วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เพราะอะไร..มันถึงไม่ชอบ?
ไม่สวย

:b10: :b10: ความไม่สวย...ทำอเมสซิ้ง..โกรธ..หรือ?

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ดับ ดับเงียบฉี่ หรือจะจริงอย่าง amazing ว่า ถึงเงียบหายไป ไม่เกิดอีก :b1:


กรัชการคิดยังไงล่ะ


เปล่าพูดเฉยๆ :b1: ก็เห็นสนทนากับ กบ...อยู่ แล้วเงียบ (ดับ) ไป ก็คิดว่า เอ๊ะ...ดับหายไปไหนแล้ว หรือว่า ดับแล้วหาบัญญัติไม่มีไม่ไ้ด้แล้ว เหมือนไฟสิ้นเชื้อดับไปฉะนั้น กรัชกายจึงรำพึงกับตนเอง

แต่ก็เอ๊ะ...ยังอยู่ใกล้ๆนี่เอง ยังยังไม่ดับ :b32:


ยังยังฉันไม่ตาย http://www.youtube.com/watch?v=HPcfE7o0K5Q

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 08:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
amazing เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เพราะอะไร..มันถึงไม่ชอบ?
ไม่สวย

:b10: :b10: ความไม่สวย...ทำอเมสซิ้ง..โกรธ..หรือ?

s006
โกรธสิ. บอกให้เลือกคนสวยๆมาให้มันดันเลือกขี้เหร่มาให้ อิิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอโศกหายไปไหนหรือว่าดับไปอีกคนแล้วครับ คิกๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


พูดทำนองนี้ บ่งถึงการเข้าใจธรรมะ้ด้านเดียวแง่มุมเดียว คือ ยังมองธรรมะด้านเป็นแค่คน ยังติดแค่ด้านสมมติด้านเีดียว ไม่ทะลุคนไปถึงด้านสภาวธรรมในคน พอเจ้าใจมั้ยขอรับ :b1:


พูดภาษาง่ายๆเถอะกัดกาย จินตนาการไปก็วกวน ทำให้มากเจริญให้มาก อนาปานสติกรรมฐานนะกัดกาย


ครับผม ทำให้มากเจริญมาก คิกๆๆ

คงอีกนาน :b1:
นานแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะเราเป็นสาวกภูมิ ท่านสั่งไว้ทำให้มากเจริญให้มาก



จำต้องรู้ด้วยว่า (สิ่งที่เราจะทำน่ะ) อะไร, ทำยังไง, ทำไปเพื่ออะไร คือรู้ต้นสายปลายเหตุรู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่จะทำ เออ...ถ้ายังงี้ล่ะก็ ก็พอพูดไ้้ด้มั่งว่าทำให้มากเจริญให้มากไ้ด้

แต่ถ้าไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ที่มาที่ไป ว่าอะไร เป็นอะไร ทำยังไง ที่ทำทำไปเพื่ออะไร แต่ก็เชื่อว่าเจริญให้มากทำให้มาก ...สุดท้ายผลจะเป็นยังไง :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 19:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


พูดทำนองนี้ บ่งถึงการเข้าใจธรรมะ้ด้านเดียวแง่มุมเดียว คือ ยังมองธรรมะด้านเป็นแค่คน ยังติดแค่ด้านสมมติด้านเีดียว ไม่ทะลุคนไปถึงด้านสภาวธรรมในคน พอเจ้าใจมั้ยขอรับ :b1:


พูดภาษาง่ายๆเถอะกัดกาย จินตนาการไปก็วกวน ทำให้มากเจริญให้มาก อนาปานสติกรรมฐานนะกัดกาย


ครับผม ทำให้มากเจริญมาก คิกๆๆ

คงอีกนาน :b1:
นานแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะเราเป็นสาวกภูมิ ท่านสั่งไว้ทำให้มากเจริญให้มาก



จำต้องรู้ด้วยว่า (สิ่งที่เราจะทำน่ะ) อะไร, ทำยังไง, ทำไปเพื่ออะไร คือรู้ต้นสายปลายเหตุรู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่จะทำ เออ...ถ้ายังงี้ล่ะก็ ก็พอพูดไ้้ด้มั่งว่าทำให้มากเจริญให้มากไ้ด้

แต่ถ้าไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ที่มาที่ไป ว่าอะไร เป็นอะไร ทำยังไง ที่ทำทำไปเพื่ออะไร แต่ก็เชื่อว่าเจริญให้มากทำให้มาก ...สุดท้ายผลจะเป็นยังไง :b10: :b14:

จร้า. กรัชกายทำป่าว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 04:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2_resize.gif
buddha2_resize.gif [ 37.14 KiB | เปิดดู 2986 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกหายไปไหนหรือว่าดับไปอีกคนแล้วครับ คิกๆ :b32:

:b8:
สวัสดี คุณกรัชกาย คุณ Amazing และกัลยาณมิตรทุกท่าน
tongue
ผมหายไปนิดหนึ่งเพราะการเดินทางและงานชำระสะสางภาระภายนอก
พอมีช่องว่างได้นั่งชำระขยะภายในนิดหน่อย ก็จึงมีโอกาสได้มายังลานธรรมจักร ดูข่าวคราวของมิตรสหายและท่านผู้อาวุโส คงแก่เรียน คล่องแคล่วในการปฏิบัติทั้งหลาย
s006
มาเห็นกระทู้ธรรมโต้วาทะแกมกระเซ้าเย้าแหย่ของคุณAmazingซึ่งมีคุณกรัชกายเป็นตัวแสดงหลักอยู่ในฉากตอนนี้ ก็เห็นว่ายังไม่หนีจากเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เลยมาหามุมมองให้ได้พิจารณากันอีกมุมหนึ่ง ลองสังเกตดูกันนะครับ
:b4:
"สัพเพสังขาราอนิจจา....สัพเพสังขาราทุกขา.... สัพเพธัมมาอนัตตา"
เวลาพูดถึงเรื่องของไตรลักษณ์ ควรพูดอย่างนี้ จึงจะตรงกับพุทธวัจจนะและหมดข้อถกเถียงสงสัย

:b41:
สิ่งที่จะมาชี้วัดสภาวธรรมของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเรื่องของไตรลักษณ์นั้น ต้องเอาคำอธิบายแจกแจงของท่านพระพุทธโกศาจารย์ มหาบัณฑิตแห่งเมืองศรีลังกา มาประกอบ เพราะท่านเป็นผู้พูดถึงไตรลักษณ์ และอธิบายละเอียดมากในการเห็นไตรลักษณ์ ตามลำดับแห่งลำดับแห่งความหยาบ ละเอียดของจิตและสติปัญญาที่จะรู้เห็นถึง โดยเรียกลำดับแห่งปัญญาที่เข้าไปรู้เห็นธรรมนี้ว่า "ญาณ16"
:b38:
:b37:
ญาณ 16 แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

ระดับที่ 1 อนิจจะวิปัสสนา .....ปัญญาเห็นธรรมละเอียดขั้นต้น มีอยู่ 5 ญาณคือ

1.นามรูปปริเฉทญาณ.....ปัญญาเห็นการแยกตัวออกจากกัน ของนาม ผู้รู้ กับ รูป สิ่งที่ถูกรู้
วิปัสสนาปัญญาจะเจริญขึ้นไปไม่ได้ ถ้าการทำภาวนานั้นยังไม่สามารถแยกรูปแยกนามออกจากกันเพราะการพิจาราณาธรรมโดยละเอียดไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ อุปมาเหมือนแว่นตาที่สวมติดอยู่ที่ตา ผู้เจริญการพิจารณาไม่สามารถเห็นรายละเอียดของแว่นตาอันนั้นได้ฉันนั้น

2.สมสณญาณ......ปัญญาเห็นความสงบและแยกตัวชัดของ รูป นาม

3.ปัจจัยยะปริคหญาณ.....ปัญญาเห็น ปัจจัย ที่ทำให้ รูป นามเกิดขึ้น

4.อุทัพยะญาณ....ปัญญาเห็นความเกิด - ดับ ของรูปนามอย่างชัดเจน

5.ภังคะญาณ....ปัญญาเห็นรูป - นาม มีแต่ดับไปๆ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร

ระดับที่ 2 ทุกขะวิปัสสนา ปัญญาเห็นทุกขัง..ความทนตั้งอยู่ไม่ได้ของสภาวธรรมทั้งปวง

6.ภัยยะญาณ.....ปัญญาเห็นภัยในทุกข์

7.อาทีนวญาณ....ปัญญาเห็นทุกข์เป็นสิ่งที่น่ากลัว ไม่น่าเอา ไม่น่ายินดี

8.นิพพาทาญาณ....ปัญญาเห็นความเบื่อหน่ายในทุกข์ สังขาร วัฏฏะสงสาร ความเวียนว่ายตายเกิด จิตไม่อาลัยใยดีในอัตตา ตัวตน สังขาร ร่างกาย

ระดับที่ 3 อนัตตะวิปัสสนา ปัญญา

9.มุญจิตุกัมมะญตาญาณ....ปัญญาเห็นความดิ้นรนของสติปัญญา...ไม่ใช่อัตตา...ที่จะพ้นไปเสียให้ได้จากทุกข์ วัฏฏะสงสารความเวียนว่ายตายเกิดของจิดดวงนี้

10.ปฏิสังขาญาณ..... ปัญญาพิจารณาทบทวน ย้อนกลับ หาทางออก จนสรุปตนเองลงได้ว่ามีทางเส้นเดียวเท่านั้น คือทางสายวิปัสสนาภาวนา หรือการเจริญมรรค 8 ตามวิชาของพระพุทธเจ้านี้เท่านั้นจึงจะพาตัวพาใจ พาสังขารก้อนนี้ไปสู่ความสิ้นสุดแห่งกรรม ทำลายเหตุทุกข์ได้ ไปถึงความสิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด(นิโรธ นิพพาน)

11.สังขารุเปกขาญาณ......ปัญญาเห็นความหยุดการคิดนึกปรุงแต่งไปชั่วคราว เป็นสุขอย่างยิ่งเบื้องต้น เรียกว่านิพพานหลอกก็ใช่ เป็นหน้าประตูทางเข้าสู่พระนิพพาน จิตเป็นอนัตตาเกือบเต็มร้อย

12.อนุโลมญาณ.....ปัญญาเห็นโพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการมารวมกันเป็นหนึ่ง แหลมคม ชี้ตรงสู่พระนิพพานเพียง 1 เดียว ตรงนี้เรียกธัมมะสมังคี....มัคคะสมังคี...ก็เรียก....เอโกธัมมโม ก็เรียก

13.โคตรภูญาณ......ปัญญารู้ว่าจักข้ามโคตรจากปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนผู้พ้นโลกย์

14.มรรคญาณ.....ปัญญาเห็น มรรคครั้งแรก ซึ่งหมายถึง โสดาปัตติมรรคญาณ เกิดขึ้นมาตัดทำลาย ความเห็นผิด คือ สักายะทิฏฐิ ดับขาด ตายขาดไปจากใจ หมดสิ้นไปจากกมลสันดาน ไม่หวนคืนกลับมาเกิดได้อีก

15.ผลญาณ.....จิตดวงนี้ได้เข้าไปถึง เข้าไปเสวยนิโรธหรือ นิพพาน 2 - 3 ขณะจิตแล้วดับลง (เป็นการตายก่อนตายครั้งแรก)

16.ปัจจะเวกขณะญาณ......ปัญญาพิจารณาทบทวนย้อนกลับ ว่า นี่มีอะไรเกิดขึ้นกับจิตดวงนี้ ถึงตอนนี้ ปฏิจจะสมุปบาท จะชัดเจน แจ่มแจ้งขึ้นมาในจิตอย่างสมบูรณ์ คุณของพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ประจักษ์แจ้งชัดเจนที่สุด จนยากจะหยุดน้ำตาแห่งความปีติยินดีในพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณได้

วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย รู้ไม่จริง รู้และเชื่อนอกคำสอนพระบรมศาดา จะดับขาดทำลายสิ้นไปตอนนี้

ความอาจหาญในธรรม ความเด็ดเดี่ยวในศีล 5 จะเกิดขึ้นอย่างถาวร ในตอนนี้

หลังจากนั้น ปีติ ปัสสัทธิจะเกิดขึ้นมาส่งให้จิตดวงนี้เข้าสู่สังขารุเปกขาญาณ พุ่งขึ้นไปเสวยพระนิพพานและวิมุตติสุข อีกครั้งหนึ่งหรือหลายๆครั้ง แล้วแต่กำลังปัญญา สมาธิ วาสนา บารมีที่สร้างสมมาของแต่ละคน
บางคนก็ชั่วแมลงปอโฉบวางไข่ในน้ำ ....บางคนก็หลายนาที บางคนก็หลายชั่วโมง

:b8:
:b27:
ธรรมะบรรยาย ขยายความเรื่องของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามนัยแห่งญาณ 16 ของมหาบัณฑิตแห่งเมืองศรีลังกา ก็ยุติลง คงไว้เพียงเท่านี้
:b8:
onion
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงได้พบกัลยาณมิตรแห่งพระพุทธศาสนา พาเข้าสู่มรรคาแห่งพุทธะ ชำระ กายใจได้หมดจด ปลดภพชาติ ขาดสะบั้น เสร็จกิจ หมดงาน กันตั้งแต่ปัจจุบันชาตินี้ไปให้เยอะๆเทอญ....สาธุ
:b20:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 07:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

จร้า. กรัชกายทำป่าว


กรัชกายจะไม่บอกว่าทำอะไรยังไง นอกจากจำเป็น ถึงจำเป็นก็ยังต้องดูผู้ถามด้วยว่า เขาทำอะไรยังไงมา จะพูดเลอะเทอะประกาศไปทั่ว :b1: เพราะอะไร เพราะรู้อยู่ว่า กรรมฐานแต่ละอย่างส่งถึงไหน เขาอยู่ช่วงไหน เดินทางถูกมั้ยหรือผิด มีองค์ประกอบมากมายครับ มิใช่เอะอะ ก็อานาปาน อานาปานอานาปานอานาปาน คิกๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกหายไปไหนหรือว่าดับไปอีกคนแล้วครับ คิกๆ :b32:

:b8:
สวัสดี คุณกรัชกาย คุณ Amazing และกัลยาณมิตรทุกท่าน
tongue
ผมหายไปนิดหนึ่งเพราะการเดินทางและงานชำระสะสางภาระภายนอก
พอมีช่องว่างได้นั่งชำระขยะภายในนิดหน่อย ก็จึงมีโอกาสได้มายังลานธรรมจักร ดูข่าวคราวของมิตรสหายและท่านผู้อาวุโส คงแก่เรียน คล่องแคล่วในการปฏิบัติทั้งหลาย
s006
มาเห็นกระทู้ธรรมโต้วาทะแกมกระเซ้าเย้าแหย่ของคุณAmazingซึ่งมีคุณกรัชกายเป็นตัวแสดงหลักอยู่ในฉากตอนนี้ ก็เห็นว่ายังไม่หนีจากเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เลยมาหามุมมองให้ได้พิจารณากันอีกมุมหนึ่ง ลองสังเกตดูกันนะครับ
:b4:
"สัพเพสังขาราอนิจจา....สัพเพสังขาราทุกขา.... สัพเพธัมมาอนัตตา"
เวลาพูดถึงเรื่องของไตรลักษณ์ ควรพูดอย่างนี้ จึงจะตรงกับพุทธวัจจนะและหมดข้อถกเถียงสงสัย

:b41:
สิ่งที่จะมาชี้วัดสภาวธรรมของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเรื่องของไตรลักษณ์นั้น ต้องเอาคำอธิบายแจกแจงของท่านพระพุทธโกศาจารย์ มหาบัณฑิตแห่งเมืองศรีลังกา มาประกอบ เพราะท่านเป็นผู้พูดถึงไตรลักษณ์ และอธิบายละเอียดมากในการเห็นไตรลักษณ์ ตามลำดับแห่งลำดับแห่งความหยาบ ละเอียดของจิตและสติปัญญาที่จะรู้เห็นถึง โดยเรียกลำดับแห่งปัญญาที่เข้าไปรู้เห็นธรรมนี้ว่า "ญาณ16"
:b38:
:b37:
ญาณ 16 แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

ระดับที่ 1 อนิจจะวิปัสสนา .....ปัญญาเห็นธรรมละเอียดขั้นต้น มีอยู่ 5 ญาณคือ

1.นามรูปปริเฉทญาณ.....ปัญญาเห็นการแยกตัวออกจากกัน ของนาม ผู้รู้ กับ รูป สิ่งที่ถูกรู้
วิปัสสนาปัญญาจะเจริญขึ้นไปไม่ได้ ถ้าการทำภาวนานั้นยังไม่สามารถแยกรูปแยกนามออกจากกันเพราะการพิจาราณาธรรมโดยละเอียดไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ อุปมาเหมือนแว่นตาที่สวมติดอยู่ที่ตา ผู้เจริญการพิจารณาไม่สามารถเห็นรายละเอียดของแว่นตาอันนั้นได้ฉันนั้น

2.สมสณญาณ......ปัญญาเห็นความสงบและแยกตัวชัดของ รูป นาม

3.ปัจจัยยะปริคหญาณ.....ปัญญาเห็น ปัจจัย ที่ทำให้ รูป นามเกิดขึ้น

4.อุทัพยะญาณ....ปัญญาเห็นความเกิด - ดับ ของรูปนามอย่างชัดเจน

5.ภังคะญาณ....ปัญญาเห็นรูป - นาม มีแต่ดับไปๆ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร

ระดับที่ 2 ทุกขะวิปัสสนา ปัญญาเห็นทุกขัง..ความทนตั้งอยู่ไม่ได้ของสภาวธรรมทั้งปวง

6.ภัยยะญาณ.....ปัญญาเห็นภัยในทุกข์

7.อาทีนวญาณ....ปัญญาเห็นทุกข์เป็นสิ่งที่น่ากลัว ไม่น่าเอา ไม่น่ายินดี

8.นิพพาทาญาณ....ปัญญาเห็นความเบื่อหน่ายในทุกข์ สังขาร วัฏฏะสงสาร ความเวียนว่ายตายเกิด จิตไม่อาลัยใยดีในอัตตา ตัวตน สังขาร ร่างกาย

ระดับที่ 3 อนัตตะวิปัสสนา ปัญญา

9.มุญจิตุกัมมะญตาญาณ....ปัญญาเห็นความดิ้นรนของสติปัญญา...ไม่ใช่อัตตา...ที่จะพ้นไปเสียให้ได้จากทุกข์ วัฏฏะสงสารความเวียนว่ายตายเกิดของจิดดวงนี้

10.ปฏิสังขาญาณ..... ปัญญาพิจารณาทบทวน ย้อนกลับ หาทางออก จนสรุปตนเองลงได้ว่ามีทางเส้นเดียวเท่านั้น คือทางสายวิปัสสนาภาวนา หรือการเจริญมรรค 8 ตามวิชาของพระพุทธเจ้านี้เท่านั้นจึงจะพาตัวพาใจ พาสังขารก้อนนี้ไปสู่ความสิ้นสุดแห่งกรรม ทำลายเหตุทุกข์ได้ ไปถึงความสิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด(นิโรธ นิพพาน)

11.สังขารุเปกขาญาณ......ปัญญาเห็นความหยุดการคิดนึกปรุงแต่งไปชั่วคราว เป็นสุขอย่างยิ่งเบื้องต้น เรียกว่านิพพานหลอกก็ใช่ เป็นหน้าประตูทางเข้าสู่พระนิพพาน จิตเป็นอนัตตาเกือบเต็มร้อย

12.อนุโลมญาณ.....ปัญญาเห็นโพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการมารวมกันเป็นหนึ่ง แหลมคม ชี้ตรงสู่พระนิพพานเพียง 1 เดียว ตรงนี้เรียกธัมมะสมังคี....มัคคะสมังคี...ก็เรียก....เอโกธัมมโม ก็เรียก

13.โคตรภูญาณ......ปัญญารู้ว่าจักข้ามโคตรจากปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนผู้พ้นโลกย์

14.มรรคญาณ.....ปัญญาเห็น มรรคครั้งแรก ซึ่งหมายถึง โสดาปัตติมรรคญาณ เกิดขึ้นมาตัดทำลาย ความเห็นผิด คือ สักายะทิฏฐิ ดับขาด ตายขาดไปจากใจ หมดสิ้นไปจากกมลสันดาน ไม่หวนคืนกลับมาเกิดได้อีก

15.ผลญาณ.....จิตดวงนี้ได้เข้าไปถึง เข้าไปเสวยนิโรธหรือ นิพพาน 2 - 3 ขณะจิตแล้วดับลง (เป็นการตายก่อนตายครั้งแรก)

16.ปัจจะเวกขณะญาณ......ปัญญาพิจารณาทบทวนย้อนกลับ ว่า นี่มีอะไรเกิดขึ้นกับจิตดวงนี้ ถึงตอนนี้ ปฏิจจะสมุปบาท จะชัดเจน แจ่มแจ้งขึ้นมาในจิตอย่างสมบูรณ์ คุณของพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ประจักษ์แจ้งชัดเจนที่สุด จนยากจะหยุดน้ำตาแห่งความปีติยินดีในพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณได้

วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย รู้ไม่จริง รู้และเชื่อนอกคำสอนพระบรมศาดา จะดับขาดทำลายสิ้นไปตอนนี้

ความอาจหาญในธรรม ความเด็ดเดี่ยวในศีล 5 จะเกิดขึ้นอย่างถาวร ในตอนนี้

หลังจากนั้น ปีติ ปัสสัทธิจะเกิดขึ้นมาส่งให้จิตดวงนี้เข้าสู่สังขารุเปกขาญาณ พุ่งขึ้นไปเสวยพระนิพพานและวิมุตติสุข อีกครั้งหนึ่งหรือหลายๆครั้ง แล้วแต่กำลังปัญญา สมาธิ วาสนา บารมีที่สร้างสมมาของแต่ละคน
บางคนก็ชั่วแมลงปอโฉบวางไข่ในน้ำ ....บางคนก็หลายนาที บางคนก็หลายชั่วโมง

:b8:
:b27:
ธรรมะบรรยาย ขยายความเรื่องของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามนัยแห่งญาณ 16 ของมหาบัณฑิตแห่งเมืองศรีลังกา ก็ยุติลง คงไว้เพียงเท่านี้
:b8:
onion
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงได้พบกัลยาณมิตรแห่งพระพุทธศาสนา พาเข้าสู่มรรคาแห่งพุทธะ ชำระ กายใจได้หมดจด ปลดภพชาติ ขาดสะบั้น เสร็จกิจ หมดงาน กันตั้งแต่ปัจจุบันชาตินี้ไปให้เยอะๆเทอญ....สาธุ
:b20:



ถ้าจะเปรียบที่คุณอโศกยกมากล่าว ก็เหมือนกับคนซื้อบ้านจัดสรร ที่เขาทำเสร็จแล้ว ผู้ซื้อขนของเข้าไปอยู่ไ้ด้เลย แต่วิธีสร้างบ้านแต่ละช่วงแต่ละตอนทำยังไงกันบ้าง ผู้ซื้อไม่รู้ ฉันใด คุณอโศกก็ฉันนั้น :b1: คือไม่มีวิธีขั้นตอนในการปฏิบัติในการทำทำยังไง พูดเล่าไปเรื่อย ครือๆ ยังเป็นธรรมะจีบสาวอยู่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 18:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกหายไปไหนหรือว่าดับไปอีกคนแล้วครับ คิกๆ :b32:

:b8:
สวัสดี คุณกรัชกาย คุณ Amazing และกัลยาณมิตรทุกท่าน
tongue
ผมหายไปนิดหนึ่งเพราะการเดินทางและงานชำระสะสางภาระภายนอก
พอมีช่องว่างได้นั่งชำระขยะภายในนิดหน่อย ก็จึงมีโอกาสได้มายังลานธรรมจักร ดูข่าวคราวของมิตรสหายและท่านผู้อาวุโส คงแก่เรียน คล่องแคล่วในการปฏิบัติทั้งหลาย
s006
มาเห็นกระทู้ธรรมโต้วาทะแกมกระเซ้าเย้าแหย่ของคุณAmazingซึ่งมีคุณกรัชกายเป็นตัวแสดงหลักอยู่ในฉากตอนนี้ ก็เห็นว่ายังไม่หนีจากเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เลยมาหามุมมองให้ได้พิจารณากันอีกมุมหนึ่ง ลองสังเกตดูกันนะครับ
:b4:
"สัพเพสังขาราอนิจจา....สัพเพสังขาราทุกขา.... สัพเพธัมมาอนัตตา"
เวลาพูดถึงเรื่องของไตรลักษณ์ ควรพูดอย่างนี้ จึงจะตรงกับพุทธวัจจนะและหมดข้อถกเถียงสงสัย

:b41:
สิ่งที่จะมาชี้วัดสภาวธรรมของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเรื่องของไตรลักษณ์นั้น ต้องเอาคำอธิบายแจกแจงของท่านพระพุทธโกศาจารย์ มหาบัณฑิตแห่งเมืองศรีลังกา มาประกอบ เพราะท่านเป็นผู้พูดถึงไตรลักษณ์ และอธิบายละเอียดมากในการเห็นไตรลักษณ์ ตามลำดับแห่งลำดับแห่งความหยาบ ละเอียดของจิตและสติปัญญาที่จะรู้เห็นถึง โดยเรียกลำดับแห่งปัญญาที่เข้าไปรู้เห็นธรรมนี้ว่า "ญาณ16"
:b38:
:b37:
ญาณ 16 แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

ระดับที่ 1 อนิจจะวิปัสสนา .....ปัญญาเห็นธรรมละเอียดขั้นต้น มีอยู่ 5 ญาณคือ

1.นามรูปปริเฉทญาณ.....ปัญญาเห็นการแยกตัวออกจากกัน ของนาม ผู้รู้ กับ รูป สิ่งที่ถูกรู้
วิปัสสนาปัญญาจะเจริญขึ้นไปไม่ได้ ถ้าการทำภาวนานั้นยังไม่สามารถแยกรูปแยกนามออกจากกันเพราะการพิจาราณาธรรมโดยละเอียดไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ อุปมาเหมือนแว่นตาที่สวมติดอยู่ที่ตา ผู้เจริญการพิจารณาไม่สามารถเห็นรายละเอียดของแว่นตาอันนั้นได้ฉันนั้น

2.สมสณญาณ......ปัญญาเห็นความสงบและแยกตัวชัดของ รูป นาม

3.ปัจจัยยะปริคหญาณ.....ปัญญาเห็น ปัจจัย ที่ทำให้ รูป นามเกิดขึ้น

4.อุทัพยะญาณ....ปัญญาเห็นความเกิด - ดับ ของรูปนามอย่างชัดเจน

5.ภังคะญาณ....ปัญญาเห็นรูป - นาม มีแต่ดับไปๆ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร

ระดับที่ 2 ทุกขะวิปัสสนา ปัญญาเห็นทุกขัง..ความทนตั้งอยู่ไม่ได้ของสภาวธรรมทั้งปวง

6.ภัยยะญาณ.....ปัญญาเห็นภัยในทุกข์

7.อาทีนวญาณ....ปัญญาเห็นทุกข์เป็นสิ่งที่น่ากลัว ไม่น่าเอา ไม่น่ายินดี

8.นิพพาทาญาณ....ปัญญาเห็นความเบื่อหน่ายในทุกข์ สังขาร วัฏฏะสงสาร ความเวียนว่ายตายเกิด จิตไม่อาลัยใยดีในอัตตา ตัวตน สังขาร ร่างกาย

ระดับที่ 3 อนัตตะวิปัสสนา ปัญญา

9.มุญจิตุกัมมะญตาญาณ....ปัญญาเห็นความดิ้นรนของสติปัญญา...ไม่ใช่อัตตา...ที่จะพ้นไปเสียให้ได้จากทุกข์ วัฏฏะสงสารความเวียนว่ายตายเกิดของจิดดวงนี้

10.ปฏิสังขาญาณ..... ปัญญาพิจารณาทบทวน ย้อนกลับ หาทางออก จนสรุปตนเองลงได้ว่ามีทางเส้นเดียวเท่านั้น คือทางสายวิปัสสนาภาวนา หรือการเจริญมรรค 8 ตามวิชาของพระพุทธเจ้านี้เท่านั้นจึงจะพาตัวพาใจ พาสังขารก้อนนี้ไปสู่ความสิ้นสุดแห่งกรรม ทำลายเหตุทุกข์ได้ ไปถึงความสิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด(นิโรธ นิพพาน)

11.สังขารุเปกขาญาณ......ปัญญาเห็นความหยุดการคิดนึกปรุงแต่งไปชั่วคราว เป็นสุขอย่างยิ่งเบื้องต้น เรียกว่านิพพานหลอกก็ใช่ เป็นหน้าประตูทางเข้าสู่พระนิพพาน จิตเป็นอนัตตาเกือบเต็มร้อย

12.อนุโลมญาณ.....ปัญญาเห็นโพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการมารวมกันเป็นหนึ่ง แหลมคม ชี้ตรงสู่พระนิพพานเพียง 1 เดียว ตรงนี้เรียกธัมมะสมังคี....มัคคะสมังคี...ก็เรียก....เอโกธัมมโม ก็เรียก

13.โคตรภูญาณ......ปัญญารู้ว่าจักข้ามโคตรจากปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนผู้พ้นโลกย์

14.มรรคญาณ.....ปัญญาเห็น มรรคครั้งแรก ซึ่งหมายถึง โสดาปัตติมรรคญาณ เกิดขึ้นมาตัดทำลาย ความเห็นผิด คือ สักายะทิฏฐิ ดับขาด ตายขาดไปจากใจ หมดสิ้นไปจากกมลสันดาน ไม่หวนคืนกลับมาเกิดได้อีก

15.ผลญาณ.....จิตดวงนี้ได้เข้าไปถึง เข้าไปเสวยนิโรธหรือ นิพพาน 2 - 3 ขณะจิตแล้วดับลง (เป็นการตายก่อนตายครั้งแรก)

16.ปัจจะเวกขณะญาณ......ปัญญาพิจารณาทบทวนย้อนกลับ ว่า นี่มีอะไรเกิดขึ้นกับจิตดวงนี้ ถึงตอนนี้ ปฏิจจะสมุปบาท จะชัดเจน แจ่มแจ้งขึ้นมาในจิตอย่างสมบูรณ์ คุณของพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ประจักษ์แจ้งชัดเจนที่สุด จนยากจะหยุดน้ำตาแห่งความปีติยินดีในพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณได้

วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย รู้ไม่จริง รู้และเชื่อนอกคำสอนพระบรมศาดา จะดับขาดทำลายสิ้นไปตอนนี้

ความอาจหาญในธรรม ความเด็ดเดี่ยวในศีล 5 จะเกิดขึ้นอย่างถาวร ในตอนนี้

หลังจากนั้น ปีติ ปัสสัทธิจะเกิดขึ้นมาส่งให้จิตดวงนี้เข้าสู่สังขารุเปกขาญาณ พุ่งขึ้นไปเสวยพระนิพพานและวิมุตติสุข อีกครั้งหนึ่งหรือหลายๆครั้ง แล้วแต่กำลังปัญญา สมาธิ วาสนา บารมีที่สร้างสมมาของแต่ละคน
บางคนก็ชั่วแมลงปอโฉบวางไข่ในน้ำ ....บางคนก็หลายนาที บางคนก็หลายชั่วโมง

:b8:
:b27:
ธรรมะบรรยาย ขยายความเรื่องของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามนัยแห่งญาณ 16 ของมหาบัณฑิตแห่งเมืองศรีลังกา ก็ยุติลง คงไว้เพียงเท่านี้
:b8:
onion
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงได้พบกัลยาณมิตรแห่งพระพุทธศาสนา พาเข้าสู่มรรคาแห่งพุทธะ ชำระ กายใจได้หมดจด ปลดภพชาติ ขาดสะบั้น เสร็จกิจ หมดงาน กันตั้งแต่ปัจจุบันชาตินี้ไปให้เยอะๆเทอญ....สาธุ
:b20:



ถ้าจะเปรียบที่คุณอโศกยกมากล่าว ก็เหมือนกับคนซื้อบ้านจัดสรร ที่เขาทำเสร็จแล้ว ผู้ซื้อขนของเข้าไปอยู่ไ้ด้เลย แต่วิธีสร้างบ้านแต่ละช่วงแต่ละตอนทำยังไงกันบ้าง ผู้ซื้อไม่รู้ ฉันใด คุณอโศกก็ฉันนั้น :b1: คือไม่มีวิธีขั้นตอนในการปฏิบัติในการทำทำยังไง พูดเล่าไปเรื่อย ครือๆ ยังเป็นธรรมะจีบสาวอยู่ :b1:

s004
น่าสงสารกรัชกาย ที่มองไม่เห็น ค้นไม่เจอ จับใจความไม่เป็น ว่ามีการสอนวิธีปฏิบัติแท :b16: รกอยู่เสมอๆตลอดมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:



น่าสงสารกรัชกาย ที่มองไม่เห็น ค้นไม่เจอ จับใจความไม่เป็น ว่ามีการสอนวิธีปฏิบัติแทรกอยู่เสมอๆตลอดมา


ตรงไหนอ่ะ จับแยกออกมาดูสิขอรับ :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2013, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอโศกหายไหนขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2013, 09:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




W3_resize.BMP
W3_resize.BMP [ 85.55 KiB | เปิดดู 2873 ครั้ง ]
:b8:
เทคนิคปฏิบัติธรรม ตอบเป็นกลอนและร่ายให้ กรัชกายพิจารณา

หรือหากว่าอยากจะได้แบบจูงมือไปเป็นขั้นๆแบบเด็กอนุบาลก็ต้องขอมาและอดใจคอยหน่อยก็แล้วกันนะครับ

onion
โฉลกธรรม
เพราะไม่รู้ จึงอยู่เช่น วัวควาย
กิน ขี้ สี่ นอน ไป เท่านี้
โกรธ โลภ หลง เต็มกาย ทั่วถ้วน
วนว่ายวัฏฏ์สุดลี้ ตราบชั่ว กัปกัลป์
จนกุศลส่งได้ เป็นคน
พบพุทธธรรมช่วยดล จิตให้
พลิกรู้สัจจ์ในตน จบแจ้ง
จึ่งจักอาจพ้นได้ ข่ายทุกข์ สงสาร


จงดูอริยสัจจ ๔ พิจรณ์ให้ดีอย่าข้าม เพียรสอบถามผู้รู้ ทางออกสู่เสรี มีอยู่แล้วในตน อย่าวกวนบัญญัติ อย่าผูกมัดสิ่งใด จงเป็นไทยทุกเมื่อ เชื่อคำพระชินวร คำสอนท่านสุดง่าย เฝ้ารู้กายและจิต อย่างพินิจ พิจารณา ณ เพลาปัจจุ จักรู้ลุทั่วตัว ความเมามัวจักหาย หลักใหญ่คืออัตตา อย่าให้มาเข้าร่วม ทิ้งความเห็นเป็นตน กมลมั่นกับธรรม ที่เกิดตามยถา ซึ่งบัญชาไม่ได้ ไร้ศัพท์ใดบัญญัติ จึ่งจักอาจเห็นจริง ตัดทิ้งซึ่งตัวข้า โคนเหง้าแห่งอวิชชา ขาดสิ้น สู่มรรค ผล นิพพาน
:b27:
อโศกะ ๒๕๔๓
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2013, 09:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ... :b8: :b8:
เพราะดี....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2013, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังยังเป็น "ธรรมะจีบสาว" :b1:

ที่่ร่ายกลอนมา ก็คล้ายๆ เพลงนี้

http://www.youtube.com/watch?v=rFpTiUW0rzY

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron