ความโรแมนติกนั้นแมสซิ่งไมยอมแน่

เพลงคุณน้องโคตรจะโรแมนติคและไม่ปรุงแต่งฟุ้งซ่านเหมือนเพลงอเมซิ่ง หากวันพรุ่งนี้พลัดพรากจากเทอไกล ฉันคงไร้ความหมายตายทั้งเป็น เหอๆ :b14:
เพลงคุณน้องมันหมายถึง อย่าวิ่งหนีความรัก เพราะความรักมันคือความมีสีสันของชีวิต คือความสนุกสนาน ไม่จำเป็นจะต้องอยู่คนเดียว ถ้าเจอใครซักคนที่กำลังตามหาอยู่ :b13: *ฉันจะต้องได้เทอมาขณะที่ฉันมองเทออยู่ ฉันต้องได้เทอมาแม้ต้องใช้เวลาทั้งคืน(พนันได้เลย555+)พนันได้เลย เมื่อฉันชวนเทอ..ไป..เทอจะไม่มีทางตอบว่า"ไม่" :b13:
ฉันจะต้องได้เทอมา ต้องได้เทอมาแน่ๆมันคือความจริง ฉันจะต้องได้เทอมาชัวร์ๆไม่ต้องห่วงหรอก(พนันเลย) เอาเงินดอลล่าพนันหมดตัวเลยก็ได้(555+)เทอจะต้องเป็นของฉันเหมือนอย่างที่ฉันควรจะได้ ฉันจะคว้าเทอมาเป็นของฉัน :b32:
ช่วงเริ่มต้นเพลงบอกว่า ไม่ใช่แค่ต้องการแค่ช่วงสุดสัปดาร์ ไม่ใช่ต้องการแค่คืนนี้ ฉันสนหากฉันได้เทอมาตลอดชีวิต อาจจะดูจริงจังแต่ฉันพุดจริงนะ เพราะเทอเหมือนของล้ำค่าและฉันต้องขอที่ดินซักหน่อย(วางแผนจะแต่งงานเลยทีเดียว :b32: :b32: )


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 12 ต.ค. 2013, 14:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 129 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร